ชื่อปาเลี่ยวิ่งตามเยียนเซียวหรานมาตลอดทาง ทันทีที่เข้าห้องก็รู้สึกเหนื่อยจนไม่ไหวเขาเห็นเยียนเซียวหรานหยิบกระบี่ไม้ท้อกับยันต์ออกมา ก็ตกใจมาก ถาม “มีอะไรหรือ? ตรงไหนผิดปกติอย่างนั้นหรือ?”อันที่จริงเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่ครั้งนี้เขาติดตามพวกเขา ก็นับว่าได้เจอกับเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายโดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ ซือเจ๋อเยว่สังหารคนที่อารักขาด่านอวิ๋นหลิ่งทั้งหมด ด้วยตัวคนเดียว ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่งจนถึงตอนนี้เขายังจำความรู้สึกที่เหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างได้อย่างแม่นยำ หัวใจยังคงมีความหวาดผวาเยียนเซียวหรานยื่นยันต์หลายแผ่นให้เขา “เจ้าถือเอาไว้ เมื่อใดที่รู้สึกผิดปกติ เจ้าก็เอาไปแปะ”ชื่อปาเลี่ยตัวสั่นทีหนึ่ง ฟังจากน้ำเสียงของเขา เหมือนกับว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นเขาถาม “มีอะไรบางอย่างตามพวกเรามาอย่างนั้นหรือ?”เยียนเซียวหรานจ้องมองสีแดงที่ห้อยย้อยลงมาที่หน้าบ้าน กล่าวเสียงขรึม “ถูกต้อง มีอะไรบางอย่างที่เก่งกาจมากกำลังตามพวกเราอยู่”ถึงแม้ชื่อปาเลี่ยจะมองไม่เห็นสีแดงที่อยู่หน้าบ้าน แต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องหนาวเย็นขึ้นมาเขากลืนน้ำลาย ถาม “คุณชายสาม ท่านไปหาเรื่
ดวงตาของเขาหรี่ลง กระบี่ไม้ท้อที่อยู่ในมือฟันเข้าใส่ไป๋จื้อเซียนด้วยวิธีการที่โหดร้ายที่สุดไป๋จื้อเซียนทำลายยันต์ที่ซือเจ๋อเยว่วาดได้แล้ว แต่กลับยังทำลายกระบี่ไม้ท้ออายุพันปีเล่มนี้ไม่ได้เยียนเซียวหรานในเวลานี้ฟันด้วยความดุดัน เขาทำได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นครู่ต่อมา ภายในห้องเกิดเสียงฟ้าร้องรุนแรงขึ้น มีแสงฟ้าแลบเกิดขึ้นบนร่างกายของไป๋จื้อเซียนสีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวด้วยความโมโห “บังอาจยิ่งนัก!”ชื่อปาเลี่ยกระแอมออกมาอย่างรุนแรง ออกแรงเขย่าตัวซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิง ท่านรีบฟื้นสิ!”ที่แท้เมื่อครู่นี้ยันต์ที่เยียนเซียวหรานให้เขาก็คือยันต์ห้าอัสนีบาตร เขาเกือบจะถูกเส้นผมพวกนั้นรัดตายแล้ว เมื่อนึกถึงคำพูดของเยียนเซียวหรานขึ้นมา ก็เลยแปะแผ่นหนึ่งเข้าไปไป๋จื้อเซียนจัดการกับเยียนเซียวหราน ไม่ได้สนใจเขา จึงทำให้เขาใช้งานได้สำเร็จต่อให้เป็นไป๋จื้อเซียน เมื่อถูกยันต์ห้าอัสนีบาตรผ่า ก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่ผมสีดำปลิวไสว แล้วก็รัดชื่อปาเลี่ยอีกครั้งครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน ชื่อปาเลี่ยแม้แต่กำลังที่จะแปะยันต์ยังไม่มีเป็นเพราะเรื่
แน่นอนว่าไป๋จื้อเซียนย่อมไม่มีทางฟังเขา อุ้มซือเจ๋อเยว่หายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วพริบตาเยียนเซียวหรานวิ่งตามออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นเพียงเงาของพวกเขาเขาเป็นห่วงซือเจ๋อเยว่ จากนั้นเขารีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระบี่ในมือชื่อปาเลี่ยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ในเวลาแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าการตามไปอันตราย หรือว่าอยู่ที่นี่จะอันตรายกว่าเขามองเยียนเซียวหรานที่พุ่งออกไปไกลมากแล้ว กับซือเจ๋อเยว่ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว แล้วค่อยมองไปบริเวณรอบ ๆ ที่ว่างเปล่า เขากัดฟัน ก่อนจะพุ่งตัวตามไปไป๋จื้อเซียนใช้ผ้าต่วนพันเอวของซือเจ๋อเยว่แล้วมุ่งไปข้างหน้าเขาบำเพ็ญตบะมาพันปี ถึงจะเสียหายไปบ้าง แต่ยังคงแข็งแกร่งจนน่ากลัวเช่นเดิมเขาไม่เพียงสามารถปรากฏตัวได้ตอนกลางวันได้ ยังสามารถใช้คาถาพาคนลอยได้อีกด้วยเมื่อคืนนี้ซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาที่รุนแรงนั่นออกมา เดิมทีก็สิ้นเปลืองพลังงานมหาศาลแล้ว ถึงจะมีการเติมเต็มของเยียนเซียวหราน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ฟื้นฟูตามปกติอย่างสมบูรณ์เดิมทีสุขภาพของนางก็ไม่ค่อยดี ถูกไป๋จื้อเซียนห้อยอยู่กลางอากาศแบบนี้ นางรู้สึกว่าชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งแล้วเพียงแต่ด้วยความเข้าใ
