ตอนที่ 5
ยาปลุกกำหนัด บรรยากาศในวันเยี่ยมบ้านเจ้าสาว เรียกว่าแช่มชื่นผิดหูผิดตา ยังชวนหายใจคล่องกว่าในวันแต่งงานของทั้งคู่ด้วยซ้ำ อาหารค่ำที่จัดเตรียมไว้รอคู่รักยังใหม่ก็หรูหราอลังการสมฐานะของเจ้าเมือง มองแต่ละจานก็รู้ว่าทำจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด ราคาแพงที่สุด “มาๆ วันนี้ข้าให้คนครัวเตรียมอาหารอย่างเหลาเลยเชียว” และไม่ต้องกังวลเรื่องพิษในอาหาร เพราะเจ้าเมืองเป็นคนคีบนั่นคีบนี่กินก่อนแขกเสียอีก ลู่จุนเฟิงเองใช่ไม่รู้ว่าลูกเขยต้องนึกระแวงสงสัยแน่ เช่นนั้นก็แสร้งทำตัวไม่มีมารยาทไปเสียให้แขกไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน “ขอบคุณท่านพ่อตา ความจริงข้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ไม่น่าต้องสิ้นเปลืองเลย” “ข้าจะกล้าไม่ต้อนรับเจ้าให้ดีได้อย่างไร” พ่อตายังทำท่าถ่อมตนเกินความจำเป็นในสายตาสวี่ห่าวซวน... แต่ช่างเถิด วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อจับผิดใครสักหน่อย แค่ร่วมกินข้าวตามธรรมเนียม พรุ่งนี้ยามฟ้าสางก็อำลาแล้ว “จะว่าไป ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคอสุรา ดวงร้อยจอกพันจอกไม่มีล้มจริงหรือ” พ่อตาเปิดประเด็นเรื่องสุรา สวี่ห่าวซวนตัวแข็งเกร็งวูบหนึ่ง แต่ยังเก็บอาการเผยยิ้มมั่นใจออกไป “ท่านพ่อตากล่าวหนักไป ข้ามิได้คอทองแดงถึงเพียงนั้น” “โบราณว่าบัณฑิตตัวจริงไม่โอ้อวดตำรา ผู้มีวรยุทธ์ไม่ประลองฝีมือไปทั่ว คำนี้ไม่อาจไม่เชื่อ” จอกชาในมือชายวัยกลางคนหมุนไปมาเหมือนผู้ถือกำลังครุ่นคิดเรื่องสนุก “ดวลกับข้าสักหน่อยจะเป็นไร” “มิกล้า..สุราดื่มมากไปไม่ดีต่อสุขภาพ” “อะไรกัน เจ้าเห็นว่าข้าแก่แล้วสินะ อย่าอ้างเรื่องเป็นห่วงอะไรเลย” พ่อตากล่าวกลั้วหัวเราะ เช่นนี้สวี่ห่าวซวนคงไม่รับไว้ไม่ได้ “เช่นนั้นขอท่านพ่อตาได้โปรดออมมือด้วย” “คำนั้นข้าต้องพูดกับเจ้ามากกว่ากระมัง” บทสนทนาจบด้วยเสียงหัวเราะนับว่าดี บิดาลู่เจียวจูกวักมือเรียกบ่าวรับใช้ “เอาเข้ามาๆ” สุราชั้นดีมีหลายกา รินลงจอกพวกเขาสองคนไม่พอ ยังรินให้นางด้วยอีกคน “ท่านพ่อให้ข้าดื่มได้หรือเจ้าคะ” นางทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจ บิดากลับสั่นหัวเอ็นดู “อะไรกัน เมื่อก่อนเจ้านั่งดื่มเป็นเพื่อนข้าออกบ่อย วันนี้เกรงใจสามีเจ้าถึงขนาดไม่กล้ายกจอกเลยเชียวหรือ” จริงอยู่ที่เขาฝึกให้บุตรสาวดื่มสุราจนเคย แต่นางไม่คิดว่าจะให้ร่วมดวลด้วยเท่านั้น “เช่นนั้นข้าไม่ขอเกรงใจนะเจ้าคะ” ลู่เจียวจูเปิดฉากการดวลโดยเริ่มนับหนึ่งที่จอกของนาง หลังจากนั้น...การดวลจบลงเมื่อใดไม่มีใครทราบ เช่นเดียวกัน จบลงที่จอกที่เท่าไรนั้น.. ไร้ซึ่งคนนับ “อ่า...” เป็นสวี่ห่าวซวนคำรามเมื่อวางจอกแล้วรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด ปกติเขาเป็นคนคอทองแดงสมคำร่ำลือ แต่หนนี้ไม่ทราบสุราที่พ่อตาเตรียมมาเป็นของเถื่อนจากที่ดึงได้รสชาติร้อนแรงสะท้านลิ้นถึงเพียงนี้ “ยอมแพ้ข้าหรือไม่..สวี่ห่าวซวน” ลู่จุนเฟิงเองก็หน้าแดงก่ำพูดจายานคางแล้ว สวี่ห่าวซวนคิดว่าเช่นนี้ต่อไปคงได้ล้มพับหมดสภาพกันหมดแน่จึงจำต้องยอมคารวะเขา “ข้าเลื่อมใสท่านพ่อ ไม่อาจสู้ท่านได้จริงๆ” “เฮอะ! เจ้าทำเป็นพูด...แท้จริงยังไม่เมาล่ะสิ” พ่อตาชี้ห้นาเขามีรอยยิ้มกว้างจนตาปิด รอยตีนกาเต็มขมับ “ลูกข้า เจ้าดูสามีเจ้า ทำอวดดีกับข้าสิ” “อวด..