แชร์

บทที่ 242

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
นางเอ่ยถึงตรงนี้แล้วเอ่ยต่อ "ไม่สิ ใช่ว่าเขาจะไม่เอาความ"

"เขาส่งท่านมาฆ่าข้า แต่ไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงในการฆ่าข้ากับท่าน"

ใบหน้าของอวิ๋นเยว่หยางเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจยาว "หากคุณชายรองอยากรู้เรื่องพวกนี้ สามารถมาหาข้าที่จวนเยียนอ๋องได้ในวันอื่น"

"น้องสาม ปล่อยเขาไปเถอะ พวกเรากลับกัน"

เยียนเซียวหรานมองไปที่ใบหน้าของอวิ๋นเยว่หยางด้วยสายตาที่เย็นชา เก็บกระบี่เข้าฝัก แล้วขึ้นไปนั่งบนคานรถม้า

ครั้งนี้อวิ๋นเยว่หยางไม่ได้ขวางพวกเขาอีก

เพราะคำถามของซือเจ๋อเยว่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขา

วันนี้เขาวางแผนที่จะฆ่าซือเจ๋อเยว่ เดิมทีเพียงแค่ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำตอบแก่หนิงกั๋วกง

หลังจากการลอบสังหารล้มเหลวเขาก็เปลี่ยนใจ อยากจะโน้มน้าวให้ซือเจ๋อเยว่อยู่ข้างเขา แล้วให้นางคิดแผนการเพื่อฆ่าคนในจวนเยียนอ๋องทั้งหมด

แต่คำกล่าวของเขายังไม่ได้เอ่ยออกมา ก็ถูกเยียนเซียวหรานขัดจังหวะอย่างหยาบคาย

จากนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดคิด

เขายืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่ ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนหนิงกั๋วกง เขาไปไถ่ถามหนิงกั๋วกงอย่างไม่อ้อมค้อม "ท่านพ่อ เมื่อวานนี้เกิดอันใดขึ้นในจวนกันแน่?"

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 243

    การไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ทรมานสำหรับซือเจ๋อเยว่ เพราะร่างกายส่วนบนเคลื่อนไหวได้ แต่ส่วนล่างไม่สามารถทำได้ ทำให้นางต้องนอนอยู่บนเตียง ไม่สามารถไปที่ใดได้นางให้สาวใช้หาตำรามาให้นางอ่านเพื่อคลายความเบื่อนางเพิ่งจะอ่านไปได้สักพัก สาวใช้ก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรงซือเจ๋อเยว่ตกใจอย่างยิ่ง เมื่อหันไปก็เห็นไป๋จื้อเซียนที่ยืนอยู่ในห้อง สีหน้าของนางจึงพลันเปลี่ยนไปอย่างมากนางรีบร่ายคาถา ไป๋จื้อเซียนยืนกอดอก มองนางอย่างอ่อนหวานด้วยสายตาที่เย้ายวน "นักพรตหญิงตัวน้อย อย่ากลัวเลย ข้าไม่ได้มาฆ่าเจ้า"ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าแม้ว่าเขาจะมีพลังเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ยังนับว่าเป็นผู้ที่ทรงพลังมากนางเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นชา "เจ้ามาทำอันใด?"ไป๋จื้อเซียนมองห้องของนางอย่างสนใจ "คนที่บำเพ็ญเพียรอาศัยอยู่ในห้องที่หรูหราเช่นนี้ จะไม่ส่งผลต่อจิตใจหรือ?"แท้จริงแล้วห้องของนางในยามนี้นับว่าเรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับห้องที่นางที่เคยอยู่ในสำนักเต๋า มันก็นับว่าดูหรูหรากว่ามากซือเจ๋อเยว่วาดมือร่ายคาถา เอ่ยออกมาเสียงเบา "การบำเพ็ญเพียรคือการฝึกจิตใจ ไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง"ไป๋จ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 244

