หน้าหลัก / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 70%

แชร์

บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 70%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-23 16:45:25

รวิชานั่งรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน ครั้นพอเห็นว่าบิดามารดากำลังยืนคุยกันอยู่ที่โรงรถ เธอจึงรีบบอกให้โชเฟอร์ขับเลยไปอีกเล็กน้อยจนเกือบถึงบ้านของคุณผีดิบ หลังจ่ายค่าแท็กซี่เสร็จเรียบร้อยก็เดินย้อนกลับมาที่บ้านของตน แล้วแอบซุ่มดูอยู่ข้างประตูเล็กเพื่อดูว่าจะมีคนเดินมาหน้าบ้านบ้างหรือเปล่า โชคดีที่แม่นมเดินออกมายืนหน้าบ้านพอดี เธอจึงรีบโบกมือให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูให้

“ตายแล้วคุณหนูของนมทำไมกลับมาเอาป่านนี้คะ คุณท่านทั้งสองกลับมาถึงแล้วนะคะ” นมพิมปลดล็อกประตูมือไม้สั่นเพราะความรีบเร่งแต่ก็ยังไม่วายบ่นหญิงสาวไปด้วย

“โธ่…นมจ๋าอย่าเพิ่งดุน้องอายสิ ขอน้องอายรีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปบนห้องรึยัง” รวิชาถามอย่างร้อนรน พลางชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้าน

“เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ เห็นว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่รู้จะลงมาเมื่อไร”

รวิชาไม่รอให้แม่นมพูดจบ รีบเดินเลาะไปตามริมกำแพงโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ริมกำแพงเป็นที่กำบังกายจากด้านบน โดยมีแม่นมเดินตามหลังคอยช่วยมองดูต้นทางให้อีกที จนกระทั่งมาถึงฝั่งห้องครัว หญิงสาวก็รีบถอดรองเท้าแล้ววิ่งผ่านห้องครัวเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่ห้องนอนของเธออยู่ใกล้กับบันไดมากที่สุด เมื่อวิ่งขึ้นไปถึงชั้นบนได้ รวิชาจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วปิดลงอย่างแผ่วเบา โดยมีสายตาเฝ้ามองอย่างลุ้นระทึกของแม่นมที่ยืนเอามือทาบอกไว้ด้านหลัง

และสิ่งที่ทำเอาคนแก่อย่างนมพิมหัวใจแทบวายก็คือ ทันทีที่ประตูห้องของรวิชาปิดลง ประตูห้องที่อยู่ถัดไปก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องทั้งสองคนที่เดินตามกันออกมา

“อ้าว...เป็นอะไรจ๊ะนม ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ”

รวิวรรณถามอย่างเป็นห่วงระหว่างที่เดินลงบันไดไปหา เมื่อเดินไปถึงตัวก็ยกมือขึ้นจับตามแขนของหญิงชราเพื่อเช็กอุณหภูมิร่างกาย

“นมไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ อากาศมันคงร้อนอบอ้าวไปหน่อย ว่าแต่คุณหนูกับคุณทิตย์จะรับอาหารไหมคะ กินอะไรกันมาหรือยัง นมจะได้ให้มาลัยยกสำรับเข้ามาให้” นมพิมยังคงติดเรียกรวิวรรณว่าคุณหนูอยู่บ่อยครั้ง เพราะความที่เคยเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก จนกระทั่งเจ้าตัวกลายเป็นคุณแม่เองแล้ว

“ก็ดีเหมือนกันครับ ผมกับวิยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกัน”

อาทิตย์เป็นคนตอบ พลางเดินนำเข้าไปในห้องอาหาร ส่วนรวิวรรณเหลือบตามองนาฬิกาแขวนผนังแล้วก็หันไปถามแม่นม

“ป่านนี้แล้วยายหนูยังไม่ตื่นอีกหรือคะนม ตื่นสายเกินไปแล้วนะ เดี๋ยววิขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า” รวิวรรณทำท่าจะเดินกลับขึ้นบันไดไปอีกครั้ง แต่นมพิมก็คว้าแขนเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวนมขึ้นไปดูให้ก็ได้นะคะ คุณผู้หญิงมาเหนื่อย ๆ ไปนั่งพักที่ห้องอาหารรอดีกว่า”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะนม วิขึ้นไปดูยายหนูเอง นมแก่แล้วให้ขึ้น ๆ ลง ๆ บันไดบ่อย ๆ มันดีที่ไหน” ถึงแม้เธอจะมีฐานะเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน แต่รวิวรรณก็ถือว่านมพิมเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของครอบครัว เธอจึงมักใช้ชื่อเล่นของตนเป็นคำแทนตัวเวลาพูดคุยกับแม่นมทุกครั้ง

