Home / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 35%

Share

บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 35%

last update Last Updated: 2024-12-25 12:45:48

หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว รวิชาจึงออกมานั่งเล่นในสวนพร้อมแก้วน้ำใบโปรด หนังสือการ์ตูน และหมอนอิง ตอนนี้ดอกแก้วในสวนหลังบ้านกำลังบานสะพรั่งแข่งกันส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจาย หญิงสาวไปยังศาลาไม้สักหลังเล็ก วางแก้วน้ำกับหนังสือการ์ตูนบนโต๊ะ จัดหมอนอิงให้พิงไว้กับพนักข้างหนึ่ง จากนั้นจึงนั่งยืดขาบนม้านั่งตัวยาว เอนหลังพิงหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางผ่อนคลาย

เธอชอบมุมนี้ของบ้านที่สุด รองลงมาจากพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ตรงระเบียงห้องนอน เพราะที่นี่จะมีไม้ดอกไม้ประดับแข่งกันส่งกลิ่นหอมชวนให้ชื่นใจทุกครั้งที่ได้เข้ามานั่งพักผ่อน บางวันเธอเผลอหลับคาหนังสือเรียน หรือหนังสือการ์ตูนที่ศาลาตรงนี้บ่อยมาก เพราะลมธรรมชาติที่พัดเอื่อยเฉื่อยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงเสียดสีกันของใบไม้ใบหญ้าที่ขับกล่อมให้เข้าสู่นิทรารมณ์ได้เป็นอย่างดี

รวิชาไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านแนวรั้วเข้ามาภายในตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงขาสั้นกุดตามแบบสมัยนิยมที่เขาเคยเห็นวัยรุ่นทั่วไปนิยมใส่กันให้เกร่อตามห้างสรรพสินค้า ผมยาวสลวยถูกมวยขึ้นเป็นวงกลมอยู่กลางศีรษะ เผยให้เห็นลำคอระหงขาวผ่องน่าสัมผัส ไรผมเส้นเล็กที่ตกระต้นคอ ยิ่งเสริมให้หญิงสาวตรงหน้าดูเซ็กซี่เย้ายวนเกินกว่าที่จะเรียกว่าเด็กมัธยมปลาย

ภีมพลลอบถอนหายใจ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจเด็กสาวพวกนี้เลยสักนิดเพราะไม่ใช่สเปก เขาไม่ชอบการเอาอกเอาใจเด็ก โดยเฉพาะเด็กสาวพวกนี้ส่วนใหญ่เรื่องบนเตียงยังไม่เร้าใจเท่าสาวเต็มตัวที่มีประสบการณ์ เขาไม่ชอบสอนเพราะมันทำให้หมดอารมณ์ เขาชอบสาวไฟแรงสูงที่ไม่ต้องบอกอะไรให้มากความ แต่ลงมือทำอย่างชำนิชำนาญ และใช้ความช่ำชองมาสู้กับเขาบนเตียง

แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมถึงละสายตาไปจากเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้

เงาที่ทาบทับลงมาเหนือศีรษะ ทำให้รวิชาต้องแหงนหน้าไปด้านหลังเพื่อดูว่าเป็นเงาของใคร พอดีกับที่ชายหนุ่มผู้มาใหม่กำลังชะโงกหน้ามาดูเนื้อหาในการ์ตูนที่เธอกำลังถืออยู่พอดี

“อ่านโคนันเหมือนกันหรือเรา นึกว่าจะอ่านแต่การ์ตูนตาหวานเสียอีก”

ภีมพลเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม รวิชาจึงลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อยด้วยการเอาขาลงกับพื้น แทนการกึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกแบบเมื่อครู่

“สวัสดีค่ะอาภีม มาหาคุณพ่อหรือคะ” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขามาหาเธอ เพราะเขาได้บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

“มาหาเรานั่นแหละ ไม่ต้องมาทำเป็นลืม” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเข้าเรื่องที่ต้องการคุย

“คืนที่เราไปที่คลับ อาอยากรู้ว่าเข้าไปข้างในได้ยังไง ปกติด้านนอกต้องมีการตรวจบัตรไม่ใช่หรือ”

ชายหนุ่มนั่งเอนหลัง กางแขนทั้งสองข้างเท้ากับพนักด้วยท่วงท่าสบาย ๆ เพราะไม่อยากกดดันสาวน้อย แต่เรื่องนี้เขาก็ต้องการรู้คำตอบให้ได้เช่นกัน มิเช่นนั้นอนาคตข้างหน้า คลับซุสของเขามีปัญหาแน่นอน

“เอ...ขอนึกก่อนนะคะ จำได้แล้ว! เพื่อนของน้องอายมีบัตรสมาชิกค่ะ บัตรสีดำน่ะ น้องอายเห็นเขาโชว์บัตรให้พนักงานหน้าประตู พอเขาตรวจดูเสร็จเขาก็อนุญาตให้เข้าไปได้ ว่าแต่อาภีมไปเที่ยวที่นั่นบ่อยหรือคะ” หญิงสาวมองเขาตาแป๋ว คนถูกถามจึงยิ้มบาง ๆ ก่อนไขข้อข้องใจให้

“ก็ไปเกือบทุกคืน เพราะอาดูแลที่นั่นอยู่”

“อ๋อ มิน่าล่ะ อาภีมถึงได้...” ออกจากบ้านตอนกลางคืนทุกวัน รวิชาพูดประโยคสุดท้ายอยู่ในใจ แต่คนฟังกลับไม่ยอมให้เธอพูดค้างอยู่แค่นั้น

