ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง กล่าวเสียงเบา “เยียนเซียวหราน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”เยียนเซียวหรานจ้องมองนางกล่าว “ตอนแรกทุกคนกล่าวว่าจวนเยียนอ๋องจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน มีเพียงท่านที่ทวงความชอบธรรมกลับมาให้จวนเยียนอ๋อง”“ท่านใช้การกระทำของเจ้าบอกกับทุกคนว่า ต่อให้ทุกคนยอมรับชะตากรรมของเรื่อง ก็ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้”“บัดนี้จวนเยียนอ๋องยังอยู่ อีกทั้งยังเดินไปในทิศทางที่ดีทีละก้าว ๆ เรื่องนี้ในเมืองหลวงถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง”“ท่านสามารถนำพาจวนเยียนอ๋องให้สร้างปาฏิหาริย์ได้เช่นนี้ เหตุใดข้าจะไม่สามารถสู้กับสวรรค์ด้วยกันกับท่าน ตามหาวิธีที่จะทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป?”ซือเจ๋อเยว่จ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะคิดเช่นนี้เยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปปิดตาของนาง กล่าวเสียงอ่อนโยน “หากท่านสามารถมีชีวิตเลยสิบแปดปีได้ แต่งงานกับข้าได้หรือไม่?”คดีของจวนเยียนอ๋องยังไม่จบสิ้น เขายังไม่ได้สืบทอดตำแหน่ง เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนยังบอกกับผู้อื่นไม่ได้ในเวลานี้หากบังคับนางจนเกินไป รังแต่จะทำให้นางเกิดความรู้สึกไม่พอใจในใจของนางมีความกังวลของนาง
เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เขาจะค้นหาตำราที่เกี่ยวข้อง และต้องพบวิธีช่วยนางได้อย่างแน่นอนเช้าตรู่ของวันถัดมา ซือเจ๋อเยว่ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเยียนเซียวหราน นางรู้สึกกระดากใจอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแขนขาของนางก็พันรอบกายเขาไปหมดดีที่เยียนเซียวหรานไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว เพียงเอ่ยขึ้น “ตื่นแล้วหรือ? เก็บของเถิด เราจะได้ออกเดินทาง”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้ารับสนามรบที่กองทัพหย่งอันและชาวเผ่าต๋าต๋าต่อสู้กันนั้นตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รัศมีหลายร้อยลี้โดยรอบไม่มีผู้คนอยู่อาศัยในการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาต้องเตรียมเสบียงอาหารไปมากมายอีกทั้งไป๋จื้อเซียนอาจจะตามมาถึง ดังนั้นยันต์และของจำเป็นอื่น ๆ จึงขาดไม่ได้เช่นกันของเหล่านี้เยียนเซียวหรานได้สั่งให้ชื่อปาเลี่ยเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อพวกเขาออกจากที่พัก ชื่อปาเลี่ยถึงกับเตรียมม้าให้เรียบร้อยเพียงแต่เมื่อเห็นพวกเขาออกจากห้องมาพร้อมกัน สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่อาจปิดบังเยียนเซียวหรานปรายตามองเขาชั่วครู่ ชื่อปาเลี่ยจึงรีบหลบสายตาทันที ไม่กล้ามองอีกทั้งสามคนมุ่งหน้าไปทางทิศเ
การรักษาความปลอดภัยที่ด่านนี้เข้มงวดกว่าช่องเขากรงเสือ ทำให้การออกจากด่านยิ่งยากลำบากขึ้นไปอีกเนื่องจากประตูด่านถูกปิดตาย ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านเข้าออก พวกเขาจึงต้องหาวิธีแอบลักลอบออกจากด่านอวิ๋นหลิ่งในเวลากลางคืนที่แห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิรบแห่งหนึ่งเช่นกัน ในอดีตเยียนอ๋องซื่อจื่อเคยนำกองทัพเข้าสู้รบกับชาวเผ่าต๋าต๋าในที่แห่งนี้อย่างดุเดือดบนกำแพงของด่านอวิ๋นหลิ่ง ทุกวันนี้ยังมีอิฐก่อสร้างใหม่มากมาย ล้วนเป็นร่องรอยที่ถูกซ่อมแซมหลังจากความเสียหายจากสงครามในครั้งนั้นเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าด่านมาแล้ว ก็หาที่พักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพราะประตูด่านปิดสนิท ผู้คนจากต่างถิ่นจึงมีไม่มาก ดังนั้นทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ตัวเมืองในด่านอวิ๋นหลิ่ง ก็พลันกลายเป็นจุดสนใจทันทีหลังจากพวกเขาจัดแจงของในห้องพัก ก็มีพลทหารเข้ามาตรวจสอบเยียนเซียวหรานมองพลทหารที่เข้ามาตรวจสอบ แล้วเอ่ยขึ้น “หลัวต้าหนิว ยังจำข้าได้หรือไม่?”