อะไรนะท่านพ่อ” หันไปมองพบว่าคนที่ดูไม่ได้สติที่สุด เห็นจะเป็นผู้เริ่มเปิดศึกอย่างกล้าหาญ ลู่เจียวจูแทบจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอยู่แล้ว ลู่จุนเฟิงก็ต้องสั่นหัวให้พลางถอนหายใจ ก่อนหันไปหาสวี่ห่าวซวน “เจ้าพาลูกข้าไปนอนได้แล้วไป” “เช่นนั้นข้าขอลา” สวี่ห่าวซวนลุกขึ้นแบบแอบเซเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราไม่ต่างจากลู่เจียวจู พ่อตาก็ทำเพียงปัดมือไล่อย่างไม่เหลือเชิงของเจ้าเมือง เมื่อสามีภรรยาพยุงกันเดินออกไปแล้ว ชายวัยกลางคนผู้นั้นเองก็กลับเรือนนอนของตนเช่นกัน ไม่ลืมหันไปถามพ่อบ้านใหญ่ “สาวงามที่ข้าให้เตรียม พร้อมแล้วหรือไม่” “พร้อมแล้วขอรับ” พ่อบ้านใหญ่ตอบกระชับ เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดี” ดี..เพราะค่ำคืนนี้เขาจำต้องใช้สาวงามเพื่อระบายความใคร่ ซึ่งความใคร่นี้เกิดจากฤทธิ์น้ำจันณฑ์ผสมยาปลุกกำหนัด.. ทางฝั่งคู่สามีภรรยา เมื่อประตูห้องรับรองปิดลงแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่ากายรุ้นรุ่มเกินระงับ เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ปกปิดกายอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ “อืม..คืนนี้ข้าจะนอนเตียงนะ” เสียงของหญิงสาวเคล้าในกระแสลมฟังราวกับกำลังยั่วยวน ชายหนุ่มเองก็ไม่มีสติพอจะยั้งใจยั้งมือ เดินมาคว้าร่างนางไว้ “ข้าก็..จะนอนเตียง” “เช่นนั้น ไยไม่นอนด้วยกันเสีย” “เจ้าเชิญชวนข้า?” “ข้าเพียงทำตัวเป็น...เขาเรียกอะไรนะ” นางนึกอยู่ครู่หนึ่ง แววตาปรือปรอยมองสามีก่อนมีรอยยิ้มหยันอันเย้ายวนส่งให้ “ศรีภรรยาของท่าน” “ศรีภรรยาหรือ...” ฟังคำนี้แล้สวี่ห่าวซวนหัวเราะออกมา เป็นเสียงชวนหนาวอย่างที่เขามักจะมีเสมอ “เจ้าไม่รู้กระมัง..ว่าศรีภรรยาที่ดีต้องทำตัวอย่างไร” “ทำไมจะไม่รู้” ลู่เจียวจูไม่มีทางยอมแพ้สามี นางขยับเข้ามาจ้องหน้าเขาในระยะประชิด เรียกว่าหายใจรดกันเลยทีเดียว “ข้าน่ะเป็นศรีภรรยาที่ดีได้แน่ หากไม่แต่งให้ท่านละก็” “น่าเสียดายที่เจ้าแต่งให้ข้าแล้ว เช่นนั้นก็ต้องกลายเป็นศรีภรรยาของข้าแต่เพียงผู้เดียว” วาจานั้นกล่าวจบ ด้วยความโมโหหรือหมั่นไส้ก็ไม่ทราบ ส่งให้สวี่ห่าวซวนก้มลงมาประทับจูบบนริมฝีปากลู่เจียวจูอย่างดูดดื่ม ยังส่งลิ้นเข้าไปตักตวงรสชาติสุราที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยในโพรงปากหวานฉ่ำอีกด้วย มือไม้พวกเขาอยู่สุขไม่ได้แล้ว ยิ่งเมื่อต่างฝ่ายต่างสวมแต่เสื้อผ้าตัวในก็ยิ่งง่ายต่อการถอด จนสุดท้าย..ไม่มีสิ่งใดปกปิดเรือนกายทั้งคู่อีก ฝ่ามือสากด้านของสวี่ห่าวซวนดูท่าจะไวกว่านิดหน่อย เมื่อสองเต้าอวบอิ่มปรากฏสู่สายตาเป็นคราแรก เขาก็ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณบุรุษได้อีกต่อไป เข้ากอบกุมขยำส่วนนั้นไว้อย่างมันมือ “อ๊ะ! ข้าเจ็บนะ” “อดทนเอาสิ เจ้าเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” เขากระซิบเย้า ไม่มีทางที่จะปล่อยมือจากความนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัสง่ายๆ แน่ จนเมื่อพอใจนั่นแหละ เขาถึงเปลี่ยนเป็นลูบคลำเรือนร่างนาง ก่อนอุ้มขึ้นเตียงให้นอนอยู่ใต้ร่างของเขา “ท่าน..จะทำสิ่งใด” “ถามทำไม ไหนเจ้าว่ารู้เรื่องการเป็นศรีภรรยาอยู่แล้ว” นั่นสินะ...