รวิวรรณยิ้มให้แม่นมชรา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปเคาะที่ห้องของบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน

รวิชาสลัดเสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวตั้งแต่เมื่อคืนทิ้งลงไปในตะกร้าอย่างเร่งรีบจนเหลือแต่ชุดชั้นใน และนึกขึ้นได้ว่าเธอเอาเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของภีมพลเมื่อตอนที่วิ่งลงบันไดมาจากชั้นสองของผับ และกำธนบัตรเอาไว้ในมือแค่เล็กน้อยสำหรับค่าแท็กซี่กลับบ้าน

หญิงสาวหยิบธนบัตรปึกนั้นออกมาแล้วเอาใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่ไยดี แล้วรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดนอนมาสวมใส่ จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการเช็ดเครื่องสำอางที่ยังหลงเหลืออยู่ แล้วล้างหน้าให้สะอาด ก่อนที่บิดามารดาจะมาเคาะประตูเรียก

“หนูอาย...ตื่นหรือยังลูก”

รวิชาสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของมารดา หญิงสาวรีบหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้า แล้วเดินไปเปิดประตูให้ จากนั้นก็โผเข้ากอดท่านอย่างออดอ้อน

“คุณแม่ขา...ไหนบอกว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับไงคะ ทำไมกลับมาวันนี้ได้ล่ะ คิดถึงน้องอายล่ะสิใช่ไหม”

หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับไหล่มารดาแล้วถูไถไปมาราวกับแมวขี้อ้อนจนผู้เป็นมารดาอดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“ก็ใช่น่ะสิ แม่กับพ่อขอโทษหนูนะลูกที่กลับมาดินเนอร์กับหนูเมื่อวานไม่ทัน เอาเป็นว่าคืนนี้เราค่อยไปกันใหม่เนอะ หนูไม่โกรธใช่ไหมลูก”

รวิวรรณลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ยอมรับว่ารู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่มีเวลาให้บุตรสาวมากนัก เพราะภาระหน้าที่ที่มีอยู่มากมายจึงทำให้ไม่สามารถทิ้งให้สามีดูแลเพียงคนเดียวได้ อีกทั้งสูตรการผสมน้ำมันหอมต่าง ๆ เธอก็ต้องเป็นคนลงมือทำด้วยตนเอง เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นมาขโมยสูตรเก่าแก่ของตระกูลที่ตกทอดกันมาช้านาน ไปชุบมือเปิบอย่างที่บุญทรงกำลังพยายามทำอยู่

“ไม่โกรธหรอกค่ะ น้องอายรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่งานยุ่ง...เราลงไปหาอะไรกินกันดีกว่าค่ะคุณแม่ น้องอายหิวแล้วละ”

รวิชาผละจากมารดา ก่อนจะชักชวนกันไปรับประทานอาหารทั้งที่ตนเองยังอยู่ในชุดนอนที่เพิ่งเปลี่ยนใส่เมื่อครู่

หลังจากมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงจบลงไปด้วยเสียงหัวเราะของสามคนพ่อแม่ลูกที่นาน ๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งในบ้าน รวิชาก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนอาทิตย์ก็ชวนภรรยาออกไปคุยกันในห้องนั่งเล่น

“เมื่อครู่ผมโทร. หาคุณภีมแล้วนะ เขาบอกว่าอีกประมาณสิบนาทีจะถึงบ้าน ถ้าเขามาถึงแล้วจะโทร. มาบอกเราอีกที ถึงตอนนั้นเราค่อยเดินไปบ้านเขากัน ผมบอกเขาแล้วละว่าเราจะไปหาเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย”

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์มือถือของอาทิตย์ก็ดังขึ้น อาทิตย์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกดรับสาย พูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็วางสายแล้วหันมาพูดกับภรรยาที่ยืนฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“คุณภีมเขาบอกว่าเดี๋ยวจะมาหาเราที่นี่เอง”

“งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกให้มาลัยเตรียมของว่างกับกาแฟไว้นะคะ”

รวิวรรณลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นเพื่อสั่งแม่บ้านให้เตรียมของว่างไว้รับแขก จากนั้นจึงเดินกลับออกมา ระหว่างที่เดินมาจากหลังบ้านก็เห็นร่างสูงโปร่งของแขกที่นัดเอาไว้กำลังยืนถอดรองเท้าอยู่หน้าบ้านพอดี

“อ้าวคุณภีม มาไวจริง” รวิวรรณเอ่ยทักหนุ่มข้างบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และรับไหว้ภีมพลที่กำลังยกมือไหว้เช่นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“สวัสดีครับพี่วิ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

“นั่นสิ นานมากเลยเนอะ ทั้งที่รั้วบ้านก็ติดกันแท้ ๆ เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ คุณทิตย์เขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น” รวิวรรณเดินนำไปยังห้องที่สามีนั่งรออยู่ ภีมพลพยักหน้ารับพร้อมกับเดินตามเจ้าของบ้านไป

เมื่อเห็นแขกที่ตนเชิญมา อาทิตย์จึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ

“สวัสดีครับพี่ทิตย์” ภีมพลยกมือไหว้เจ้าของบ้านอีกคน

“สวัสดีครับ สบายดีนะคุณภีม เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ห้องทำงานดีกว่า เชิญครับ” อาทิตย์รับไหว้แล้วผายมือเชื้อเชิญให้เข้าไปคุยกันในห้องทำงานที่อยู่ถัดไป

รวิชาเดินลงบันไดมาด้วยความสดชื่น และอารมณ์ดี เพราะตอนอาบน้ำเธอสำรวจร่างกายของตนเองแล้วจึงรู้ว่ายังไม่มีส่วนใดเสียหายหรือบุบสลาย ทุกอย่างยังอยู่ครบตามสภาพ เธอเองก็ไม่ใช่เด็กประถมที่จะดูไม่ออกว่าร่างกายโดนทำอะไรมาบ้าง ในเมื่อเพศศึกษาก็เรียนมา นั่นก็หมายความว่าคุณผีดิบยังไม่ได้ทำอะไรเธอ ในใจนึกชื่นชมเขาอยู่บ้างที่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ฉวยโอกาสกับคนไม่มีสติ ซึ่งหากเป็นคนอื่น ป่านนี้เธออาจจะยังไม่ได้กลับบ้านก็เป็นได้

ระหว่างเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อจะคุยกับบิดามารดา สายตาของหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นแม่บ้านกำลังยกของว่างพร้อมกับกาแฟอีกสามแก้วเดินไปทางห้องทำงานจึงอดถามขึ้นไม่ได้

“คุณพ่อกับคุณแม่มีแขกหรือคะพี่มาลัย” หญิงสาวมองถาดในมือของแม่บ้าน

“ค่ะ เพิ่งมาเมื่อสักครู่นี่เอง มาถึงก็เข้าห้องทำงานคุยกันเลย”

มาลัยตอบก่อนขอตัวเข้าไปเสิร์ฟของว่างให้แขก รวิชาจึงกลับขึ้นห้องเพื่อไปโทรศัพท์หาพรรณราย สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 100%

    กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ห้องทำงานชั้นล่างปิดเงียบอยู่อย่างนั้น มีเปิดออกมาเพียงครั้งเดียวตอนที่รวิวรรณเดินมาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นในครัวไปสองขวด แล้วก็กลับเข้าไปในห้องตามเดิม“พี่ทิตย์ครับ สำหรับเรื่องเงินผมไม่มีปัญหาหรอกนะพี่ก็รู้ เรามันก็คนบ้านใกล้เรือนเคียง ต่อให้พี่ขอยืมผมมากกว่านี้ผมก็ให้พี่ยืมอยู่แล้ว แต่เรื่องหมั้นผมว่าไม่จำเป็นก็ได้มั้งครับ น้องอายยังเด็กอยู่เลย ทางนั้นมันจะเห็นแก่ผลประโยชน์จนถึงขนาดหวังรวบรัดน้องอายทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนนี่เชียวหรือ ถ้ามันจะเลวขนาดนั้น เดี๋ยวผมช่วยส่งคนคอยตามดูแลน้องอายให้ก็ได้ครับ ลูกน้องผมมีเยอะอยู่ พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยครับระหว่างที่พี่ต้องจัดการธุระเรื่องงาน สำหรับผมแล้วน้องอายก็เหมือนหลานผมคนหนึ่ง ผมป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น”ภีมพลพูดอย่างที่ใจคิด ภาพเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ยน่ารักผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง เขาจำรวิชาในตอนนั้นได้ เด็กน้อยตัวจ้อยยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย แค่เขาแกล้งสะดุดขาตนเองจนเกือบล้มก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ทั้งยังขี้อ้อนเป็นที่หนึ่งหนูน้อยเจอหน้าเขาทีไร จะกางแขนให้อุ้มพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 35%

