Share

Chapter2. เจ้ารู้จักข้ารึ?

เสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น เรียกสติของแม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบหกให้หันไปมอง เขาหมุนตัวเดินไปก้มมอง แขนซ้ายมีรอยบาดเป็นทางยาว ดูแล้วไม่น่าจะลึกแต่เลือดไหลออกมามาก แต่ส่วนที่น่าจะเจ็บที่สุด น่าจะเป็นข้อเท้าขวาของนาง

“แม่นมเหมยกุ้ยมาแล้วขอรับ”

“ท่านแม่ทัพ”

แม่นมเหมยกุ้ยเป็นสตรีวัยสี่สิบสองที่ท่านแม่ทัพให้ความเคารพดุจญาติผู้ใหญ่ นางยกชายกระโปรงก้าวเร็วๆ เข้าไปหา พอเห็นสภาพคนที่นอนหมดสติบนเตียงก็อุทานออกมา

“รบกวนแม่นมแล้ว”

“ได้ๆ ทางนี้ข้าจัดการเอง” นางรับคำอย่างรู้หน้าที่ “เด็กๆ ไปยกน้ำอุ่นมา ผ้าสะอาดด้วย ห้ามผู้ชายเข้าใกล้ และขอเชิญท่านมาทางนี้เจ้าค่ะ”

แม่นมเหมยกุ้ยสั่งการรวดเร็ว หลัวหลิวหยางถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกมา เพียงยกเท้าพ้นธรณีประตู เสียงแม่นมก็ดังไล่หลังมาทันที

“ข้าสั่งคนเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านแม่ทัพแล้ว ท่านควรผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วนะเจ้าค่ะ”

“ข้าทราบแล้ว”

มุมปากของหลัวหลิวหยางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่เพราะใบหน้าดุดันอยู่เป็นนิจจึงแทบไม่เห็นรอยยิ้มนั้น  ในจวนแห่งนี้มีสตรีน้อยมาก บ่าวไพร่ที่เป็นหญิงล้วนมีแม่นมเหมยกุ้ยคัดเลือกเข้ามาทำงาน เขาจึงวางใจเรื่องเหล่านี้บ้าง รวมทั้งพ่อบ้านที่แม่นมคัดเลือกมา  จวนที่ไร้ฮูหยินมาดูแล จึงมีแต่แม่นมเหมยกุ้ยที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่กำเนิดคอยจัดการเรื่องต่างๆ  ด้วยนางไร้ญาติขาดมิตร บิดามารดาของเขาตั้งใจเลี้ยงดูนางให้อยู่เมืองหลวง แต่เมื่อเขาต้องมาประจำการที่ชายแดน มารดากลัวจะไม่มีผู้ใดดูแลความเป็นอยู่ของเขา  มารดาจึงส่งแม่นมเหมยกุ้ยมาที่นี่

หลัวหลิวหยางกลับมาถึงห้องพักของตนเอง บ่าวชายมาช่วยปลดเสื้อเกราะออก เขาโบกมือไล่แล้วพาร่างเปลือยเปล่าลงแช่น้ำอุ่นที่ห่างหายไปนานเจ็ดหรือแปดวัน ใช้ชีวิตทหารจนชินชา แต่ผู้อื่นนั้นไม่ชินเช่นเขา เหมือนภรรยาคนงามที่มารดาคัดเลือกให้  เขาแต่งภรรยาคนแรกตอนอายุสิบแปด เข้าพิธีเสร็จวันรุ่งขึ้นก็ต้องเดินทางออกรบ ออกรบครั้งนั้นการศึกยืดเยื้อเขาถูกฝ่ายตรงข้ามจับกุมตัวไปสิบวัน ปล่อยข่าวว่าเขาถูกฆ่าแล้ว ทำให้ภรรยาคนงามตรอมใจจนป่วยไข้ กว่าเขาจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้กับชัยชนะ นางป่วยหนักจนตายจากไป  หลังจากนั้นสามปี มารดาหมั้นหมายบุตรสาวเสนาบดีเป็นภรรยาให้เขา แต่ยังไม่ทันไรนางก็ตกน้ำเสียชีวิตไปก่อน นับจากนั้น ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังไปทั่วเมืองอย่างที่เขาไม่อยากให้มันเป็นนัก   

หลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว  บ่าวรับใช้เข้ามารายงานว่าท่านหมอได้ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วและรอเขาไปพบเพื่อรายงาน แม่ทัพหนุ่มพยักหน้ารับ เขาก้าวยาวๆ เดินกลับมาที่เรือนรับรอง ท่านหมอล้างมือเสร็จพอดีจึงประสานมือคารวะและรายงาน   