“ถึงได้อะไร” แม้น้ำเสียงไม่ได้ดูคาดคั้น แต่แววตาของเขากลับบอกเธอว่าอย่าได้คิดปิดบังเชียว

“ถึงได้เห็นอาภีมออกไปจากบ้านตอนกลางคืนทุกที”

รวิชาพูดเสียงอ่อยพลางหลุบตามองแก้วน้ำของตน ผิวแก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเผลอหลุดให้เขารู้จนได้ว่าเธอเคยแอบมองอยู่บนระเบียง

“หืม...รู้ได้ยังไง เคยเห็นอาด้วยหรือ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อรู้ว่าเธอเคยเห็นเขา น่าแปลกที่ว่าทำไมเขาถึงไม่เคยเจอเธอเลย

แต่จะว่าไปการที่เขาไม่เคยเจอเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะความเป็นอยู่ที่ต่างเวลากัน เขาทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน จะกลับถึงบ้านก็เลยตีสามเข้าไปแล้ว ตื่นมาสาย ๆ ก็ต้องเข้าบริษัท ยิ่งช่วงกลับมาจากเมืองนอกใหม่ ๆ ชีวิตแทบจะมีแต่งาน เลิกงานก็ท่องราตรี เช้ามาก็ไปทำงานต่อ เป็นอย่างนี้อยู่หลายปี จนกระทั่งมาเปิดคลับซุสร่วมกับพชรเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

“ก็...คือว่า...”

รวิชาเหลือบตามองขึ้นไปยังห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นบน ภีมพลจึงเงยหน้ามองตามจนไปหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่งที่มีระเบียงไม่กว้างนักยื่นออกมา บริเวณตรงนั้นตรงกันพอดีกับโรงจอดรถของเขา

“อ้อ จริงสินะ อาก็ลืมไปว่าตรงนั้นคือห้องนอนของเรา”

ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ เธอคงเคยเห็นเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นเพราะมีต้นไม้ใหญ่บดบังอำพรางเอาไว้อยู่

“ผู้ชายสองคนเมื่อคืนเป็นใคร แล้วทำไมถึงไปกับพวกนั้นได้”

ภีมพลถามสิ่งที่ค้างคาใจ เท่าที่มองดูเหตุการณ์คืนนั้น รวิชาไม่น่าจะเต็มใจนั่งร่วมโต๊ะกับสองหนุ่มนั่นเท่าไร

“น้องอายรู้จักแค่คนเดียวค่ะคือพี่วิชร เพราะพ่อของเขาเป็นหุ้นส่วนที่บริษัทคุณพ่อ ส่วนอีกคนเป็นแฟนกับเพื่อนน้องอาย ก็เพิ่งจะเคยเห็นหน้าเขาวันนั้นนั่นแหละ”

ภีมพลสะดุดหู บุตรชายของหุ้นส่วนในบริษัทงั้นหรือ ชายหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่เคยฟังจากบิดามารดาของรวิชาแล้วก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ฝ่ายนั้นคงรู้ว่าอาทิตย์ไม่ยอมยกบุตรสาวให้แน่ จึงคิดใช้วิธีสกปรกกระมัง

“จริงสิ อาภีมเล่าเรื่องคืนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ น้องอายโทร. ไปถามเพื่อนที่ไปด้วยกัน เขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไร” รวิชาอยากรู้ว่าตนไปนอนอยู่ที่ห้องของเขาได้อย่างไร

“แล้วเราจำอะไรได้บ้างล่ะ” ชายหนุ่มย้อนถาม จำได้ว่าวันนั้นรวิชาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเมาหลับ หญิงสาวน่าจะโดนวางยานอนหลับมากกว่า

“จำได้แค่ว่านั่งดื่มค็อกเทลอยู่ที่โต๊ะ ยังไม่หมดแก้วเลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว ตื่นมาอีกทีก็...” หญิงสาวพูดค้างไว้แค่นั้น หน้าใส ๆ ก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่เห็นหนอนชาเขียวขนาดตัวโตเต็มวัยของคนตรงหน้า

ชายหนุ่มผุดรอยยิ้มที่มุมปาก รู้ว่าเธอคงเห็นอะไรดี ๆ เข้าให้แล้ว จึงต่อประโยคให้สาวน้อยด้วยนัยน์ตาแพรวพราว

“ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่เตียงเดียวกับอา แถมอายังโป๊อีกต่างหาก”

ภีมพลคลี่ยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก เมื่อเห็นใบหน้านวลนั้นแดงก่ำมากกว่าเดิม

“คืนนั้นอาเห็นสองคนนั่นหิ้วปีกเราออกจากผับ อานึกสงสัยก็เลยเข้าไปถามดู แต่ผู้ชายใส่เสื้อสีเทาบอกว่าอายเป็นแฟนเขา อายเมามาก และเขากำลังพากลับบ้าน แต่อาไม่เชื่อเพราะไม่ได้กลิ่นเหล้าจากตัวเราก็เลยขู่จะแจ้งตำรวจ เขาเลยยอมปล่อย”

ภีมพลเลือกเล่าแค่บางส่วน เพราะถ้าเล่าไปทั้งหมด หญิงสาวอาจคิดว่าเขาก็คงหื่นกามไม่ต่างจากคนพวกนั้น

