เมื่อครู่นี้ซือเจ๋อเยว่ร่วมมือกันกับเยียนเซียวหราน นางกลัวว่าจะปล่อยให้คนของจวนกงหนิงกั๋วหนีไปได้ จึงใช้คาถาเต๋าภายในแดนมายาคาถาเต๋าประเภทนี้มีข้อกำหนดค่อนข้างสูงสำหรับร่างกายมนุษย์ หลังจากนางฆ่าคนชุดดำพวกนั้นแล้ว ก็หมดสติไปชื่อปาเลี่ยเห็นฉากน็ประหลาดใจเล็กน้อย จึงถาม “นาง...นางเป็นอะไรไป?”เยียนเซียวหรานไม่ได้ตอบคำถามของเขา กล่าวเพียง “ไปที่พักของเจ้า”ชื่อปาเลี่ยตกตะลึงไปทันที ทั้งยังตอบ “อ้อๆ” สองครั้งติดกัน แล้วก็เดินนำทางอยู่ข้างหน้าเมื่อเขานึกถึงใบหน้าที่ซีดขาวนั้นของซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจ แม่นางผู้นี้เก่งกาจก็ส่วนเก่งกาจ เกรงว่าร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนักคนเช่นเขามาตรฐานการทำงานค่อนข้างเรียบง่าย นั่นก็คือมีความแข็งแกร่งเล็กน้อยซือเจ๋อเยว่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาไม่มีทางเกิดความคิดอย่างอื่นอีกแล้วหลังจากที่พวกเขามาถึงที่พักของชื่อปาเลี่ย ศพที่อยู่ด้านในยังไม่ได้จัดการครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เยียนเซียวหรานพูด ชื่อปาเลี่ยก็รีบลงมือจัดการศพทันทีเนื่องจากก่อนหน้านี้ด้านในห้องเคยต่อสู้กัน จึงเละเทะมาก เขารีบเก็บกวาดมือเป็นระวิงเยียนเซียวหรานมองเตียงที่เละเทะตัวนั้นแว
ที่สำคัญคือ เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างของตัวเขากำลังดันนางอยู่นางเพิ่งฟื้น หัวสมองยังมึนงงอยู่เล็กน้อย ภาพเหตุการณ์ในความฝันรบกวนนางไม่น้อยเลยทีเดียว นางอยากจะตามหาของสิ่งนั้นออกมาแล้วนำไปโยนทิ้งเสียดังนั้นนางจึงยื่นมือไปคว้า ทันทีที่คว้าก็เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกไม่ถูกต้อง แต่นางกลับยังไม่ได้สติว่าสิ่งที่นางจับอยู่คืออะไรในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเยียนเซียวหรานก็ลืมขึ้น กล่าวเสียงอู้อี้ซือเจ๋อเยว่กำลังมองเขาอยู่พอดี ทั้งสองคนสบตากันเยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จับที่มือของนางซือเจ๋อเยว่ก็ได้สติขึ้นทันควัน ตระหนักได้ทันทีว่าตนกำลังทำอะไรอยู่มือของนางราวกับมีไฟฟ้าแล่นผ่าน อยากจะชักมือกลับมา แต่กลับถูกเยียนเซียวหรานกดเอาไว้นางกล่าวด้วยสีหน้าเขินอาย “คือว่า... ข้า...ข้าเพิ่งฟื้น จึงมึนงงเล็กน้อย”เยียนเซียวหรานเขยิบเข้าใกล้นางเล็กน้อย พ่นลมหายใจรดใบหน้าของนาง กล่าวช้า ๆ “องค์หญิง ข้าก็เป็นบุรุษธรรมดาคนหนึ่ง”ซือเจ๋อเยว่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาสักเท่าใดในตอนแรก จึงกล่าวเพียง “ข้าเข้าใจ ว่าเจ้าปกติมาก”เยียนเซียวหรานคิดว่าระหว่างพวกเขาสองคนขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป วันใดวันห
หลังจากซือเจ๋อเยว่เดินออกไป ก็ยื่นมือออกมากุมหน้าอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนนางคิดว่ามีคนกำลังมองนางอยู่ นางหันหน้ากลับไปทันที จึงเห็นชื่อปาเลี่ยที่กำลังมองนางอยู่ในเวลานี้นางอารมณ์ของนางไม่นับว่าดีนัก ค้อนเขาทีหนึ่ง “มองอะไร?”ชื่อปาเลี่ยหดหัวทันทีกล่าว “แม่นาง ท่านหิวหรือไม่? ข้าตุ๋นเนื้อเอาไว้แล้ว ท่านอยากลองชิมดูหน่อยหรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ท่าทางที่ขี้ขลาดนั้นของเขา ก็รู้ว่าเมื่อคืนเขาตกใจจนแย่แล้วเขาไม่พูดยังดี ทันทีที่พูดนางก็พบว่านางหิวแล้วจริง ๆนางไม่เกรงใจกับเขาเช่น ถามตรง ๆ “เนื้ออยู่ไหน?”ชื่อปาเลี่ยรีบกล่าวด้วยความดีใจ “ข้าจะไปเอามาให้ท่านเดี๋ยวนี้!”ถึงแม้ว่าชื่อปาเลี่ยไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฝีมือทำอาหารก็ไม่เลว เนื้อตุ๋นหม้อนั้นนุ่นจนละลาย กินคู่กับเต้าเจี้ยว รสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียวหลังจากซือเจ๋อเยว่กินไปหนึ่งคำก็ชมเขาทันที “ใช้ได้นี่! ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะมีฝีมือยอดเยี่ยม”ชื่อปาเลี่ยยิ้มอย่างประจบประแจง ถามนาง “แม่นางรู้จักคุณชายสามได้อย่างไรหรือ?”การกินเนื้อของซือเจ๋อเยว่หยุดชะงักไปทันที นางไม่มีทางบอกเขาว่า พวกเขาเจอกันครั้งแรกนางก็หลับนอนกับเขาแล้วนางไ
