จนกระทั่งนัยน์ตากลมโตไปปะทะเข้ากับชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาที่ยืนอยู่ในบูธดีเจ เขาคนนั้นส่งรอยยิ้มกระชากใจมาให้พร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหารทำความเคารพ ส่งผลให้สาวน้อยรีบหลบสายตาเป็นพัลวัน และอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา
“อ้าว ยายพิงค์หายไปไหน”
รวิชาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเพื่อนไม่ได้อยู่ข้างตัว ตอนนี้รอบกายเธอมีแต่บรรดาผีเสื้อราตรีที่กำลังวาดลวดลายอยู่ตามโต๊ะ หญิงสาวสอดส่ายสายตามองหาพรรณรายพร้อมกับเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตนได้ย่างเท้าก้าวเข้ามาในโซนวีไอพีแล้ว
เพราะมัวแต่มองหาเพื่อน อีกทั้งรองเท้าที่ใส่ก็สูงแหลมเสียจนน่าหวาดเสียว จึงทำให้รวิชาสะดุดขาตัวเองจนร่างเซถลาไปข้างหน้า หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตระหนกเมื่อคิดว่าคงต้องเจ็บตัวแน่แล้ว ไหนจะต้องอับอายขายหน้าคนอื่นอีกที่ทำตัวเซ่อซ่า แต่แล้วจู่ ๆ วงแขนแข็งแรงของใครบางคนก็คว้าร่างเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะก่อนจะล้มหัวเข่ากระแทกพื้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนรวิชาไม่ทันได้คิดอะไร เพราะยังรู้สึกตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์เมื่อครู่ จึงไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอแนบอยู่กับอกกว้างของคนที่กำลังยกแขนขึ้นโอบเอวเธอหลวม ๆ อย่างปกป้อง ถึงแม้จะดูว่าใกล้ชิดกันมากจนเกินไป ทว่าท่าทางของเขากลับไม่ได้ดูคุกคามหรือหาเรื่องฉวยโอกาสใด ๆ ทั้งสิ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เสียงทุ้มน่าฟังที่พูดอยู่เหนือศีรษะของเธอนั้นฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด รวิชาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยเหลือทันที แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าของเขาชัด ๆ
แน่ล่ะ ก็เธอแอบเห็นเขาอยู่บ่อย ๆ ที่ระเบียง...คุณผีดิบ!
พรรณรายนั่งชะเง้อคอมองหาเพื่อนสาวไปทั่วบริเวณ เธอจำได้ว่าตอนเดินเข้ามา รวิชาก็เดินตามมาติด ๆ ไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้แม่เพื่อนตัวดีกลับหลงไปอยู่ตรงไหนของฮอลล์แล้วก็ไม่รู้
“พี่ว่าเพื่อนของน้องพิงค์คงหาโต๊ะเราไม่เจอ”
ชายหนุ่มที่นั่งโอบเอวของเธอไว้กระซิบที่ข้างหู ก่อนหันไปสบตากับเพื่อนที่มาด้วยกัน เพราะเจ้าตัวเคยบอกเขาว่าถูกตาต้องใจรวิชา พอรู้ว่าหญิงสาวจะมา หมอนี่ก็เลยรีบรับนัดทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเพราะมีนัดกับสาวสวย ดาวคณะนิเทศศาสตร์แล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปตามน้องอายให้เอง น้องพิงค์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” กลวิชรลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป แต่ติดที่พรรณรายเรียกเอาไว้ก่อน
“พี่วิชรรู้จักยายอายเพื่อนพิงค์ด้วยหรือคะ เคยเห็นหน้าหรือ”
“น้องพิงค์ไม่รู้อะไร พ่อพี่กับพ่อน้องอายเป็นหุ้นส่วนทำบริษัทด้วยกัน พี่เคยเจอน้องอายบ่อย ๆ ตอนไปหาพ่อที่บริษัทน่ะ”
กลวิชรเลือกที่จะโกหกบางส่วนเพื่อให้พรรณรายวางใจในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรวิชา ทั้งที่ความจริงแล้วเขากับรวิชาเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนที่เขาไปหาบิดาที่บริษัท และเธอก็ไปหาบิดาของเธอด้วยเช่นกัน ความที่เธอหน้าตาน่ารัก รูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวนวลเนียนหมดจด ทำให้เขาเกิดสนใจขึ้นมา หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นทำความรู้จักและอยากสานสัมพันธ์ด้วยจึงลองจีบดู แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเมิน ทั้งยังทำหยิ่งใส่ราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ทั้งที่บิดาของเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทของบิดาเธอ หญิงสาวยังไม่ยอมให้ความสนิทสนมด้วย ทั้งที่เขาเองก็จัดได้ว่าหน้าตาดี มีรถหรู มีเงินหนา สาว ๆ ระดับดาวคณะต่าง ๆ เขาก็เคยควงมาแล้ว แล้วเธอเป็นใครกันถึงได้มาทำท่าทางราวกับรังเกียจเขาอย่างนั้น ทั้งที่เธอเองก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลาย
แน่นอนว่าคนอย่างกลวิชร ไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาเชิดใส่ได้เด็ดขาด เขาจะต้องหาทางจีบเธอให้มาเป็นผู้หญิงในสต๊อกให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม และเขาก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
คืนนี้แหละ...ได้รู้กัน!