“ไม่จริงสักหน่อย น้องอายไม่ได้เป็นแฟนกับพี่วิชร น้องอายเกลียดขี้หน้าเขาจะตายไป นี่ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเขาไปด้วยนะ น้องอายไม่มีทางไปเด็ดขาด”

คนพูดทำหน้าง้ำปากยื่นอย่างไม่พอใจ แต่คนฟังกลับนึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ เนื่องจากแผนที่คิดเอาไว้ในใจเรื่องการหมั้นหมายนั้นจะดูมีน้ำหนักขึ้นมา หากเขาเอาเรื่องนี้ไปอ้างกับบิดามารดาของเธอ เพียงแต่ตอนนี้ต้องวางหน้าให้เป็นปกติที่สุด

“รับปากกับอาได้ไหมว่าจะไม่ไปที่นั่นอีก รวมถึงที่อื่นด้วย ถ้าน้องอายอยากไป อาจะเป็นคนพาไปเอง”

รวิชาทำตาโต จะให้เธอรับปากได้อย่างไรในเมื่ออีกไม่กี่เดือนเธอก็จะได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว และเธอต้องมีสังคมมีเพื่อนฝูง การเที่ยวกลางคืนถือเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็เคยไปกันทั้งนั้น

“น้องอายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ ไปเองกับเพื่อน ๆ ก็ได้ ไม่ต้องให้อาภีมพาไปหรอกค่ะ”

หญิงสาวพูดอย่างคนที่ต้องการเอาชนะ แต่คนฟังกลับไม่นึกโกรธ เขาเพียงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ พร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินเข้าบ้านไปพูดธุระกับบิดามารดาของเธอ ทว่าก่อนไป ภีมพลกลับเอื้อมมือมาเชยคางมนแล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยที่ผิวแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนก้มลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาว ทำเอาคนฟังถึงกับวางหน้าไม่ถูก

“อารู้แล้วว่าน้องอายน่ะ ‘โต’ แค่ไหนแล้ว”

ภีมพลผละออกมาแล้วเลื่อนนิ้วโป้งมาเกลี่ยที่ริมฝีปากอิ่มราวจะบอกใบ้ จากนั้นยักคิ้วให้เธอข้างหนึ่งก่อนเดินจากไป

รวิชาได้แต่มองตามจนแผ่นหลังของเขาหายเข้าไปในบ้าน หญิงสาวยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตนเอง บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไร อับอาย ขัดเขิน ไม่พอใจหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้อยู่แก่ใจคือแรงเต้นกระหน่ำที่ก้อนเนื้อด้านซ้าย มันเต้นรัวเร็วแต่หวิวไหวจนเธอรู้สึกว่ามือยังสั่นตามไปด้วย

“อาภีมบ้า!”

Related chapters

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 70%

    หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะมันคอยแต่จะคลี่ออกกว้าง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปทางที่คนบ้าเพิ่งเดินผ่านไป พลางค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หวังจะให้มันช่วยปัดเป่าความฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนักภีมพลมองหาเจ้าของบ้านเพราะไม่อยากเสียมารยาทไปนั่งรอที่ห้องรับแขกโดยพลการ ระหว่างชั่งใจว่าจะเดินย้อนไปหารวิชาดีหรือไม่ เขาก็เห็นมาลัย แม่บ้านของที่นี่เดินมาหาเสียก่อน“มาหาคุณผู้ชายหรือคะคุณ”“ผมมาหาพี่อาทิตย์กับพี่วิน่ะครับ”แม่บ้านเดินนำภีมพลไปที่ห้องรีบแขกแล้วให้เขานั่งรอในนั้น จากนั้นมาลัยจึงเดินไปยังห้องทำงานเพื่อบอกเจ้านายว่ามีแขกมารอพบภีมพลลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะใต้บันไดเมื่อเห็นกรอบรูปหลายอันวางอยู่ เขาเลือกหยิบขึ้นมาอันหนึ่งซึ่งเป็นรูปของเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาสุกสกาว มัดแกละไว้สองข้าง ที่แก้มยุ้ย ๆ นั่นประแป้งไว้ขาวนวลจนน่าหยิกเล่น เจ้าตัวกำลังยิ้มร่าอวดฟันน้ำนมที่ขึ้นเรียงตัวสวยทั้งบนและล่าง มีตุ๊กตาหมีสีขาวใส่ชุดเจ้าสาวฟูฟ่องอยู่ในอ้อมกอด ดูเหมื

    Last Updated : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 5 แผนการขอหมั้นหมาย - 100%

    “คงมีบ้างค่ะ ก็ต้องช่วยกันพูดค่อย ๆ หาเหตุผลมาอธิบายให้ฟัง น้องอายถึงจะเป็นเด็ก แต่ความคิดอ่านบางอย่างก็โตเกินวัย มีเหตุผลพอสมควรค่ะ” รวิวรรณยิ้มขึ้นมาได้เมื่อพูดถึงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน“ครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน มีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย แล้วตอนเย็นจะให้ลูกน้องเอาใบสัญญามาให้นะครับ”ภีมพลลุกขึ้น สองสามีภรรยาจึงลุกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน อาทิตย์ทำท่าจะเดินไปส่งที่รั้วหลังบ้านที่เดิม แต่ภีมพลนึกขึ้นได้ว่ารวิชานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น และเขาคิดจะแวะคุยเล่นสักหน่อยจึงเอ่ยยั้งเอาไว้ก่อน“พี่ทิตย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ครับ แค่นี้เองผมเดินไปเองก็ได้”“เอางั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณภีม”อาทิตย์ตบบ่าหนุ่มรุ่นน้องอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ปัญหาหลายอย่างที่เคยรุมเร้าเข้ามาเริ่มคลายไปทีละเปลาะ ความตึงเครียดที่บีบคั้นกดดันแน่นหนักอยู่ในอกเริ่มสลายจางลงจนรู้สึกราวกับว่าหายใจได้คล่องขึ้น“ผมยินดีช่วยครับ หากพี่มีปัญหาขอให้บอกผม เรื่องหนูอายก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี” จะดูแลแ