หัวหน้ากลุ่มพลทหารที่ถูกเรียกว่าหลัวต้าหนิวชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเผยสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง “พี่สาม! เป็นท่านจริง ๆ หรือ!”“วันนี้ข้าได้ยินคนบอกว่ามีคนที่ดูคล้ายท่านมาถึงด่านอวิ๋นหลิ่ง ข้าย
ในการศึกครั้งก่อน กองทัพหย่งอันแทบถูกทำลายย่อยยับทั้งหมด แต่กองทัพติ้งอันกลับแทบไม่เสียหายฉะนั้นเยียนเซียวหรานจึงสงสัยว่ากองทัพหย่งอันทั้งหมดอาจตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจวนหนิงกั๋วกงซือเจ๋อเยว่ถามด้วยความสงสัย “เขาเคยเป็นเพียงพลทหารธรรมดา เหตุใดจึงสนิทสนมกับเจ้าเพียงนี้?”คำถามนี้ชื่อปาเลี่ยเป็นคนตอบแทน “แม่นางไม่รู้หรอก คุณชายสามของพวกเราไม่เคยทำตัวอย่างคุณชายจากจวนอ๋อง เขาชอบคลุกคลีกับเหล่าทหารอยู่เสมอ”“เจ้าหลัวต้าหนิวนั่นข้าเองก็รู้จัก ยามอยู่ที่เมืองชายแดนก่อนหน้านี้ เจ้าคนนั้นเคยถูกกลั่นแกล้งมาก่อน เป็นคุณชายสามที่ช่วยเขาไว้”“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มันก็เกาะติดคุณชายสามเสมอ เรียกพี่สามๆ ตลอดทั้งวัน ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมเสียจริง”เยียนเซียวหรานเหลือบตามองชื่อปาเลี่ยแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจำได้ว่าหลัวต้าหนิวเคยกดเจ้าไว้แล้วชกไปหลายหมัดใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ย “…”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็พอจะเดาออก ว่าก่อนหน้านี้พวกเขารู้จักกันได้อย่างไรจนถึงยามนี้ นางเริ่มเข้าใจอดีตของเยียนเซียวหรานมากขึ้นไปอีกนางหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปใส่ใจนัก ในเมื่อเซียวหรานสงสัยว่าห
หลังจากเอ่ยจบ หลัวต้าหนิวก็พยายามผลักเยียนเซียวหรานให้ออกไป ในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้นที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมเยียนเซียวหรานจ้องมองหลัวต้าหนิว ซึ่งในยามนี้ดวงตาแดงก่ำ เขาเอ่ยอย่างเจ็บปวด “พี่สาม ข้าผิดต่อท่าน ผิดต่อท่านอ๋อง!”“วันนี้ด่านอวิ๋นหลิ่งปิดท่านก็ไม่มีทางออกไปได้ รีบกลับเถอะ! ชีวิตสำคัญกว่า!”เยียนเซียวหรานคว้าแขนเขาแน่นแล้วถามขึ้น “เป็นเจ้าที่ทรยศเสด็จพ่อข้า และขัดขวางคำร้องขอความช่วยเหลือของเสด็จพ่อข้าใช่หรือไม่?”หลัวต้าหนิวร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้! พวกมันจับตัวมารดาของข้าไว้”“หากข้าไม่ร่วมมือ พวกมันจะสังหารมารดาของข้า!”“แล้วพวกทหารที่ล้มตายนับหมื่นเล่า?" เยียนเซียวหรานมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น "พวกเขาสมควรต้องตายเช่นนั้นหรือ?”“แน่นอนว่าข้าอยากให้เขามีชีวิตที่ดี!” หลัวต้าหนิวเสียงเข้ม “พวกมันบอกข้าว่าหากกองทัพติ้งอันออกล่าช้ากว่ากำหนดเพียงวันเดียว คงไม่มีผลกระทบใดนัก”“เสด็จพ่อของท่านคือเทพสงครามแห่งต้าฉู่ ต่อให้ไร้การสนับสนุน กองทัพหย่งอันก็สามารถบดขยี้ชาวเผ่าต๋าต๋าจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบได้!”“ข้าไม่เคยตั้งใจจะทรยศท่านอ๋อง หรือคิดร้ายต่
