ลู่จิ่นเหนียงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดประโยคนี้ นางโมโหจนหน้าแดง “เหตุใดคุณชายจึงได้เหยียดหยามคนเช่นนี้ แถมยังกล่าววาจากลับกลอกอีก?”อวิ๋นเยว่หยางมองนางดั่งมองหญิงเสียสติ แล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่แรกที่ข้าพูดก็คือรับเจ้าเป็นอนุ แล้วจะกลับกลอกได้อย่างไร?”สีหน้าของลู่จิ่นเหนียงไม่น่ามองอย่างมาก นางยังคิดจะกล่าวสิ่งใดอีก แต่ลู่ฮูหยินรีบมาขวางนางไว้ “ล้วนเป็นความเข้าใจผิด! เป็นความเข้าใจผิด!”“จิ่นเหนียงรบกวนคุณชายรองแล้ว ข้าขออภัยคุณชายรองไว้ ณ ที่นี้ด้วย”อวิ๋นเยว่หยางแค่นเสียงเบาๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไปสภาพแบบนี้ ยังคิดจะเป็นภรรยาของเขา?ช่างฝันเฟื่องเสียเหลือเกิน!น้ำตาของลู่จิ่นเหนียงแทบจะไหลออกมาแล้ว “ท่านแม่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”ลู่ฮูหยินเห็นว่ารอบข้างมีคนรายล้อมเข้ามา จึงรีบดึงนางขึ้นรถม้า จากนั้นจึงกล่าวว่า “ที่พวกเราทำเช่นนี้ ก็เพื่อช่วยเจ้าทั้งนั้น!”“จวนเยียนอ๋องก็จะตกอยู่ในอันตรายเต็มที หากแม่ไม่บอกว่าคุณชายรองเต็มใจแต่งเจ้าเป็นภรรยา แล้วเจ้าจะเต็มใจออกจากจวนเยียนอ๋องได้อย่างไร?”ลู่จิ่นเหนียงตะลึงไปแล้ว “ดังนั้น ท่านรู้แต่แรกแล้วว่าคุณชายรองเพียงต้องก
“มันก็นับว่าใจเด็ด ถึงกับแบ่งร่างวิญญาณของตนเป็นสองส่วน ถูกข้าเก็บไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนีไปแล้ว”เยียนเซียวหราน “…”เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า บนโลกนี้ยังมีเรื่องเช่นนี้อีกซือเจ๋อเยว่ถอนใจยาวออกมาอีกครั้ง “ครั้งนี้ข้าปล่อยมันออกมาโดยไม่ทันระวัง ด้วยนิสัยของมัน ต้องก่อความปั่นป่วนไปทั่วเมืองหลวงแน่”“ตอนนี้สภาพร่างกายของข้าไม่ค่อยดี คิดจะจับมันกลับมาไม่ง่ายเลย”“ถ้ามันไปกินวิญญาณเพิ่มจนแข็งแกร่งกว่าเดิม ก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก”เรื่องนี้เกินกำลังของเยียนเซียวหราน ต่อให้เขาอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ท่านก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป ในเมื่อพลังของมันลดลงไปมาก คิดว่าคงไม่อาจก่อปัญหาอะไรมาก”“ท่านดูแลร่างกายตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยไปหามัน”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “เจ้าพูดไม่ผิด ที่สำคัญคือตัวข้าในสภาพเช่นนี้ ต่อให้ตอนนี้ในใจข้าร้อนใจเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์”เมื่อครู่ตอนนางมาที่นี่ ก็ใช้คาถาไปมากมายคิดจะทำลายคาถาตรึงร่างของมัน แต่กลับไม่สำเร็จเลยตอนนี้นางเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ ย่อมไม่มีทางจะไปจับไป๋จื้อเซียนได้เรื่องนี้หากให้พวกท่านอาจารย์รู้เข้า นางต้องถูกตำหนิอี
แม้นางก็มีความประหม่าของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่าเยียนเซียวหรานที่หน้าแดงน่ารักอย่างมากมุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย “พวกเราประพฤติตัวอย่างถูกต้อง ไม่ผิดศีลธรรม ไม่จำเป็นต้องกลัวคำครหาของผู้อื่น”เยียนเซียวหรานเหล่ตามองนางทีหนึ่ง แม้เขาจะมิได้กล่าวสิ่งใด แต่กลับแสดงความหมายออกมาอย่างชัดเจนอย่างมากว่าพวกเขาในตอนนี้ เกรงว่าว่าจะไร้ความเกี่ยวข้องกับ ‘ประพฤติตัวอย่างถูกต้อง ไม่ผิดศีลผิดธรรม’ อะไรนั่นเลยซือเจ๋อเยว่ “…”นางคิดดูแล้ว เพื่อความอยู่รอดในอนาคต นางอาจยังต้องกอดเขา จูบเขาอีก แถมมีความเป็นไปได้ที่จะต้องนอนกับเขาด้วยเมื่อคิดถึงความฐานะความสัมพันธ์ในนามของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถูกต้องจริงๆนางพยายามแก้ต่างให้ตัวเองว่า “ข้าแค่คิดว่าร่างกายของข้าไม่ค่อยดี ถ้าข้าอาการกำเริบขึ้นมาเหนียนเหนียนอาจช่วยไม่ได้ ยังต้องเป็นเจ้า”เยียนเซียวหรานมองนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม มิได้เอ่ยวาจาเมื่อซือเจ๋อเยว่สบเข้ากับสายตานี้ของเขา ก็ยิ่งรู้สึกประหม่าในความผิดแล้วเพราะประโยชน์สูงสุดที่เขาอยู่ข้างกายนาง ก็คือการเป็นเครื่องยืดอายุ และการยืดอายุขัยยังต้องใช้วิธีที่วาบหวิวที่ส