    Last Updated : 2024-12-25
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

    “คุณพ่อว่าอะไรนะคะ!” รวิชาถามอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนหูแว่วไปเองหรือเปล่า“น้องอายต้องหมั้นกับอาภีมนะลูก แล้วพ่อจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงต้องหมั้น แต่ตอนนี้...” อาทิตย์ยังพูดไม่ทันจบ รวิชาก็ลุกพรวดแล้วหันไปหาผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่อีกด้าน“คุณแม่คะ ดูคุณพ่อสิพูดอะไรก็ไม่รู้ หมั้นอะไรกันน่ะ” เธอต้องการตัวช่วยเพื่อยืนยันคำพูดของบิดาว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาของท่านทั้งสอง หญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ใบหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ แล้วนั่งนิ่งเพื่อรอฟังเหตุผลจากบิดา“ฟังพ่อนะ ที่พ่อกับแม่ให้หนูหมั้นกับอาภีมก็เพราะว่าจะได้กันตาวิชรไม่ให้มายุ่งกับหนู หนูรู้หรือเปล่าว่าทุกวันนี้ลุงบุญทรงยังมาทาบทามหนูให้ลูกชายเขาอยู่เลย ถึงแม้พ่อจะปฏิเสธไปแล้วก็เถอะ พ่อไม่อยากให้เขามาลำเลิกบุญคุณเก่า ๆ ที่เคยช่วยพ่อตอนเปิดบริษัท หนูเป็นลูกสาวของพ่อ ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าหนูไม่ชอบหน้าตาวิชร เพราะฉะนั้นพ่อถึงให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย ทางนั้นจะได้ไม่

    Last Updated : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 70%

    ฐานะทางบ้านของอารดาไม่ได้ร่ำรวยนัก ค่อนข้างขัดสนด้วยซ้ำเพราะมีมารดาเพียงคนเดียวที่คอยหาเลี้ยงทั้งครอบครัวด้วยการรับจ้างเย็บผ้า ส่วนบิดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่อารดายังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา อารดามีน้องสาวหนึ่งคนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเดียวกัน ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายบางส่วนนั้นอารดาอาศัยกองทุนกู้ยืมจากรัฐบาลมาช่วย และโชคดีที่เธอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมสตรีล้วนชื่อดังซึ่งเป็นโรงเรียนของรัฐบาลได้ ค่าเทอมจึงไม่แพงนักถ้าเทียบกับโรงเรียนเอกชนแต่ถึงกระนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอม อารดามักจะหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ฉะนั้นเวลาที่เพื่อนฝูงนัดกันไปเที่ยว หรือเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าหลังเลิกเรียน อารดาจึงไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์เท่าไร เพราะต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในบ้านบางครั้งเพื่อนในกลุ่มรวมถึงรวิชาต้องบังคับขู่เข็ญให้ไปด้วยกัน โดยไม่ต้องให้อารดาควักกระเป๋าจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีฐานะเหมือนพวกตน ซึ่งอารดาเองก็ไปบ้างไม่ไปบ้างเพราะความเกรงใจที่ต้องให้เพื่อนมาคอยจ่ายให้เกือบทุกครั้ง“อืม...จะว่าไปฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมั

    Last Updated : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 100%

    “พ่อกับแม่ต้องไปทำงานนะลูก เอาไว้ถ้าทุกอย่างลงตัวเมื่อไรพ่อจะพาหนูไปด้วย เพราะอีกหน่อยหนูต้องมาช่วยพ่อกับแม่ดูแลบริษัทของเรา ยังมีอีกหลายอย่างเลยละที่น้องอายต้องเรียนรู้” อาทิตย์พาบุตรสาวมานั่งที่โซฟา ก่อนจะเริ่มพูดถึงเรื่องที่ได้คุยกับภีมพลเมื่อคืน“อาภีมมาบอกกับพ่อแล้วนะว่าวันที่เจ็ดเดือนหน้าคือวันหมั้น พ่อกับแม่จะกลับมาก่อนวันงานสองวันนะลูก” บิดาพูดจบ รวิชาก็ทำตาโตทันที“วันที่เจ็ดเดือนหน้า งั้นก็อีกแค่...สองอาทิตย์เองสิคะ! ทำไมเร็วจัง”รวิชาทำหน้าง้ำ เหลือเวลาอีกแค่สิบกว่าวัน หลังจากนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นคนที่มีห่วงผูกคอเสียแล้ว“เขาเอาฤกษ์สะดวกน่ะ เพราะวันที่สิบเดือนหน้า คุณพ่อคุณแม่ของอาภีมจะต้องไปเมืองนอก เลยอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนไป” อาทิตย์ตอบบุตรสาว ก่อนจะกำชับเรื่องการดูแลตัวเองอีกครั้ง“ช่วงที่พ่อกับแม่ไม่อยู่น้องอายต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก เพื่อนคนไหนที่เคยชวนไปเที่ยวกลางคืน ถ้าเขาโทร. มาชวนอีกก็ไม่ต้องไปกับเขา หลังจากที่พ่อไปแล้วอาภีมอาจจะมาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว เดี๋ยวพ่อจะส่งไ