ไม่น่าถามเลยจริงๆ ----------------------- จะทำสิ่งใดกันรือเจ้าคะ ตัวข้า และนักอ่านขออนุญาตแอบใต้เตียงรอดูนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ😂ตอนที่ 6ศรีภรรยาจูบอันร้อนแรงไม่ได้หยุดที่ริมฝีปากเมื่อสวี่ห่าวซวนเริ่มไล้ริมฝีปากและเรียวลิ้นระเรื่อยไปบนซอกคอ หัวไหล่ลาดมน จนถึงเนินอกอิ่มที่มือเขากอบกุมขยำเล่นอยู่เมื่อครู่ยิ่งดูดดึงขบกัดก็ยิ่งครางเสียงทุ้มต่ำออกมา อย่างกับเขาพอใจยอดอกเต่งตึงอวบอิ่มนี้ยิ่งนัก จนนางอดหยอกไม่ได้“ท่านชอบมากหรือ”“อืม..ชอบ..”ในยามที่เมามายไร้สติ สวี่ห่าวซวนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน จากเดิมที่ออกจะปาแข็งกลับกลายเป็นยอมรับด้านที่หื่นกามกระหายใคร่เช่นนี้ง่ายดาย“อืม..ข้าก็ชอบเหมือนกัน ทำแรงๆ สิ”ลู่เจียวจูเองก็ไม่ต่างกัน..จากที่ปากแข็งปากร้ายก็ลืมไปจนหมดสิ้นดั่งค่ำคืนนี้ สัญชาตญาณดิบของทั้งคู่เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือทิฐิทั้งปวงมือสากไล่ไต่ไปบนผิวเนื้อเนียนขาว เข้าขยำตรงนั้นตรงนี้ เฉกเช่นที่มือนุ่มของหญิงสาวไล้ไปบนแผ่นหลังของผู้เป็นสามี จิกกรงเล็บระบายควงามเสียวซ่านลากเป็นทางยาวให้เขาสูดปากเบาๆ“เมียข้า..เจ้าชอบความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”“คงไม่ได้ชอบน้อยไปกว่าท่านหรอกกระมัง”ถึงเป็นยามที่ไร้สติอย่างนี้ทั้งคู่ก็ยังต่อปากต่อคำกันได้อย่างไม่มีใครยอมใคร คงเพราะการโต้ตอบกับอีกฝ่ายอย่างเจ้บแสบมันฝังอยู่ในกระ
ตอนที่ 7เมียหนีชานเมืองจงเหนียน มีคฤหาสน์ของคหบดีผู้มีอันจะกินหลังหนึ่งซึ่งวันนี้บรรยากาศอันเงียบสงบได้ถูกทำลายลงเมื่อมีแขกมาเยือน“เฉินเฉิน! เฉินเฉิน!”เสียงตะโกนเรียกนามคนผู้ซึ่งบังเอิญเดินออกมาหน้าบ้านพอดี เป็นพ่อค้าเจ้าของบ้านนามอี้เฉิน สหายของลู่เจียวจูชายหนุ่มหน้าขาวใสมองตามเสียงเรียกอันคุ้นเคย รอยยิ้มเผยกว้างทีเดียวก่อนเขาวิ่งมาหยุดตรงหน้าเหมือนเมื่อสมัยเด็ก “เจียวจู”ยามเมื่อนางลงจากหลังม้า อี้เฉินก็ยิ่งดูตื่นเต้น ความดีใจและความคิดถึงเกลื่อนใบหน้าไปหมด“ข้าคิดถึงเจ้า เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน”เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ต้อนรับนางด้วยรอยยิ้มจริงใจเช่นนี้ ลู่เจียวจูเองไม่ใช่ไม่คิดถึงบรรยากาศสบายใจยามอยู่ใกล้อี้เฉิน“ข้าก็คิดถึงเจ้าเฉินเฉิน”นางยังเรียกชื่อเล่นของเขาอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อน ฟังเช่นนั้นชายหนุ่มยิ่งน้ำตาคลอหน่วย “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาก่อน ข้าจะให้คนครัวเตรียมข้าวเช้าให้”“เจ้ายังรู้ใจข้าเหมือนเดิม”อี้เฉินเป็นเพื่อนสมัยเด็กเพียงคนเดียวของลู่เจียวจู เป็นบุรุษเพียงคนเดียวในชีวิตที่นางมองว่าในตัวเขาเต็มไปด้วยข้อดี นิสัยอ่อนโยน ท่าทางสุภาพ ไม่เคยไม่ให้เกียรติผู้อื่น ยังเ
ตอนที่ 8ฉากสำคัญที่คฤหาสน์พ่อค้าแถบชานเมืองตะวันออกนั้น ลู่เจียวจูนั่งร่ำสุราเมามาย ข้างกันมีอี้เฉินที่คอยประคองคอยปรามนางเมื่อเริ่มจะดื่มมากไป“เจียวจู เจ้าดื่มมากเช่นนี้ คงเพราะมีเรื่องกลุ้มใจสินะ”เขาเป็นเพื่อนนางมาตั้งสิบปี เรื่องอะไรจะดูไม่ออกว่าสตรีผู้นี้กำลังกลัดกลุ้ม ถึงได้ใช่น้ำจัณฑ์เป็นที่ระบายเช่นนี้“อืม..ถูกอย่างเจ้าว่า”ลู่เจียวจูวางจอกที่กระดกพรวดเดียวหมดเมื่อครู่ลง ดวงหน้างามแดงก่ำคลุ้งกลิ่นชวนเมา มีรอยยิ้มขื่นส่งให้อี้เฉิน“ข้ากับสามี..ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร”อา..เช่นนี้เองการแต่งงานของลู่เจียวจูกับสวี่ห่าวซวนยิ่งใหญ่เอิกเกริกถึงเพียงนั้น อี้เฉินเองถึงบ้านอยู่ชานเมือง ยังติดธุระสำคัญทำให้ไปร่วมงานไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่จะไม่รู้ข่าวคราวอะไรเลยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้น ...พอลองคิดดูย่อมไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องเสียสละ“ข้าเข้าใจเจ้านะ ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เจ้าย่อมปรับตัวยากเป็นธรรมดา นอกจากเรื่องการใช้ชีวิตแล้วเจ้ายังต้อง
ตอนที่ 9สงบปากสงบคำเมียลู่เจียวจูที่ถูกดึงข้อมืออย่างแรงจนเริ่มขึ้นสีช้ำก็ไม่ได้ดูมีทีท่าจะยอมแพ้สวี่ห่าวซวน ยังว่าเสียงเข้ม“ข้าจะอยู่กับสหายของข้า มีแต่เฉินเฉินที่เข้าใจข้า”เฉินเฉิน? ... นี่ถึงกับกล้าเรียกชื่อเล่นมันต่อหน้าข้า!?ฟังแล้วสวี่ห่าวซวนเดือดสุดทน เขามองนางสลับกับอี้เฉินอย่างคาดโทษ“เจ้ามอมเหล้าเมียข้า?”“ข้าไม่ได้ไร้คุณธรรมถึงเพียงนั้น ลู่เจียวจูเพียงสบายใจที่จะนั่งร่ำสุราอยู่กับข้าเหมือนสมัยก่อนเท่านั้น ท่านอย่าได้พูดกล่าวหาเกินจริง”เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เรื่องนี้เขารู้มาจากปากบ่าวชราที่คอกม้าก่อนออกจากจวนเจ้าเมืองแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะสนิทสนมกันถึงขั้นที่สตรีผู้นี้ไว้เนื้อเชื่อใจ ยอมปล่อยตัวให้โดนจับต้องตรงไหนก็ได้“เช่นนั้นก็จงรู้ไว้ว่าจากนี้ไปภรรยาข้าจะไม่มานั่งร่ำสุราในบ้านเจ้าอีก เพราะนางต้องอยู่กับข้าผู้เป็นสามี”ตอกย้ำอีกฝ่ายด้วยสถานะที่ชัดเจนแล้ว สวี่ห่าวซวนไม่รีรอ อุ้มหญิงสาวร่างเล็กขึ้นพาดบ่าทันที ก่อนหันไปสั่งกององครักษ์ด้านหลั
ตอนที่ 10กักบริเวณเหตุการณ์ในรถม้าทำให้ตอนตื่นขึ้นมาอีกวันลู่เจียวจูถึงกับไม่กล้าออกจากห้องนอนเลยข้าไม่มีหน้าแม้แต่จะออกไปเจอใครด้วยซ้ำ!!เพราะนิสัยนักเลงสุราของตัวเอง พอเมาแล้วนางก็ชอบพูดนู่นพูดนี่ จนไปยั่วโทสะสวี่ห่าวซวนเข้าแต่จะโทษตัวเองคนเดียวก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม สวี่ห่าวซวนเองก็ผิดที่ไม่รู้จักอดทน ไม่ให้อภัยภรรยา ยังหน้าด้านหน้าทนไร้คุณธรรม ข่มเหงคนไร้สติบนรถม้าตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองจงเหนียนมาจนถึงหน้าจวนในแคว้นโจวหนานอีกใช่แล้ว เขาน่ะผิดมากกว่าข้าเสียอีก แล้วในเมื่อเช้านี้ตัวเขากล้าทำหน้าตายออกไปทำงานได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา แล้วข้าจะต้องสนใจอะไร!?ลู่เจียวจูกล่าวเช่นนั้นแล้วลุกจากเตียง เตรียมจะเปิดประตูห้องออกไปข้งนอกแต่ก็ช่างน่าเสียดายที่ไม่อาจทำตามใจคิด เมื่อนางต้องเผชิญหน้ากับกองทัพองครักษ์นับสิบ“นี่พวกเจ้า..ทำไมมาอยู่หน้าห้องข้า?”“ขออภัยหากทำให้ฮูหยินอึดอัดไม่สบายใจ แต่พวกข้ารับคำสั่งจากท่านแม่ทัพให้มาเฝ้าคุ้มกันท่านขอรับ”เ