    ไป๋จื้อเซียนโจมตีด้วยความรวดเร็ว ในสถานการณ์ปกติ หากซือเจ๋อเยว่จะร่ายคาถาก็คงไม่มีเวลาป้องกันตัวได้ทัน ในดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม และความตื่นเต้นที่ล้นหลาม แต่เมื่อเขาใกล้เข้ามา ซือเจ๋อเยว่กลับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ดวงตาของนางก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเบื้องหลังยิ้มนั้นคือความมุ่งมั่นในการฆ่า ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ แล้วต่างก็หรี่ตาเล็กลง ไป๋จื้อเซียนคิดจะถอย แต่กลับรู้สึกว่าอาจจะถูกนางหลอกอีกครั้ง ถึงอย่างไร ทั้งสองเคยปะทะกันมากี่ครั้ง เขาก็ถูกนางหลอกเท่านั้น ต้องเสียเปรียบนางเท่านั้นดังนั้นคราวนี้เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย จู่โจมตรงไปยังหัวใจของนางโดยตรง เล็บของเขาคมกริบ เพียงแค่สัมผัสก็สามารถเจาะลึกเข้าสู่ร่างได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เล็บของเขากำลังจะเจาะเข้าไปที่หน้าอกของนาง กระบี่ไม้ท้อเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่ฝ่ามือของเขาโดยตรงภาพเช่นนี้ราวกับว่าเขาถือกระบี่ไม้ท้อเอาไว้ในมือซึ่งมือข้างที่สัมผัสกับกระบี่ไม้ท้อข้างนั้นก็เริ่มมีควันลอยคลุ้งขึ้นมาแท้จริงแล้วในขณะที่ซือเจ๋อเยว่ปล่อยมือจากการร่ายคาถา ก็ได้ดึงกระบี่ไม้ท้อออกมาจากใต้หมอนแล้ว นางต่อกรกั

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 245

    ไป๋จื้อเซียนมองไปที่ซือเจ๋อเยว่แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่คือวิญญาณร้ายที่ท่านปล่อยออกมาโดยไม่ระวังหรือ?” ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ใช่! เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้มันโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง! เจ้าต้องระวังให้ดี!” ไป๋จื้อเซียนมองเยียนเซียวหรานที่กำลังปกป้องซือเจ๋อเยว่ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามซือเจ๋อเยว่ “นี่คือคนที่เจ้าชอบใช่หรือไม่?” แน่นอนว่าในยามนี้ซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับเพราะหากนางยอมรับไป จากที่นางรู้จักไป๋จื้อเซียน เขาคนนี้ต้องไปสร้างปัญหากับเยียนเซียวหรานแน่ เยียนเซียวหรานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณร้ายที่ฝึกฝนมาหลายพันปีอย่างไป๋จื้อเซียน นางจึงตอบไป “แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาก็แค่ผู้ติดตามของข้าเท่านั้น” หลังจากนั้นนางก็ร่ายคาถาใส่ไปไป๋จื้อเซียนมองนางแล้วหันไปมองเยียนเซียวหราน ก่อนที่จะยกมือปัดป้องการโจมตีของนาง “ไม่ถูกต้อง เจ้าทั้งสองคนมีความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน” “ถึงแม้เจ้าไม่ชอบเขา แต่เขาก็คงชอบเจ้า” ซือเจ๋อเยว่ “…” เยียนเซียวหรานชอบนาง? นี่มันเป็นไปไม่ได้! เพราะเยียนเซียวหรานเป็นคนที่มีมารยาทและจิตใจดีเยี่ยม สถานะของทั้งสองต่างก็เป็นที่ประจักษ์ เขาคงไม่มีทางหลงรักนางแน่