ไป๋จื้อเซียนเห็นสีหน้าท่าทางของนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าอยู่ในโลกใบนี้มาเกือบพันปี เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่ชัดเจนและโปร่งใสเช่นเจ้า”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าล่วงเกินข้านานเกินไป ทั้งอยากจะสังหารข้ามาตลอด ข้าคงไม่ได้อยากจะกินเจ้าจริง ๆ เช่นนี้หรอก”ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบาง ๆ “เจ้าไม่กินข้าก็ได้นี่นา”มุมปากของไป๋จื้อเซียนยกขึ้นเล็กน้อย “ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก”เขายื่นมาออกบีบคางของนางเบา ๆ “มีเพียงการกินเจ้าเท่านั้น ข้าถึงจะสามารถบรรลุความปรารถนาที่เฝ้าใฝ่ฝันมานาน โอกาสแบบนี้ข้าไม่มีทางปล่อยไปหรอก”ซือเจ๋อเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ไม่นึกเลยว่าเจ้ายังจะมีความปรารถนาที่เฝ้าใฝ่ฝันอีกด้วย? เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าคืออะไร? ข้ารับรองเลยว่าจะไม่พูดกับคนอื่น!”สายตาของไป๋จื้อเซียนราบเรียบ มองนางพร้อมรอยยิ้มกล่าว “ไม่บอกเจ้า!”เขาวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์มานานนับพันปี ชาวโลกรู้เพียงว่าเขาฆ่าล้างบางเพื่อการแก้แค้น ฆ่าทุกคนที่ทรยศเขาในตอนนั้น แต่กลับไม่รู้ว่าภายในใจเขาก็มีจุดที่อ่อนโยนอยู่เช่นกันคนนอกกลืนกินดวงวิญญาณมากมายขนาดนั้น บ้างถูกสวรรค์ส่งออกไป บ้างสูญเสียสติ แต่เขากลับมีสติอยู่ตลอดเวลา
ไป๋จื้อเซียนยิ้มบาง ๆ “ไม่บอกเจ้า บอกไปเจ้าก็ไม่รู้จัก”“เจ้าต้องรู้แค่ว่า อีกเดี๋ยวเจ้าก็ต้องตายแล้วก็พอ”ซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง “คิดไม่ถึงจริง ๆ เลยนะ!”ไป๋จื้อเซียนถาม “คิดไม่ถึงอะไร?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าคนที่ในสายตามีเพียงการฆ่าล้างแค้นคนหนึ่งเช่นเจ้า จะมีคนที่ใส่ใจด้วย ช่างเกินความคาดหมายเสียจริง”“เพียงแค่พลังชั่วร้ายทั่วทั้งตัวเจ้า ต่อให้เจ้าเรียกเพื่อนเก่าคนนั้นของเจ้ามาได้ คาดว่าเขาก็คงจะจำเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ”ไป๋จื้อเซียนหน้าถอดสี ยื่นมือออกไปบีบลำคอของนางกล่าว “หากเจ้าไม่อยากตายเร็วขนาดนั้นละก็ ก็หุบปากเสีย!”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างยากลำบาก “โอ๊ะ นี่เจ้าโมโหหรือ? นี่ข้าพูดจี้ใจดำสินะ?”ไป๋จื้อเซียนมองหน้านางแสยะยิ้ม “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา เขากล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่ตั้งใจที่จะเหลือศพที่สภาพสมบูรณ์ให้เจ้าแล้ว”“ข้าไม่เพียงจะทำให้วิญญาณของเจ้าแตกสลาย แต่ยังจะทำให้ศพของเจ้าแหลกละเอียดอีกด้วย”ซือเจ๋อเยว่กระแอมเบา ๆ ทีหนึ่ง “แล้วแต่เจ้า”ไป๋จื้อเซียนเห็นท่าทางดื้อรั้นของนาง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจถึ
เพียงแต่ระหว่างพวกเขาคงจะไม่มีอนาคตแล้ว ดังนั้นต่อไปเขาก็จะไม่จำเป็นต้องเหนื่อยวางแผนอีกต่อไปเพียงแต่ไม่รู้ว่าชีวิตในวันข้างหน้าของเขา จะยังนึกถึงนางหรือไม่?ไป๋จื้อเซียนเริ่มใช้งานค่ายกลนี้ และจำเป็นต้องทำตอนยามจื่อ ตอนนี้ท้องฟ้าเพิ่งมืด ยังห่างจากยามจื่ออีกนานเรื่องในวันนี้สำหรับเขาแล้วนับว่าสำคัญยิ่งนัก ดังนั้นเขาเองก็ลงทุนกับเรื่องนี้ไปมากเขาจัดวางค่ายกลหลงทางขนาดใหญ่อันหนึ่งเอาไว้ด้านนอก เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถบุกเข้ามาได้หลังจากที่เขาทำเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มาตรวจสอบค่ายกลเรียกวิญญาณและค่ายกลบูชา เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดหลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จเรียบร้อย เขามองซือเจ๋อเยว่ที่ถูกผูกไว้บนค่ายกลบูชาจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเป็นเพราะในเวลานี้นางกำลังนอนหลับ อีกทั้งนางไม่ได้แสร้งนอนหลับอีกด้วย แต่ทว่ากำลังนอนหลับจริง ๆก่อนหน้านี้ไป๋จื้อเซียนรู้ว่านางใจกล้า แต่คำพูดที่ว่าไม่กลัวตายเหล่านั้นของนางเขากลับไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก ไม่มีใครไม่กลัวตายแต่ตอนนี้นางกำลังอยู่ในช่วงนับถอยหลังของชีวิต ไม่คิดเลยว่าจะยังสามารถนอนห
ไป๋จื้อเซียนพ่นลมหายใจอย่างเยาะหยัน แล้วก็ฟันอีกครั้งทันทีซือเจ๋อเยว่ชักกระบี่ออกมาจากมิติ เข้าไปรับโดยไม่ลังเลวันนี้ต่อให้นางต้องสู้จนตาย ก็จะต้องสังหารตัวหายนะอย่างเขาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ทั้งสองคนก็ต่อสู้กันเกินสิบกระบวนท่าแล้วยิ่งสู้ ไป๋จื้อเซียนก็ยิ่งหวาดกลัวก่อนหน้านี้ในการรับรู้ของเขา คาถาเต๋าของซือเจ๋อเยว่แข็งแกร่งมาก แต่วรยุทธ์กลับด้อยมากแต่ตอนนี้ทันทีที่ลงมือ เขาก็พบว่าวรยุทธ์ของนางเลิศล้ำมากเขารู้ว่านี่ตัวเขาเองมีเกี่ยวข้องกับมิติดินแดนแห่งความฝัน แต่หากนางไม่มีพื้นฐานเหล่านี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ถึงขนาดนี้ดังนั้นหากนางไม่ได้ถูกขังอยู่ในร่างกายของนาง ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งคนหนึ่งอยู่ดีที่นี่ คาถาของไป๋จื้อเซียนใช้การไม่ได้เลยสักนิด ทำได้เพียงใช้กำลังสู้กับนางเท่านั้น ทว่ากำลังของนางสูงส่งจนน่ากลัวไป๋จื้อเซียนกล่าวเสียงเย็นชา “ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบาง ๆ “ข้าไม่เคยประเมินเจ้าต่ำเลยสักครั้ง!”“วันนี้พวกเราตายด้วยกันที่นี่ จบบุญคุณความแค้นครั้งนี้กันเถอะ!”นางพูดจบก็ถือกระบี่ฟันใส่ไป๋จื้อเซียน ฟันอยู่
ความทรงจำถูกฟันเปิดออก คำบรรยายในดินแดนแห่งความฝันก็แสดงออกมาไป๋จื้อเซียนหันไปมองความทรงจำช่วงสั้น ๆ นั้นของนางด้วยสายตาเหยียดยาม “ข้าคิดว่าเจ้าจะแน่สักแค่ไหน ที่แท้เจ้าก็มีแค่นี้...”คำพูดของเขาพูดถึงตรงนี้ ก็หน้าถอดสีทันทีเนื่องจากในความทรงจำสั้น ๆ นั้นของนางมีเขาอยู่ท่ามกลางป่าดอกท้อ มีบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง สาวน้อยที่รูปโฉมงดงามคนหนึ่งวางมงกุฎที่ทำจากดอกท้อพวงหนึ่งไว้บนศีรษะของชายหนุ่มชุดเขียวสีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยน กลับกล่าวด้วยความรังเกียจเล็กน้อย “ผู้ชายสวมดอกไม้ที่ไหนกัน?”สาวน้อยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ก็จริง ข้าคิดว่าดอกท้อนี้ไม่งดงามเท่าเจ้านะ!”ชายหนุ่มรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำสาวน้อยกะพริบตาใส่เขา “โอ้ เจ้าหน้าแดงแล้ว นี่เจ้ากำลังเขินหรือ?”ฉากเปลี่ยนไป สาวน้อยที่ตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดถูกคนแขวนไว้บนกำแพง ด้านล่างของตัวนาง มีเปลวไฟกำลังลุกโหมชายหนุ่มตะโกนเสียงดังอยู่บนกำแพงเมือง “หยวนเฉิงฟู่ ปล่อยนาง!”บนตัวเขาเปื้อนไปด้วยคราบเลือด ท่าทางดูจนตรอกมากบนกำแพงเมืองแห่งหนึ่งผู้ชายชุดดำกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มด้วยสีหน้าชั่วร้าย “ปล่อยนา
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