ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง!ระเบิดตกลงบนพื้นและกลิ้งไปสองสามครั้ง แต่มันไม่ระเบิด มันยังคงแกว่งไปมาแทนฝูงชนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ตัวสั่นด้วยความกลัว"เฮ้อ มันไม่ระเบิดเหรอ?”"โทษที สงสัยอันนี้ต้องพังแล้วแน่ ๆ”ฮาร์วีย์แสดงท่าทางประหลาดใจก่อนจะดึงระเบิดอีกลูกบนหน้าอกของลูอิสออกมาอย่างไม่แยแสและถอดสลักออก“ฉันจะปล่อยเธอไป! ฉันจะคืนเธอให้พวกนายเดี๋ยวนี้เลย!”ก่อนที่ลูอิสจะทันได้ตอบโต้ เคทลินก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อนทันทีและกรีดร้องอย่างยอมจำนนทันทีไม่มีใครอยากตาย เคทลินยิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเครียดกับความตายระยะเผาขนชีวิตของเธอราบรื่นดีมาตลอด แน่นอนว่าเธอไม่อยากตายเหมือนหมาข้างถนนอยู่ที่นี่!ลูอิสสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัวในขณะเดียวกัน เขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากร่างกายของเขาเขาอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้สลบไปเขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้รู้สึกกลัวขนาดนี้ด้วยการโทรศัพท์จากเคทลิน ผู้คุ้มกันสองสามคนพาไอรีนออกมาหลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของเธอซีดเผือด แต่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าอย่างไรพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีบางอย่างที่แม
ใบหน้าของลูอิสแทบจะจมลงไปกับพื้นในขณะนี้ ขณะที่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของฮาร์วีย์ เขากัดฟันและบังคับตัวเองให้สำลักคำว่า “ฉันขอโทษ”ฮาร์วีย์ยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขายกขาขึ้นช้า ๆ แล้วปล่อยลูอิสให้เป็นอิสระลูอิสยังไม่ลุกขึ้นทันทีเช่นกันเขาคุกเข่า หลังตรงในขณะที่เงยหน้ามองฮาร์วีย์ด้วยท่าทางเหยียดหยาม เขาดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่เลี้ยงไม่เชื่อง“ฮาร์วีย์? นายคือฮาร์วีย์คนนั้นน่ะเหรอ!"ดี! ฉันจะจำทุกอย่างวันนี้เอาไว้!“นายควรรู้ว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่านายเสมอ ฮาร์วีย์!“ฉันจะคิดบัญชีในสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายในคืนนี้อย่างแน่นอน!”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“รู้ไหมว่าฉันเกลียดอะไรที่สุด? คนพูดมากไงล่ะ!”ฮาร์วีย์คว้าคอของลูอิสทันทีเขาดันระเบิดมือที่ไม่มีสลักเข้าไปในปากของลูอิสโดยไม่ลังเล!“ในเมื่อพูดมากขนาดนี้ ก็หาอะไรอุดไว้ซะหน่อยดีกว่า“ถ้านายอ้าปากพูดอีกครั้ง และระเบิดลูกนี้ทำงานขึ้นมาก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!”ฮาร์วีย์เอื้อมมือไปตบหน้าลูอิสอย่างเย้ยหยัน“หวังว่าครั้งต่อไปที่เราได้เจอกัน นายจะยังมีชีวิตอยู่”ลูอิสอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาทำได้เพียงจ้องมองฮาร์วีย์อย่างไม่พอใจฮาร์
เล็กซี่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อนที่จะถามว่า “เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาขว้างระเบิดลงบนพื้นเนี่ยนะ?“สลักนิรภัยถูกถอดออกไปแล้วเหรอ? แล้วทำไมมันไม่ระเบิด?”