    Last Updated : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 25%

    “คุณหนูอาย คุณนมให้มาตามค่ะ” เสียงจากแม่บ้านทำให้รวิชาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วส่งยิ้มให้มาลัย หญิงสาวลุกขึ้นยืน หยิบกระป๋องน้ำอัดลมกับหนังสือการ์ตูนที่นำติดมือมาทั้งที่ยังไม่ได้เปิดอ่านกลับเข้าไปในบ้านด้วยรวิชาหัดทำบัวลอยไข่หวานกับนมพิมใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงเศษ แม้จะใช้เวลานาน แต่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่หญิงสาวไม่เคยทำจึงไม่นึกเบื่อแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับอึ้งไม่น้อยกับกรรมวิธีการผลิตในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผสมแป้งนวดแป้ง ซึ่งนมพิมบอกว่าแต่ละคนจะมีสูตรการผสมที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงการปรุงน้ำให้หอมอร่อย ไม่หวาน และไม่เค็มกะทิจนเกินไป กว่าจะได้บัวลอยไข่หวานมาสักถ้วยช่างดูยากเย็นเหลือเกินในความรู้สึกของสาวน้อยที่เคยแต่รับประทานเพียงอย่างเดียว“กว่าจะได้แต่ละถ้วย ยากเหมือนกันนะคะนม” รวิชาเปรยขึ้นระหว่างที่ปั้นแป้งบัวลอยเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ หย่อนใส่ในหม้อที่น้ำกำลังเดือด“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าทำบ่อย ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ”“แล้วที่เขาทำเป็นสี ๆ ที่มีทั้งชมพู เขียว ม่วง ฟ้า นั่นเขาใส่สีผสมอาหารใช่ไ

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 50%

    ภีมพลยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของสาวน้อย เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินแต่พยายามเก็บอาการอย่างเต็มที่ชายหนุ่มรู้ว่าเด็กสาววัยรุ่นเป็นวัยที่อ่อนไหวกับเพศตรงข้ามมากแค่ไหน เขาจึงค่อย ๆ ‘ตะล่อม’ ด้วยการเข้าใกล้หัวใจของเธอทีละนิด ถึงแม้จะรู้ว่าความคิดส่วนหนึ่งของรวิชากำลังต่อต้านการหมั้นหมายแบบเงียบ ๆ ตามประสาคนที่ไม่ชอบการถูกบังคับ อีกทั้งช่องว่างระหว่างวัย จึงทำให้สาวน้อยอย่างรวิชาอาจจะรู้สึกอายเพื่อนฝูงบ้าง หากต้องบอกกับเพื่อน ๆ ว่ามีคู่หมั้นอายุสามสิบกว่าปี แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าตนสามารถทลายกรอบความคิดตรงนี้ของรวิชาลงได้ เมื่อนั้นเขาจะได้คู่หมั้นที่น่ารักน่ากอดเป็นรางวัลสำหรับความพยายามครั้งนี้แน่นอนรวิชาเดินเคียงข้างภีมพลอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เธอมองไปรอบตัวเพราะเกรงว่าจะเจอคนรู้จัก หรือเพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน เธอยังไม่อยากเจอใครทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากตกเป็นเป้าการพูดถึงของใครต่อใคร และไม่อยากกลายเป็นหัวข้อสนทนาในชั่วข้ามคืนว่า มาเดินควงกับผู้ชายมีอายุ!ถึงแม้ภีมพลจ

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 75%

    สาวสวยหุ่นดีที่นั่งกระแซะอยู่ข้างกายมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ เขาใช้เวลาจีบเธอแค่สัปดาห์เดียวก็สามารถพาขึ้นเตียงได้แล้ว ตอนนี้เขาจึงเดินยืดได้เต็มที่ในมหาวิทยาลัยเมื่อมีหญิงสาวคนนี้เดินเกาะแขนไม่ห่าง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้ชายคนอื่นที่เรียงแถวกันมาจีบเธอแต่ไม่ติดแต่ก็นั่นแหละ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ในเมื่อเขาพาเธอขึ้นเตียงได้ง่าย ๆ คนอื่นที่เคยคบกับเธอมาก็คงพาขึ้นเตียงได้ง่ายไม่ต่างกัน ต่อให้สวยเลิศเลอแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่ดี เพราะเขาเชื่อว่าหากหลุดจากเขาไป สาวสวยคนนี้ก็มีหนุ่มรายใหม่มาเดินอยู่ข้างกายไม่เคยขาดอยู่แล้วแต่ที่แน่ ๆ กลวิชรจะไม่รามือจากรวิชาแน่นอน เขาอยากแก้เผ็ดไอ้เจ้าพ่อคลับซุสที่บังอาจมาชุบมือเปิบคนของเขาไป อยากรู้นักว่ามันจะทำหน้าอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาเอาผู้หญิงของมันมานอนกกได้“ผมมาดูแหวนหมั้นครับ” ภีมพลแจ้งความประสงค์กับพนักงานขายที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าตู้โชว์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พนักงานสาวรีบกุลีกุจอแนะนำหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างกระตือรือร้น“ชอบแบบไหนคะ เพชรเม