“เอ่อ...ขะ ขอบคุณค่ะ” เมื่อตั้งหลักได้ รวิชาจึงเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ส่วนชายหนุ่มนั้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนได้มั่นคงแล้วจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“ยินดีครับ ว่าแต่คุณไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม”
ภีมพลถามพลางจ้องใบหน้าเรียวเล็กนั้นอย่างค้นหา เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงตรงหน้านี้เหลือเกิน ราวกับเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน โดยไม่รอฟังคำตอบก็ถามต่อในสิ่งที่สงสัยในทันที
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”
ถามแล้วก็ขมวดคิ้วเอียงคอเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้หน้าตาจัดว่าน่ารักจิ้มลิ้มใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าหากเธอเคยเป็นคู่นอนของเขามาก่อน เขาก็ต้องจำได้แน่นอนโดยเฉพาะสาวสวย แต่นี่ไม่ใช่ เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ แต่น่าแปลกตรงที่เขากลับรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอมาแล้ว เพียงแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน
“มะ...ไม่เคยค่ะ คงจำผิดคนแล้วมั้งคะ”
รวิชาโบกมือไปมา ปฏิเสธปากคอสั่นเพราะกลัวเขาจะจำได้ว่าเธอคือใคร เพราะเห็นสายตาเคลือบแคลงสงสัยของเขา เธอเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะรีบผละออกมา
“น้องอาย”
เสียงเรียกจากด้านหลังดังแข่งกับเสียงเพลง พร้อมกับมือใครบางคนที่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนทำให้รวิชาต้องหันกลับไปมอง ครั้นพอเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวถึงกับปัดมือเขาออกอย่างแรงพร้อมกับถอยห่างจากร่างสูงนั้นประมาณสองก้าว และส่งสายตาแสดงความไม่พอใจกลับไปให้
“พี่วิชร!”
รวิชาลอบระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายที่เจอกลวิชรที่นี่
“น้องพิงค์ให้พี่ออกมาตามหาน้องอาย พวกเรานั่งกันอยู่ตรงโน้น”
กลวิชรชี้ไปทางโต๊ะที่พวกตนนั่งอยู่ รวิชามองตาม ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้งอย่างสงสัย
“พี่วิชรรู้จักกับเพื่อนอายด้วยหรือคะ”
รวิชานึกระแวงขึ้นมาเพราะรู้สึกไม่ชอบหน้ากลวิชรเป็นทุนเดิม อีกทั้งเรื่องที่ได้ยินจากเขาก็ทำให้เธอหมดอารมณ์สนุกในคืนนี้แทบจะทันทีอีกเช่นกัน
“รู้จักสิครับ ก็เพื่อนพี่กำลังคบกับน้องพิงค์ ไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นจะรอ”
กลวิชรยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรวิชาชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะออกเดินนำเธอไปยังโต๊ะที่อยู่ในโซนวีไอพี
ทั้งคู่ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ตกอยู่ในสายตาของภีมพลตั้งแต่ต้นจนจบ คราแรกชายหนุ่มคิดจะเดินกลับเข้าไปในอาคารที่เป็นส่วนของออฟฟิศอยู่แล้ว หลังจากที่หญิงสาวคนเมื่อครู่ขอตัวผละออกไป ทว่าพอเห็น ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาคว้าแขนของเธอเอาไว้ จึงเป็นเหตุให้เขาต้องหยุดเดินแล้วหลบเข้ามุมทันที
ปกติเขาจะไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของลูกค้า แต่คราวนี้กลับรู้สึกว่าไม่สามารถละสายตาไปจากผู้หญิงคนนั้นได้ ยิ่งได้เห็นท่าทางราวกับไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายที่เดินเข้ามาหา ก็ยิ่งทำให้เขานึกแปลกใจ
แต่มาคิดอีกที หรือสองคนนี้อาจกำลังงอนกันอยู่ก็ได้กระมัง
คิดได้ดังนั้น ภีมพลจึงเดินไปยังทิศทางที่จะเข้าสู่ตัวอาคารตามความตั้งใจเดิม คืนนี้มีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาต้องทำ จึงไม่อยากจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