วินซ์จิบชาก่อนจะตอบ“มีคนตรวจสอบระเบิดหลังจากเรื่องทั้งหมดผ่านไป ปรากฎว่ามันพังไปแล้ว วัตถุระเบิดข้างในมีความผิดพลาดจริง“ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้สารเลวนั่นโชคเข้าข้างหรือเปล่าระเบิดถึงได้พังไปก่อน หรือว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว…“แต่สิ่งที่เขาทำ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ”จากนั้นวินซ์ก็เล่นวิดีโอบนโทรศัพท์และดูมันไปพร้อมกับเล็กซี่ทั้งสองได้เห็นกับตาว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไรหลังจากดูวิดีโอซ้ำประมาณสามครั้ง ทั้งคู่ก็ส่งสายตาหากันอย่างเงียบ ๆไม่สำคัญว่าฮาร์วีย์จะทำได้อย่างไร แต่เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในเอ็มเมอรัลด์ คลับเล็กซี่ถอนหายใจอีกครั้งขณะที่เธอชำเลืองมองที่หน้าจออย่างสิ้นหวัง“ผู้ชายคนนี้โชคดีเรื่องผู้หญิงมาก…“โยอาน่า เลสลี่ และตอนนี้ยังมีไอรีนอีกคน…“ทั้งสามคนค่อนข้างมีสถานะทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัส“ตอนนี้ เพราะความประมาทเลินเล่อของเคทลิน ทั้งตระกูลจอห์นสัน
#เอ็ดวินดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนทัศนคติที่ขี้เล่นและอู้ฟู่ของหนุ่มเจ้าสำราญก่อนหน้านี้ของเขาถูกแทนที่ด้วยความเข้มงวดกวดขัน เขาไม่เคยดูจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตฮาร์วีย์รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าบทเรียนที่ได้รับเมื่อคืนนี้จะคุ้มค่า“นายถูกเล่นงานมาทั้งคืนแล้ว ทำไมไม่พักผ่อนสักหน่อยล่ะ?” เขาแนะนำจากนั้นเขาก็รินชาให้ตัวเองก่อนที่จะยกขึ้นจิบเอ็ดวินตัวสั่นเมื่อเห็นฮาร์วีย์“ผมอยากจะแจ้งคุณเกี่ยวกับข้อมูลที่ผมได้รับเพิ่มเติมมาครับ คุณยอร์ก” เขาเริ่มพูด น้ำเสียงฟังดูค่อนข้างลังเล“แต่เพราะคุณกำลังพักผ่อน ผมถึงไม่อยากรบกวน”“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของนายนะ” ฮาร์วีย์กล่าว"ไม่เป็นไรหรอกครับ"เอ็ดวินส่ายหน้าโบกมือรับคำชม“ผมนอนไม่หลับอยู่แล้ว”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“นอนไม่หลับเหรอ? นายยังโกรธอยู่ใช่หรือเปล่า? หรือกำลังอาฆาตแค้นอยู่?”"ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ"เอ็ดวินส่ายหน้าอีกครั้ง“ในตอนที่ผมอยู่ในค่ายศัสตราวุธ คุณบอกว่าผมต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเองเพื่อให้มีความกล้าหาญอย่างแท้จริง เพราะเหตุนี้ ผมถึงจะสามารถไต่อันดับและก้าวขึ้นไปเป็นเทพสงครามได้“ผมไม่
ในขณะนี้ ทุกคนในตระกูลจอห์นสันกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่สว่างไสวด้วยท่าทางเคร่งขรึม ดูเหมือนพวกเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่ไม่มีใครสนใจที่จะต้อนรับการกลับบ้านของไอรีนเลยปัง!ท่ามกลางความไม่สบายใจของพวกเขา ประตูหน้าก็เกิดเสียงดังขึ้นทันทีหลังจากนั้น รถตู้สีดำหลายคันก็ปรากฏขึ้นสาวกของกองบังคับคดีหลงเหมินก้าวออกจากรถพร้อมอาวุธและมีท่าทีเป็นปรปักษ์ พวกเขาดูพร้อมที่จะฆ่าใครก็ตามที่เข้ามาขวางสาวกของหลงเหมินที่ดูแลบ้านพักจอห์นสันดูค่อนข้างตกใจ พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าเหล่าสาวกของกองบังคับคดีของหลงเหมินยิ้มเยาะอย่างเย้ยหยันก่อนที่จะล้อมรอบสถานที่ทั้งหมดเอาไว้แคร์รี่โผล่ออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความชอบธรรมที่องอาจ เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ตามด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาที่หยิ่งยโสพอๆ กัน"คุณคิดจะทำอะไร?" ไอรีนเอ่ยฝากถามตามสัญชาตญาณเพี๊ยะ!แคร์รี่ไม่สนใจเธอและส่งเธอบินไปพร้อมกับตบหน้าจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและหรี่ตาลงพิเคราะห์ไอรีนอย่างมีนัยยะ “ผู้หญิงคนนี้แหละ พาเธอไปที่บูโดกัน! นี่เป็นคำสั่งของนายน้อยบาวเออร์!”ตามคำสั่งของเธอ สมาชิกกองบังค