    Last Updated : 2024-12-27

Latest chapter

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 16 ข่าวลือ - 50%

    “เฮ้อ แย่เนอะ สมัยพวกเราเรียนมัธยมยังไม่เห็นมีแบบนี้เลย”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ เตชินทร์ก็เดินเข้ามาหา แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับรวิชาอย่างถือวิสาสะ เขาหันมาส่งยิ้มให้อารดาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปคุยกับรวิชา“แย่หน่อยนะครับ เจอใครไม่เจอดันไปเจอไอ้วิชร”ชายหนุ่มเปิดรอยยิ้มกว้างจนตายิบหยี ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังนิยมทำเอาคนมองอย่างอารดาตาพร่า เสียงทุ้มของเขายามเอื้อนเอ่ยฟังดูนุ่มนวลชวนหลงใหล แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้คุยและยิ้มให้กับเธอ แต่หญิงสาวก็อดเผลอนั่งจ้องเขาไม่ได้“ขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยไว้ พี่ชื่อ...”รวิชาพูดค้างไว้แค่นั้น เตชินทร์จึงแนะนำตัวเอง“เตชินทร์ครับ เรียกพี่ชินทร์เฉย ๆ ก็ได้ พี่อยู่ปีสามคณะเดียวกับน้องนั่นละ แต่ช่วงวันปฐมนิเทศพี่ติดธุระเลยไม่ได้มาร่วมงาน น้องอายเลยไม่เคยได้เจอหน้าพี่ แต่พี่เห็นน้องอายบ่อยเลยนะเพียงแต่ไม่กล้าเข้ามาทัก”เตชินทร์คลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง คราวนี้อารดาต้องแอบจิกเนื้อของตัวเอง เตือนสติให้เลิกมองเขา หัว

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 16 ข่าวลือ - 25%

    รวิชาเดินเข้ามหาวิทยาลัยเพียงลำพัง เมื่อคืนเธอได้แชตกับเพื่อนสนิททั้งสองคนเกี่ยวกับภาพข่าวที่ออกมา และปฏิกิริยาของคนที่เข้ามาโพสต์ อดแปลกใจไม่ได้ว่าบางคนนั้นไม่เคยรู้จักเธอด้วยซ้ำ แต่มาพูดต่อว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ ราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน จึงลงความเห็นกันว่าเธอคงไม่ค่อยเป็นที่ปรารถนาของนักศึกษาผู้หญิงเท่าไร ไม่ว่าจะรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่เธอเดาว่าอาจเป็นพราะการที่ตนเป็นจุดเด่นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเป็นจุดสนใจของเพศตรงข้าม รวมไปถึงการใช้กระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์หรูมาเรียน รวิชาจึงพยายามลดความเป็นจุดเด่นของตัวเองลง โดยเริ่มปรับปรุงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องประดับติดกายพวกนี้ก่อนวันนี้เธอสะพายกระเป๋าแฮนด์เมดใบละไม่กี่ร้อยที่ซื้อจากตลาดนัดสวนจตุจักรตั้งแต่สมัยมัธยมมาเรียน ใส่นาฬิกาเรือนเดิมที่เคยใส่ตอนเรียนมัธยมปลาย การที่ตัวเองเป็นเด็กใหม่แต่ถ้าทำตัวให้น่าหมั่นไส้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม ก็อาจจะทำให้เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่ราบรื่นนักเสียงกระหึ่มของรถสปอร์ตคันหรูที่ดังอยู่ด้านหลังไม่ได้ทำให้รวิชาสนใจจนต้องหันไปมอง หญิงสาวยังคงเดินไปเรื่อย ๆ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 100%

    แต่ภีมพลกลับไม่ยอมให้เธอหลบหน้าไปทางไหน เขาเอานิ้วดันคางมนให้เชิดขึ้นแล้วก้มหน้าลงกระซิบ“งั้น...อาขอคำสุดท้ายนะ”ไม่ต้องรอให้เธออนุญาต เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปละเลียดชิมอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาชิมไม่นานนัก เพราะเห็นใจสาวน้อยที่ขัดเขินจนสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจะผละออกแล้วกดจมูกลงไปที่แก้มแดง ๆ ของเธอเต็มฟอดพอเห็นเขาหยิบถ้วยบัวลอยขึ้นมาถือไว้ในมือ รวิชาได้ทีก็รีบเด้งตัวขึ้นจากตักแล้วเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามทันที หญิงสาวเบนสายตาไปดูเวลาที่นาฬิกาบนโต๊ะทำงานของเขาแล้วพูดขึ้น“น้องอายไปก่อนนะคะ วันนี้ต้องเข้าโรงงานกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”“ครับ อาก็คงนั่งทำงานที่นี่ ไม่ได้ไปไหน ค่ำ ๆ ก็ออกไปที่คลับเหมือนเดิม ถ้าน้องอายกลับมาจากโรงงานแล้วจะแวะมานั่งเล่นอยู่กับอาก็ได้นะ”ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ รวิชาพยักหน้ารับเร็ว ๆ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องด้วยหัวใจพองโตสุนิตาคลิกเมาส์เพื่อเลื่อนดูฟีดข่าวของหน้าเฟซบุ๊กแล้วหยุดค้างอยู่ที่ข้อความที่พาดพิงถึงเพื่อนสาวในกลุ่ม เพื่อนที่เธอไม่ค่อยอยากนับเ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 75%