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 246

    เขาอุ้มนางขึ้นเตียงพลางเอ่ยขึ้น “ท่านจงพักเสียแต่เนิ่น ๆ” เมื่อเอ่ยจบเขาก็จะเดินออกไป แต่ซือเจ๋อเยว่กลับรั้งข้อมือเขาไว้อย่างกะทันหันพลางเอ่ยขึ้น “คืนนี้เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?” เยียนเซียวหราน “…” หากสตรีคนอื่นกล่าวกับเขาเช่นนี้ เขาคงตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง แต่เมื่อนางกล่าวเช่นนั้นกับเขา เขาก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วนางเพียงอยากให้เขาต่ออายุขัยให้เท่านั้น ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะขุ่นมัวหดหู่เล็กน้อย หันกลับมามองนางแววตาฉายความไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย พอซือเจ๋อเยว่ถูกสายตาเช่นนี้ของเขาจับจ้อง ก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ นางจึงค่อย ๆ ดึงมือกลับไป นางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่ได้คิดจะหมายถึงเรื่องอื่น…” นางwไม่ได้อธิบายก็ดีแล้ว แต่ยิ่งอธิบายกลับยิ่งทำให้บรรยากาศดูประหลาดขึ้นไปอีก จึงรีบเอ่ยเสริม “ข้าก็แค่อยากลองดู ว่าพอจะทำลายคาถาของไป๋จื้อเซียนได้หรือไม่” “ไม่เช่นนั้น หากเขาบุกมาอีกหน ข้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้ก็เสียเปรียบมากนัก” เยียนเซียวหรานไม่ได้เอ่ยอันใด แต่เดินไปอุ้มสาวใช้ที่สลบในห้องออกไป แล้วจึงลงกลอนประตู เมื่อเขากลับมานั่งลงข้างเตียงของซือเจ๋อเยว่ ถามขึ้น “แล้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 247  

    เขายิ้มเยาะเย้ยตนเองในใจ “ข้ากำลังมุ่งหวังอันใดอยู่กัน?” “คาดหวังให้นางบอกว่านางชอบข้า ยอมอยู่ร่วมกับข้าหรือ?” “หรือคาดหวังให้นางเกิดความรู้สึกบางอย่างในความสัมพันธ์ แล้วเราก็ต้องทนทุกข์ไปด้วยกัน?” เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว ทั้งสองอย่างนี้ไม่มีทางเหมาะสมสำหรับพวกเขา เขารู้ดีว่า การตัดสินใจของนางนั้นถูกต้อง แต่เดิมพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เหมาะกับคำว่ารัก ซือเจ๋อเยว่วาดยันต์จนดึกดื่นค่อนคืนจึงหยุดพัก ขณะที่เยียนเซียวหรานยืนใต้หน้าต่างนางตลอดทั้งราตรีโดยไม่ขยับไปที่ใด เช้าวันต่อมา ซือเจ๋อเยว่ถูกเยียนเหนียนเหนียนอุ้มออกจากห้องไปทานอาหารเช้า นางหันมองรอบห้องแต่ก็ไม่เห็นเยียนเซียวหราน อยากเอ่ยปากถามสุดท้ายก็รู้ว่าไม่ควร แม้ในนามฐานะของนางจะสามารถถามได้ แต่นางกลับรู้สึกประหม่าในใจ พระชายาเยียนอ๋องบอกกับสาวใช้ “เจ้าจงสั่งคนในครัว ให้พวกเขาทำอาหารจานโปรดของเซียวเอ๋อร์ในช่วงเที่ยง” ซือเจ๋อเยว่หันมามองพระชายาเยียนอ๋องด้วยความสงสัย พระชายาแย้มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เช้านี้เซียวเอ๋อร์ออกไปหาซูเซียงแล้ว” “จวนเยียนอ๋องเราขึ้นมาด้วยบารมีการสงคราม บัดนี้ฝ่าบาทยังไม่ได้ลงพระราชโองการให้เซียวเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 248  