ตอนที่ 11กำราบเมียดื้อค่ำนั้นสวี่ห่าวซวนกลับมา ก่อนจะได้ก้าวขาเข้าเรือนชั้นในก็ยืนฟังคำรายงานจากองครักษ์ก่อนเป็นอย่างที่เขาคิดว่าภรรยาตัวดีจะต้องหาทางหนีออกจากบ้านอกหลังตื่นขึ้นมา“เจ้าว่า..นางพยายามหนีทางหลังคา?”“ขอรับ ฮูหยินโชคร้ายดันพลัดตกลงมาด้วยขอรับ”ฟังเท่านี้หน้าสวี่ห่าวซวนเครียดตวัดหางตาจ้องเขม็ง องครักษ์นายนั้นก็รีบกล่าวรายงานต่อ “แต่ยังพอโชคดีอยู่บ้างที่พวกข้าอยู่แถวนั้น เลยช่วยไว้ได้ทันก่อนที่ร่างฮูหยินจะตกถึงพื้นขอรับ ตอนนี้นางไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่กลัวจนสลบไปเท่านั้น”เช่นนี้ก็ค่อยให้สวี่ห่าวซวนผ่อนลมหายใจได้หน่อย อย่างน้อยก็ยังดีกว่ากลับมาพบว่าภรรยาระดูกหักหรือหัวกระแทกพื้นจนฟั่นเฟือนไป“เจ้าไปได้แล้ว”“ขอรับ”หลังปัดมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ สวี่ห่าวซวนชำระกายเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยเข้าไปดูลู่เจียวจูข้างในนางยังคงนอนไม่รู้เรื่องอยู่บนเตีนง นั่นทำให้เขาต้องถอนหายใจหนักๆ อีกเฮือก“เจ้านี่นะ”สามีส่ายหน้าให้คนยังไม่รู้เรื่อง แน่ล่ะ... ขื
ตอนที่ 12หนีเมียไปรบการใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกันของทั้งคู่นับจากนั้นไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมากนัก แม้การประชันฝีปากจะยังเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ทว่าก็ไม่ได้บ่อยหรือรุนแรงจนถึงขั้นบ้านแตกเหมือนวันแรกๆคงเพราะเมื่อเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายมากขึ้นแล้วก็กลายเป็นเริ่มคิดก่อนกระทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น รวมถึงยอมประนีประนอมมากขึ้นด้วย“น้องหญิง อากาศเริ่มเย็นแล้ว สวมเสื้อผ้าให้หนาขึ้นหน่อย”ยามเย็นหลังกลับจากฐานทัพฝั่งตะวันตก สวี่ห่าวซวนกล่าวเตือนเมื่อเห็นลู่เจียวจูยังสวมเสื้อผ้าของฤดูร้อน ทั้งที่ตอนนี้เริ่มจะล่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว“ทราบแล้วท่านพี่ ขอบคุณที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ”รับคำแล้วนางก็เดินไปหาเสื้อคลุมมาห่มกายเพิ่มความอบอุ่นขึ้นอีกชั้นสรรพนามที่ทั้งคู่เรียกกันเปลี่ยนไปเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายมากขึ้น เรียกว่าการสวมบทสามีภรรยาเริ่มแนบเนียนขึ้นเรื่อยๆ จนดูคล้ายกับว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่แต่งงานกด้วยความสมัครใจจริง หาใช่แต่งภายใต้ข้อตกลงทางการเมืองไม่“ท่านพี่ ที่ทำงานวันนี้เป็นอย่างไรเจ้าคะ”
ตอนที่ 13ตามผัวไปสนามรบผู้ใดว่าความลับมีในโลกเล่าสวี่ห่าวซวนไม่ยอมบอกลู่เจียวจูว่าตัวเองกำลังเดินทางไปสมรภูมิ จนออกนอกเมืองไปแล้วนางก็ยังเข้าใจว่าเขาไปทำงานที่ฐานฝั่งตะวันตกความมาแตกเอาก็ตอนที่ไม่เห็นเขากลับบ้านนี่แหละหญิงสาวนั่งรอกินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนทุกวัน รอแล้วเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของสามี“ทำไมช้านัก..”นางเริ่มร้อนใจเมื่อตะวันลับขอบฟ้าเปลี่ยนเป็นจันทราขึ้นมาแทนที่สุดท้ายตอนเวรยามในเมืองเคาะระฆังบอกโมงยาม ถึงเวลาห้ามออกจากเคหสถานแล้วนั่นแหละลู่เจียวจูถึงหันไปสั่งสาวใช้ข้างกาย “เอาสำรับพวกนี้ไปเก็บ”นั่งกล่าวเสียงเรียบใบหน้าบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งหากท่านแม่ทัพโผล่หน้ามาช้ากว่านี้ได้จวนแตกแน่..เหล่าคนรอบข้างต่างหวาดกลัวโทสะฮูหยิน ได้แต่ถอยกรูดจรลีหนีไป ปล่อยให้นางนั่งหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ผู้เดียวจนกระทั่งตอนก่อนเข้านอน ลู่เจียวจูยังคุยกับบ่าวที่สางผมให้นางหน้าคันฉ่อง “เจ้าว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“บ่าวไม่ทราบเจ้าค