    เสียงของรวิชานิ่งงันไปเมื่อเห็นภาพของตัวเองเด่นหราอยู่ในหน้าเฟซบุ๊กในกรุ๊ปของนักศึกษาคณะบริหารที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า “สาวใสคณะบริหาร” ซึ่งในกรุ๊ปนี้จะมีแต่เฉพาะนักศึกษาสถาบันนี้เท่านั้นที่จะเข้าเป็นสมาชิกได้ และรูปที่มีมือดีแอบถ่ายเอาไว้แถมแต่งภาพทำกรอบให้เสียสวยงามนั้นก็เป็นรูปของเธอกับภีมพลที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อคืนนั่นเอง เธอจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าหากใต้รูปนั้นจะไม่บรรยายไปในทางเสื่อมเสีย“น้องอาย ขวัญใจหนุ่ม ๆ ทั้งหลายไม่ใช่สาวใสอย่างที่ใคร ๆ คิดเสียแล้วที่แท้ก็เด็กเสี่ยนี่เอง ไม่รู้ว่าขายตัวด้วยหรือเปล่า”“โห...แรงอ่ะ ใครโพสต์เนี่ย”รวิชาหน้างอง้ำ ยิ่งได้อ่านข้อความด้านล่างที่มีคนมาคอมเมนต์ต่อ ๆ กันก็ยิ่งรู้สึกแย่ บางคนยังไม่เคยพบปะพูดคุยกับเธอด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าวิจารณ์เธอไปในเรื่องที่ไม่รู้ว่าไปขุดมาจากไหน“เดี๋ยวฉันสืบให้ เครือข่ายฉันพอมี แต่ฉันว่าก็คงเป็นอีพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้าแกนั่นแหละ จะมีใคร ว่าแต่แกเถอะจะแก้ข่าวยังไงยะ จะบอกคู่หมั้นหรือเปล่าเรื่องนี้น่ะ” คิดแล้วก็อดห่วงเพื่อนสาวไม่ได้ เพราะถ้ามีคนเชื่อข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 50%

    หลังจากวางสาย เขาก็เดินออกจากฮอลล์อีกประตูแล้วอ้อมจากด้านหน้าที่มีการตรวจบัตร เดินผ่านเลยไปยังที่จอดรถสำหรับพนักงานแล้วเข้าประตูหลังเพื่อขึ้นไปยังออฟฟิศด้านบน พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพนักงานตรวจบัตรนั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว“อ้าว มาแล้วหรือ พวกนายมานี่สิฉันจะให้ดูอะไร”ภีมพลเดินนำไปที่กระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถมองลงไปเห็นฮอลล์ด้านล่างได้ทั้งหมด แต่คนข้างล่างไม่สามารถมองขึ้นมาเห็นคนในห้องนี้ได้ จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังโต๊ะของสุนิตา“พวกนายได้ตรวจบัตรของลูกค้าโต๊ะนั้นหรือเปล่า” พนักงานหนุ่มสองคนนั้นมองตามนิ้วมือของเขาแล้วพยักหน้า“ตรวจครับ พวกเราตรวจทุกคน ไม่มีใครที่เราไม่ได้ตรวจแล้วจะปล่อยให้เข้าไปข้างในได้แน่นอนครับคุณภีม”“นายแน่ใจนะ กลุ่มนั้นเขาเลยยี่สิบกันแล้วหรือ” ภีมพลยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสุนิตาถึงเข้ามาที่นี่ได้ทั้งที่ด้านหน้าก็มีการตรวจบัตรอย่างเข้มงวด หนึ่งในพนักงานหนุ่มจึงพูดขึ้น“เลยแล้วครับผมจำได้ เพราะถ้าใครที่อายุไม่ถึงยี่สิบ เราไม่ให้เข้าอยู่แล้ว ยิ่งโต๊ะนั้นผมยิ่งจำได้ เพราะน้องชุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 25%

    พชร หุ้นส่วนและเพื่อนสนิทของภีมพลเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วต้องส่ายหน้ากับภาพที่เห็นภีมพลนั่งหลังตรงอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ สีหน้าจริงจังราวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นโครงการสำคัญระดับชาติ แค่นั้นเขาก็รู้ทันทีว่าเพื่อนรักกำลังทำอะไรอยู่“สนุกนักหรือวะ เห็นพักหลังมานี่แกติดมันงอมแงมเลยนะ ว่างเป็นไม่ได้ฉันเห็นแกต้องเล่นตลอด”พชรถามพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง แล้วเดินมานั่งที่โซฟาตัวยาว ภีมพลไม่ตอบคำถามเพราะสายตาเอาแต่คอยจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมแทบไม่กะพริบ มือสองข้างก็ถือจอยสำหรับควบคุมเกมไว้แน่น“ได้ข่าวว่าแกโดนวิคกี้รุกอีกแล้วหรือ”พชรยังคงถามต่อแบบยิ้ม ๆ เขาเองก็รู้มาเหมือนกันว่านักร้องสาวอะคูสติกพยายามจะเข้าหาภีมพล ทีแรกก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่พอช่อมาลียืนยันหนักแน่นด้วยอีกคน เขาจึงลองจับตามอง ถึงได้เห็นว่าวิธีการอ่อยเหยื่อของเจ้าหล่อนนั้นใช้ไม่ได้ผลกับภีมพลแน่นอน“แกก็จัดให้เขาสักทีสองที เดี๋ยวก็คงเลิกไปเองแหละมั้ง”พชรยังคงแกล้งเย้าแหย่เพื่อน เพราะรู้ดีว่าอย่า