อวิ๋นเยว่หยาง "…"ก่อนหน้านี้เขาคิดมาเสมอ หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กลับมาที่เมืองหลวง สิ่งเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้คือจวนหนิงกั๋วกงของพวกเขาเมื่อนางอยู่ต่อหน้าพวกเขา ต้องก้มต่ำทำตัวอ่อนน้อม ขอความเมตตาจากพวกเขา พวกเขาจึงจะพิจารณาว่าจะให้ผลประโยชน์เล็กน้อยแก่นางหรือไม่แต่ท่าทางของนางในยามนี้ ดูคล้ายว่านางไม่เห็นจวนหนิงกั๋วกงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเขามองไปที่ซือเจ๋อเยว่แล้วเอ่ยขึ้น "องค์หญิงเพิ่งกลับมาที่เมืองหลวง อาจจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของเมือง"ซือเจ๋อเยว่ยิ้มหัวเราะเสียงเบาแล้วเอ่ยขึ้น "ข้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น จำเป็นต้องดูสถานการณ์อันใดหรือ?"ริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ข้าก็คือผู้กำหนดสถานการณ์!"อวิ๋นเยว่หยางได้ยินคำนี้รู้สึกว่านางรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!แม้นางจะเป็นองค์หญิง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่พ่อเสียชีวิต ไม่มีตระกูลแม่คอยสนับสนุน นางก็ไม่มีค่าอันใดเขาหัวเราะเยาะ "หวังว่าองค์หญิงจะไม่เสียใจในภายหลัง!"ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจเสียงเบา "บังเอิญเสียจริง ข้าไม่เคยเสียใจเลย""การที่วันนี้ท่านกล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับข้า แท้จริงแล้วก็นับว่าช
นางเอ่ยถึงตรงนี้แล้วเอ่ยต่อ "ไม่สิ ใช่ว่าเขาจะไม่เอาความ""เขาส่งท่านมาฆ่าข้า แต่ไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงในการฆ่าข้ากับท่าน"ใบหน้าของอวิ๋นเยว่หยางเปลี่ยนไปอีกครั้งซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจยาว "หากคุณชายรองอยากรู้เรื่องพวกนี้ สามารถมาหาข้าที่จวนเยียนอ๋องได้ในวันอื่น""น้องสาม ปล่อยเขาไปเถอะ พวกเรากลับกัน"เยียนเซียวหรานมองไปที่ใบหน้าของอวิ๋นเยว่หยางด้วยสายตาที่เย็นชา เก็บกระบี่เข้าฝัก แล้วขึ้นไปนั่งบนคานรถม้าครั้งนี้อวิ๋นเยว่หยางไม่ได้ขวางพวกเขาอีกเพราะคำถามของซือเจ๋อเยว่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาวันนี้เขาวางแผนที่จะฆ่าซือเจ๋อเยว่ เดิมทีเพียงแค่ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำตอบแก่หนิงกั๋วกงหลังจากการลอบสังหารล้มเหลวเขาก็เปลี่ยนใจ อยากจะโน้มน้าวให้ซือเจ๋อเยว่อยู่ข้างเขา แล้วให้นางคิดแผนการเพื่อฆ่าคนในจวนเยียนอ๋องทั้งหมดแต่คำกล่าวของเขายังไม่ได้เอ่ยออกมา ก็ถูกเยียนเซียวหรานขัดจังหวะอย่างหยาบคายจากนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดคิด เขายืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่ ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนหนิงกั๋วกง เขาไปไถ่ถามหนิงกั๋วกงอย่างไม่อ้อมค้อม "ท่านพ่อ เมื่อวานนี้เกิดอันใดขึ้นในจวนกันแน่?"ห
การไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ทรมานสำหรับซือเจ๋อเยว่ เพราะร่างกายส่วนบนเคลื่อนไหวได้ แต่ส่วนล่างไม่สามารถทำได้ ทำให้นางต้องนอนอยู่บนเตียง ไม่สามารถไปที่ใดได้นางให้สาวใช้หาตำรามาให้นางอ่านเพื่อคลายความเบื่อนางเพิ่งจะอ่านไปได้สักพัก สาวใช้ก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรงซือเจ๋อเยว่ตกใจอย่างยิ่ง เมื่อหันไปก็เห็นไป๋จื้อเซียนที่ยืนอยู่ในห้อง สีหน้าของนางจึงพลันเปลี่ยนไปอย่างมากนางรีบร่ายคาถา ไป๋จื้อเซียนยืนกอดอก มองนางอย่างอ่อนหวานด้วยสายตาที่เย้ายวน "นักพรตหญิงตัวน้อย อย่ากลัวเลย ข้าไม่ได้มาฆ่าเจ้า"ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าแม้ว่าเขาจะมีพลังเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ยังนับว่าเป็นผู้ที่ทรงพลังมากนางเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นชา "เจ้ามาทำอันใด?"