“โชคดีมาก บาดแผลที่ศีรษะเป็นแค่ฟกช้ำ ส่วนที่แขนซ้ายนั้นเป็นรอยบาดไม่ลึก ห้ามเลือดและพันแผลเรียบร้อยดี ที่รุนแรงที่สุดเป็นข้อเท้าขวา เส้นเอ็นที่ข้อเท้าฉีกขาด ทำให้เจ็บปวดมากต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะกลับมาเดินได้ปกติ” 

“อย่างนั้นรึ”

ท่านหมอค้อมตัว “ข้าจะเขียนเทียบยาให้ ระวังอย่าให้...เดินลงน้ำหนักเท้าข้างที่เจ็บ ถ้าเป็นไปได้นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ขยับตัวให้น้อยจะดีที่สุดขอรับ”

“อืม ขอบคุณท่านหมอ”

หลัวหลิวหยางเป็นคนถือกฎระเบียงเคร่งครัด แต่กับหมอแล้วเขาก็ให้ความเคารพไม่น้อย คนเป็นหมออดภูมิใจไม่ได้ ประสานมือคารวะแล้วก้าวออกไป  แม่นมเหมยกุ้ยรอจนท่านหมอออกแล้วจึงได้เดินมาพบแม่ทัพหลิว

“ผู้หญิงคนนี้เป็นหนี้ชีวิตท่านแม่ทัพ”

เขาโบกมือปฏิเสธความคิดนี้  “ข้าทำหน้าที่ของข้า ข้าแค่บังเอิญช่วยชีวิตนางเท่านั้น ต่อจากนี้รบกวนแม่นมแล้ว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะดูแลนางเอง”  แม่นมรับคำแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม  “เราควรเรียกเปิดเผยฐานะของนางหรือไม่ เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้นางตั้งใจให้ผู้อื่นมองนางเป็นบุรุษ”

“เรื่องนั้น รอให้นางฟื้นค่อยว่ากัน”

หลัวหลิวหยางเพียงปรายตามองคนที่นอนหมดสติบนเตียง สภาพใบหน้ามีรอยช้ำหลายแห่ง แต่ก็ดูดีกว่าตอนที่เขาอุ้มมา  เขาได้แต่หวังว่านางจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เขาก็พอ

          “ข้าวของที่เหลืออยู่ในรถม้ามีเพียงเท่านี้ขอรับ”

            หูซานรายงานแล้ว มีเพียงสมุดเขียนบันทึกที่ถูกฉีกทิ้งหายไปหลายหนา เสื้อผ้ารวมทั้งข้าวของมีค่าคาดว่าถูกรื้อค้นขโมยไปหมดแล้ว

            “รถม้าเป็นเพียงรถที่เช่ามาพร้อมสารถี ไม่มีตราสัญลักษณ์จากตระกูลใด ส่งศพสารถีไปที่ว่าการแล้ว เห็นว่ามีคนจำหน้าได้ เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดารับจ้างทั่วไปขอรับ”

            หลัวหลิวหยางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด เหตุใดสตรีผู้หนึ่งจึงแต่งกายเป็นชายเดินทางตามลำพังเช่นนี้ 

            “ข้าจะจัดเวรยามคอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของคนผู้นั้น” หูซานรีบเสนอความคิด แต่แม่ทัพใหญ่โบกมือห้ามไว้

            “ไม่จำเป็น”  หลัวหลิวหยางตอบ “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง เจ้าตรวจดูโดยรอบดีแล้วใช่หรือไม่”

            “ขอรับ”

            “อย่าประมาท กำลังเวรยามต้องแน่นหนา”

            “รับทราบ!”

            “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

            “ข้าน้อยขอตัวขอรับ”

            แม่ทัพหลัวมองดูคนสนิทถอยออกไป สวนกับแม่นมเหมยกุ้ยเดินเข้ามาพอดี

            “ข้ามารบกวนท่านแม่ทัพหรือไม่”  นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

            “ไม่” เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ เป็นเช่นนี้เสมอ “แม่นมมีอะไรหรือ?”

