แชร์

บทที่ 1 ผีเสื้อหัดบิน - 100%

รวิชากระแทกตัวลงนั่งติดกับพรรณรายด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์พร้อมกับเอากระเป๋าสะพายใบเล็กวางไว้ข้างตัวเพื่อป้องกันไม่ให้กลวิชรเข้ามานั่งติดกับตน

เธอไม่ชอบผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกที่บริษัทของบิดา ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขา เห็นเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าจึงไม่สนใจ แต่คงเป็นเพราะบุญเก่าของเธอยังมีอยู่จึงทำให้ได้รับรู้เรื่องความเหลวแหลก และเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของเขาเข้าด้วยความบังเอิญตอนชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์สับรางกับบรรดาสาว ๆ ในมหาวิทยาลัย ผู้ชายคนนี้คุยโวโอ้อวดเรื่องบ้านรวยและเส้นใหญ่อย่างไม่อายปาก จึงทำให้เธอพยายามไม่เสวนากับเขา

“เป็นอะไรยายอาย หน้าบึ้งมาเชียว” พรรณรายเอี้ยวตัวมากระซิบถามทันทีที่เห็นรวิชาหย่อนตัวลงนั่ง

“พิงค์ แกไปรู้จักกับพวกหนุ่มมหา’ลัยตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”

รวิชาเหลือบตามองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งเบียดชิดอยู่กับเพื่อนสาว หนำซ้ำยังเอาแขนมาโอบเอวเพื่อนเธออีกด้วย

“เมื่อสองเดือนที่แล้วตอนไปเรียนติว วันนั้นที่แกไม่สบายเลยไม่ได้มาติวไงจำได้ไหม ฉันเลยต้องไปเดินเล่นคนเดียว กินข้าวคนเดียว ก็เลยได้รู้จักกับพี่ทิวน่ะ พี่เขาอยู่วิศวะฯ เชียวนะแก”

พรรณรายบอกชื่อมหาวิทยาลัยที่สองหนุ่มนั้นเรียนอยู่อย่างโอ้อวด รวิชาได้แต่ยิ้มแกน ๆ ก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นเพื่อนยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มไปอึกใหญ่

“พิงค์! แกดื่มเหล้าเป็นด้วยหรือ”

“โอ้โห...คุณหนูอาย แกนี่เด็กน้อยมากเลยนะ แค่เหล้าเองแกไม่เคยดื่มหรือ อ้อ...ฉันลืมไปว่าแกน่ะ อยู่แต่ในกรง เอ๊ย! ในกรอบมาตลอด ลองดูหน่อยไหมล่ะ เหมือนโค้กนั่นแหละ”

พรรณรายเลื่อนแก้วที่กลวิชรเพิ่งชงให้รวิชาโดยเฉพาะมาตรงหน้า หญิงสาวมองแก้วที่มีน้ำสีทองอ่อน ๆ อยู่ในนั้นอย่างหวาดหวั่น เธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน จึงไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรตอนดื่ม ใจหนึ่งก็อยากลอง อีกใจก็นึกกลัว

“เนี่ย ชงมาอ่อนที่สุดแล้วนะยายอาย เทียบกับแก้วของฉันได้เลยเห็นไหม ของฉันสีเข้มกว่าตั้งเยอะ” พรรณรายเลื่อนแก้วของตัวเองมาวางเทียบสีความเข้มข้นของระดับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในแก้วให้เพื่อนสาวดู

“เอางี้ดีกว่า พี่ว่าให้น้องอายลองสั่งพันช์ หรือค็อกเทลมาลองดื่มดูก่อนก็ได้ อย่างน้อยมันก็มีน้ำผลไม้ผสมอยู่ด้วย มีเหล้าแค่นิดเดียว ดื่มยังไงก็ไม่เมาหรอกครับ เนอะ” แฟนหนุ่มของพรรณรายกระซิบข้างหูเจ้าหล่อนพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มเนียนนุ่มนั่น ทำเอารวิชาเห็นแล้วอดเขินแทนไม่ได้ ต้องรีบเบือนหน้ามองทางอื่น

ไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนสนิทของเธอจะก๋ากั่นได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่มีท่าทีที่จะแสดงออกอย่างนั้นเลย

หรือเธอจะอยู่แต่ในกรอบมากเกินไปจนไม่ได้สังเกตโลกภายนอกกับเขา

เพียงไม่นาน ค็อกเทลสีฟ้าสวยก็เสิร์ฟลงตรงหน้ารวิชา หญิงสาวอมยิ้มเมื่อเห็นสีสันและการประดับประดาของเครื่องดื่มตรงหน้า ขอบปากแก้วมีเกล็ดเกลือติดไว้โดยรอบ มะนาวฝานชิ้นบาง ๆ ถูกเสียบไว้มุมหนึ่งคู่กับเชอรี่สีแดงสด มีร่มกระดาษอันเล็กปักอยู่ดูน่ารักเหมือนการประดับถ้วยไอศกรีม

รวิชาหันไปมองเพื่อนสาวยิ้ม ๆ เห็นเพื่อนยกนิ้วโป้งมาให้จึงทดลองชิมดูก็คลี่ยิ้มกว้าง รสชาติของน้ำสีฟ้าในแก้วนั้นออกหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยกำลังดี แทบไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์มารบกวนสัมผัสการรับรส