ไป๋จื้อเซียนมองห้องของนางอย่างสนใจ "คนที่บำเพ็ญเพียรอาศัยอยู่ในห้องที่หรูหราเช่นนี้ จะไม่ส่งผลต่อจิตใจหรือ?"แท้จริงแล้วห้องของนางในยามนี้นับว่าเรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับห้องที่นางที่เคยอยู่ในสำนักเต๋า มันก็นับว่าดูหรูหรากว่ามากซือเจ๋อเยว่วาดมือร่ายคาถา เอ่ยออกมาเสียงเบา "การบำเพ็ญเพียรคือการฝึกจิตใจ ไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง"ไป๋จ
ไป๋จื้อเซียนโจมตีด้วยความรวดเร็ว ในสถานการณ์ปกติ หากซือเจ๋อเยว่จะร่ายคาถาก็คงไม่มีเวลาป้องกันตัวได้ทัน ในดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม และความตื่นเต้นที่ล้นหลาม แต่เมื่อเขาใกล้เข้ามา ซือเจ๋อเยว่กลับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ดวงตาของนางก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเบื้องหลังยิ้มนั้นคือความมุ่งมั่นในการฆ่า ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ แล้วต่างก็หรี่ตาเล็กลง ไป๋จื้อเซียนคิดจะถอย แต่กลับรู้สึกว่าอาจจะถูกนางหลอกอีกครั้ง ถึงอย่างไร ทั้งสองเคยปะทะกันมากี่ครั้ง เขาก็ถูกนางหลอกเท่านั้น ต้องเสียเปรียบนางเท่านั้นดังนั้นคราวนี้เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย จู่โจมตรงไปยังหัวใจของนางโดยตรง เล็บของเขาคมกริบ เพียงแค่สัมผัสก็สามารถเจาะลึกเข้าสู่ร่างได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เล็บของเขากำลังจะเจาะเข้าไปที่หน้าอกของนาง กระบี่ไม้ท้อเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่ฝ่ามือของเขาโดยตรงภาพเช่นนี้ราวกับว่าเขาถือกระบี่ไม้ท้อเอาไว้ในมือซึ่งมือข้างที่สัมผัสกับกระบี่ไม้ท้อข้างนั้นก็เริ่มมีควันลอยคลุ้งขึ้นมาแท้จริงแล้วในขณะที่ซือเจ๋อเยว่ปล่อยมือจากการร่ายคาถา ก็ได้ดึงกระบี่ไม้ท้อออกมาจากใต้หมอนแล้ว นางต่อกรกั
ไป๋จื้อเซียนมองไปที่ซือเจ๋อเยว่แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่คือวิญญาณร้ายที่ท่านปล่อยออกมาโดยไม่ระวังหรือ?” ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ใช่! เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้มันโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง! เจ้าต้องระวังให้ดี!” ไป๋จื้อเซียนมองเยียนเซียวหรานที่กำลังปกป้องซือเจ๋อเยว่ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามซือเจ๋อเยว่ “นี่คือคนที่เจ้าชอบใช่หรือไม่?” แน่นอนว่าในยามนี้ซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับเพราะหากนางยอมรับไป จากที่นางรู้จักไป๋จื้อเซียน เขาคนนี้ต้องไปสร้างปัญหากับเยียนเซียวหรานแน่ เยียนเซียวหรานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณร้ายที่ฝึกฝนมาหลายพันปีอย่างไป๋จื้อเซียน นางจึงตอบไป “แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาก็แค่ผู้ติดตามของข้าเท่านั้น” หลังจากนั้นนางก็ร่ายคาถาใส่ไปไป๋จื้อเซียนมองนางแล้วหันไปมองเยียนเซียวหราน ก่อนที่จะยกมือปัดป้องการโจมตีของนาง “ไม่ถูกต้อง เจ้าทั้งสองคนมีความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน” “ถึงแม้เจ้าไม่ชอบเขา แต่เขาก็คงชอบเจ้า” ซือเจ๋อเยว่ “…” เยียนเซียวหรานชอบนาง? นี่มันเป็นไปไม่ได้! เพราะเยียนเซียวหรานเป็นคนที่มีมารยาทและจิตใจดีเยี่ยม สถานะของทั้งสองต่างก็เป็นที่ประจักษ์ เขาคงไม่มีทางหลงรักนางแน่
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