บทส่งท้ายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น แคว้นโจวหนานก็มีข่าวดี..ฮูหยินของแม่ทัพสวี่ตั้งครรภ์แรกแล้วหลังจากเริ่มรู้ตัวว่าระดูไม่มา และอยู่ๆก็เกิดอาการเหม็นอาหารหลายอย่าง ลู่เจียวจูก็สังหรณ์ใจว่าในท้องน่าจะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว นางจึงให้หมอมาตรวจอาการดู“ยินดีกับฮูหยินสวี่ด้วย” หมอชราประสานมือให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆเย็นย่ำเมื่อสามีกลับมาบ้านและรู้ข่าวนี้ ความยินดีก็ฉายเกลื่อนใบหน้าเขาเช่นกัน ก่อนสวี่ห่าวซวนเข้ามาสวมกอดคลอเคลีย“จะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงกันนะ”“ท่านคงต้องรออีกนานกว่าจะได้เห็นหน้าลูก”เขารอลุ้นอยากเห็นหน้าลูกแทบไม่ไหว ทั้งที่อีกตั้งหลายเดือนกว่านางจะคลอด“ไม่เป็นไร ข้ารอได้ ขอแค่คลอดอย่างปลอดภัยก็พอ”เสียงเขาฟังช่างชวนอบอุ่นหัวใจ ลู่เจียวจูก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ค่ำคืนนั้นสามีนัวเนียอยู่แต่กับร่างนาง มีจูบหวานล้ำมอบให้ทั้งบนริมฝีปากและหน้าท้องที่ยังไม่นูนออกมาเลย“จากนี้ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าเดิม”ราวกับเป็นคำมั่
ตอนที่ 29เข้าหออีกครั้งถึงแม้จะบอกว่าการหย่าร้างไม่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายการเลี้ยงฉลองใหญ่โตประหนึ่งงานสมรสครั้งใหม่กลับเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น“ไหนท่านว่าไม่เคยหย่ากับข้า แต่ทำไมจัดงานเสียอย่างกับแต่งกับข้าอีกครั้งเช่นนี้”“ใครว่าเป็นงานแต่งเล่า นี่มันงานฉลองที่แคว้นโจวหนานมีชัยเหนือยแคว้นเดิมของเจ้าเท่านั้น”ลู่เจียวจูฟังคำกล่าวอ้างของสามีแล้วต้องแอบเบ้ปากนิดๆ หากบอกว่าเป็นงานฉลองจริงเขาจะบังคับให้นางสวมชุดแดงมงคล สวมมงกุฎทับทิมทองเก้าชั้น ร่วมเดินเคียงข้างเขาที่สวมชุดแดงเต็มยศเช่นนี้หรือบางทีสวี่ห่าวซวนอาจอยากเสริมความมงคลให้ชีวิติด้วยการจัดงานที่เสมือนเป็นงานแต่งกับภรรยาคนนี้อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนร่วมอวยพรให้เขาได้ครองรักกับนางนานๆก็เป็นได้และพอถึงตอนค่ำ สุรามงคลก็ยังวางอยู่บนโต๊ะ ราวกับรอให้บ่าวสาวมารินลงจอกแล้วคล้องแขนดื่มชมจันทร์ด้วยกัน“ไหนท่านว่าไม่ใช่งานสมรสซ้ำ”“งานสมรสมีรอบเดียวน่ะดี แต่เรื่องร่วมหอมีหลายๆครั้งไม่นับว่าเสียหาย
ตอนที่ 28ข้าไม่เคยหย่ากับเจ้า‘หากเจ้าอยากตามหานาง เช่นนั้นก็ไปตามหาเอาในปรโลกเถิด’นั่นคือคำที่ลู่จุนเฟิงทิ้งเอาไว้ให้สวี่ห่าวซวนก่อนถูกลากคอไปแน่นอนว่าข้าไม่มีทางเชื่ออย่างสนิทใจเขาใช่จะอ่านความคิดลู่จุนเฟิงไม่ออก ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองจะต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นคงไม่มีทางยอมเห็นใบหน้าดีใจเปี่ยมล้นของศัตรูเด็ดขาดลู่เจียวจูยังไม่ตายแน่ๆ..แต่แค่ต้องหาตัวนางให้พบการปูพรมค้นหาสตรียอดดวงใจแม่ทัพสวี่เริ่มต้นขึ้น แต่ผิดคาดจากที่ตอนแรกคิดว่าอาจพบตัวนางได้ยากสักหน่อย ที่ไหนได้กลับมาเจอเอาง่ายๆในห้องลับของจวนเจ้าเมืองเสียอย่างนั้นถึงสภาพนาง..จะดูย่ำแย่มากเต็มทีก็ตาม“เจียวจู!!”เสียงนั้นเป็นสามีเรียกหานาง โซ่ตรวนถูกปลดออกให้เขาได้กอดร่างหญิงสาวผู้เป็นที่รักไว้นางยังพอมีสติอยู่บ้าง รู้ว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร น้ำตาก็ไหลรินอย่างไม่อาจห้าม มือที่ไร้เรี่ยวแรงและซีดขาวค่อยๆเลื่อนมาโอบกอดตอบเขาเบาๆ“ไม่นึกว่าจะเป็