    ซือเจ๋อเยว่รู้สึกอย่างแท้จริงจากก้นบึ้งหัวใจ ว่าฮ่องเต้เจาหมิงเป็นบุรุษที่ไม่รักษาสัจจะ! เมื่อวันนั้นพระองค์ยังเอ่ยไว้ว่าจะให้นางเข้าเฝ้าวังให้น้อยลง เพราะไม่ต้องการพบเห็นหน้านาง แต่เวลานี้กลับส่งคนมาเรียกให้นางเข้าเฝ้าอีก นี่พระองค์ประสงค์จะก่อเรื่องอันใดกัน? ซือเจ๋อเยว่จึงให้เยียนเหนียนเหนียนอุ้มนางออกไปพบขันทีจากวัง แล้วกล่าวตอบไปอย่างเรียบเฉยว่าวันนั้นระหว่างทางข้ากลับจากวัง เผลอพลัดตกจนขาข้าได้รับบาดเจ็บ บัดนี้ไม่อาจเดินได้ ขันทีเห็นนางในสภาพนี้ก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดมาก ได้แต่รีบกลับไปรายงานสถานการณ์เช่นที่เป็น ครั้งนี้ผู้ที่ส่งคนมาเชิญซือเจ๋อเยว่คืออวิ๋นไท่เฟย เมื่อทราบว่าขันทีนำตัวซือเจ๋อเยว่มาไม่ได้ นางก็โมโหจนด่าทอเสียยกใหญ่ พร้อมขว้างปาสิ่งของจนแตกกระจาย อวิ๋นไท่เฟยไม่ได้คิดว่าซือเจ๋อเยว่จะขาพลิกจริง นางมั่นใจว่านางหาเรื่องปฏิเสธไม่ยอมเข้าเฝ้า เพื่อจงใจทำให้นางและองค์หญิงสามต้องขายหน้า ใช่แล้ว ครั้งนั้นแม้เจ้าอาวาสแห่งวัดเป้ากั๋วถูกเชิญเข้าวังมา กลับไม่อาจคลายคาถาลัทธิเต๋าที่พันธนาการองค์หญิงสามได้ บัดนี้เมื่อใดที่องค์หญิงสามกล่าววาจา ก็ยังคงเปล่งเสียงเป็น "กะต๊าก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 249

    เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ "บัดนี้คดีของจวนเยียนอ๋องยังไม่ได้ข้อยุติ หากเรามีพระราชโองการตำหนิซือเจ๋อเยว่ เหล่าขุนนางในราชสำนักย่อมมองว่าเราต้องการให้จวนเยียนอ๋องล่มสลาย" "หากเป็นเช่นนั้น จะนำพาผลกระทบตามมาอีกมาก และจวนเยียนอ๋องก็อาจประสบเหตุร้ายใหญ่หลวง นางอาจถึงแก่ชีวิต" อวิ๋นไท่เฟยกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม "นางไร้กตัญญูถึงเพียงนี้ หากไม่ได้ลิ้มรสความลำบากเสียบ้าง นางจะเข้าใจได้อย่างไรว่าผู้ที่รักและใกล้ชิดที่สุดในชีวิตนี้คือตัวหม่อมฉัน" "ส่วนเรื่องของจวนเยียนอ๋อง หม่อมฉันได้ยินจากพี่ชายว่าเยียนอ๋องเกือบเสียช่องเขากรงเสือไป แม้เขาตายในสนามรบเรื่องนี้ก็ควรถูกสอบสวนและรับผิดชอบ" "หากปล่อยให้ผู้เสียแผ่นดินแล้วหนีความผิดด้วยการตาย ต่อไปขุนนางคนอื่นจะยังเกรงกลัวพระบารมีอีกหรือ?" ฮ่องเต้เจาหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้ากลับเยือกเย็นขึ้น พระองค์จ้องมองอวิ๋นไท่เฟยอย่างเย็นชา สายตานั้นทำให้อวิ๋นไท่เฟยรู้สึกสะท้าน นางรีบพิงกายเข้าไปใกล้เขา "ฝ่าบาท โปรดอย่ามองหม่อมฉันเช่นนี้ หม่อมฉันรู้สึกกลัวเหลือเกิน!" แต่ครั้งนี้ฮ่องเต้เจาหมิงหาได้โอบกอดนางดังเดิม แต่ก็ไม่ได้ผลักไสนางให้ออกห่าง เ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 250  

