หน้าหลัก / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 35%

แชร์

บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 35%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-23 12:45:35

“ผมพูดว่าผมจะให้ลูกสาวเราหมั้นกับคุณภีม”

อาทิตย์พูดเสียงแผ่วเบาราวกับเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน ทว่าสายตาที่มองมายังภรรยาขณะที่พูดนั้นดูจริงจัง ไร้วี่แววล้อเล่นแต่อย่างใด

“ฉันว่าไม่เหมาะมั้งคะคุณ ลูกเราอายุห่างจากคุณภีมตั้งเยอะ และเราก็ไม่รู้ว่าคุณภีมเขามีคนรักรึยัง” รวิวรรณค้าน เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของสามีนัก

“ผมมีเหตุผลก็แล้วกัน...เข้าไปข้างในกันดีกว่า” อาทิตย์พูดพลางชวนภรรยาเข้าไปคุยกันในห้อง

“เหตุผลอะไรคะ” เธอถามขึ้นหลังจากที่เดินตามหลังสามีมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

“เหตุผลของผมข้อแรกเลยก็คือ ผมต้องการกันสองพ่อลูกนั่นไม่ให้มายุ่งกับหนูอายโดยเฉพาะกลวิชร ลูกชายของเขา ถ้าเขายังเห็นว่าหนูอายยังไม่มีคนรักหรือมีแฟน เขาก็จะยิ่งตื๊อให้ลูกเราหมั้นกับลูกชายเขาแน่ ถึงแม้เราจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกอะไรมายุ่งกับลูกของเรารึเปล่า

ข้อสอง ผมต้องการอาศัยอิทธิพลของคุณภีมในการทำธุรกิจครั้งนี้ เพราะถ้าข่าวการหมั้นของคุณภีมกับหนูอายแพร่สะพัดออกไป บรรดาบริษัทใหญ่ ๆ ที่เคยบีบเราก็จะต้องเกรงใจเรามากขึ้น เพราะคุณภีมเป็นถึงเจ้าหนี้รายใหญ่ของหลายธุรกิจ และผมมั่นใจว่าตราบใดที่ยายหนูอายยังอยู่ในฐานะคู่หมั้นของคุณภีม รับรองได้เลยว่าคุณภีมจะดูแลยายหนูเป็นอย่างดี เหมือนดูแลน้องนุ่งคนหนึ่ง ถ้าผมบอกความจำเป็นกับเขาไป ผมว่าเขาเข้าใจถ้าผมอธิบายให้เขาฟัง”

“แล้วคุณภีมเขาจะยอมหรือ จู่ ๆ ต้องมามีห่วงผูกคอ คุณอย่าลืมสิคะว่าคุณภีม รุ่นน้องคุณน่ะ เพลย์บอยเรียกพ่อเลยนะ”

รวิวรรณพูดอย่างที่ใจคิด เธอไม่คิดว่าภีมพลจะยอมตกลงเรื่องหมั้นหมายแน่นอน คนที่รักอิสระเสรี ทั้งยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตามที่เธอกับสามีได้ยินข่าวมาบ่อย ๆ อย่างภีมพลน่ะหรือ จะยอมลงทุนเล่นตามเกมของสามีเธอ

“ผมคิดว่าเรื่องยืมเงิน เขายอมแน่นอน แต่เรื่องหมั้นผมยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่จะว่าไปเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ก็แค่หมั้นกันหลอก ๆ เราหาเงินมาคืนได้เมื่อไรเรื่องการหมั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อนั้น คุณภีมเองก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า...คุณภีมเขาไม่สนใจหนูอายหรอก ลูกเรายังเด็กเกินไป ระดับคุณภีมเขาควงแต่สาวสวยเซ็กซี่ เชื่อผมเถอะว่าระหว่างที่หมั้นกัน ผมว่าคุณภีมเขาก็เอ็นดูลูกเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ตอนยายหนูเล็ก ๆ เขาก็ยังชอบมาอุ้มไปเล่นที่บ้านเขาบ่อย ๆ เพราะตอนนั้นคุณภาเขาอยากมีลูกสาว”

อาทิตย์เอ่ยถึงมารดาของภีมพล ซึ่งตอนนี้ย้ายขึ้นไปอยู่บ้านสวนที่เชียงรายกับคุณวิทยา ผู้เป็นสามี หรือบิดาของภีมพล

“แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ผมก็มีแผนสอง นั่นคือจะขอให้เขาช่วยซื้อหุ้นคืนจากคุณบุญทรงกลับคืนมา อาจจะแพงหน่อย แต่เพื่ออนาคตเราก็ต้องยอม แล้วระหว่างนั้นเราก็ค่อย ๆ ทยอยซื้อคืนมาจากคุณภีมก็ได้ ถ้าเขาจะคิดดอกเบี้ย หรือขายให้เราแพงกว่าตอนที่ซื้อมาก็ไม่เป็นไร ดีกว่าต้องตกไปอยู่ในมือของบุญทรง หรือถูกควบรวมกิจการไปเป็นของเขาหมด”

“ก็ลองดูค่ะ”

รวิวรรณเริ่มเห็นคล้อยตามสามี เมื่อฟังเขายกเหตุผลขึ้นมากล่าวอ้าง เธอไม่ปฏิเสธว่าเมื่อก่อนตอนรวิชายังอายุแค่สามสี่ขวบ ภีมพลในตอนนั้นเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย เขาเอ็นดูรวิชามากถึงขนาดที่ว่ามาขออุ้มไปเล่นที่บ้านบ่อยครั้ง มาแต่ละครั้งก็มักจะบอกว่าคุณแม่ของเขาคิดถึงหนูอาย ส่วนรวิชาก็ติดเขาแจ เห็นหน้าภีมพลทีไรเป็นต้องกางแขนให้อุ้มทุกครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาจะจับยายหนูขึ้นขี่คอแล้วเดินผ่านรั้วไปยังบ้านของตนเอง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ภีมพลก็ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทที่เมืองนอกติดต่อกันยาวนานหลายปี ถ้าจำไม่ผิด เห็นว่าหลังเรียนจบก็ใช้ชีวิตอยู่ต่ออีกร่วมห้าปีกว่าจะยอมกลับมาเมืองไทยเพื่อรับสืบทอดกิจการต่อจากบิดาเพราะเป็นบุตรชายคนเดียว ตั้งแต่นั้นเธอจึงไม่ค่อยเห็นเขาเท่าไร จะมีก็แต่อาทิตย์ สามีของเธอที่ยังติดต่อพูดคุยอยู่บ้าง

ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่านอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้าง มือควานหาผ้าห่มที่ร่นลงไปกองอยู่หน้าขา ให้กลับขึ้นมาปิดคลุมร่างกายเพื่อคลายความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

ภีมพลผุดยิ้มมุมปากเมื่อนึกได้ว่าเช้านี้เขาไม่ได้นอนคนเดียว และมื้อเช้าของเขาก็คงจะเป็นคนตัวนิ่มที่นอนอยู่ข้างกันนี่เอง ชายหนุ่มควานมือสะเปะสะปะไปใต้ผ้าห่มหวังจะใช้ฝ่ามือนำร่องไปก่อน ทว่าสิ่งที่สัมผัสได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า หนำซ้ำที่นอนข้างกายยังเย็นเยียบราวกับไร้คนนอนมาพักใหญ่แล้ว

“หืม...”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันทีเมื่อพบความผิดปกติ เขาผงกศีรษะขึ้นมองพื้นที่ข้างกาย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปทางห้องน้ำ เห็นประตูเปิดแง้มอยู่ แต่ไม่มีเสียงที่แสดงให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน จึงตวัดขาลงจากเตียงเดินโทง ๆ ไปดูว่าหญิงสาวที่เขาพามาเมื่อคืนยังอยู่ในห้องหรือเปล่า

“คุณครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”

ภีมพลเคาะประตูสองสามครั้งไม่ดังนัก พอให้คนที่อยู่ข้างในได้ยิน ทว่ากลับมีแต่เพียงความเงียบที่ตอบกลับมา จึงตัดสินใจเปิดแง้มเข้าไปอีกนิด

“ผมจะเข้าไปแล้วนะ”

เขาส่งเสียงพลางก้าวขาเข้าไปทีละนิด ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู

“อ้าว...ไปแล้วงั้นหรือ”

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะจัดการทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านใหญ่ที่มีเขาอยู่เพียงลำพังกับแม่บ้านเก่าแก่สองคน เด็กรับใช้อีกหนึ่งคน และคนสวนหนึ่งคนเท่านั้น

แม้จะทำงานควบทั้งกลางวันและกลางคืน แต่โดยส่วนใหญ่เขาก็มักจะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่เสมอ นอกจากเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ที่เขาจะอยู่ค้างที่คลับเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา

ภีมพลยกมือขึ้นนวดขมับไปมาเป็นวงกลม ผลจากการดวลสุรากับเพื่อนเมื่อคืน ทำเอาเขาปวดศีรษะราวกับมีคนเอาคีมอันใหญ่มาบีบเอาไว้ สมองครุ่นคิดไปถึงแม่สาวเนื้อนุ่มร่างกลมกลึงที่เขานอนกอดอยู่เมื่อคืน แล้วก็อดรู้สึกเสียดายและโทษตนเองไม่ได้ เขาไม่น่าเมามายจนอดกินของหวานน่าอร่อยจานนี้เลย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็คว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือเดินออกจากห้อง แล้วลงบันไดออกไปยังลานจอดรถของพนักงาน เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในป้อมค้อมศีรษะให้ เขาจึงพยักหน้าให้อีกฝ่าย ครั้นพอนึกอะไรขึ้นได้จึงเดินไปหา

“เมื่อเช้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกไปจากที่นี่หรือเปล่า”

“เห็นครับ เธอออกไปแต่เช้าแล้วครับคุณภีม ยังให้ผมเรียกแท็กซี่ให้อยู่เลย”

คนถูกถามรายงานไปตามความเป็นจริง เมื่อเช้าเขาเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากประตูทางด้านหลังโดยมีเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งคลุมกายอยู่ เธอเดินเข้ามาหาเขาแล้วไหว้วานให้ช่วยเรียกรถแท็กซี่ให้ ก่อนขึ้นรถเจ้าตัวยังอุตส่าห์ยื่นธนบัตรใบสีเทาให้ด้วยใบหนึ่ง

“อืม...แค่นี้แหละ ขอบใจมาก” ภีมพลเดินออกไปขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบริเวณคลับอย่างไม่รีบเร่งนัก วันนี้เป็นวันเสาร์ อีกทั้งเพิ่งจะสิบโมงเช้า รถราตามท้องถนนจึงไม่หนาแน่นเหมือนวันธรรมดา

ชายหนุ่มขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดี นิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ โชคดีที่บนห้องมียาแก้ปวดเหลืออยู่ เขาจึงไม่ต้องทนกับอาการปวดศีรษะจากอาการเมาค้าง

เขาเห็นว่ารถมีน้ำมันเหลืออยู่ไม่มากจึงตบไฟซ้ายเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันทันที หลังจากเขาจอดรถแล้วเด็กปั๊มก็วิ่งเข้ามายืนข้างกระจกรถอย่างรู้งานเมื่อเห็นเจ้าของรถเลื่อนกระจกลง

“เก้าห้าเต็มถังครับ”

ภีมพลบอกเด็กปั๊ม ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมจ่ายเงินค่าน้ำมัน แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเปิดกระเป๋าออกดู

“เฮ้ย! เงินหายไปไหนหมดวะเนี่ย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 70%

    รวิชานั่งรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน ครั้นพอเห็นว่าบิดามารดากำลังยืนคุยกันอยู่ที่โรงรถ เธอจึงรีบบอกให้โชเฟอร์ขับเลยไปอีกเล็กน้อยจนเกือบถึงบ้านของคุณผีดิบ หลังจ่ายค่าแท็กซี่เสร็จเรียบร้อยก็เดินย้อนกลับมาที่บ้านของตน แล้วแอบซุ่มดูอยู่ข้างประตูเล็กเพื่อดูว่าจะมีคนเดินมาหน้าบ้านบ้างหรือเปล่า โชคดีที่แม่นมเดินออกมายืนหน้าบ้านพอดี เธอจึงรีบโบกมือให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูให้“ตายแล้วคุณหนูของนมทำไมกลับมาเอาป่านนี้คะ คุณท่านทั้งสองกลับมาถึงแล้วนะคะ” นมพิมปลดล็อกประตูมือไม้สั่นเพราะความรีบเร่งแต่ก็ยังไม่วายบ่นหญิงสาวไปด้วย“โธ่…นมจ๋าอย่าเพิ่งดุน้องอายสิ ขอน้องอายรีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปบนห้องรึยัง” รวิชาถามอย่างร้อนรน พลางชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้าน“เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ เห็นว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่รู้จะลงมาเมื่อไร”รวิชาไม่รอให้แม่นมพูดจบ รีบเดินเลาะไปตามริมกำแพงโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ริมกำแพงเป็นที่กำบังกายจากด้านบน โดยมีแม่นมเดินตามหลังคอยช่วยมองดูต้นทางให้อีกที จนกระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 100%

    กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ห้องทำงานชั้นล่างปิดเงียบอยู่อย่างนั้น มีเปิดออกมาเพียงครั้งเดียวตอนที่รวิวรรณเดินมาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นในครัวไปสองขวด แล้วก็กลับเข้าไปในห้องตามเดิม“พี่ทิตย์ครับ สำหรับเรื่องเงินผมไม่มีปัญหาหรอกนะพี่ก็รู้ เรามันก็คนบ้านใกล้เรือนเคียง ต่อให้พี่ขอยืมผมมากกว่านี้ผมก็ให้พี่ยืมอยู่แล้ว แต่เรื่องหมั้นผมว่าไม่จำเป็นก็ได้มั้งครับ น้องอายยังเด็กอยู่เลย ทางนั้นมันจะเห็นแก่ผลประโยชน์จนถึงขนาดหวังรวบรัดน้องอายทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนนี่เชียวหรือ ถ้ามันจะเลวขนาดนั้น เดี๋ยวผมช่วยส่งคนคอยตามดูแลน้องอายให้ก็ได้ครับ ลูกน้องผมมีเยอะอยู่ พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยครับระหว่างที่พี่ต้องจัดการธุระเรื่องงาน สำหรับผมแล้วน้องอายก็เหมือนหลานผมคนหนึ่ง ผมป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น”ภีมพลพูดอย่างที่ใจคิด ภาพเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ยน่ารักผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง เขาจำรวิชาในตอนนั้นได้ เด็กน้อยตัวจ้อยยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย แค่เขาแกล้งสะดุดขาตนเองจนเกือบล้มก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ทั้งยังขี้อ้อนเป็นที่หนึ่งหนูน้อยเจอหน้าเขาทีไร จะกางแขนให้อุ้มพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 35%

    “ฮ่า ๆ โอย...หายใจไม่ทัน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะอย่างขบขันของพชร เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนคลับซุสดังลั่นทั่วห้องชุดที่เขาเพิ่งควักกระเป๋าซื้อเงินสดให้คู่หมั้นหมาด ๆ ในแบบที่เรียกว่าทั้งบังคับและอ้อนวอนให้เจ้าหล่อนยอมรับ เพราะไม่ต้องการให้ช่อมาลี คู่หมั้นคนสวยต้องอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ และคับแคบ อีกทั้งระบบรักษาความปลอดภัยก็จัดอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเขามองว่ามันดีไม่พอ“แกไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลย ไอ้โอม” ภีมพลแค่นเสียงใส่เพื่อนอย่างขุ่นเคือง คิดผิดแท้ ๆ ที่โทร. เล่าเรื่องเมื่อคืนให้พชรฟังตอนแรกเขากะจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป คิดเสียว่าถูกแก๊งสิบแปดมงกุฎหลอกตุ๋นจนสูญเงินไปร่วมสองหมื่นแต่พอถูกเพื่อนสนิทหัวเราะเยาะ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความตั้งใจทันที นั่นคือต้องจับแม่สาวแสบนั่นมาสำเร็จโทษให้ได้ โทษฐานที่ทำให้เขาต้องเสียเหลี่ยม ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าหล่อนยังมาลูบคมเขาถึงถิ่นอีกด้วย“จะไม่ให้ฉันขำได้ไงวะไอ้ภีม นอกจากจะไม่ได้แอ้มแล้ว ยังโดนกวาดเงินไปเกลี้ยงกระเป๋า นี่แกอย่าไปเล่าให้ใครฟังเชียวนะเว้ย อับอายขายขี้หน้าเขาตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 70%