            แม่นมเหมยกุ้ยพยักหน้าให้บ่าวรับใช้วางถาดอาหารวางลงบนโต๊ะ เมื่อบ่าวรับใช้เดินออกไปแล้วนางจึงเอ่ยขึ้น

            “เจ้าไม่ได้กลับจวนหลายวัน ได้กินอิ่มนอนหลับดีหรือไม่”  นางเอ่ยพลางรินน้ำชาให้

            “ข้าชินแล้วไม่ได้ลำบากอะไร” เขารับน้ำชามาจิบเล็กน้อย “ครึ่งปีมานี้ท่านต้องมาดูแลข้าในที่ทุรกันดารเช่นนี้ ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก”

            “ข้าอยู่แต่ในจวนมิได้ออกไปรบจะเรียกว่าลำบากอันใดกัน” นางหัวเราะเบาๆ

            “ท่านแม่ยังไม่ถอดใจเรื่องข้าอีกหรือ?” เขาถามพลางหยิบขนมเปี๊ยะส่งเข้าปาก

            “ท่านแม่ทัพอย่าได้ใส่ข่าวลือเหล่านั้นเลย” นางยิ้มบางๆ “ท่านอุทิศตัวเองเพื่อปกป้องชายแดนตะวันออกจนได้รับสมญานามเป็นแม่ทัพพิทักษ์บูรพา นำพาชื่อเสียงสู่ตระกูลหลัว  นายท่านและฮูหยินหวังใจจะเห็นท่านแม่ทัพได้มีศรีภรรยาปรนนิบัติดูแล”

            “ปีนี้ข้าอายุยี่สิบหกแล้ว” เขาถอนหายใจหนักหน่วง อ้าปากจะพูดแล้วก็เปลี่ยนใจไปพูดเรื่องอื่นแทน “เจ้าเด็กนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

            “เด็ก?” แม่นมเหมยกุ้ยเลิกคิ้ว ครู่ต่อมาจึงเข้าใจคำถาม “แม่นางผู้นั้นยังหลับอยู่ แต่ข้าให้คนสนิทค่อยเฝ้าไว้ หากนางฟื้นจะมารายงานทันที”

            “อืม” เขาแค่รับคำกัดขนมเปี้ยะอีกคำ

            “ข้าตระเตรียมเสื้อผ้าสตรีให้นางแล้ว”

            หลัวหลิวหยางเลิกคิ้วแล้วสบตากับแม่นม “ท่านแน่ใจว่านางอยากสวมเสื้อสตรีหรือ?”

            “ได้ยินว่านางเดินทางเพียงลำพัง การแต่งกายเป็นบุรุษย่อมปลอดภัยกว่า” แม่นมเหมยกุ้ยยื่นมือไปรินน้ำชาให้ “อีกอย่าง ผู้อื่นเห็นว่าท่านแม่ทัพพิทักษ์บูรพาอุ้มคนเจ็บเข้ามารักษาด้วยตนเอง ข้าเกรงว่าผู้อื่นจะเอาไปร่ำลือว่าท่านนิยมชื่นชอบบุรุษด้วยกัน ข้าจึงคิดว่านางแต่งกายเป็นหญิงจะเหมาะสมที่สุด”

            “แค่กๆๆ”  หลัวหลิวหยางสำลักขนมเปี๊ยะ แม่นมเหมยกุ้ยรีบลุกขึ้นมาลูบหลังให้

            “โตแล้วเหตุใดทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้”

            หลัวหลิวหยางคว้าน้ำชามาดื่ม จะไม่ให้สำลักขนมเปี๊ยะได้อย่างไร เขาไม่คิดว่าแม่นมเหมยกุ้ยจะเป็นกังวลเรื่องเขาถึงเพียงนี้  นั้นสินะ เป็นทั้งแม่ทัพพิทักษ์บูรพา เป็นทั้งบุรุษผู้มีดวงกินภรรยา แล้วจะยังเป็นบุรุษที่กินบุรุษด้วยกันอีก ช่างเป็นบุรุษที่น่าริษยาเสียจริง

            “ช่างเถิด  แม่นมช่วยสั่งคนให้อุ่นสุราส่งไปยังเรือนของข้าก็แล้วกัน”

            “ได้เจ้าค่ะ”

            “ไม่ได้กลับจวนหลายวัน ข้าเดินเล่นสักครู่จะกลับเข้าไป”

            ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆ ออกจากห้องหนังสือที่ใช้เป็นห้องทำงาน  ทั้งที่คิดว่าจะเดินเล่น แต่สองเท้ากลับพาเดินมาที่เรือนรับรองที่สตรีแปลกหน้าผู้นั้นพำนักอยู่  ทหารยามทำความเคารพเขา ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับแล้วตัดสินใจผลักบานประตูเข้ามาด้านใน 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status