    ในพระราชวัง จวนหนิงกั๋วกงมีเพียงอวิ๋นไท่เฟยเท่านั้นที่สามารถใช้ตำแหน่งใกล้ชิดฮ่องเต้เจาหมิงเพื่อกระซิบบอกหรือโน้มน้าวพระองค์ได้ หากนางถูกฮ่องเต้เจาหมิงรังเกียจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจวนย่อมมหาศาล ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น เพียงแค่การส่งข่าวสารในพระราชวังย่อมช้าลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้น หากในภายภาคหน้าพวกเขาต้องการบรรลุเป้าหมายใด การให้อวิ๋นไท่เฟยกระซิบบอกฮ่องเต้เจาหมิงก็จะยิ่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิม หนิงกั๋วกงเอ่ยจากที่นั่งถัดลงมา "ท่านพ่อ พวกเราต้องรีบซ่อมแซมค่ายกลให้เสร็จโดยเร็วที่สุด" หนิงกั๋วกงผู้เฒ่ายกมือขึ้นกดที่ขมับด้วยความเหนื่อยล้า ค่ายกลนั้นถูกซือเจ๋อเยว่ทำลายไปได้เพียงไม่กี่วัน แต่จวนหนิงกั๋วกงกลับประสบปัญหามากมาย เขากังวลว่าอานุภาพที่หลงเหลือของค่ายกลอาจไม่สามารถคงอยู่ได้อีกนาน หากเป็นเช่นนั้น บรรดาบุคคลสำคัญในจวนที่เคยได้รับผลจากการบูชาค่ายกล อาจต้องเผชิญกับผลกระทบย้อนกลับจนเสียหาย เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ใครก็ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากเพียงใด จงไปตามหาราชครูสวรรค์โดยเร็วที่สุด!" หัวหน้าผู้ดูแลรับคำทันที "พ่ะย่ะค่ะ!" การตามหาราชค

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 294

    "ไม่มีคำว่าแต่อันใดทั้งนั้น" นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน "หากท่านไม่รีบออกไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!" ซือเจ๋อเยว่ "…" เมื่อคืนที่ผ่านมานางได้ยินเยียนเซียวหรานบอกว่าราชครูไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น และไม่ชอบพบเจอคนแปลกหน้า นางคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น อย่างน้อยก็การที่เขาเร่งเดินทางไกลกลับมาเพื่อใช้กระบี่ฟันไป๋จื้อเซียนครั้งนั้น ก็หมายความว่าเขาหาใช่คนที่เพิกเฉยต่อปัญหาของผู้คนโดยสิ้นเชิง นางยังคิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ เมื่อเขาเดาเจตนาของนางได้ เขากลับส่งนักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวที่ดุดันมาไล่นางออกไป หากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อื่น นางคงจะบุกขึ้นเขาไปถามเขาให้รู้เรื่อง แต่ที่นี่คือเมืองหลวง อีกทั้งกระบี่ของเขาคราวก่อนทรงพลังจนเกินคาด ราชครูผู้นี้คงเป็นยอดฝีมือที่นางไม่อยากขัดแย้งด้วย ดังนั้น นางจึงทำได้แค่พาเยียนเซียวหรานเดินออกจากค่ายกลไปอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากค่ายกล นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวก็รีบปิดซุ้มประตูที่เชิงเขาทันที ซึ่งปกติแทบไม่เคยปิด เขาปิดประตูอย่างรุนแรงจนซือเจ๋อเยว่ที่เดินช้ากว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 293

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่มีความจำเป็นต้องถามอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า” ครั้งนี้เยียนเซียวหรานไม่ได้หันกลับมามองนางอีก และนางก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ นางหมุนตัวแล้วเดินจากไป เยียนเซียวหรานมองเปลวเทียนที่ลุกไหวอยู่ในศาลบรรพชน ก่อนจะถอนหายใจเสียงยาว เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมาที่ห้อง นางครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเยียนเซียวหรานในปีนี้ นางคิดหลายตลบก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ในสถานการณ์เช่นนี้ คำอธิบายเดียวที่ดูคล้ายจะสมเหตุสมผล คืออาจเป็นเพราะลุงเขยของเยียนเซียวหรานมาเยือน จึงทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ นางยักไหล่เล็กน้อย ไม่ใส่ใจจะคิดต่อ และหันไปวางแผนว่าหากได้พบกับราชครูในวันรุ่งขึ้น นางจะเกลี้ยกล่อมให้เขาช่วยจัดการไป๋จื้อเซียนได้อย่างไร เช้าวันรุ่งขึ้น เยียนเซียวหรานมาตามที่นัดไว้ เขาพานางไปยังหอพยากรณ์ดวงดาวเพื่อพบกับราชครู แม้จะเรียกว่าหอ แต่ที่แท้แล้วคือกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่อดีตฮ่องเต้สร้างขึ้นเพื่อราชครู ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งที่แห่งนั้น ก็สามารถเฝ้าดูดวงดาวและทำนา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 292