“พวกแกจะทำอะไรกันแน่?!”พ่อของไอรีนโกรธจัดตระกูลของพวกเขาไม่เคยประสบกับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน แม้หลังจากเข้าปกครองหลงเหมินสาขาฮ่องกงและลาสเวกัสมาหลายปีแล้วก็ตามเพราะเขาไม่รู้ว่ามอร์แกนอยู่ที่ไหน และตอนนี้ ลูกสาวของเขาเองก็ยังถูกลากตัวออกไปอีกคนเหล่านี้พยายามทำอะไร“พวกเราจะทำอะไรน่ะเหรอ?” แคร์รี่พูดอย่างใจเย็น“ง่ายจะตาย เรากำลังตามหาประจักษ์พยานและหลักฐานอยู่ยังไงล่ะ ฉันมั่นใจว่าพวกคุณจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้พวกเราได้ เมื่อมองจากความสำเร็จของตระกูลของคุณ“ฉันจะให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงในการหาหลักฐานว่าตระกูลของคุณสมคบคิดกับคนนอก“ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าโทษฉันล่ะที่ต้องเป็นคนหาหลักฐานในตระกูลของพวกคุณเอง!”สีหน้าของสมาชิกตระกูลจอห์นสันทั้งหมดแย่ลงหลังจากได้ยินคำพูดของแคร์รี่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนที่จะใส่ร้ายพวกเขา“หากพวกแกทำแบบนี้ พวกแกจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน!” พ่อของไอรีนตวาดลั่นเพี๊ยะ!แคร์รี่ส่งเขาให้ลอยไปพร้อมกับตบหน้าเขาอีกครั้ง"ลงโทษงั้นเหรอ?!"พูดต่อไปสิ! บอกฉันมาหน่อยว่าฉันจะโดนลงโทษยังไง!“ค้นที่นี่ให้ทั่ว!“พวกคุณทุกคนถอยไปให้หมด! ฉันต้องกา
"ฉันจะบอกพวกคุณให้นะ! ถ้าฉันบอกว่าตระกูลของคุณมีความผิดในอาชญากรรม มันก็จะเป็นแบบนั้น!“กล้าขัดขืนกับฉันอย่างนั้นเหรอ"คิดว่าตัวเองเป็นใคร?!“ตอนนี้แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยตระกูลของพวกคุณไม่ได้!“สำหรับการสนับสนุนฮาร์วีย์ พวกคุณเสร็จแน่!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหล่าสมาชิกจำนวนมากก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มอันน่ารังเกียจก่อนหน้านี้พวกเขาเคยแพ้ฮาร์วีย์มาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ความคิดเดียวของพวกเขาคือคือการทวงคืนศักดิ์ศรีของตัวเองจากการทำลายจอห์นสันโครม!ขณะที่เหล่าสมาชิกกองบังคับคดีกำลังจะลงมือ ประตูก็ถูกเปิดออกทันทีประตูทองสัมฤทธิ์โบราณกระเด็นออกไป กระแทกลงกับพื้น ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขากอดอกด้วยท่าทางที่มีอำนาจเหนือกว่า“ฉันได้ยินมาว่ากองบังคับคดีหลงเหมินตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก ในตอนที่ฉันไม่อยู่“แถมยังพยายามทำให้ตระกูลจอห์นสันใส่ร้ายฉันอีกต่างหาก“บทเรียนที่ที่ฉันสอนไปก่อนหน้านี้มันไม่เข้าหูเลยใช่ไหม?“อยากจะตายกันนักหรือไง”หลังจากที่ประตูถูกพังลง ฮาร์วีย์ก็ก้าวเข้ามาโครงร่างที่บางแต่ทรงพลังของเขาส่องประกายภายใต้แสงจ้า ออร่าอันโอ่อ่าที่แ
ฮาร์วีย์ยังคงเมินเฉยแม้จะถูกเธอข่มขู่ เขาส่งข้อความไปหาจอร์จเพื่อให้สืบข้อมูลของเคนอย่างง่าย ๆเมื่อแคร์รี่เห็นฮาร์วีย์กดโทรศัพท์ของเขาด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งใดโดยไม่สนใจเธอเลย ใบหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวด้วยท่าทางเหยียดหยามอย่างน่าเกลียด“พอได้แล้วฮาร์วีย์ เลิกกวนประสาทสักที!“ไม่มีใครจะหยุดนายน้อยบาวเออร์ได้!“ไม่มีใครที่นายจะขอความช่วยเหลือได้หรอก!“ในเมื่อนายกล้ามาที่นี่แล้ว ก็ตามฉันไปที่เรือนจำอิมพีเรียลเถอะ!“เราจะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อนายน้อยบาวเออร์เลิกเล่นสนุกเสร็จแล้ว เขาจะลากตัวนายไปสอบปากคำ!“อย่าขัดขืนจะดีกว่า ก่อนหน้านี้นายยังมีตัวตนของหัวหน้าสาขาคอยปกป้องนายอยู่ แต่…“ถ้านายไม่เชื่อฟังนายน้อยบาวเออร์ แม้แต่นายท่านแห่งหลงเหมินก็อาจปกป้องนายไม่ได้!“นายก็เป็นแค่เด็กที่ผู้อาวุโสบาวเออร์หมายตาไว้ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูล!“นายควรรู้ว่าในหัวใจของเขาใครสำคัญกว่ากัน ฮาร์วีย์!”แคร์รี่มองฮาร์วีย์ด้วยสายตาเย้ยหยัน ขณะที่เธอคอยย้ำเตือนฮาร์วีย์ถึงความแตกต่างของเขากับเคนโดยปกติแล้ว ผู้คนจะเกรงกลัวฮาร์วีย์ เพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากนายท่านแห่งหลงเหมิน
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข