หน้าหลัก / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 35%

แชร์

บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 35%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-23 12:45:35

“ผมพูดว่าผมจะให้ลูกสาวเราหมั้นกับคุณภีม”

อาทิตย์พูดเสียงแผ่วเบาราวกับเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน ทว่าสายตาที่มองมายังภรรยาขณะที่พูดนั้นดูจริงจัง ไร้วี่แววล้อเล่นแต่อย่างใด

“ฉันว่าไม่เหมาะมั้งคะคุณ ลูกเราอายุห่างจากคุณภีมตั้งเยอะ และเราก็ไม่รู้ว่าคุณภีมเขามีคนรักรึยัง” รวิวรรณค้าน เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของสามีนัก

“ผมมีเหตุผลก็แล้วกัน...เข้าไปข้างในกันดีกว่า” อาทิตย์พูดพลางชวนภรรยาเข้าไปคุยกันในห้อง

“เหตุผลอะไรคะ” เธอถามขึ้นหลังจากที่เดินตามหลังสามีมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

“เหตุผลของผมข้อแรกเลยก็คือ ผมต้องการกันสองพ่อลูกนั่นไม่ให้มายุ่งกับหนูอายโดยเฉพาะกลวิชร ลูกชายของเขา ถ้าเขายังเห็นว่าหนูอายยังไม่มีคนรักหรือมีแฟน เขาก็จะยิ่งตื๊อให้ลูกเราหมั้นกับลูกชายเขาแน่ ถึงแม้เราจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกอะไรมายุ่งกับลูกของเรารึเปล่า

ข้อสอง ผมต้องการอาศัยอิทธิพลของคุณภีมในการทำธุรกิจครั้งนี้ เพราะถ้าข่าวการหมั้นของคุณภีมกับหนูอายแพร่สะพัดออกไป บรรดาบริษัทใหญ่ ๆ ที่เคยบีบเราก็จะต้องเกรงใจเรามากขึ้น เพราะคุณภีมเป็นถึงเจ้าหนี้รายใหญ่ของหลายธุรกิจ และผมมั่นใจว่าตราบใดที่ยายหนูอายยังอยู่ในฐานะคู่หมั้นของคุณภีม รับรองได้เลยว่าคุณภีมจะดูแลยายหนูเป็นอย่างดี เหมือนดูแลน้องนุ่งคนหนึ่ง ถ้าผมบอกความจำเป็นกับเขาไป ผมว่าเขาเข้าใจถ้าผมอธิบายให้เขาฟัง”

“แล้วคุณภีมเขาจะยอมหรือ จู่ ๆ ต้องมามีห่วงผูกคอ คุณอย่าลืมสิคะว่าคุณภีม รุ่นน้องคุณน่ะ เพลย์บอยเรียกพ่อเลยนะ”

รวิวรรณพูดอย่างที่ใจคิด เธอไม่คิดว่าภีมพลจะยอมตกลงเรื่องหมั้นหมายแน่นอน คนที่รักอิสระเสรี ทั้งยังควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตามที่เธอกับสามีได้ยินข่าวมาบ่อย ๆ อย่างภีมพลน่ะหรือ จะยอมลงทุนเล่นตามเกมของสามีเธอ

“ผมคิดว่าเรื่องยืมเงิน เขายอมแน่นอน แต่เรื่องหมั้นผมยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่จะว่าไปเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ก็แค่หมั้นกันหลอก ๆ เราหาเงินมาคืนได้เมื่อไรเรื่องการหมั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อนั้น คุณภีมเองก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า...คุณภีมเขาไม่สนใจหนูอายหรอก ลูกเรายังเด็กเกินไป ระดับคุณภีมเขาควงแต่สาวสวยเซ็กซี่ เชื่อผมเถอะว่าระหว่างที่หมั้นกัน ผมว่าคุณภีมเขาก็เอ็นดูลูกเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ตอนยายหนูเล็ก ๆ เขาก็ยังชอบมาอุ้มไปเล่นที่บ้านเขาบ่อย ๆ เพราะตอนนั้นคุณภาเขาอยากมีลูกสาว”

อาทิตย์เอ่ยถึงมารดาของภีมพล ซึ่งตอนนี้ย้ายขึ้นไปอยู่บ้านสวนที่เชียงรายกับคุณวิทยา ผู้เป็นสามี หรือบิดาของภีมพล

“แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ผมก็มีแผนสอง นั่นคือจะขอให้เขาช่วยซื้อหุ้นคืนจากคุณบุญทรงกลับคืนมา อาจจะแพงหน่อย แต่เพื่ออนาคตเราก็ต้องยอม แล้วระหว่างนั้นเราก็ค่อย ๆ ทยอยซื้อคืนมาจากคุณภีมก็ได้ ถ้าเขาจะคิดดอกเบี้ย หรือขายให้เราแพงกว่าตอนที่ซื้อมาก็ไม่เป็นไร ดีกว่าต้องตกไปอยู่ในมือของบุญทรง หรือถูกควบรวมกิจการไปเป็นของเขาหมด”

“ก็ลองดูค่ะ”

รวิวรรณเริ่มเห็นคล้อยตามสามี เมื่อฟังเขายกเหตุผลขึ้นมากล่าวอ้าง เธอไม่ปฏิเสธว่าเมื่อก่อนตอนรวิชายังอายุแค่สามสี่ขวบ ภีมพลในตอนนั้นเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย เขาเอ็นดูรวิชามากถึงขนาดที่ว่ามาขออุ้มไปเล่นที่บ้านบ่อยครั้ง มาแต่ละครั้งก็มักจะบอกว่าคุณแม่ของเขาคิดถึงหนูอาย ส่วนรวิชาก็ติดเขาแจ เห็นหน้าภีมพลทีไรเป็นต้องกางแขนให้อุ้มทุกครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาจะจับยายหนูขึ้นขี่คอแล้วเดินผ่านรั้วไปยังบ้านของตนเอง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ภีมพลก็ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทที่เมืองนอกติดต่อกันยาวนานหลายปี ถ้าจำไม่ผิด เห็นว่าหลังเรียนจบก็ใช้ชีวิตอยู่ต่ออีกร่วมห้าปีกว่าจะยอมกลับมาเมืองไทยเพื่อรับสืบทอดกิจการต่อจากบิดาเพราะเป็นบุตรชายคนเดียว ตั้งแต่นั้นเธอจึงไม่ค่อยเห็นเขาเท่าไร จะมีก็แต่อาทิตย์ สามีของเธอที่ยังติดต่อพูดคุยอยู่บ้าง

ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่านอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้าง มือควานหาผ้าห่มที่ร่นลงไปกองอยู่หน้าขา ให้กลับขึ้นมาปิดคลุมร่างกายเพื่อคลายความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

ภีมพลผุดยิ้มมุมปากเมื่อนึกได้ว่าเช้านี้เขาไม่ได้นอนคนเดียว และมื้อเช้าของเขาก็คงจะเป็นคนตัวนิ่มที่นอนอยู่ข้างกันนี่เอง ชายหนุ่มควานมือสะเปะสะปะไปใต้ผ้าห่มหวังจะใช้ฝ่ามือนำร่องไปก่อน ทว่าสิ่งที่สัมผัสได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า หนำซ้ำที่นอนข้างกายยังเย็นเยียบราวกับไร้คนนอนมาพักใหญ่แล้ว

“หืม...”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันทีเมื่อพบความผิดปกติ เขาผงกศีรษะขึ้นมองพื้นที่ข้างกาย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปทางห้องน้ำ เห็นประตูเปิดแง้มอยู่ แต่ไม่มีเสียงที่แสดงให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน จึงตวัดขาลงจากเตียงเดินโทง ๆ ไปดูว่าหญิงสาวที่เขาพามาเมื่อคืนยังอยู่ในห้องหรือเปล่า

“คุณครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”

ภีมพลเคาะประตูสองสามครั้งไม่ดังนัก พอให้คนที่อยู่ข้างในได้ยิน ทว่ากลับมีแต่เพียงความเงียบที่ตอบกลับมา จึงตัดสินใจเปิดแง้มเข้าไปอีกนิด

“ผมจะเข้าไปแล้วนะ”

เขาส่งเสียงพลางก้าวขาเข้าไปทีละนิด ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู

“อ้าว...ไปแล้วงั้นหรือ”

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะจัดการทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านใหญ่ที่มีเขาอยู่เพียงลำพังกับแม่บ้านเก่าแก่สองคน เด็กรับใช้อีกหนึ่งคน และคนสวนหนึ่งคนเท่านั้น

แม้จะทำงานควบทั้งกลางวันและกลางคืน แต่โดยส่วนใหญ่เขาก็มักจะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่เสมอ นอกจากเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ที่เขาจะอยู่ค้างที่คลับเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา

ภีมพลยกมือขึ้นนวดขมับไปมาเป็นวงกลม ผลจากการดวลสุรากับเพื่อนเมื่อคืน ทำเอาเขาปวดศีรษะราวกับมีคนเอาคีมอันใหญ่มาบีบเอาไว้ สมองครุ่นคิดไปถึงแม่สาวเนื้อนุ่มร่างกลมกลึงที่เขานอนกอดอยู่เมื่อคืน แล้วก็อดรู้สึกเสียดายและโทษตนเองไม่ได้ เขาไม่น่าเมามายจนอดกินของหวานน่าอร่อยจานนี้เลย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็คว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือเดินออกจากห้อง แล้วลงบันไดออกไปยังลานจอดรถของพนักงาน เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในป้อมค้อมศีรษะให้ เขาจึงพยักหน้าให้อีกฝ่าย ครั้นพอนึกอะไรขึ้นได้จึงเดินไปหา

“เมื่อเช้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกไปจากที่นี่หรือเปล่า”

“เห็นครับ เธอออกไปแต่เช้าแล้วครับคุณภีม ยังให้ผมเรียกแท็กซี่ให้อยู่เลย”

คนถูกถามรายงานไปตามความเป็นจริง เมื่อเช้าเขาเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากประตูทางด้านหลังโดยมีเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งคลุมกายอยู่ เธอเดินเข้ามาหาเขาแล้วไหว้วานให้ช่วยเรียกรถแท็กซี่ให้ ก่อนขึ้นรถเจ้าตัวยังอุตส่าห์ยื่นธนบัตรใบสีเทาให้ด้วยใบหนึ่ง

“อืม...แค่นี้แหละ ขอบใจมาก” ภีมพลเดินออกไปขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบริเวณคลับอย่างไม่รีบเร่งนัก วันนี้เป็นวันเสาร์ อีกทั้งเพิ่งจะสิบโมงเช้า รถราตามท้องถนนจึงไม่หนาแน่นเหมือนวันธรรมดา

ชายหนุ่มขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดี นิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ โชคดีที่บนห้องมียาแก้ปวดเหลืออยู่ เขาจึงไม่ต้องทนกับอาการปวดศีรษะจากอาการเมาค้าง

เขาเห็นว่ารถมีน้ำมันเหลืออยู่ไม่มากจึงตบไฟซ้ายเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันทันที หลังจากเขาจอดรถแล้วเด็กปั๊มก็วิ่งเข้ามายืนข้างกระจกรถอย่างรู้งานเมื่อเห็นเจ้าของรถเลื่อนกระจกลง

“เก้าห้าเต็มถังครับ”

ภีมพลบอกเด็กปั๊ม ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมจ่ายเงินค่าน้ำมัน แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเปิดกระเป๋าออกดู

“เฮ้ย! เงินหายไปไหนหมดวะเนี่ย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 70%

    รวิชานั่งรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน ครั้นพอเห็นว่าบิดามารดากำลังยืนคุยกันอยู่ที่โรงรถ เธอจึงรีบบอกให้โชเฟอร์ขับเลยไปอีกเล็กน้อยจนเกือบถึงบ้านของคุณผีดิบ หลังจ่ายค่าแท็กซี่เสร็จเรียบร้อยก็เดินย้อนกลับมาที่บ้านของตน แล้วแอบซุ่มดูอยู่ข้างประตูเล็กเพื่อดูว่าจะมีคนเดินมาหน้าบ้านบ้างหรือเปล่า โชคดีที่แม่นมเดินออกมายืนหน้าบ้านพอดี เธอจึงรีบโบกมือให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูให้“ตายแล้วคุณหนูของนมทำไมกลับมาเอาป่านนี้คะ คุณท่านทั้งสองกลับมาถึงแล้วนะคะ” นมพิมปลดล็อกประตูมือไม้สั่นเพราะความรีบเร่งแต่ก็ยังไม่วายบ่นหญิงสาวไปด้วย“โธ่…นมจ๋าอย่าเพิ่งดุน้องอายสิ ขอน้องอายรีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปบนห้องรึยัง” รวิชาถามอย่างร้อนรน พลางชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้าน“เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ เห็นว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่รู้จะลงมาเมื่อไร”รวิชาไม่รอให้แม่นมพูดจบ รีบเดินเลาะไปตามริมกำแพงโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ริมกำแพงเป็นที่กำบังกายจากด้านบน โดยมีแม่นมเดินตามหลังคอยช่วยมองดูต้นทางให้อีกที จนกระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 3 หมั้นกับตาแก่ - 100%

    กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ห้องทำงานชั้นล่างปิดเงียบอยู่อย่างนั้น มีเปิดออกมาเพียงครั้งเดียวตอนที่รวิวรรณเดินมาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นในครัวไปสองขวด แล้วก็กลับเข้าไปในห้องตามเดิม“พี่ทิตย์ครับ สำหรับเรื่องเงินผมไม่มีปัญหาหรอกนะพี่ก็รู้ เรามันก็คนบ้านใกล้เรือนเคียง ต่อให้พี่ขอยืมผมมากกว่านี้ผมก็ให้พี่ยืมอยู่แล้ว แต่เรื่องหมั้นผมว่าไม่จำเป็นก็ได้มั้งครับ น้องอายยังเด็กอยู่เลย ทางนั้นมันจะเห็นแก่ผลประโยชน์จนถึงขนาดหวังรวบรัดน้องอายทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนนี่เชียวหรือ ถ้ามันจะเลวขนาดนั้น เดี๋ยวผมช่วยส่งคนคอยตามดูแลน้องอายให้ก็ได้ครับ ลูกน้องผมมีเยอะอยู่ พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยครับระหว่างที่พี่ต้องจัดการธุระเรื่องงาน สำหรับผมแล้วน้องอายก็เหมือนหลานผมคนหนึ่ง ผมป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น”ภีมพลพูดอย่างที่ใจคิด ภาพเด็กหญิงตัวกลมแก้มยุ้ยน่ารักผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง เขาจำรวิชาในตอนนั้นได้ เด็กน้อยตัวจ้อยยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย แค่เขาแกล้งสะดุดขาตนเองจนเกือบล้มก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ทั้งยังขี้อ้อนเป็นที่หนึ่งหนูน้อยเจอหน้าเขาทีไร จะกางแขนให้อุ้มพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 35%

    “ฮ่า ๆ โอย...หายใจไม่ทัน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะอย่างขบขันของพชร เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนคลับซุสดังลั่นทั่วห้องชุดที่เขาเพิ่งควักกระเป๋าซื้อเงินสดให้คู่หมั้นหมาด ๆ ในแบบที่เรียกว่าทั้งบังคับและอ้อนวอนให้เจ้าหล่อนยอมรับ เพราะไม่ต้องการให้ช่อมาลี คู่หมั้นคนสวยต้องอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ และคับแคบ อีกทั้งระบบรักษาความปลอดภัยก็จัดอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเขามองว่ามันดีไม่พอ“แกไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลย ไอ้โอม” ภีมพลแค่นเสียงใส่เพื่อนอย่างขุ่นเคือง คิดผิดแท้ ๆ ที่โทร. เล่าเรื่องเมื่อคืนให้พชรฟังตอนแรกเขากะจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป คิดเสียว่าถูกแก๊งสิบแปดมงกุฎหลอกตุ๋นจนสูญเงินไปร่วมสองหมื่นแต่พอถูกเพื่อนสนิทหัวเราะเยาะ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความตั้งใจทันที นั่นคือต้องจับแม่สาวแสบนั่นมาสำเร็จโทษให้ได้ โทษฐานที่ทำให้เขาต้องเสียเหลี่ยม ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าหล่อนยังมาลูบคมเขาถึงถิ่นอีกด้วย“จะไม่ให้ฉันขำได้ไงวะไอ้ภีม นอกจากจะไม่ได้แอ้มแล้ว ยังโดนกวาดเงินไปเกลี้ยงกระเป๋า นี่แกอย่าไปเล่าให้ใครฟังเชียวนะเว้ย อับอายขายขี้หน้าเขาตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 70%

    ภีมพลถึงกับชะงัก เช่นเดียวกับรวิชาที่กระพุ่มมือไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นแขกเซอร์ไพรส์ในคืนนี้หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณผีดิบข้างบ้านจะเป็นคนที่บิดามารดาพูดถึง ทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ซื้อตุ๊กตาหมีใหญ่ยักษ์ให้เธออีกด้วยชายหนุ่มจ้องหน้าสาวน้อยตรงหน้าไม่วางตา ใบหน้าแบบนี้ ผมแบบนี้ จมูกและปากแบบนี้ ใช่แน่แล้ว! เธอเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่นอนร่วมเตียงกับเขามาทั้งคืนไม่ผิดแน่ ยิ่งเธอมองเขาราวกับเห็นผีด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจว่าเธอก็จำเขาได้เช่นกัน“น้องอายจำอาภีมได้ไหมลูก เมื่อก่อนหนูติดอาเขามากเลยนะ อะไร ๆ ก็เรียกหาแต่อาภีม”รวิวรรณจับไหล่บุตรสาวแล้วหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองอย่างอึ้ง ๆ เห็นสีหน้าของเขาแล้วเธอก็ไม่ได้นึกติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าคงแปลกใจที่เห็นเด็กน้อยที่เคยตามต้อย ๆ ในวันวานจะโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วรวิชาไม่ตอบ แต่ก้มศีรษะลงจนหน้าผากจดกับปลายนิ้วที่พนมอยู่เป็นการไหว้ชายหนุ่มแล้วหลุบตามองแต่พื้นเบื้องล่างขณะที่ภีมพลเพิ่งได้สติจึงยกมือขึ้นรับไหว้ ผุดยิ้มมุมปากเมื่อตั้งหลักได้“ตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 4 18 มงกุฏ = รวิชา - 100%

    “แล้วอยากให้อาบอกพ่อกับแม่เรารึเปล่าล่ะ”ภีมพลยิ้มระรื่น ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเก๊กหน้าดุเอ็ดคนหนีเที่ยวสักหน่อย ทว่าพอเห็นหน้าใส ๆ งอง้ำจนปากจิ้มลิ้มนั่นยื่นออกมาก็ทำเอาเขาหลุดอาการจนได้รวิชาช้อนสายตาขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ จึงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้ตนอยู่ใกล้ชิดกับเขามากแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงความใกล้ชิดนี้ได้ เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวแรกแย้ม และพวงแก้มอ่อนใสกำลังรบกวนสมาธิของเขา และความรู้สึกตอนที่เขาหาเศษหาเลยกับเธอตอนนอนสลบอยู่ในห้องเมื่อคืนก็ผุดขึ้นในหัว จึงส่งผลให้สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อจนตาปรอย“เอาเถอะ อาไม่บอกพ่อกับแม่เราหรอก แต่อย่าให้มีครั้งที่สอง รู้รึเปล่าว่าเมื่อคืนถ้าอาช่วยไว้ไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น”ภีมพลเสียงเข้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกใจหายกับเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาทันที ไม่อยากนึกเลยว่าหากเขาไม่ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปสอดผู้ชายสองคนนั้นไว้ ป่านนี้สาวน้อยตรงหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้“ขอบคุณค่ะอาภีม น้องอายรับรองว่าจะไม่มีครั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 35%

    หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว รวิชาจึงออกมานั่งเล่นในสวนพร้อมแก้วน้ำใบโปรด หนังสือการ์ตูน และหมอนอิง ตอนนี้ดอกแก้วในสวนหลังบ้านกำลังบานสะพรั่งแข่งกันส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจาย หญิงสาวไปยังศาลาไม้สักหลังเล็ก วางแก้วน้ำกับหนังสือการ์ตูนบนโต๊ะ จัดหมอนอิงให้พิงไว้กับพนักข้างหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งยืดขาบนม้านั่งตัวยาว เอนหลังพิงหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางผ่อนคลายเธอชอบมุมนี้ของบ้านที่สุด รองลงมาจากพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ตรงระเบียงห้องนอน เพราะที่นี่จะมีไม้ดอกไม้ประดับแข่งกันส่งกลิ่นหอมชวนให้ชื่นใจทุกครั้งที่ได้เข้ามานั่งพักผ่อน บางวันเธอเผลอหลับคาหนังสือเรียน หรือหนังสือการ์ตูนที่ศาลาตรงนี้บ่อยมาก เพราะลมธรรมชาติที่พัดเอื่อยเฉื่อยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีกันของใบไม้ใบหญ้าที่ขับกล่อมให้เข้าสู่นิทรารมณ์ได้เป็นอย่างดีรวิชาไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านแนวรั้วเข้ามาภายในตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงขาสั้นกุดตามแบบสมัยนิยมที่เขาเคยเห็นวัยรุ่นทั่วไปนิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 70%

    หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะมันคอยแต่จะคลี่ออกกว้าง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปทางที่คนบ้าเพิ่งเดินผ่านไป พลางค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หวังจะให้มันช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักภีมพลมองหาเจ้าของบ้านเพราะไม่อยากเสียมารยาทไปนั่งรอที่ห้องรับแขกโดยพลการ ระหว่างชั่งใจว่าจะเดินย้อนไปหารวิชาดีหรือไม่ เขาก็เห็นมาลัย แม่บ้านของที่นี่เดินมาหาเสียก่อน“มาหาคุณผู้ชายหรือคะคุณ”“ผมมาหาพี่อาทิตย์กับพี่วิน่ะครับ”แม่บ้านเดินนำภีมพลไปที่ห้องรีบแขกแล้วให้เขานั่งรอในนั้น จากนั้นมาลัยจึงเดินไปยังห้องทำงานเพื่อบอกเจ้านายว่ามีแขกมารอพบภีมพลลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะใต้บันไดเมื่อเห็นกรอบรูปหลายอันวางอยู่ เขาเลือกหยิบขึ้นมาอันหนึ่งซึ่งเป็นรูปของเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาสุกสกาว มัดแกละไว้สองข้าง ที่แก้มยุ้ย ๆ นั่นประแป้งไว้ขาวนวลจนน่าหยิกเล่น เจ้าตัวกำลังยิ้มร่าอวดฟันน้ำนมที่ขึ้นเรียงตัวสวยทั้งบนและล่าง มีตุ๊กตาหมีสีขาวใส่ชุดเจ้าสาวฟูฟ่องอยู่ในอ้อมกอด ดูเหมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 100%

    “คงมีบ้างค่ะ ก็ต้องช่วยกันพูดค่อย ๆ หาเหตุผลมาอธิบายให้ฟัง น้องอายถึงจะเป็นเด็ก แต่ความคิดอ่านบางอย่างก็โตเกินวัย มีเหตุผลพอสมควรค่ะ” รวิวรรณยิ้มขึ้นมาได้เมื่อพูดถึงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน“ครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย แล้วตอนเย็นจะให้ลูกน้องเอาใบสัญญามาให้นะครับ”ภีมพลลุกขึ้น สองสามีภรรยาจึงลุกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน อาทิตย์ทำท่าจะเดินไปส่งที่รั้วหลังบ้านที่เดิม แต่ภีมพลนึกขึ้นได้ว่ารวิชานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น และเขาคิดจะแวะคุยเล่นสักหน่อยจึงเอ่ยยั้งเอาไว้ก่อน“พี่ทิตย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ครับ แค่นี้เองผมเดินไปเองก็ได้”“เอางั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณภีม”อาทิตย์ตบบ่าหนุ่มรุ่นน้องอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ปัญหาหลายอย่างที่เคยรุมเร้าเข้ามาเริ่มคลายไปทีละเปลาะ ความตึงเครียดที่บีบคั้นกดดันแน่นหนักอยู่ในอกเริ่มสลายจางลงจนรู้สึกราวกับว่าหายใจได้คล่องขึ้น“ผมยินดีช่วยครับ หากพี่มีปัญหาขอให้บอกผม เรื่องหนูอายก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี” จะดูแลแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 50%

    “ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา เราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก คนคิดดีกับเราก็มีคนคิดร้ายกับเราก็เยอะ แค่เรารู้ตัวเองก็พอแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาอย่าไปใส่ใจเลยครับ” ชายหนุ่มบีบมือเธอเบา ๆ“หรือว่าเราอาย” ภีมพลหันหน้าไปถามก่อนจะหันไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ“อายอะไรคะ อาภีมหมายถึงอะไร”“เราอายเพื่อนหรือเปล่าที่อาไปรับที่มหาวิทยาลัยทุกวัน หรือว่าอายเพื่อนไหมที่ต้องบอกว่าอาเป็นคู่หมั้น น้องอายบอกอาได้นะ อาอยากให้เราเปิดใจคุยกันทุกเรื่องให้เข้าใจ”ภีมพลกระแอมเล็กน้อย นึกกลัวคำตอบอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับการที่ต้องมีคู่หมั้นอายุห่างกันถึงสิบสี่ปี เด็กสาวอย่างเธอจะนึกอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าเวลาที่ต้องแนะนำใครต่อใครว่าเขาคือคู่หมั้น“เปล่าค่ะ ไม่ได้อาย”รวิชาตอบเขาสั้น ๆ นึกอยากถามกลับไปบ้างว่าเขาล่ะอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าที่ต้องมีคู่หมั้นเป็นเด็กน้อยปีหนึ่งอย่างเธอ ในขณะที่รอบตัวเขามีแต่สาวสวยเซ็กซี่วนเวียนมาทอดไมตรีให้ตลอด หญิงสาวชั่งใจอยู่สักพักก่อ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 25%

    เดือนแรกกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในฐานะของเฟรชชี่เนื้อหอม ทำให้รวิชาต้องทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง มีหลายคนมาทาบทามให้หญิงสาวประกวดดาวมหาวิทยาลัย แต่เธอไม่สนใจเนื่องจากไม่ต้องการเป็นจุดเด่นจนเกินไปนัก เพราะแค่นี้รวิชาก็รู้ตัวดีว่ามีรุ่นพี่รวมถึงเพื่อนรุ่นเดียวกันหมั่นไส้ และไม่ชอบหน้าเธอหลายคนมาก สังเกตจากแววตาและสีหน้าของคนเหล่านั้นก็รู้แล้วสังคมในมหาวิทยาลัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสังคมของเด็กมัธยมที่เธอเคยผ่านมา เพราะฉะนั้นรวิชาจึงพยายามไม่ทำอะไรที่เป็นการสร้างจุดเด่นให้ตน ยกเว้นก็แต่สุนิตาที่ดูเหมือนจะทำตรงกันข้ามกับเธออย่างสิ้นเชิง“อาย วันนี้คุณภีมมารับอีกหรือเปล่า”สุนิตาถือโอกาสตอนที่สกลธีกับอารดาไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน จึงเดินเข้าไปถามและชวนคุยเหมือนทุกวัน โดยขณะที่ถามก็ทำทีเป็นเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือรวิชาเงยหน้าขึ้นปรายตามองเพื่อนสาวที่เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ จนเธออดสงสัยหลายสิ่งหลายอย่างที่เพื่อนคนนี้ทำไม่ได้“คิดว่าไม่มานะ วันนี้เราคงกลับเอง” รวิชาปดออกไป ความจริงแล้ววันนี้เขานัดกับเธอเอาไว้ว่าจะพาไปนั่ง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 100%

    รวิชาหันมองตามที่เพื่อนบอก เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขามีรอยยิ้มกว้างมาแต่ไกลก็พานให้หัวใจดวงน้อยสั่นหวิว เลือดลมสูบฉีดขึ้นไปมาจนรู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนวูบวาบ“อุ๊ยตาย! เขย่าใจกะเทยเหลือเกิน วันนี้ผู้ชายของหล่อนแต่งตัวกระชากวัยมากเลย ถ้าไม่บอกว่าสามสิบกว่าแล้วฉันไม่เชื่อเด็ดขาดเลยนะยะ” สกลธียกมือขึ้นทาบที่อกด้านซ้าย ทำหน้าตาเพ้อฝันเกินจริง จนเพื่อนอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้รวิชามองแล้วก็เห็นด้วยกับเพื่อน วันนี้คู่หมั้นของเธอแต่งตัวได้กลมกลืนกับนักศึกษามากราวกับวัยเดียวกัน ร่างสูงสมาร์ตของเขาอยู่ในชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีกาแฟขนาดพอดีตัว และเพราะบุคลิกที่ดูมาดมั่นแบบนักธุรกิจของเขาเปล่งรัศมีความเป็นผู้นำออกมาแม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่แสนธรรมดา จึงส่งผลให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่น“สวัสดีค่ะ” อารดากับสกลธียกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยทักทายแทบจะพร้อมกัน แต่สุนิตานั้นกลับลอบสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ อย่างพึงพอใจนี่หรือคู่หมั้นของรวิชา ดูจากบุคลิกและเครื่องประดับที่สวมใส่ก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีระดับแน่นอน อีกทั้งหน้าตาก็หล่อเหลาดูดี รูปร

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 75%

    รวิชาหน้าง้ำเมื่อถูกพูดจี้ใจดำเข้าให้ เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาที่เกาะกินใจเธอมานานแล้ว นั่นเพราะไม่รู้ว่าท่าทางที่เขาแสดงต่อเธอนั้นเป็นเพราะเอ็นดูในฐานะเด็กข้างบ้าน หรือว่าเขามีความรู้สึกพิเศษกับเธอในฐานะคู่หมั้นกันแน่“อาย แกอย่าไปฟังที่พี่วิชรพูดนะ แกก็รู้ว่าเขาไม่ชอบอาภีมก็เลยมาใส่ไฟ นิสัยแย่ที่สุดเลย เขาอยู่ของเขาดี ๆ ก็มายุยงให้คนแตกคอกัน”อารดาแตะแขนเพื่อนพร้อมบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยคู่นี้อย่างไรเพราะดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละอย่าง แต่ที่เธอมั่นใจคือภีมพลนั้นเป็นห่วงรวิชาอย่างแท้จริง“แต่พี่วิชรก็พูดถูกนะอุ้ย ฉันยังเคยเห็นอาภีมกอดกับผู้หญิงคนอื่นมาต่อหน้าต่อตาเลย ทีกับฉันเขายังไม่เคยเห็นทำอย่างนั้นบ้างเลย” รวิชาทำปากยื่นออกมาเล็กน้อย เรื่องคราวก่อนนั้นเธอนำมาเล่าให้เพื่อนสองคนนี้ฟังจนหมดสิ้น“โอ๊ย! หล่อนจะคิดมากทำไม ผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างแหละที่จะซิกแซกซอกซอนเลี้ยวไปทางนั้นเลี้ยวไปทางนี้ แต่สุดท้ายจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนเขารู้ดีหรอกย่ะ หล่อนไม่ต้องไปคิดแทนเขาหรอก หน้าที่ของหล่อนก็แค่ฉีกยิ้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 50%

    “ได้ข่าวว่าเรียนเก่งด้วยนี่ใช่ไหม...ทำเกรดให้ดีนะ ถ้าผลงานเข้าตาเกรดเฉลี่ยเป็นที่น่าพอใจ ผมมีตำแหน่งรองรับไว้ให้ไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน”ภีมพลพูดอย่างใจป้ำ เขาชอบคนเก่ง ซื่อสัตย์ และขยัน เพราะหากได้คนแบบนี้มาร่วมงานจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้บริษัทก้าวหน้ามั่นคงยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะอาภีม ใจดีจัง...มิน่าล่ะ ยายอายถึงได้ร้าก...รักขนาดนี้”อารดาเผลอพูดออกไปด้วยความดีใจ แต่คนฟังอย่างภีมพลนั้นหัวใจพองฟูคับอกขึ้นมา“หมดธุระแล้วล่ะ อ้อ...อย่าลืมเอาเลขที่บัญชีให้เป็นต่อด้วยนะ นายอย่าลืมพาน้องอุ้ยไปซื้อโทรศัพท์ด้วยล่ะ” ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับเป็นต่อ อีกฝ่ายผงกศีรษะรับคำสั่งก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอารดา“ขอบคุณมากเลยนะคะอาภีม อุ้ยลานะคะ” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเดินตามเป็นต่อออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งให้เจ้าของห้องได้แต่นั่งมองรูปของคู่หมั้นสาวจากโทรศัพท์อยู่ที่เดิม“ทำอะไรอยู่นะป่านนี้ หายโกรธหายกลัวหรือยังก็ไม่รู้”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ระหว่างที่เลื่อนดูภาพอื่น ๆ ก่อนตัดใจปิดโ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 25%

    ภีมพลนั่งอ่านรายงานที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ของทางเยอรมัน ก่อนหน้านี้มีผู้มาเช่าเครื่องบินของบริษัทลำหนึ่งเพื่อไปลงที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนีโดยทำทีว่าเป็นข้าวใหม่ปลามันที่ต้องการไปฮันนีมูนที่นั่น แต่แล้วกลับลอบบรรทุกขนยาเสพติดจำนวนมากทั้งโคเคน ยาไอซ์ ยาอีโดยมีเจ้าหน้าที่สนามบินบางคนรู้เห็นเป็นใจ และที่สำคัญคือพนักงานบางคนของเขาก็มีส่วนร่วมด้วย จึงทำให้รอดจากการตรวจสอบไปได้เขาจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าพนักงานของเขาจะไม่ทำเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว จากการสอบสวนลึกลงไปทำให้ได้รู้ว่าคนกลุ่มนี้ลักลอบขนของผิดกฎหมายมาหลายต่อหลายครั้งโดยใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำของบริษัทเขาเอง ทางการของเยอรมันนีจึงพุ่งเป้ามาที่เขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท และผู้บริหารว่าอาจจะมีเอี่ยวกับขบวนการนี้ด้วย กว่าเขาจะหาหลักฐานและเดินเรื่องเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ก็ทำให้เสียเวลาไปถึงสองอาทิตย์กลับมาถึงเมืองไทย นึกว่าจะได้อยู่กับสาวน้อยรวิชาให้หายคิดถึง แต่ดันมาเกิดเรื่องยุ่งขึ้นเสียได้เพราะความหื่นบังตาแท้ ๆ เขาอยากตามไปหาเธอที่บ้านแต่ก็เกรงว่าสาวเจ้าจะกลัวลนลานพานให้เสียความรู้สึ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 100%

    “เขาบอกไว้ก่อนแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะออกไปเลย” พูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หารวิชา แต่รอสายอยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะรับสายจนเขาต้องถอดใจภีมพลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ออกอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขาจึงเปลี่ยนใจพิมพ์ข้อความส่งหาเธอแทน‘โกรธอาหรือครับ อาขอโทษ’ภีมพลนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน แต่ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะอ่านข้อความและพิมพ์ตอบกลับมา เขาจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่รวิชาคงโกรธเขาจริง ๆ หรือไม่ก็คงหวาดกลัวเป็นแน่ที่จู่ ๆ เขาไปหักหาญทำอะไรล่วงเกินไปอย่างนั้น เธอยังเด็กเหลือเกินสำหรับเขา จึงคิดว่าจะค่อย ๆ สอนไปทีละนิดทีละน้อย ให้เธอค่อย ๆ ซึมซับความสัมพันธ์ทางกายไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง เธอจะโตพอสำหรับการเริ่มต้นผูกพันลึกซึ้งกับเขาได้ตามประสาคนรักทั่วไปแต่เขาก็มาทำเสียเรื่องเข้าจนได้ เขาใจร้อนวู่วามเกินไปที่จู่ ๆ ก็ไปปล้ำจูบเธอ สมควรแล้วที่เด็กสา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 70%

    “เค้กร้านเดิมนั่นแหละค่ะ อาภีมจะกินเลยไหมคะน้องอายไปเอาจานกับช้อนมาให้” รวิชาเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ภีมพลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนเอ่ยตอบ“ยังดีกว่า อายังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย น้องอายกินมาหรือยัง”“กินมากับตีตี้แล้วค่ะ”หญิงสาวเดินเข้ามาตั้งใจว่าจะลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ทว่าเพราะไม่ทันระวังเท้าจึงสะดุดเข้ากับขาโต๊ะจนคะมำไปข้างหน้าทั้งตัว รวิชาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่ต่างจากภีมพลที่รีบถลาอ้าแขนเข้าไปรับร่างของเธอไว้ได้ทันท่วงที“โอ๊ย!”รวิชาร้องเบา ๆ เมื่อร่างของตนทิ้งตัวลงไปทาบทับกับร่างของชายหนุ่ม รู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ดเพราะเหมือนศีรษะจะถูกอะไรแข็ง ๆ กระแทกใส่ หญิงสาวดิ้นขลุกขลักพยายามยันกายขึ้นและค่อย ๆ เอาศอกเท้าไว้กับโซฟาก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมอง“อาภีม! น้องอายขอโทษค่ะ น้องอายไม่ได้ตั้งใจ อาภีมเจ็บไหมคะ”รวิชาเอามือแตะริมฝีปากเขาเบา ๆ เมื่อเห็นรอยเลือดซึมออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงโดนศีรษะของเธอกระแทกเป็นแน่ในขณะที่ภีมพลรู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยวนเวียนอ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 35%

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋า ส่งผลให้คนที่กำลังจะเอื้อมหยิบหนังสือนิยายบนชั้นวางต้องลดมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แว้บแรกที่เห็นรายชื่อของคนโทร. เข้า ใบหน้าเนียนใสก็คลี่ยิ้มกระจ่างเต็มวงหน้าทันที“อาภีมกลับมาแล้วหรือคะ”รวิชาทักทายคนปลายสายเสียงใส สองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอหน้าทำให้รู้สึกราวกับว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรไป เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมนั้นเวลาเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งตอนไปทำงานที่ออฟฟิศ เขาก็จะพาเธอไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขาแทน หากว่าวันนั้นเธอไม่ได้เข้าโรงงานของครอบครัว“กลับมาแล้วครับ ลงเครื่องมาปุ๊บก็โทร. หาน้องอายเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่”ภีมพลหันมองลูกน้องที่เดินตามมาห่าง ๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังชี้บอกเขาว่าคนขับรถมารออยู่ตรงไหน ชายหนุ่มจึงเดินตามไป“มาซื้อหนังสืออ่านเล่นค่ะ ตอนนี้อยู่ที่ห้างสยามพารากอนกับตีตี้ แล้วนี่อาภีมจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามกลับไป เพราะหากภีมพลกลับบ้านเลยเธอจะได้รีบซื้อหนังสือแล้วรีบกลับไปหาเขา“อาคงเข้าออฟฟิศก่อนน่ะ ม

DMCA.com Protection Status