    “ฮ่า ๆ โอย...หายใจไม่ทัน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะอย่างขบขันของพชร เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนคลับซุสดังลั่นทั่วห้องชุดที่เขาเพิ่งควักกระเป๋าซื้อเงินสดให้คู่หมั้นหมาด ๆ ในแบบที่เรียกว่าทั้งบังคับและอ้อนวอนให้เจ้าหล่อนยอมรับ เพราะไม่ต้องการให้ช่อมาลี คู่หมั้นคนสวยต้องอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ และคับแคบ อีกทั้งระบบรักษาความปลอดภัยก็จัดอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเขามองว่ามันดีไม่พอ“แกไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลย ไอ้โอม” ภีมพลแค่นเสียงใส่เพื่อนอย่างขุ่นเคือง คิดผิดแท้ ๆ ที่โทร. เล่าเรื่องเมื่อคืนให้พชรฟังตอนแรกเขากะจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป คิดเสียว่าถูกแก๊งสิบแปดมงกุฎหลอกตุ๋นจนสูญเงินไปร่วมสองหมื่นแต่พอถูกเพื่อนสนิทหัวเราะเยาะ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความตั้งใจทันที นั่นคือต้องจับแม่สาวแสบนั่นมาสำเร็จโทษให้ได้ โทษฐานที่ทำให้เขาต้องเสียเหลี่ยม ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าหล่อนยังมาลูบคมเขาถึงถิ่นอีกด้วย“จะไม่ให้ฉันขำได้ไงวะไอ้ภีม นอกจากจะไม่ได้แอ้มแล้ว ยังโดนกวาดเงินไปเกลี้ยงกระเป๋า นี่แกอย่าไปเล่าให้ใครฟังเชียวนะเว้ย อับอายขายขี้หน้าเขาตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 70%

    ภีมพลถึงกับชะงัก เช่นเดียวกับรวิชาที่กระพุ่มมือไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นแขกเซอร์ไพรส์ในคืนนี้หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณผีดิบข้างบ้านจะเป็นคนที่บิดามารดาพูดถึง ทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ซื้อตุ๊กตาหมีใหญ่ยักษ์ให้เธออีกด้วยชายหนุ่มจ้องหน้าสาวน้อยตรงหน้าไม่วางตา ใบหน้าแบบนี้ ผมแบบนี้ จมูกและปากแบบนี้ ใช่แน่แล้ว! เธอเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่นอนร่วมเตียงกับเขามาทั้งคืนไม่ผิดแน่ ยิ่งเธอมองเขาราวกับเห็นผีด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจว่าเธอก็จำเขาได้เช่นกัน“น้องอายจำอาภีมได้ไหมลูก เมื่อก่อนหนูติดอาเขามากเลยนะ อะไร ๆ ก็เรียกหาแต่อาภีม”รวิวรรณจับไหล่บุตรสาวแล้วหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองอย่างอึ้ง ๆ เห็นสีหน้าของเขาแล้วเธอก็ไม่ได้นึกติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าคงแปลกใจที่เห็นเด็กน้อยที่เคยตามต้อย ๆ ในวันวานจะโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วรวิชาไม่ตอบ แต่ก้มศีรษะลงจนหน้าผากจดกับปลายนิ้วที่พนมอยู่เป็นการไหว้ชายหนุ่มแล้วหลุบตามองแต่พื้นเบื้องล่างขณะที่ภีมพลเพิ่งได้สติจึงยกมือขึ้นรับไหว้ ผุดยิ้มมุมปากเมื่อตั้งหลักได้“ตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 100%