ตอนที่ 27ทวงคืนคืนวันต่อจากนั้น ความทรมานของลู่เจียวจูยังไม่สิ้นสุด ยังไม่อาจเห็นแสงสว่างใดลอดเข้ามาเช่นเดียวกับความหวัง...ส่วนลู่จุนเฟิง ความเครียดยิ่งเพิ่มพูนเมื่อเขาเริ่มกลับมาครุ่นคิดถึงหนทางต่อจากนี้เพราะลู่เจียวจูหย่ากับสวี่ห่าวซวนแล้ว สัญญาสงบศึกจึงเป็นอันสิ้นสุดลง ระหว่างแคว้นโจวหนานกับเมืองจงเหนียนกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเช่นร้อยปีที่ผ่านมาหากยังอยู่เฉยๆ..ไม่แน่ว่าภัยอาจจะมาเยือนเขาในอีกไม่ช้า เช่นนั้นลู่จุนเฟิงจึงออกคำสั่งต่อแม่ทัพของเขา ให้เริ่มจัดเตรียมกระบวนรบเพื่อบุกแคว้นโจวหนานอีกคราเพราะสวี่ห่าวซวนพึ่งหย่ากับลู่เจียวจูไป ซ้ำทางแคว้นโจวหนานพึ่งสิ้นศึกกับแดนใต้ กำลังรบน่าจะยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ เรียกว่าจะบุกมาหาเรานั่นเป็นไปไม่ได้ จะตั้งรับก็อาจจะยากเกินไปด้วยซ้ำนี่เป็นเวลาทองที่จะใช้ยึดอำนาจ ให้แคว้นโจวหนานตกมาอยู่ใต้อาณัติของเราเสีย!การจัดตั้งกองทัพเดินทางสู่ชายแดนสองเมืองเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเปี่ยมล้นแต่ผิดคาด...ลู่จ
ตอนที่ 26หย่าขาด“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นว่าข้าเป็นสามีที่คู่ควรกับเจ้าอีกต่อไป เช่นนั้นก็หย่าให้มันจบเรื่องไปเสีย”ยามกล่าวน้ำเสียงสวี่ห่าวซวนทั้งเข้มข่มขวัญ แววตาของเขาก็ช่างดุดันน่ากลัวอย่างยิ่งราวกับเขาโกรธจริงๆ และไม่คิดอยากจะมองหน้านางให้ยิ่งโกรธเพิ่มไปกว่านี้อีกจริงๆ...ลู่เจียวจูไม่ได้อยากได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่นางต้องกลั้นใจว่าต่อ“พรุ่งนี้ ข้าจะไปยื่นหนังสือหย่าของเรากับท่านผู้ครองโจวหนานเอง ท่านโปรดวางใจ”“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสะสางธุระน่ารำคาญให้ยิ่งลำบากกาย”ฟังวาจาเขาบาดหูได้อย่างเจ็บแสบนัก ลู่เจียวจูเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วแต่นางยังต้องทนต่อไป กล่าวอำลาอย่างเร็วๆก่อนจากออกมา“จากนี้ข้า..ไม่ใช่ฮูหยินสวี่อีกต่อไป ต้องขอลา”“เชิญ ข้าไม่ส่งนะ”เขาทำทีไร้เยื่อใยได้อย่างแนบเนียนมากจริงๆสมดังตั้งใจ ลู่เจียวจูดูไม่ออกเลยว่าอะไรจริงอะไรปลอมกันแน่
ตอนที่ 25คำตอบรับคืนค่ำ หลังจากวันนั้นที่สวี่ห่าวซวนออกจากบ้านไป ผ่านมาสองคืนก็แล้ว สามคืนก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาเลยจุดประสงค์ของท่านคืออะไร? ตั้งใจหนีหน้าข้า หรือแค่อยากให้ความคิดของข้าตกตะกอนมากขึ้นกันแน่?“เฮ้อ!”ลู่เจียวจูผ่อนลมหายใจไม่ต่ำกว่าคืนละร้อยหนนางยังนั่งคอยนอนคอยอยู่บนเตียงอย่างกับจะตายลงเช่นเดิม กระทั่งบ่าวรับใช้หน้าประตูเข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ มีจดหมายมาถึงท่านเจ้าค่ะ”“จากท่านแม่ทัพหรือ!?”เพียงได้ยินว่ามีจดหมาย แววตานางพลันเปล่งประกายขึ้นมา ประหนึ่งวิญญาณกลับเข้าร่างแล้วกระนั้นแต่ฉับพลันมันก็ต้องวูบดับไปเมื่อได้รับคำเฉลย “ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นจากท่านเจ้าเมืองจงเหนียนเจ้าค่ะ”จากลู่จุนเฟิงอย่างนั้นหรือรับจดหมายมาแล้ว ลู่เจียวจูยังไม่กล้าทำใจเปิด ด้วยหัวใจกระหน่ำเต้นลุ้นระทึกเขาจะเขียนอะไรมากันนะ...เมื่อในห้องนี้มีเพียงนาง ก็ยิ่งราวกับว่าเสียงหัวใ
