แชร์

บ่วงรักผีเสื้อ
บ่วงรักผีเสื้อ
ผู้แต่ง: จรสจันทร์

บทที่ 1 ผีเสื้อหัดบิน - 25%

ร่างบอบบางที่นอนเกลือกกลิ้งไปบนเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขในขณะนี้ฉายชัดถึงความโล่งใจ ราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งชิ้นหนึ่งให้หมดไปจากบ่า การสอบปลายภาคได้เสร็จสิ้นลงแล้วพร้อมกับสถานะของการเป็นเด็กมัธยมก็หมดลงเช่นกัน ถึงแม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเธอไม่ใช่เด็กมัธยมอีกต่อไป เพราะยังเหลือการสอบเก็บคะแนนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ใฝ่ฝัน ยังคงต้องใส่ชุดนักเรียนเวลาทำข้อสอบอยู่ แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะต้องไปโรงเรียนทุกวันแล้วต้องอยู่กับกฎระเบียบที่เข้มงวดตลอดเวลาเป็นไหน ๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ข้างตัว ทำให้รวิชาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองดูรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ พอเห็นชื่อของคนที่โทร. เข้ามา เรียวปากอิ่มสีชมพูก็คลี่ยิ้มกว้าง รีบกดรับสายทันที

“ค่ะคุณแม่ อยู่ไหนแล้วคะ” เสียงใสกรอกลงไปทักทายคนปลายสาย ครั้นพอได้ฟังถ้อยความจากมารดา ใบหน้าแย้มยิ้มราวกับดอกไม้ผลิบานเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นห่อเหี่ยวเซื่องซึมขึ้นมา

“อ้าว...ก็ไหนคุณแม่บอกว่าวันนี้เราจะไปดินเนอร์กันพร้อมหน้าพร้อมตาฉลองที่น้องอายสอบเสร็จไงคะ น้องอายอุตส่าห์รอ นึกว่าวันนี้คุณพ่อคุณแม่จะกลับมาทันเสียอีก”

รวิชาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง ใบหน้างอง้ำส่งเสียงตัดพ้อกระเง้ากระงอดไปตามสาย

“ก็ได้ค่ะ วันหน้าก็ได้...ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ทำธุระกับคุณพ่อให้เสร็จเถอะค่ะ” รวิชาคุยกับมารดาอีกเพียงเล็กน้อย ก่อนจะวางสายแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง

ครั้งที่เท่าไรแล้วที่ท่านทั้งสองผิดนัด ครั้งที่เท่าไรแล้วที่วันสำคัญต่าง ๆ เธอต้องอยู่ฉลองกับแม่นมของมารดาเพียงลำพังแค่สองคน ทั้งที่รู้และพยายามทำความเข้าใจมาตลอดว่าพวกท่านงานยุ่งมากแค่ไหน ไม่ว่าจะภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคนอีกหลายสิบชีวิตในบริษัทจึงทำให้เวลาที่มีส่วนใหญ่จะหมดไปกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนไม่สามารถเจียดเศษเสี้ยวเวลามาดินเนอร์กับเธอได้เลย

กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อหยาดน้ำเริ่มคลอเต็มหน่วยตา รวิชาหลับตาลงเพราะไม่ต้องการให้มันเอ่อไหลออกมาข้างนอก ทว่าทันทีที่เธอปิดเปลือกตาลง หยดน้ำใสก็ไหลกลิ้งจากหางตาจนผลุบหายเข้าไปในกลุ่มผมที่ขมับทันที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รวิชารีบลืมตาขึ้นพร้อมกับควานมือไปหยิบมันขึ้นมากดรับเพราะนึกว่าเป็นมารดาโทร. มาอีกครั้ง แต่พอเห็นรายชื่อของคนที่โทร. เข้ามา เธอก็ได้แต่ยิ้มขื่นเมื่อหลงนึกไปว่าเป็นสายที่ตนกำลังรอ

“ฮัลโหล มีอะไรจ๊ะคุณเพื่อนสาว” รวิชาปรับน้ำเสียงให้สดใสดังเดิมเมื่อรับสายของเพื่อนสนิทที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจากที่สอบเสร็จแล้วไปฉลองกันที่ร้านไอศกรีมในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง

“คืนนี้ว่างไหมคุณเพื่อน ไปเที่ยวกัน” ปลายสายเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“คืนนี้เนี่ยนะ ไปไหนของแกน่ะ ยายพิงค์”

“ไปเที่ยวกลางคืนไง สนหรือเปล่า” พิงค์ หรือพรรณรายลากเสียงยาวในตอนท้ายประโยคอย่างเชิญชวนหวังให้อีกฝ่ายคล้อยตามเพราะไม่ต้องการไปเที่ยวในสถานที่ดังกล่าวเพียงลำพังกับแฟนหนุ่มมหา’ลัยที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานนัก

“หืม...เที่ยวกลางคืนเนี่ยนะ แกไปได้หรือ แม่ไม่ว่าหรือยายพิงค์”

รวิชาเด้งตัวขึ้นนั่งทันที กรอกเสียงถามเพื่อนอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะการเที่ยวในสถานที่อโคจรแบบนั้นเธอยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง

“คืนนี้แม่ฉันไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดกลับมาอีกทีวันอังคารหน้าโน่นเลย โฮะ ๆ ว่าแต่แกเถอะ สนใจหรือเปล่าจ๊ะคุณหนูอาย”