    “แล้วอยากให้อาบอกพ่อกับแม่เรารึเปล่าล่ะ”ภีมพลยิ้มระรื่น ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเก๊กหน้าดุเอ็ดคนหนีเที่ยวสักหน่อย ทว่าพอเห็นหน้าใส ๆ งอง้ำจนปากจิ้มลิ้มนั่นยื่นออกมาก็ทำเอาเขาหลุดอาการจนได้รวิชาช้อนสายตาขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ จึงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้ตนอยู่ใกล้ชิดกับเขามากแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงความใกล้ชิดนี้ได้ เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวแรกแย้ม และพวงแก้มอ่อนใสกำลังรบกวนสมาธิของเขา และความรู้สึกตอนที่เขาหาเศษหาเลยกับเธอตอนนอนสลบอยู่ในห้องเมื่อคืนก็ผุดขึ้นในหัว จึงส่งผลให้สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อจนตาปรอย“เอาเถอะ อาไม่บอกพ่อกับแม่เราหรอก แต่อย่าให้มีครั้งที่สอง รู้รึเปล่าว่าเมื่อคืนถ้าอาช่วยไว้ไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น”ภีมพลเสียงเข้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกใจหายกับเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาทันที ไม่อยากนึกเลยว่าหากเขาไม่ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปสอดผู้ชายสองคนนั้นไว้ ป่านนี้สาวน้อยตรงหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้“ขอบคุณค่ะอาภีม น้องอายรับรองว่าจะไม่มีครั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 35%

    หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว รวิชาจึงออกมานั่งเล่นในสวนพร้อมแก้วน้ำใบโปรด หนังสือการ์ตูน และหมอนอิง ตอนนี้ดอกแก้วในสวนหลังบ้านกำลังบานสะพรั่งแข่งกันส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจาย หญิงสาวไปยังศาลาไม้สักหลังเล็ก วางแก้วน้ำกับหนังสือการ์ตูนบนโต๊ะ จัดหมอนอิงให้พิงไว้กับพนักข้างหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งยืดขาบนม้านั่งตัวยาว เอนหลังพิงหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางผ่อนคลายเธอชอบมุมนี้ของบ้านที่สุด รองลงมาจากพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ตรงระเบียงห้องนอน เพราะที่นี่จะมีไม้ดอกไม้ประดับแข่งกันส่งกลิ่นหอมชวนให้ชื่นใจทุกครั้งที่ได้เข้ามานั่งพักผ่อน บางวันเธอเผลอหลับคาหนังสือเรียน หรือหนังสือการ์ตูนที่ศาลาตรงนี้บ่อยมาก เพราะลมธรรมชาติที่พัดเอื่อยเฉื่อยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีกันของใบไม้ใบหญ้าที่ขับกล่อมให้เข้าสู่นิทรารมณ์ได้เป็นอย่างดีรวิชาไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านแนวรั้วเข้ามาภายในตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงขาสั้นกุดตามแบบสมัยนิยมที่เขาเคยเห็นวัยรุ่นทั่วไปนิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 70%

    หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะมันคอยแต่จะคลี่ออกกว้าง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปทางที่คนบ้าเพิ่งเดินผ่านไป พลางค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หวังจะให้มันช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักภีมพลมองหาเจ้าของบ้านเพราะไม่อยากเสียมารยาทไปนั่งรอที่ห้องรับแขกโดยพลการ ระหว่างชั่งใจว่าจะเดินย้อนไปหารวิชาดีหรือไม่ เขาก็เห็นมาลัย แม่บ้านของที่นี่เดินมาหาเสียก่อน“มาหาคุณผู้ชายหรือคะคุณ”“ผมมาหาพี่อาทิตย์กับพี่วิน่ะครับ”แม่บ้านเดินนำภีมพลไปที่ห้องรีบแขกแล้วให้เขานั่งรอในนั้น จากนั้นมาลัยจึงเดินไปยังห้องทำงานเพื่อบอกเจ้านายว่ามีแขกมารอพบภีมพลลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะใต้บันไดเมื่อเห็นกรอบรูปหลายอันวางอยู่ เขาเลือกหยิบขึ้นมาอันหนึ่งซึ่งเป็นรูปของเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาสุกสกาว มัดแกละไว้สองข้าง ที่แก้มยุ้ย ๆ นั่นประแป้งไว้ขาวนวลจนน่าหยิกเล่น เจ้าตัวกำลังยิ้มร่าอวดฟันน้ำนมที่ขึ้นเรียงตัวสวยทั้งบนและล่าง มีตุ๊กตาหมีสีขาวใส่ชุดเจ้าสาวฟูฟ่องอยู่ในอ้อมกอด ดูเหมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 100%

    “คงมีบ้างค่ะ ก็ต้องช่วยกันพูดค่อย ๆ หาเหตุผลมาอธิบายให้ฟัง น้องอายถึงจะเป็นเด็ก แต่ความคิดอ่านบางอย่างก็โตเกินวัย มีเหตุผลพอสมควรค่ะ” รวิวรรณยิ้มขึ้นมาได้เมื่อพูดถึงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน“ครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย แล้วตอนเย็นจะให้ลูกน้องเอาใบสัญญามาให้นะครับ”ภีมพลลุกขึ้น สองสามีภรรยาจึงลุกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน อาทิตย์ทำท่าจะเดินไปส่งที่รั้วหลังบ้านที่เดิม แต่ภีมพลนึกขึ้นได้ว่ารวิชานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น และเขาคิดจะแวะคุยเล่นสักหน่อยจึงเอ่ยยั้งเอาไว้ก่อน“พี่ทิตย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ครับ แค่นี้เองผมเดินไปเองก็ได้”“เอางั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณภีม”อาทิตย์ตบบ่าหนุ่มรุ่นน้องอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ปัญหาหลายอย่างที่เคยรุมเร้าเข้ามาเริ่มคลายไปทีละเปลาะ ความตึงเครียดที่บีบคั้นกดดันแน่นหนักอยู่ในอกเริ่มสลายจางลงจนรู้สึกราวกับว่าหายใจได้คล่องขึ้น“ผมยินดีช่วยครับ หากพี่มีปัญหาขอให้บอกผม เรื่องหนูอายก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี” จะดูแลแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

    “คุณพ่อว่าอะไรนะคะ!” รวิชาถามอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนหูแว่วไปเองหรือเปล่า“น้องอายต้องหมั้นกับอาภีมนะลูก แล้วพ่อจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงต้องหมั้น แต่ตอนนี้...” อาทิตย์ยังพูดไม่ทันจบ รวิชาก็ลุกพรวดแล้วหันไปหาผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่อีกด้าน“คุณแม่คะ ดูคุณพ่อสิพูดอะไรก็ไม่รู้ หมั้นอะไรกันน่ะ” เธอต้องการตัวช่วยเพื่อยืนยันคำพูดของบิดาว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาของท่านทั้งสอง หญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ใบหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ แล้วนั่งนิ่งเพื่อรอฟังเหตุผลจากบิดา“ฟังพ่อนะ ที่พ่อกับแม่ให้หนูหมั้นกับอาภีมก็เพราะว่าจะได้กันตาวิชรไม่ให้มายุ่งกับหนู หนูรู้หรือเปล่าว่าทุกวันนี้ลุงบุญทรงยังมาทาบทามหนูให้ลูกชายเขาอยู่เลย ถึงแม้พ่อจะปฏิเสธไปแล้วก็เถอะ พ่อไม่อยากให้เขามาลำเลิกบุญคุณเก่า ๆ ที่เคยช่วยพ่อตอนเปิดบริษัท หนูเป็นลูกสาวของพ่อ ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าหนูไม่ชอบหน้าตาวิชร เพราะฉะนั้นพ่อถึงให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย ทางนั้นจะได้ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26