    แท้จริงแล้วราชครูมีการไปมาหาสู่กับเยียนอ๋อง ในเมืองหลวงเขาแทบไม่มีสหายที่ใด เยียนอ๋องกลับเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว ครั้งล่าสุดก่อนที่เยียนอ๋องจะออกศึก ราชครูเคยมาพบเยียนอ๋องครั้งหนึ่ง ส่วนพวกเขาหารือเรื่องใดกันนั้น เยียนเซียวหรานไม่อาจรู้ได้ เพียงแค่ได้ยินเสียงทั้งสองทะเลาะกันในห้องหนังสือ หลังจากจวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง ราชครูก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ในค่ำคืนนั้นเมื่อเยียนเซียวหรานพบราชครูที่เรือนพักในจวนหนิงกั๋วกง เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเยียนเซียวหราน ที่ราชครูยอมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ ปกติเมื่อเขาอยู่ในเมืองหลวง ก็มักจะพำนักอยู่ในหอพยากรณ์ดวงดาว ไม่ว่าจะมีเรื่องใดที่ไม่สำคัญจริง เขาจะไม่มีทางออกมา ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยความกังวล “แต่ไป๋จื้อเซียนนั้นเป็นภัยใหญ่ ทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย” “เกรงว่าไม่นานเกินรอเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะยิ่งจัดการยากขึ้น” “ไม่ว่าราชครูจะยินยอมพบข้าหรือไม่ ข้าคงต้องหาวิธีพบเขาให้ได้” เยียนเซียวหรานพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่าน” ซือเจ๋อเยว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 291

    เขานึกถึงภาพในช่วงหลายวันที่ผ่านมายามนางนอนอยู่บนเตียงโดยไม่มีวี่แววของลมหายใจใด ๆ หัวใจเขาเจ็บปวดราวกับถูกบีบคั้นจนแทบทนไม่ได้ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่เสมอว่าสภาพร่างกายของนางไม่แข็งแรง แต่ทุกครั้งที่เขาได้พบนาง นางกลับมีรอยยิ้มเปี่ยมล้นบนใบหน้า ร่างกายของนางดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขาไม่เคยคิดว่านางเป็นคนที่กำลังจะสิ้นลม และไม่เคยคิดว่าสภาพร่างกายของนางจะแย่ถึงเพียงนี้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับเตือนเขา ว่านางบอบบางยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มากนัก เขาเอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้ องค์หญิงพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนให้ดีเถอะ”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะเสียงเบา “สภาพร่างกายของข้า ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?” “เมื่อมีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้าอาจอยู่ได้นานขึ้นอีกสักหน่อย แต่หากเจ้าไม่อยู่ ข้าก็จะตายเร็วขึ้นกว่าเดิม” เยียนเซียวหรานขมวดคิ้วแน่น บัดนี้เขาไม่อยากได้ยินคำว่า ‘ตาย’ อีกแล้ว ซือเจ๋อเยว่นั่งลงข้างเขา ใช้มือทั้งสองประคองคางของตนเองไว้พลางเอ่ยขึ้น “อีกอย่าง ไป๋จื้อเซียนนั่นเป็นข้าที่ปล่อยออกมาเอง” “เรื่องครั้งนี้จะไปโทษเจ้าไม่ได้หรอก หากจะโทษก็ต้องโทษข้า” “

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 290

    เยียนเซียวหรานหลุบตาลง “ท่านย่าสั่งสอนได้ถูกต้อง ครั้งนี้เป็นข้าที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตอนนี้องค์หญิงฟื้นแล้ว ท่านย่าลงโทษข้าเถิดขอรับ”เหล่าไท่จวินพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ท่านย่า เรื่องนี้โทษน้องสามไม่ได้จริง ๆ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ตอนนั้นสถานการณ์พิเศษ”“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเข้ากับไป๋จื้อเซียนที่นั่น หากไม่ใช่เพราะน้องสามปกป้องข้าจนสุดชีวิตละก็ ข้าก็คงตายไปแล้ว”“ดังนั้นท่านย่าอย่าได้ลงโทษน้องสามเลย เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน”เหล่าไท่จวินถอนหายใจ “องค์หญิงไม่ต้องร้องขอความเมตตาแทนเขา เขาเป็นบุรุษ เดิมทีก็ควรปกป้องญาติผู้หญิงในครอบครัวอยู่แล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเยียนเซียวหราน เขายืนหน้านิ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นนางมองมา ก็สบตากับนางแวบหนึ่ง แล้วก็เก็บสายตาคืนกลับมาซือเจ๋อเยว่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วันนั้นข้าเห็นเหนียนเหนียนหมดสติไปเช่นกัน เหนียนเหนียนไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เยียนเหนียนเหนียนโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลังของเหล่าไท่จวิน “ข้าไม่เป็นไร แค่หมดสติเป็นครู่เดียวเท่านั้น ในไม่ช้าก็หายดีแล้ว”“ร่างกายของข้าแข็งแรง องค์หญิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 289