“อร่อยใช่ไหมล่ะ แต่อย่าดื่มมากนะแก เพราะค็อกเทลมันก็มีเหล้าผสมอยู่เหมือนกันนะ” พรรณรายเตือนด้วยความหวังดี เพราะรู้ว่ารวิชาไม่เคยดื่มเครื่องดื่มของมึนเมามาก่อน โดยหารู้ไม่ว่าระหว่างที่ตนหันไปคุยกับเพื่อนนั้น แฟนหนุ่มก็หันไปลอบสบตากับกลวิชรที่นั่งอยู่อีกด้านอย่างรู้กัน

แก้วแรกยังไม่หมดดี รวิชาก็เริ่มมึนศีรษะ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอและทับซ้อนกันวุ่นวาย หญิงสาวหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบาก เธอรู้สึกได้ถึงมือของพรรณรายที่ตบแก้มตนเบา ๆ พร้อมกับเรียกชื่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะเริ่มห่างไกลออกไปทุกที จนในที่สุดสติสัมปชัญญะก็ค่อย ๆ ดับวูบ

“ตายแล้วพี่ทิว! ยายอายเมาหลับไปแล้วทำยังไงดี ทำไมถึงเมาง่ายขนาดนี้นะ” พรรณรายยังคงเขย่าแขนรวิชาอยู่พร้อมกับเรียกเพื่อนไปด้วย ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันยิ้ม ๆ

“ปล่อยน้องอายหลับไปก่อนเถอะ หรือเราจะไปส่งน้องอายที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปค้างที่คอนโดฯ ของพี่” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบกับสาวน้อย ก่อนจะหันไปส่งสายตาเป็นเชิงรู้กันกับกลวิชร

“พี่ไปส่งน้องอายที่บ้านเองครับ พี่กับคุณพ่อเคยไปที่บ้านน้องอายบ่อย ๆ ตอนพี่ไปส่งน้องอาย คนในบ้านจะได้เบาใจเพราะเคยเห็นหน้าพี่แล้ว แต่พี่คงต้องให้ทิวมันช่วยพี่ประคองน้องอายไปที่รถก่อน เพราะถ้าให้พี่อุ้มไปเดี๋ยวจะเป็นจุดเด่นให้คนอื่นเขามอง”

กลวิชรรีบอาสาพลางยกแก้วขึ้นดื่มแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบซ่อนความเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกมาทางแววตา เขาโกหกพรรณราย เพราะความจริงแล้วเขาไม่เคยไปบ้านของรวิชาเลยสักครั้ง

“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะพี่วิชร ถ้างั้นพิงค์ฝากเพื่อนด้วยนะคะ ส่งเพื่อนพิงค์ให้ถึงบ้านนะ”

พรรณรายย้ำกับชายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งสองคนจะหิ้วปีกประคองรวิชาออกจากโต๊ะไป ทิ้งให้พรรณรายอยู่เฝ้าโต๊ะเพียงลำพังเพื่อรอให้แฟนหนุ่มกลับเข้ามา เพราะตนนั้นตั้งใจจะดูการแสดงสดของที่นี่ให้จบก่อน จึงค่อยกลับไปค้างคืนที่คอนโดฯ ของเขา

กลวิชรคลี่ยิ้มกว้างระหว่างที่พารวิชาเดินฝ่ากลุ่มนักเที่ยวออกไปยังประตู

“รู้สึกว่าน้องอายจะไม่ค่อยชอบหน้ามึงเท่าไรเลยว่ะ แน่ใจนะที่ทำแบบนี้แล้วจะไม่เดือดร้อน”

ทิวาภัทรตะโกนถามเพื่อนที่หิ้วปีกหญิงสาวอยู่อีกฝั่งแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอย่างต่อเนื่อง

“จะเดือดร้อนอะไรวะ จะติดใจน่ะสิไม่ว่า มึงคอยดูเถอะพอเข้ามหา’ลัยไป ไม่โดนกูก็ต้องโดนคนอื่นอยู่ดี เพราะฉะนั้นกูต้องชิงเปิดซิงก่อน เรื่องอะไรให้คนอื่นมาเปิดวะ กูอุตส่าห์เล็งมาตั้งแต่ยังใส่ชุดนักเรียน”

กลวิชรพูดอย่างไม่ยี่หระ ใบหน้าระบายรอยยิ้มตลอดเวลาเมื่อนึกถึงชั่วโมงแห่งความสุขที่กำลังรออยู่ข้างหน้า

ในที่สุดทั้งคู่ก็พาร่างที่สลบไสลไม่ได้สติของรวิชาออกมาถึงลานจอดรถจนได้

“ขอโทษนะครับ! พวกคุณสองคนน่ะหยุดก่อน”

ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปถึงรถก็ต้องสะดุ้งกับเสียงทุ้มกังวานแต่ฟังดูเฉียบขาดที่ดังอยู่เบื้องหลัง ครั้นพอหันไปมองก็ทำเอาทิวาภัทรและกลวิชรถึงกับหน้าถอดสี

คุณภีมพล!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status