พรรณรายตอบเพื่อนสาวอย่างรื่นเริงมาตามสาย สำหรับเธอแล้วการเที่ยวกลางคืนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เธอเคยหนีที่บ้านไปมาหลายครั้งแล้วกับแฟนเก่าและกลุ่มเพื่อนของเขา แต่ไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างรวิชา

“เฮ้ย...ไม่กล้าไปน่ะ ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ แล้วไปที่ไหนกันหรือ ว่าแต่แกเคยไปหรือไง”

รวิชารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย การเรียนโรงเรียนสตรีล้วนทำให้เรื่องพวกนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไกลตัวอยู่สักหน่อย

“เคยสิ ไม่เคยจะกล้าชวนหรือ” ปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาคนฟังถึงกับเบิกตากว้าง

“หา! แกเคยไปมาแล้วหรือ ยายพิงค์บ้าไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย ปิดเงียบเลยนะ แล้วแกไปที่ไหนไปกับใครเล่ามาเลย ให้ไว” รวิชาโวยวายใส่เพื่อนไม่จริงจังนัก อดแปลกใจไม่ได้ที่เพื่อนสาวเคยไปเที่ยวที่อโคจรอย่างนั้นมาก่อน

“คลับซุสที่ตอนนี้กำลังดังไงเล่า ส่วนเรื่องไปกับใครนั้น เดี๋ยวคืนนี้แกก็ได้เจอเขาเอง ตกลงไปนะ คืนนี้ฉันจะเอารถไปรับแกที่บ้าน โอเคเนอะ”

พรรณรายหว่านล้อมเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะมัดมือชกด้วยการลงทุนขับรถไปรับถึงที่บ้าน

“ก็ได้ ลองไปสักครั้งก็ดีเหมือนกัน”

รวิชาตัดสินใจได้ทันทีเมื่อนึกถึงบิดามารดาที่นัดไว้ล่วงหน้าในวันนี้ว่าจะมาดินเนอร์ด้วยกันตามประสาครอบครัว แต่สุดท้ายท่านทั้งสองก็ผิดนัดอีกครั้ง

“เย้! ฉันว่าแล้วว่าแกต้องไม่ปฏิเสธ แต่งตัวสวย ๆ ไว้รอเลยนะ จัดเต็มเลยคุณเพื่อน ถ้าไม่มีชุดเดี๋ยวฉันเอาไปให้ใส่ แค่นี้นะจ๊ะ บาย” พรรณรายวางสายลงทันทีด้วยเกรงว่ารวิชาจะเปลี่ยนใจไม่ไปกะทันหัน

รวิชาวางโทรศัพท์ลงข้างตัวด้วยความรู้สึกกึ่งหวาดหวั่นกึ่งตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรนอกกรอบเป็นครั้งแรก นมพิม แม่นมคนเก่าคนแก่ของมารดาเคยพูดห้ามปรามอยู่เสมอว่าสถานที่อย่างนั้นไม่เหมาะกับการจะไปเที่ยวเล่น เพราะเธอยังเด็กเกินไป อาจไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมพวกจิ้งจอกกลางคืนได้ ทว่าแสงสีที่เธอได้เห็นตามหนังสือ และคำบอกเล่าของเพื่อนบางคนที่เคยได้ไปสัมผัสมาแล้วก็ชวนให้น่าลิ้มลองก้าวขาออกมายืนนอกกรอบดูบ้าง...ก็เธอไม่ใช่เด็กมัธยมอีกแล้วนี่นะ

เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้องก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ ก่อนที่แม่นมจะขึ้นมาตามไปรับประทานมื้อเย็น เธอจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาดูว่ามีชุดไหนที่พอจะใส่สำหรับคืนนี้ได้บ้าง

หญิงสาวใช้มือไล่ดูไปทีละชุด ๆ อย่างไม่เร่งรีบนัก แต่แล้วก็ต้องเบ้หน้าเมื่อชุดที่แขวนเรียงรายอัดแน่นกันอยู่ในนั้นไม่มีชุดไหนที่พอจะใส่แล้วดูเป็น “สาว” ขึ้นมาบ้างเลย

เจ้าตัวกลับมานั่งแปะอยู่ที่เตียง แล้วกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวที่เพิ่งวางสาย

“พิงค์ ฉันไม่มีชุดใส่คืนนี้ แกเอามาให้ฉันด้วยสิ แล้วมาแต่งหน้าบ้านฉันก็ได้”

รวิชาคุยกับเพื่อนสักพักก็วางสาย เป็นเวลาเดียวกับที่แม่นมขึ้นมาเรียก

“นมจ๋า เดี๋ยวพิงค์จะมาหาน้องอายที่บ้านตอนค่ำ มานั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนน่ะ หรืออาจจะมาค้างกับน้องอายก็ได้ ถ้านมง่วงอยากเข้านอน นมนอนก่อนก็ได้นะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง” รวิชาบอกกับแม่นมของมารดาที่ดูแลเธอมาแต่อ้อนแต่ออก และรักราวกับลูกในไส้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“หรือคะ ก็ดีสิคะ คุณหนูของนมจะได้ไม่เหงา คุณหนูอายอย่าน้อยใจคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ ท่านทั้งสองทำงานหนักจริง ๆ ค่ะ แต่ท่านก็ไม่เคยลืมคุณหนูนะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status