    ตอนที่ไป๋จื้อเซียนมองเห็นยันต์พวกนั้นก็หรี่ตาลงทันที เมื่อตระหนักได้ว่าทรงพลัง ก็โยกหลบอย่างรวดเร็วซือเจ๋อเยว่ฉวยโอกาสยื่นนิ้วออกไป ยันต์พวกนั้นก็ไล่ตามไป๋จื้อเซียนไป ร่างกายของเขามียันต์ห้าอัสนีบาตแผ่นหนึ่งแปะอยู่เขาด่าทอด้วยคำหยาบคาย มองไปทางด้านนอกห้องแวบหนึ่ง รู้ว่าหากวันนี้ไม่หนีไป เกรงว่าจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ จึงวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วตอนที่เขาวิ่งหนี เมฆฝนก่อตัวขึ้น ไล่ตามเขาภายในชั่วพริบตา ทั่วทั้งเรือนเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้อง ผู้ดูแลพาท่านหมอเดินเข้ามาพอดี ทันทีที่เห็นฉากนี้ ก็ตกใจจนลูกตาเกือบถลนออกมาถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นไป๋จื้อเซียน แต่เขามองเห็นสายฟ้าบนท้องฟ้า เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสายฟ้าหน้าตาแบบนี้ทันทีที่ไป๋จื้อเซียนวิ่งหนี ห้องก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ตะเกียงน้ำมันที่มุมห้องยังคงสว่างอยู่ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้น ทันทีที่หันหน้าไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ฟันกระบี่ใส่ไป๋จื้อเซียนก็คือเยียนเหนียนเหนียนนางรู้สึกผิดปกติ ต่อให้นางแปะยันต์แผ่นหนึ่งบนกระบี่ของเยียนเหนียนเหนียน กระบี่เล่มนั้นของนางร้ายกาจกว่ากระบี่ทั่วไปเล็กน้อย ก็ไม่มีทางทำลายอาณาเขตที่ไป๋จื้อเซียนวางเอาเม

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 288

    ครู่ต่อมา ซือเจ๋อเยว่หยิบอาวุธเวทย์อีกชิ้นหนึ่งออกมา เพียงแต่นางยังไม่ทันเข้าไปหา ก็ถูกเส้นผมสีดำของเขากวาดลอยกระเด็นออกไปเยียนเซียวหรานอยากจะเข้ามาช่วย แต่กลับถูกผ้าต่วนสีแดงรัดลำคอเอาไว้เขากล่าวอย่างยากลำบาก “องค์หญิง!”ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้นกระอักเลือดออกมา ไป๋จื้อเซียนไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้ตรงหน้าของนางพอดีเลือดพ่นใส่มือของไป๋จื้อเซียน มือของเขาเป็นรูทันทีเขาค่อนข้างประหลาดใจ “นักพรตหญิงน้อย ร่างกายของเจ้ามีความพิเศษนี่นา!”ปากเขาพูดไป มือกลับบีบลำคอของนางเอาไว้ “กินตบะของเจ้า จะต้องบำรุงมากแน่!”ร่างกายของซือเจ๋อเยว่ เป็นวิญญาณมาหนึ่งพันปี เป็นครั้งแรกที่ได้เจอร่างกายอย่างนางเขาเคยเห็นในหนังสือเล่มหนึ่ง หากได้กินวิญญาณของนาง เท่ากับเป็นการบำเพ็ญตบะห้าร้อยปีถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยประมือกับนางมาก่อน แต่ครั้งก่อนนางไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก เขาไม่รู้ว่านางจะมีร่างกายที่พิเศษเช่นนี้บัดนี้ค้นพบแล้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันทีเพียงแต่คนที่มีร่างกายเช่นนาง เนื่องจากร่างกายพิเศษมากเกินไป ดังนั้นอยากจะกลืนกินนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซือเจ๋อเยว่ใช้มือปาดเลือดที่มุมปาก ยื่นมื