ตอนที่ 24หาทางออกยามย่ำรุ่ง ลู่เจียวจูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างเตียงก็ว่างเปล่าเสียแล้วสวี่ห่าวซวน..หายไปไหนกัน?หญิงสาวนิ่งคิด ก่อนลุกออกไปถามบ่าวหน้าประตู “ท่านแม่ทัพล่ะ”“ท่านแม่ทัพไปที่ฐานทัพตะวันตกเจ้าค่ะ”“ไปตอนไหน แล้วไปอย่างไร”“ท่านแม่ทัพขี่ม้า..ไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นเจ้าค่ะ”ได้รับคำตอบแล้วลู่เจียวจูต้องสูดหายใจเข้าลึกสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดนี้เขา..ฝืนขี่ม้าไปไกลถึงเพียงนั้น..เพื่อหนีหน้าข้าเนี่ยนะ!ทั้งๆที่ยังไม่หายดีแท้ๆ ตอนนี้นางเป็นห่วงก็เป็นห่วงอยู่ แต่โมโหในความไร้เหตุผลของสามีมากกว่า“เฮอะ! ในเมื่อไม่อยากเห็นหน้าข้ามาก เช่นนั้นก็ไม่ต้องพบกันอีก!!”นางประชดประชันก่อนปิดประตูห้องเสียดังลั่น แต่คนที่รับทั้งเสียงประชดและเสียงกระแทกนั่นก็มีแต่บ่าวรับใช้ หาใช่ตัวสามีโดยตรงพวกเขา..ทะเลาะอะไรกันอีก?คนรอบข้างไม่มีทางไม่สงสัย แต่ก
ตอนที่ 23ไม่อาจทรยศตอนแต่งเข้ามาในจวนนี้..ทีแรกข้าก็ตั้งใจจะทำภารกิจให้สำเร็จอยู่หรอกในวันแรกหลังจากผ่านพิธีสมรสมา ลู่เจียวจูยังจำได้ดีว่าตัวเองพยายามตามหาตราประจำกองทัพของสวี่ห่าวซวนขนาดไหนโชคดีที่เขาไม่อยู่ห้องตั้งแต่ตอนนางตื่น เช่นนั้นนางจึงสามารถค้นดูได้อย่างถนัดแต่ก็เป็นโชคร้ายเหมือนกัน ที่หาเท่าไรก็ยังไม่พบสุดท้ายนางเลยต้องเปลืองแรงขยายขอบเขตการตามหา โดยทำทีว่าต้องการเรียนรู้เรื่องต่างๆในจวน ทั้งเดินสำรวจไปทั่ว เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อศึกษาตำราต่างๆอีก แม้ความจริงนางจัดการบัญชีทรัพย์สินได้อย่างชำนาญ และการดูแลบ่าวในจวนก็ไม่ใช่งานยากอะไร‘ไม่เจอ...’ในตอนที่ลู่เจียวจูพบกับความล้มเหลว นางเหงื่อแตกมือสั่นใจเต้นแรง พอเข้าวันที่สองก็เริ่มกระวนกระวายจนเหมือนจะทนไม่ได้เพราะอะไรน่ะหรือ...ก็อีกไม่นานจะต้องกลับไปเยี่ยมญาติแล้วอย่างไรเล่าหากว่าพ่อบุญธรรมของนางเกิดถามไถ่ขึ้นมา นางจะตอบอย่างไร..ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ลู่เจียวจูผู้
ตอนที่ 22อดีตของลู่เจียวจูในความเงียบนั้น สวี่ห่าซวนรู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบศีรษะเขา ทำเอามึนงงจนกล่าวอะไรไม่ได้เขาได้เพียงมองตานาง ซึ่งฉายความมุ่งมั่นอย่างครึ่งๆกลางๆเท่านั้นก็เห็นชัดอยู่ว่าเจ้ารักข้า...แล้วเหตุใด..“เจ้าลองคิดดูอีกที ว่าต้องการอย่างนั้นจริงหรือไม่”เขาถามย้ำโดยพยามยามไม่ให้ตัวเองเสียงสั่น คอยดูปฏิกิริยาจากนางใจจ่อลู่เจียวจูพยักหน้าตอบช้าๆ ไร้ซึ่งถ้อยคำจะกล่าวฮะๆๆ.. น่าขัน ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้“ถ้าเจ้าหย่ากับข้า ก็ถือว่าการแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์ของสองแคว้นสิ้นสุดลง เจ้าลองตรองดูใหม่ว่าต้องการอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ อยากให้เกิดสงครามเหมือนร้อยปีที่ผ่านมาหรือไม่ ไม่อยาก..ไม่อยากให้ชาวเมืองจงเหนียนที่เจ้ารักมีชีวิตอันสงบสุขแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือไม่แยแสเลยถึงแม้ต่อให้วันหนึ่งคนที่เจ้าให้ความสำคัญมากๆอย่างเจ้าอี้เฉินนั่นจะต้องถูกเกณฑ์มาเป็นไพร่พลกำลังรบ?”เขาร่ายยาวมาขนาดนี้ ก็เพื่อให้นางได้ตัดส