รวิชากระแทกตัวลงนั่งติดกับพรรณรายด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์พร้อมกับเอากระเป๋าสะพายใบเล็กวางไว้ข้างตัวเพื่อป้องกันไม่ให้กลวิชรเข้ามานั่งติดกับตนเธอไม่ชอบผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกที่บริษัทของบิดา ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขา เห็นเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าจึงไม่สนใจ แต่คงเป็นเพราะบุญเก่าของเธอยังมีอยู่จึงทำให้ได้รับรู้เรื่องความเหลวแหลก และเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อของเขาเข้าด้วยความบังเอิญตอนชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์สับรางกับบรรดาสาว ๆ ในมหาวิทยาลัย ผู้ชายคนนี้คุยโวโอ้อวดเรื่องบ้านรวยและเส้นใหญ่อย่างไม่อายปาก จึงทำให้เธอพยายามไม่เสวนากับเขา“เป็นอะไรยายอาย หน้าบึ้งมาเชียว” พรรณรายเอี้ยวตัวมากระซิบถามทันทีที่เห็นรวิชาหย่อนตัวลงนั่ง“พิงค์ แกไปรู้จักกับพวกหนุ่มมหา’ลัยตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”รวิชาเหลือบตามองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งเบียดชิดอยู่กับเพื่อนสาว หนำซ้ำยังเอาแขนมาโอบเอวเพื่อนเธออีกด้วย“เมื่อสองเดือนที่แล้วตอนไปเรียนติว วันนั้นที่แกไม่สบายเลยไม่ได้มาติวไงจำได้ไหม ฉันเลยต้องไปเดินเล่นคนเดียว กินข้าวคนเดียว ก็เลยได้รู้จักกับพี่ทิวน่ะ พี่เขาอยู่วิศวะฯ เชียวนะแก”พรรณรายบอกชื่อมห
ร่างบอบบางที่นอนเกลือกกลิ้งไปบนเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขในขณะนี้ฉายชัดถึงความโล่งใจ ราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งชิ้นหนึ่งให้หมดไปจากบ่า การสอบปลายภาคได้เสร็จสิ้นลงแล้วพร้อมกับสถานะของการเป็นเด็กมัธยมก็หมดลงเช่นกัน ถึงแม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเธอไม่ใช่เด็กมัธยมอีกต่อไป เพราะยังเหลือการสอบเก็บคะแนนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ใฝ่ฝัน ยังคงต้องใส่ชุดนักเรียนเวลาทำข้อสอบอยู่ แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะต้องไปโรงเรียนทุกวันแล้วต้องอยู่กับกฎระเบียบที่เข้มงวดตลอดเวลาเป็นไหน ๆเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ข้างตัว ทำให้รวิชาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองดูรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ พอเห็นชื่อของคนที่โทร. เข้ามา เรียวปากอิ่มสีชมพูก็คลี่ยิ้มกว้าง รีบกดรับสายทันที“ค่ะคุณแม่ อยู่ไหนแล้วคะ” เสียงใสกรอกลงไปทักทายคนปลายสาย ครั้นพอได้ฟังถ้อยความจากมารดา ใบหน้าแย้มยิ้มราวกับดอกไม้ผลิบานเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นห่อเหี่ยวเซื่องซึมขึ้นมา“อ้าว...ก็ไหนคุณแม่บอกว่าวันนี้เราจะไปดินเนอร์กันพร้อมหน้าพร้อมตาฉลองที่น้องอายสอบเสร็จไงคะ น้องอายอุตส่าห์รอ นึกว่าวันนี้คุณพ่อคุณแม่จะกลับมาทันเสียอีก”รวิชาลุกขึ้นนั่งข
ฝ่ามือเหี่ยวย่นลูบศีรษะเล็กด้วยความสงสาร ตั้งแต่เล็กจนโต ตนเห็นคุณหนูตัวน้อยนั่งรอบุพการีกลับมาจากทำงานอยู่ที่ขั้นบันไดตรงมุกหน้าบ้านเสมอ จนบางครั้งก็ฟุบหลับหน้าแนบไปกับราวบันได เคยปลุกให้ขึ้นไปนอนบนห้องก็ไม่ยอม จะรอแต่พ่อกับแม่อย่างเดียว ถึงมาพักหลังนี้จะไม่ค่อยเห็นเด็กสาวมานั่งรอเหมือนเมื่อก่อนอีก แต่ตนก็รู้ดีว่าในใจลึก ๆ ของรวิชานั้นโหยหาความอบอุ่นมากแค่ไหน“น้องอายรู้ค่ะ แหม...น้องอายโตแล้วนะคะไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะมานั่งงอนตะพึดตะพือเหมือนเมื่อก่อน”รวิชายิ้มจนตาหยีเพื่อให้แม่นมสูงวัยคลายกังวล ทั้งที่ในใจนั้นยังอัดแน่นไปด้วยความน้อยใจบุพการีที่เหมือนลืมไปแล้วว่ามีเธอเป็นลูกสายตาของผู้สูงวัยได้แต่มองคนตรงหน้าที่นั่งกินมื้อเย็นไปเงียบ ๆ คนเดียวเช่นทุกครั้งด้วยความรักและสงสาร ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามแสดงออกมากแค่ไหนว่าตัวเองเข้มแข็ง แต่คนที่เลี้ยงมากับมือตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งโตเป็นสาวน้อยน่ารัก ทำไมตนจะไม่รู้ว่าในใจของรวิชากำลังคิดอะไร บางคืนตนยังได้ยินเสียงคุณหนูน้อยละเมอร้องไห้อยู่เลยหลังเสร็จจากมื้อเย็นแล้ว รวิชาก็ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงห้องนอน มุมนี้เป็นมุมที่เธอชอบมากที่สุดเวลาที่