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 100%

    “หายใจไม่ทันหรือคะน้องอาย” ถึงเขาจะผละออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะห่างไปไหน ยังคงประพรมจูบทั่วปากอิ่มที่เผยอเล็กน้อยราวกับเชิญชวน“ค่ะ” รวิชาตอบเสียงแผ่วไม่กล้ามองสบสายตาคมกล้าเป็นประกายแม้จะอยู่ในที่มืดสลัว หัวใจดวงเล็กสั่นระรัว ทั้งเขินทั้งอายแต่ก็อุ่นซ่านหวามไหวในคราวเดียวกัน“โกรธอาหรือเปล่าคะที่อาทำอย่างนี้” ถามแล้วก็เหมือนไม่สนใจฟังคำตอบ ริมฝีปากร้อนร้ายยังคงเคลื่อนไหวแผ่วเบาไปตามผิวแก้มทั้งสองข้างระเรื่อยไปจนถึงปลายคางก่อนจะจบลงที่ปากอิ่มหญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ รู้สึกเนื้อตัวร้อนรุ่มราวกับจับไข้ ยิ่งได้ยินเขาพูด คะ ขา กับเธอแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจพองโตคับอก เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงหวงเขา ไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนได้มาอยู่ใกล้ หรือมาทำท่าทางสนอกสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุนิตา เพื่อนในกลุ่มเธอเอง“แล้วถ้าอาจะขอจูบน้องอายอย่างนี้ทุกครั้งก่อนเข้าบ้านเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ น้องอายคงไม่ว่าอาใช่ไหมคะ”ชายหนุ่มใช้หลังนิ้วไล้เบา ๆ ที่แก้มสุกปลั่งของหญิงสาวระหว่างรอฟังคำตอบ ซึ่งสาวน้อยก็ส่ายหน้าอีกเช่นเค

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 75%

    “เอ่อ...คนเยอะมากเลยค่ะอาภีม น้องอายไม่ขึ้นชิงช้าแล้วก็ได้นะคะ เราเดินเล่นกันอย่างเดียวก็ได้”รวิชาช้อนสายตาขึ้นมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นึกว่าเขาจะพยักหน้าเห็นด้วยกับที่เธอบอก กลับกลายเป็นว่าเขาเดินโอบบ่ารั้งให้เธอเข้าไปต่อแถวซื้อตั๋วขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน“ไม่ขึ้นได้ยังไงกันครับอุตส่าห์มาถึงนี่แล้วทั้งที ไม่เป็นไรหรอกน่า...คนอื่นยังรอกันได้เราก็ต้องรอได้สิครับ”ชายหนุ่มยังคงโอบเธอไว้อย่างนั้นกระทั่งถึงตอนที่ต้องหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาจ่ายเงินค่าตั๋ว มือของเขาจึงได้เลื่อนลงไปกุมมือนุ่มของเธอแทนทุกอิริยาบถของคนทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และคนคนนั้นก็ตามเก็บภาพของทั้งสองคนตั้งแต่ลานจอดเลยก็ว่าได้“โธ่เอ๊ย! นังเด็กปีหนึ่งคนนี้นี่ไอ้เราก็นึกว่าเป็นลูกคุณหนูไฮโซมาจากไหน ที่แท้ก็เป็นไซด์ไลน์มีเสี่ยเลี้ยงนี่เอง”มุมปากของคนพูดกระตุกยิ้มเหยียด ก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนที่มาด้วยกัน พลางส่งต่อรูปที่ถ่ายมาได้ให้เพื่อนในกลุ่มเพื่อช่วยกันกระจายข่าว!ภีมพลรู้สึกผิดหวังราวกับ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 50%

    “ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา เราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก คนคิดดีกับเราก็มีคนคิดร้ายกับเราก็เยอะ แค่เรารู้ตัวเองก็พอแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาอย่าไปใส่ใจเลยครับ” ชายหนุ่มบีบมือเธอเบา ๆ“หรือว่าเราอาย” ภีมพลหันหน้าไปถามก่อนจะหันไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ“อายอะไรคะ อาภีมหมายถึงอะไร”“เราอายเพื่อนหรือเปล่าที่อาไปรับที่มหาวิทยาลัยทุกวัน หรือว่าอายเพื่อนไหมที่ต้องบอกว่าอาเป็นคู่หมั้น น้องอายบอกอาได้นะ อาอยากให้เราเปิดใจคุยกันทุกเรื่องให้เข้าใจ”ภีมพลกระแอมเล็กน้อย นึกกลัวคำตอบอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับการที่ต้องมีคู่หมั้นอายุห่างกันถึงสิบสี่ปี เด็กสาวอย่างเธอจะนึกอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าเวลาที่ต้องแนะนำใครต่อใครว่าเขาคือคู่หมั้น“เปล่าค่ะ ไม่ได้อาย”รวิชาตอบเขาสั้น ๆ นึกอยากถามกลับไปบ้างว่าเขาล่ะอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าที่ต้องมีคู่หมั้นเป็นเด็กน้อยปีหนึ่งอย่างเธอ ในขณะที่รอบตัวเขามีแต่สาวสวยเซ็กซี่วนเวียนมาทอดไมตรีให้ตลอด หญิงสาวชั่งใจอยู่สักพักก่อ

DMCA.com Protection Status