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 287

    พวกเขาร่วมมือกันอยากจะจับตัวไป๋จื้อเซียนเอาไว้เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งเรื่องหนึ่งเขารู้ว่าในเวลานี้ไม่มีเวลาห่วงหน้าพะวงหลังอีกแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องเป็นคนจบเรื่องนางพูดกับเยียนเซียวหรานเบา ๆ “เจ้าถ่วงเวลาเขาไว้สักสิบวินาที”เยียนเซียวหรานพยักหน้า มือของซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาอย่างรวดเร็วไป๋จื้อเซียนเห็นสัญลักษณ์มือของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะจับตัวข้าเอาไว้อีกอย่างนั้นหรือ?”เขาพูดจบก็พุ่งตัวเข้ามาหานาง พุ่งตรงเข้ามาควักหัวใจของนางกระบี่ไม้ท้อในมือของเยียนเซียวหรานพันเข้าใส่ไป๋จื้อเซียนทันทีทั้งสองอย่างปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไป๋จื้อเซียนหัวเราะเบา ๆ “ฮ่า น่าสนุก! แต่วันนี้ ที่ตรงนี้เป็นถิ่นของข้า ข้าเป็นใหญ่!”เส้นผมสีดำของเขาแผ่สยาย ผ้าต่วนสีแดงบนร่างกายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่เยียนเซียวหรานที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารต่อให้วิชากระบี่ของเยียนเซียวหรานจะดีแค่ไหน กระบี่ไม้ท้อไม่ใช่อาวุธแหลมที่สามารถตัดโลหะหรือหยกได้ จึงถูกพันธนาการเอาไว้ทันทีเขารีบชักกระบี่ติดตัวของตนเองที่อยู่บริเวณเอวของตนเองออกมา ฟันเข้าใส่เส้นผมสี

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 286

    ค่ำคืนนี้ ซือเจ๋อเยว่มาตามที่คาดไว้!เขามองเยียนเซียวหรานด้วยสายตาเย็นยะเยือก หันหน้ากลับไปมองค่ายกลที่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างชั่วร้ายเขาเฝ้าอยู่ที่ เป็นเพราะกลิ่นอายจากตัวของซือเจ๋อเยว่กับค่ายกลนั่นค่อนข้างคล้ายคลึงกับกลิ่นอายที่เคลื่อนตัวอยู่บนร่างกายหของอวิ๋นเยว่หยางครั้งก่อนที่เขาเจอกับเยียนเซียวหรานแบบรีบร้อนเกินไปหน่อย ประกอบกับซือเจ๋อเยว่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย ดังนั้นเขาจำไม่ได้ในทันทีว่ากลิ่นอายบนตัวของอวิ๋นเยว่หยางคือกลิ่นอายของเยียนเซียวหรานในเวลานี้ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลาย กลิ่นอายพวกนั้นก็ไหลย้อนกลับ เขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนค่อนข้างเกิดความสนใจเป็นเพราะเขารู้ว่า เป็นการยากที่คนคนหนึ่งจะมีกลิ่นอายของคนอื่นติดอยู่อย่างแท้จริง แม้ว่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันก็เป็นไปไม่ได้หากติดแล้ว นั่นก็แสดงว่าโชคชะตาของทั้งสองคนรวมเข้าด้วยกันแล้วไป๋จื้อเซียนมองเยียนเซียวหราน กล่าว “น่าสนุก”เขาหันหน้าไปมองซือเจ๋อเยว่อีกครั้ง “นักพรตหญิงน้อย เจ้าหมอนี่ดีกับเจ้าเหลือเกินนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีชะตาชีวิตร่วมกันกับเจ้า”เ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status