บทล่าสุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 100%

    “อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 70%

    อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 35%

    หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 100%

    “ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 70%

    “ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 35%

    ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 100%

    หลายเดือนผ่านไปเสียงถอนหายใจจากร่างเล็กที่กำลังเอนตัวนอนไปกับที่นั่งในศาลาไม้สักทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ต้องชะงักเท้าแล้วหันมองตามเสียงนั้น ภีมพลเดินไปหา คนที่นอนหลับตาจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า และไม่รู้ถึงการมาของเขา ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกับเสา มุมปากยกยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาทอดอ่อนเมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้กับเธอกลิ่นน้ำหอมที่เคยคุ้นลอยเข้าจมูก อีกทั้งเริ่มรู้สึกว่าสะโพกกำลังโดนเบียดจากใครบางคน รวิชาลืมตาขึ้นมองแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จนเมื่อได้สบตากันหญิงสาวจึงส่งยิ้มเนือย ๆ ไปให้“เหนื่อยหรือ ถอนหายใจเสียงดังเชียว” ภีมพลเอื้อมมือปัดปอยผมให้อย่างอ่อนโยน รวิชาจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วย้ายฝั่งไปเอนตัวลงนอนหนุนตักแข็ง ๆ ของเขาแทนอย่างออดอ้อน“ถ้าให้ตอบตรง ๆ ก็ใช่ค่ะ หลายเดือนมานี้เลิกเรียนมาก็ต้องมาศึกษางานของบริษัท นี่ยังดีนะที่น้องอายเคยเรียนรู้มาบ้างแล้วตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ ต้องขอบคุณอาภีมค่ะที่ตอนนั้นสอนให้น้องอายได้คิดว่าเราควรจะต้องเริ่มศึกษาธุรกิจของครอบครัวเอา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 70%

    ชายหนุ่มนั่งเท้าแขนอยู่บนโต๊ะพลางมองใบหน้าเนียนใสที่เริ่มมีสีระเรื่ออย่างเอ็นดูแกมมันเขี้ยว เพราะประโยคนั้นของเธอ ทำเอาเขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้นทั้งที่ใกล้สอบเต็มทีอารดาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาวิบวับของชายหนุ่ม ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเมื่อครู่เขาคงได้ยินทุกอย่างจากปากเธอไปหมดแล้ว“อุ้ย...อุ้ยครับ เงยหน้าขึ้นมองพี่หน่อยสิ”เตชินทร์ก้มหน้าเอียงคอลงเพื่อที่จะได้มองหน้าสาวน้อยให้เต็มตา ครั้นพอเธอเงยหน้าขึ้นมา เรียวปากของชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มกว้างจนตายิบหยี“พี่อยากจะบอกอุ้ยว่าครอบครัวของพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่อุ้ยกังวลหรอกนะ อากงอาม่าของพี่สมัยที่มาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ก็เป็นลูกจ้างเข็นของอยู่ในตลาด กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ ครอบครัวของพี่ก็เลยไม่เคยดูถูกใครในเรื่องของฐานะ ท่านทั้งสองให้ความสำคัญกับค่าของคนมากกว่าค่าของเงิน”ชายหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เขาเทใจให้ เมื่อเห็นเธอนั่งนิ่งและตั้งใจฟัง เขาจึงตัดสินใจพูดต่อ“ท่านไม่เคยห้ามหรือกีดกันพี่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 35%

    หลายวันต่อมา ภีมพลยืนดูแบบแปลนและโครงสร้างของโรงงานที่ทีมสถาปนิกเคยนำเสนอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาเห็นว่าปลอดภัยและรัดกุมกว่าโครงสร้างของโรงงานแบบเดิม จึงได้มีคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเขาต้องมาดูแลการก่อสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเองเนื่องจากอาคารหลังเดิมเสียหายจากไฟไหม้มากจนไม่คุ้มหากจะซ่อมแซมใหม่ ตอนนี้ห้องเก็บกลิ่นตัวอย่างจึงต้องอาศัยตู้คอนเทนเนอร์ใช้เป็นออฟฟิศชั่วคราวแทนไปก่อน ส่วนโรงคัดแยกวัตถุดิบก็ใช้พื้นที่ส่วนของลานจอดรถทำไปพลาง ๆ ซึ่งภีมพลได้ว่าจ้างให้ช่างประปาต่อวาล์วน้ำเพิ่มเติมในจุดนี้รวมทั้งทำอ่างสำหรับล้าง และก่อโครงมีหลังคาทำเป็นโรงคัดแยกแบบง่าย ๆ ระหว่างที่รอการก่อสร้างของจริงจะแล้วเสร็จหลังจากที่ดูการก่อสร้างส่วนต่าง ๆ จนพอใจ ชายหนุ่มจึงเดินไปยังอาคารอีกหลังซึ่งเป็นในส่วนของออฟฟิศ และเป็นอาคารที่แยกออกมาจากโรงงาน โชคดีที่อาคารหลังนี้ไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย มิเช่นนั้นบริษัทอาจจะต้องหยุดชะงักลงไปเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ภีมพลกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทร.

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status