อาหารมื้อนี้ซือเจ๋อเยว่กินอย่างค่อนข้างทรมานก่อนหน้านี้นางอยากจะอยู่ใกล้เยียนเซียวหรานอีกนิด เพื่อที่จะเพิ่มอายุขัยจากบนตัวของเขาบัดนี้ได้ใกล้ชิดแล้ว แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่าชีวิตน้อย ๆ ของนาง สักวันหนึ่งจะต้องมอบให้อยู่ในมือของเขาข้าง ๆ ยังมีชื่อปาเลี่ยที่ดวงตากำลังกลอกไปมา ความรู้สึกแบบนั้นช่างยากที่จะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆซือเจ๋อเยว่กินเพียงไม่กี่คำก็พูดว่าอิ่มแล้ว จะออกไปเดินสูดอากาศทันทีที่นางเดินไป ชื่อปาเลี่ยก็เขยิบเข้าไปใกล้เยียนเซียวหรานกล่าวด้วยสีหน้าซุบซิบนินทา “คุณชายสาม นางเป็นคนที่ท่านชอบหรือ?”เยียนเซียวหรานเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรชื่อปาเลี่ยยิ้มตาหยีพร้อมกล่าว “แม่นางผู้นี้หน้าตาสะสวยยิ่ง ความสามารถก็มาก เหมาะสมกับคุณชายสามนัก”“เพียงแต่นางเป็นนักพรตหญิง ข้าได้ยินมาว่าในสำนักเต๋า เหมือนว่าห้ามแต่งงานออกเรือน”“หากคุณชายสามชอบนางละก็ อย่างไรเสียก็รีบทำให้นางสึกเร็วหน่อย”มือที่กำลังถือชามข้าวของเยียนเซียวหรานหยุดชะงักทันที เขาอยู่กับซือเจ๋อเยว่ด้วยกันทุกวัน รู้ว่านางเป็นคาถาเต๋า แต่กลับไม่เคยคิดถึงเรื่องที่นางเป็นนักพรตหญิงมาก่อนเลยที่เขาสับส
ถึงแม้ซือเจ๋อเยว่จะทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อคิดว่าก็แค่ค้างที่บ้านของเขาอีกคืนเดียว จึงคร้านที่จะไปสนใจเพียงแต่ตอนที่นอนตอนกลางคืน ก็เกิดปัญหาขึ้นในบ้านของชื่อปาเลี่ยมีห้องเพียงห้องเดียวเท่านั้น หลังจากตกดึก เยียนเซียวหรานก็อุ้มซือเจ๋อเยว่เข้าห้องทันทีในดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงของความอยากรู้อยากเห็นของชื่อปาเลี่ยที่เกือบจะเผาเขา เขาชอบชื่นชอบการดูละครที่แฝงไปด้วยการบีบบังคับเช่นนี้เพียงแต่ก่อนที่เยียนเซียวหรานจะปิดประตูได้มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นโหดเหี้ยมเกินไป ต่อให้เขากล้าหาญขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าแอบไปฟังที่มุมกำแพงอีกแต่เขารู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่สามารถไปฟังได้ เขาจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยเยียนเซียวหรานแบกซือเจ๋อเยว่เข้าไปในห้อง แล้วกดนางลงบนเตียง “ท่านคิดว่าท่านสามารถปล่อยเรื่องตอนนั้นไปง่าย ๆ ได้อย่างนั้นหรือ?”ซือเจ๋อเยว่แสร้งโง่ต่อ “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่”เยียนเซียวหรานหยิบผ้าเช็ดหน้าที่นางทำตกไว้ครั้งนั้นโดยไม่ตั้งใจออกมา แล้วหยิบถุงหอมที่นางพกติดตัวออกมา จากนั้นก็หยิบหน้ากากสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ในมิติคาถาเต๋าของนางออกมาซื
ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างเหี่ยวเฉา “มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้ายังจะเสแสร้งต่อไปได้ที่ไหนกัน”“เจ้าเองก็เช่นกัน รู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้!”เยียนเซียวหรานพ่นลมหายใจ “ข้าจะตามท่านทันเสียที่ไหนกัน วันแต่งงานวันนั้นท่านก็จำข้าได้แล้ว ยังจะกราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับข้าได้อีก”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับเจ้า ข้ากราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับพี่ใหญ่ของเจ้าต่างหาก!”เยียนเซียวหรานเขยิบเข้าไปใกล้นางเล็กน้อย “ท่านทำเรื่องพรรคนั้นกับข้า เหตุใดท่านถึงได้ใจเย็นแต่งงานกับพี่ใหญ่ของข้าได้อีก?”