    ภีมพลถึงกับชะงัก เช่นเดียวกับรวิชาที่กระพุ่มมือไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นแขกเซอร์ไพรส์ในคืนนี้หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณผีดิบข้างบ้านจะเป็นคนที่บิดามารดาพูดถึง ทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ซื้อตุ๊กตาหมีใหญ่ยักษ์ให้เธออีกด้วยชายหนุ่มจ้องหน้าสาวน้อยตรงหน้าไม่วางตา ใบหน้าแบบนี้ ผมแบบนี้ จมูกและปากแบบนี้ ใช่แน่แล้ว! เธอเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่นอนร่วมเตียงกับเขามาทั้งคืนไม่ผิดแน่ ยิ่งเธอมองเขาราวกับเห็นผีด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจว่าเธอก็จำเขาได้เช่นกัน“น้องอายจำอาภีมได้ไหมลูก เมื่อก่อนหนูติดอาเขามากเลยนะ อะไร ๆ ก็เรียกหาแต่อาภีม”รวิวรรณจับไหล่บุตรสาวแล้วหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองอย่างอึ้ง ๆ เห็นสีหน้าของเขาแล้วเธอก็ไม่ได้นึกติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าคงแปลกใจที่เห็นเด็กน้อยที่เคยตามต้อย ๆ ในวันวานจะโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วรวิชาไม่ตอบ แต่ก้มศีรษะลงจนหน้าผากจดกับปลายนิ้วที่พนมอยู่เป็นการไหว้ชายหนุ่มแล้วหลุบตามองแต่พื้นเบื้องล่างขณะที่ภีมพลเพิ่งได้สติจึงยกมือขึ้นรับไหว้ ผุดยิ้มมุมปากเมื่อตั้งหลักได้“ตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 100%

    “แล้วอยากให้อาบอกพ่อกับแม่เรารึเปล่าล่ะ”ภีมพลยิ้มระรื่น ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเก๊กหน้าดุเอ็ดคนหนีเที่ยวสักหน่อย ทว่าพอเห็นหน้าใส ๆ งอง้ำจนปากจิ้มลิ้มนั่นยื่นออกมาก็ทำเอาเขาหลุดอาการจนได้รวิชาช้อนสายตาขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ จึงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้ตนอยู่ใกล้ชิดกับเขามากแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงความใกล้ชิดนี้ได้ เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวแรกแย้ม และพวงแก้มอ่อนใสกำลังรบกวนสมาธิของเขา และความรู้สึกตอนที่เขาหาเศษหาเลยกับเธอตอนนอนสลบอยู่ในห้องเมื่อคืนก็ผุดขึ้นในหัว จึงส่งผลให้สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อจนตาปรอย“เอาเถอะ อาไม่บอกพ่อกับแม่เราหรอก แต่อย่าให้มีครั้งที่สอง รู้รึเปล่าว่าเมื่อคืนถ้าอาช่วยไว้ไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น”ภีมพลเสียงเข้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกใจหายกับเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาทันที ไม่อยากนึกเลยว่าหากเขาไม่ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปสอดผู้ชายสองคนนั้นไว้ ป่านนี้สาวน้อยตรงหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้“ขอบคุณค่ะอาภีม น้องอายรับรองว่าจะไม่มีครั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 35%

    หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว รวิชาจึงออกมานั่งเล่นในสวนพร้อมแก้วน้ำใบโปรด หนังสือการ์ตูน และหมอนอิง ตอนนี้ดอกแก้วในสวนหลังบ้านกำลังบานสะพรั่งแข่งกันส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจาย หญิงสาวไปยังศาลาไม้สักหลังเล็ก วางแก้วน้ำกับหนังสือการ์ตูนบนโต๊ะ จัดหมอนอิงให้พิงไว้กับพนักข้างหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งยืดขาบนม้านั่งตัวยาว เอนหลังพิงหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางผ่อนคลายเธอชอบมุมนี้ของบ้านที่สุด รองลงมาจากพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ตรงระเบียงห้องนอน เพราะที่นี่จะมีไม้ดอกไม้ประดับแข่งกันส่งกลิ่นหอมชวนให้ชื่นใจทุกครั้งที่ได้เข้ามานั่งพักผ่อน บางวันเธอเผลอหลับคาหนังสือเรียน หรือหนังสือการ์ตูนที่ศาลาตรงนี้บ่อยมาก เพราะลมธรรมชาติที่พัดเอื่อยเฉื่อยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีกันของใบไม้ใบหญ้าที่ขับกล่อมให้เข้าสู่นิทรารมณ์ได้เป็นอย่างดีรวิชาไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านแนวรั้วเข้ามาภายในตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงขาสั้นกุดตามแบบสมัยนิยมที่เขาเคยเห็นวัยรุ่นทั่วไปนิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 70%

    หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะมันคอยแต่จะคลี่ออกกว้าง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปทางที่คนบ้าเพิ่งเดินผ่านไป พลางค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หวังจะให้มันช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักภีมพลมองหาเจ้าของบ้านเพราะไม่อยากเสียมารยาทไปนั่งรอที่ห้องรับแขกโดยพลการ ระหว่างชั่งใจว่าจะเดินย้อนไปหารวิชาดีหรือไม่ เขาก็เห็นมาลัย แม่บ้านของที่นี่เดินมาหาเสียก่อน“มาหาคุณผู้ชายหรือคะคุณ”“ผมมาหาพี่อาทิตย์กับพี่วิน่ะครับ”แม่บ้านเดินนำภีมพลไปที่ห้องรีบแขกแล้วให้เขานั่งรอในนั้น จากนั้นมาลัยจึงเดินไปยังห้องทำงานเพื่อบอกเจ้านายว่ามีแขกมารอพบภีมพลลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะใต้บันไดเมื่อเห็นกรอบรูปหลายอันวางอยู่ เขาเลือกหยิบขึ้นมาอันหนึ่งซึ่งเป็นรูปของเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาสุกสกาว มัดแกละไว้สองข้าง ที่แก้มยุ้ย ๆ นั่นประแป้งไว้ขาวนวลจนน่าหยิกเล่น เจ้าตัวกำลังยิ้มร่าอวดฟันน้ำนมที่ขึ้นเรียงตัวสวยทั้งบนและล่าง มีตุ๊กตาหมีสีขาวใส่ชุดเจ้าสาวฟูฟ่องอยู่ในอ้อมกอด ดูเหมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 100%

    “คงมีบ้างค่ะ ก็ต้องช่วยกันพูดค่อย ๆ หาเหตุผลมาอธิบายให้ฟัง น้องอายถึงจะเป็นเด็ก แต่ความคิดอ่านบางอย่างก็โตเกินวัย มีเหตุผลพอสมควรค่ะ” รวิวรรณยิ้มขึ้นมาได้เมื่อพูดถึงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน“ครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย แล้วตอนเย็นจะให้ลูกน้องเอาใบสัญญามาให้นะครับ”ภีมพลลุกขึ้น สองสามีภรรยาจึงลุกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน อาทิตย์ทำท่าจะเดินไปส่งที่รั้วหลังบ้านที่เดิม แต่ภีมพลนึกขึ้นได้ว่ารวิชานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น และเขาคิดจะแวะคุยเล่นสักหน่อยจึงเอ่ยยั้งเอาไว้ก่อน“พี่ทิตย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ครับ แค่นี้เองผมเดินไปเองก็ได้”“เอางั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณภีม”อาทิตย์ตบบ่าหนุ่มรุ่นน้องอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ปัญหาหลายอย่างที่เคยรุมเร้าเข้ามาเริ่มคลายไปทีละเปลาะ ความตึงเครียดที่บีบคั้นกดดันแน่นหนักอยู่ในอกเริ่มสลายจางลงจนรู้สึกราวกับว่าหายใจได้คล่องขึ้น“ผมยินดีช่วยครับ หากพี่มีปัญหาขอให้บอกผม เรื่องหนูอายก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี” จะดูแลแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 100%

    “อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 70%

    อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 35%

    หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 100%

    “ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 70%

    “ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 35%

    ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 100%

    หลายเดือนผ่านไปเสียงถอนหายใจจากร่างเล็กที่กำลังเอนตัวนอนไปกับที่นั่งในศาลาไม้สักทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ต้องชะงักเท้าแล้วหันมองตามเสียงนั้น ภีมพลเดินไปหา คนที่นอนหลับตาจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า และไม่รู้ถึงการมาของเขา ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกับเสา มุมปากยกยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาทอดอ่อนเมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้กับเธอกลิ่นน้ำหอมที่เคยคุ้นลอยเข้าจมูก อีกทั้งเริ่มรู้สึกว่าสะโพกกำลังโดนเบียดจากใครบางคน รวิชาลืมตาขึ้นมองแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จนเมื่อได้สบตากันหญิงสาวจึงส่งยิ้มเนือย ๆ ไปให้“เหนื่อยหรือ ถอนหายใจเสียงดังเชียว” ภีมพลเอื้อมมือปัดปอยผมให้อย่างอ่อนโยน รวิชาจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วย้ายฝั่งไปเอนตัวลงนอนหนุนตักแข็ง ๆ ของเขาแทนอย่างออดอ้อน“ถ้าให้ตอบตรง ๆ ก็ใช่ค่ะ หลายเดือนมานี้เลิกเรียนมาก็ต้องมาศึกษางานของบริษัท นี่ยังดีนะที่น้องอายเคยเรียนรู้มาบ้างแล้วตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ ต้องขอบคุณอาภีมค่ะที่ตอนนั้นสอนให้น้องอายได้คิดว่าเราควรจะต้องเริ่มศึกษาธุรกิจของครอบครัวเอา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 70%

    ชายหนุ่มนั่งเท้าแขนอยู่บนโต๊ะพลางมองใบหน้าเนียนใสที่เริ่มมีสีระเรื่ออย่างเอ็นดูแกมมันเขี้ยว เพราะประโยคนั้นของเธอ ทำเอาเขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้นทั้งที่ใกล้สอบเต็มทีอารดาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาวิบวับของชายหนุ่ม ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเมื่อครู่เขาคงได้ยินทุกอย่างจากปากเธอไปหมดแล้ว“อุ้ย...อุ้ยครับ เงยหน้าขึ้นมองพี่หน่อยสิ”เตชินทร์ก้มหน้าเอียงคอลงเพื่อที่จะได้มองหน้าสาวน้อยให้เต็มตา ครั้นพอเธอเงยหน้าขึ้นมา เรียวปากของชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มกว้างจนตายิบหยี“พี่อยากจะบอกอุ้ยว่าครอบครัวของพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่อุ้ยกังวลหรอกนะ อากงอาม่าของพี่สมัยที่มาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ก็เป็นลูกจ้างเข็นของอยู่ในตลาด กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ ครอบครัวของพี่ก็เลยไม่เคยดูถูกใครในเรื่องของฐานะ ท่านทั้งสองให้ความสำคัญกับค่าของคนมากกว่าค่าของเงิน”ชายหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เขาเทใจให้ เมื่อเห็นเธอนั่งนิ่งและตั้งใจฟัง เขาจึงตัดสินใจพูดต่อ“ท่านไม่เคยห้ามหรือกีดกันพี่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 35%

    หลายวันต่อมา ภีมพลยืนดูแบบแปลนและโครงสร้างของโรงงานที่ทีมสถาปนิกเคยนำเสนอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาเห็นว่าปลอดภัยและรัดกุมกว่าโครงสร้างของโรงงานแบบเดิม จึงได้มีคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเขาต้องมาดูแลการก่อสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเองเนื่องจากอาคารหลังเดิมเสียหายจากไฟไหม้มากจนไม่คุ้มหากจะซ่อมแซมใหม่ ตอนนี้ห้องเก็บกลิ่นตัวอย่างจึงต้องอาศัยตู้คอนเทนเนอร์ใช้เป็นออฟฟิศชั่วคราวแทนไปก่อน ส่วนโรงคัดแยกวัตถุดิบก็ใช้พื้นที่ส่วนของลานจอดรถทำไปพลาง ๆ ซึ่งภีมพลได้ว่าจ้างให้ช่างประปาต่อวาล์วน้ำเพิ่มเติมในจุดนี้รวมทั้งทำอ่างสำหรับล้าง และก่อโครงมีหลังคาทำเป็นโรงคัดแยกแบบง่าย ๆ ระหว่างที่รอการก่อสร้างของจริงจะแล้วเสร็จหลังจากที่ดูการก่อสร้างส่วนต่าง ๆ จนพอใจ ชายหนุ่มจึงเดินไปยังอาคารอีกหลังซึ่งเป็นในส่วนของออฟฟิศ และเป็นอาคารที่แยกออกมาจากโรงงาน โชคดีที่อาคารหลังนี้ไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย มิเช่นนั้นบริษัทอาจจะต้องหยุดชะงักลงไปเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ภีมพลกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทร.

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status