เยียนเซียวหรานแบกซือเจ๋อเยว่ไว้บนหลังโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย กระบี่ในมือของเขาพุ่งออกไปดุจสายรุ้ง สะท้อนแสงแห่งการสังหารอันเฉียบขาด ไม่ว่าผู้ใดที่ถูกคมกระบี่ของเขากวาดผ่าน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต หรือหากรอดก็ต้องบาดเจ็บสาหัส โลหิตของเหล่าทหารที่ถูกสังหารสาดกระเซ็นไปทั่ว ซือเจ๋อเยว่ซึ่งอยู่บนหลังเขาถูกละอองโลหิตเปรอะเปื้อนไม่น้อย นางไม่เคยเห็นเยียนเซียวหรานในสภาพเช่นนี้มาก่อน ยามนี้เขาราวกับเทพแห่งการสังหารอย่างแท้จริง นางเข้าใจดีว่าจิตใจของเขาเป็นเช่นไร พวกเขาเคยมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการตายของเยียนอ๋อง แต่คำบอกเล่าของหลัวต้าหนิวในวันนี้กลับทำให้ทุกข้อสงสัยกลายเป็นความจริง เหล่าทหารที่ล้อมรอบเข้ามามีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้เยียนเซียวหรานเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจฟันฝ่ากองทัพเหล่านี้ได้เพราะพวกเขาเหล่านี้ได้ปิดเส้นทางหนีของพวกเขาไว้หมดแล้ว ชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้างหลังเยียนเซียวหราน พึมพำออกมาเบา ๆ “มารดาเจ้าสิ! วันนี้ข้าคงได้ตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้ว!” แม้ปากจะพร่ำบ่น แต่ดาบในมือกลับตวัดวาดออกไปอย่างรวดเร็ว สังหารทหารที่เข้ามาใกล้ไปไม่น้อย แต่ไม่นานนัก เยียนเ
ท้องฟ้าทั่วทั้งด้านนอกด่านอวิ๋นหลิ่งปกคลุมๆไปด้วยเมฆสีเหลือง เมฆสีเหลืองก่อตัวขึ้น ขอบฟ้าก็มีหิมะตกลงมาตอนที่หิมะตกลงมา เยียนเซียวหรานกับชื่อปาเลี่ยรู้สึกเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างทั่วทั้งด่านอวิ๋นหลิ่งราวกับสงบนิ่งไม่ไหวติง พลทหารพวกนั้นแต่ละคนยืนขวางอยู่ด้านหน้าเยียนเซียวหรานเยียนเซียวหรานมองซือเจ๋อเยว่ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย เห็นสีหน้าของนางซีดเผือดถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกเขาว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ธรรมดามากแน่นอนทันใดนั้น เขาก็เห็นฉากที่ยากจะลืมที่สุดในชีวิตของเขาเกล็ดหิมะปลิวว่อนไปทั่วทั้งท้องฟ้า ปกคลุมทั่วทั้งด่านอวิ๋นหลิ่ง ซือเจ๋อเยว่นำมือที่ชี้ไปทางท้องฟ้าชี้มาทางพื้นดินอย่างรวดเร็วตอนที่นางเอามือชี้ไปที่พื้นดิน พลทหารทั้งหมดที่ขวางอยู่ด้านหน้าของเยียนเซียวหรานก็ล้มลงบนพื้น ทุกคนหยุดหายใจเยียนเซียวหรานรู้ว่าคาถาเต๋าของซือเจ๋อเยว่ลึกล้ำมาก เพียงเพราะร่างกายของนางอ่อนแอ คาถาเต๋าหลายคาถาจึงไม่สามารถใช้ได้แต่ตอนนี้เขาค้นพบว่า ก่อนหน้านี้เขาดูถูกนางไปแล้ว คาถาเต๋าของนางล้ำลึก เกินความคาดหมายของเขาเหมือนกับนางเ
ในเวลานี้เส้นสีแดงเส้นนั้นเหลือเพียงจุดจาง ๆ เท่านั้น จุดนั่นเหมือนกับกำลังจะจางหายไปในอีกไม่ช้า เยียนเซียวหรานรู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว เขาไม่สนใจชื่อปาเลี่ยที่กำลังมองอยู่ข้าง ๆ ประทับจูบลงไปบนริมฝีปากของนางทันทีชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกว่าทั้งสองคนมีเรื่องชู้สาวกัน แต่เขาไม่คิดว่าเยียนเซียวหรานจะไม่เขินอายเลยสักนิดกลับเป็นเขาที่รู้สึกเขินอาย หันหลังให้เยียนเซียวหรานเขากล่าวเสียงเบา “คุณชายสาม ท่านใจร้อนเกินไปหน่อยหรือไม่?”“ถึงแม้จะพูดว่าที่นี่เป็นเขตชานเมือง เหมาะกับการแอบลอบเป็นชู้กัน แต่ข้ายังอยู่ตรงนี้ องค์หญิงนางก็กำลังหมดสติอยู่ด้วย”“ท่านทำเรื่องแบบนี้กับนางที่กำลังหมดสติ จะต่ำช้าเกินไปหน่อยหรือไม่?”เยียนเซียวหรานไม่ได้สนใจเขา เพียงแค่กอดซือเจ๋อเยว่ให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเขาดึงเสื้อผ้าบนตัวออก แล้วก็ห่อนางเอาไว้ในเสื้อ เพื่อที่จะให้ร่างกายที่เย็นเฉียบของนางอบอุ่นขึ้นถึงแม้ชื่อปาเลี่ยจะหันหลังไปแล้ว เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวก็หันหน้ากลับมาแอบมองแวบหนึ่งเขาเห็นว่าในดวงตาของเยียนเซียวหรานเต็มไปด้
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