ซือเจ๋อเยว่กุมใบหน้ากล่าว “ที่ทำเช่นนั้นเพราะข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน!”หลังจากที่นางกลับเมืองหลวง อวิ๋นไท่เฟยก็บังคับให้นางแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อแทนองค์หญิงสาม อีกทั้งตอนนั้นนางก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเยียนเซียวหรานกับเยียนอ๋องซื่อจื่ออีกด้วยหากนางรู้ ตอนนั้นไม่ว่าหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่มีทางแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องตอนที่นางรู้ก็ขี่หลังเสือลงได้ยากแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์แบบนั้น ไม่แต่งก็คงจะไม่ได้นางถึงขนาดยังคิดอยากจะหนีในคืนแต่งงานเสียด้วยซ้ำ แต่อันที่จร
“อันที่จริงตอนที่ข้าสองขวบ ข้าเคยตายไปแล้วรอบหนึ่ง”“ตอนหลังในระหว่างที่ข้าเติบโต ข้าก็ยิ่งเจอกับภัยพิบัติไม่หยุดหย่อน”“อันที่จริงข้าไม่ได้รู้สึกเพียงครั้งเดียว ที่ข้ามีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากขนาดนี้ ยังไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า”“เพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นบรรดาอาจารย์พยายามรักษาชีวิตของข้าแล้ว พยายามอย่างเต็มที่ ข้าเองก็ทนไม่ได้”“ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า ครั้งนี้ที่ข้าเข้าเมืองหลวง เป็นเพราะท่านอาจารย์ใหญ่บอกข้าว่าในเมืองหลวงมีโอกาสเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ตายตั้งแต่เยาว์วัยของข้าได้ ข้าถึงได้มา”“อันที่จริงจนถึงบัดนี้ ข้าได้เฉยชาต่อเรื่องความตายแล้ว”“แต่ว่าเยียนเซียวหราน เจ้าแตกต่าง เจ้าแบกความรับผิดชอบของทั้งจวนเยียนอ๋อง เจ้ามีทั้งท่านย่า ท่านแม่ พี่สะใภ้ บรรดาน้องสาวที่ต้องการให้เจ้าดูแล”“ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป พวกนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความยากลำบากมาก ไม่เพียงที่ตัวเจ้าเองต้องยืนหยัดขึ้นมา ยังต้องให้กำเนิดบุตรเพื่อสืบทอดจวนเยียนอ๋อง”“ทุกคนภายในจวนปฏิบัติกับข้าดียิ่ง ข้าติดค้างเจ้ามากมายเหลือเกิน ดังนั้นข้ายินดีที่จะมาชายแดนเพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายในการสู้รบของเยียนอ๋อง สืบหาหลักฐ
ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง กล่าวเสียงเบา “เยียนเซียวหราน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”เยียนเซียวหรานจ้องมองนางกล่าว “ตอนแรกทุกคนกล่าวว่าจวนเยียนอ๋องจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน มีเพียงท่านที่ทวงความชอบธรรมกลับมาให้จวนเยียนอ๋อง”“ท่านใช้การกระทำของเจ้าบอกกับทุกคนว่า ต่อให้ทุกคนยอมรับชะตากรรมของเรื่อง ก็ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้”“บัดนี้จวนเยียนอ๋องยังอยู่ อีกทั้งยังเดินไปในทิศทางที่ดีทีละก้าว ๆ เรื่องนี้ในเมืองหลวงถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง”“ท่านสามารถนำพาจวนเยียนอ๋องให้สร้างปาฏิหาริย์ได้เช่นนี้ เหตุใดข้าจะไม่สามารถสู้กับสวรรค์ด้วยกันกับท่าน ตามหาวิธีที่จะทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป?”ซือเจ๋อเยว่จ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะคิดเช่นนี้เยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปปิดตาของนาง กล่าวเสียงอ่อนโยน “หากท่านสามารถมีชีวิตเลยสิบแปดปีได้ แต่งงานกับข้าได้หรือไม่?”คดีของจวนเยียนอ๋องยังไม่จบสิ้น เขายังไม่ได้สืบทอดตำแหน่ง เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนยังบอกกับผู้อื่นไม่ได้ในเวลานี้หากบังคับนางจนเกินไป รังแต่จะทำให้นางเกิดความรู้สึกไม่พอใจในใจของนางมีความกังวลของนาง
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