แชร์

บทที่ 113  

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
พระชายาเยียนอ๋องผงกศีรษะ “ใช่แล้ว ซือหว่านมีความรู้และเข้าใจกฎเกณฑ์ แยกแยะผิดถูกได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีความรู้สึกพิเศษต่อเซียวเอ๋อร์”

“หากนางแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องเป็นสะใภ้ที่ดีเหมือนกันกับองค์หญิงแน่นอน”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

นางไม่อยากถูกเอาไปเปรียบเทียบกับจ้าวซือหว่านเท่าไรนัก

ทว่าเรื่องราวในตอนนี้ยังไม่กระจ่างชัด นางคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องพูดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าพระพักตร์พระชายาเยียนอ๋อง จึงทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

เยียนเซียวหรานถามพระชายาเยียนอ๋อง “พรุ่งนี้แม่นางจ้าวก็ไปอารามพุทธหรือขอรับ?”

พระชายาเยียนอ๋องพยักหน้า “นางจะไปด้วย หากไม่ใช่เพราะนางเตือนสติว่าวัดเป้ากั๋วทำแผ่นป้ายวิญญาณดีที่สุด ข้าก็จะไปเชิญป้ายที่วัดซีซานแล้ว”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มพลางพูด “แม่นางจ้าวช่างเป็นคนใส่ใจที่คิดการอันใดรอบคอบจริง ๆ เจ้าค่ะ”

พระชายาเยียนอ๋องอมยิ้มพลางเอ่ย “ใช่ นางเป็นสตรีที่ดีโดยแท้”

นางเอ่ยจบก็กล่าวชื่นชมจ้าวซือหว่านยกใหญ่ไปอีกรอบหนึ่ง

ซือเจ๋อเยว่นั่งฟังด้วยความใจเย็น ไม่แสดงความคิดเห็นอันใดทั้งสิ้น

นางกำลังคิดเรื่องหนึ่งในใจ ด้านนี้เพิ่งทำลายหยกแขวนได้ จ้าวซือหว่านก็เชิญพวกเขาไปที
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 114  

    เรื่องการเขียนยันต์ สำหรับคนสำนักเต๋าแล้ว ที่จริงมีความยากสูงมาก มีเพียงผู้ที่เข้าถึงแก่นของวิชาเต๋าอย่างถ่องแท้ทั้งยังฝึกการเขียนยันต์ด้วย จึงสามารถเขียนออกมาได้ และอัตราความสำเร็จก็ยังไม่นับว่าสูงมากนัก แต่สำหรับซือเจ๋อเยว่ผู้เป็นอัจฉริยะแห่งลัทธิเต๋า การเขียนยันต์จึงแสนจะง่ายดายราวกับกินข้าวดื่มน้ำก็ไม่ปาน ถึงขั้นที่ในเวลาปกติตอนนางเกียจคร้าน ไม่อยากเขียนยันต์ แค่ใช้มือร่ายคาถาของลัทธิเต๋าก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เลวเช่นกัน แต่วิญญาณร้ายเมื่อคืนนี้ทำให้นางฉุกคิดได้ว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหลังนั้นหาใช่ธรรมดาไม่ แค่อาศัยการร่ายคาถาด้วยมือยังยากนักที่จะจัดการมันให้สิ้นซากได้ นางมิอาจเอาเลือดของตนเองมาใช้จัดการได้อีกแล้ว แค่ด้วยสถานการณ์ร่างกายของนางตอนนี้ ก็ทานทนต่อสิ่งหนักหน่วงกว่านี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉะนั้นการตระเตรียมยันต์ที่มีอานุภาพสูงไว้หลายแผ่น จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง นางเพิ่งเขียนยันต์เสร็จ เยียนเหนียนเหนียนก็มาเที่ยวเล่นหานาง เห็นนางเขียนยันต์อยู่ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงถาม “องค์หญิง นี่คือยันต์หรือ?” ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ยันต์ห้าอัสนีบาตพวกนี้ขับไล่ภูตผีวิญญาณร้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 115  

    วินาทีที่อัสนีสายนั้นผ่าฟาดลงมา เยียนเหนียนเหนียนพลันรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่านางเกือบจะถูกคร่าชีวิตไปแล้ว! นางมองจ้องซือเจ๋อเยว่ด้วยใบหน้าประจบประแจงพลางเอ่ย “องค์หญิง ต่อไปท่านก็คือบุคคลตัวอย่างของข้า ไม่ว่าอะไรข้าจะฟังท่านทุกอย่าง!” ซือเจ๋อเยว่มองนางพลางหัวเราะ “จากนี้ไประวังหน่อย อย่าเห็นอะไรก็แปะบนร่างตัวเองอีก!” เยียนเหนียนเหนียนย่อมพยักหน้าหงึก ๆ เรื่องในวันนี้ได้เปิดโลกทัศน์ของนางแล้วจริง ๆ แล้วนางไหนเลยยังกล้าแตะต้องของแบบนั้นอีก? นางดึงแขนเสื้อของซือเจ๋อเยว่แล้วถาม “ยันต์นี้สุดยอดมาก ขายให้ข้าสักหลายแผ่นได้หรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่ถามนาง “เจ้าจะเอายันต์ห้าอัสนีบาตไปทำอันใด?” เยียนเหนียนเหนียนกล่าวตอบ “ก่อนนี้ข้าไม่เชื่อว่าบนโลกจะมีสิ่งเช่นนี้อยู่ ทว่าตอนนี้ดูแล้วเกรงว่าคงมีอยู่จริง” “ข้ารู้สึกว่าพี่สามดวงชะตาไม่ค่อยสู้ดีนัก กลัวก็แต่ว่าบนร่างจะมีสิ่งอัปมงคลเช่นนี้อยู่ ข้าอยากซื้อสักหน่อยเพื่อเอาไปแปะบนร่างเขา จะได้ช่วยปัดเป่าพลังชั่วร้ายออกไปได้บ้าง” ซือเจ๋อเยว่ “…” นางคิดว่ายังไม่ทันปัดเป่าพลังชั่วร้ายออกไปจากร่างเยียนเซียวหรานจนหมด กลับถูกยันต์ห้าอัสนีบาตผ่าตาย

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 116  

    ซือเจ๋อเยว่เอ่ยถึงตรงนี้พลันชะงักไปครู่หนึ่ง “และหลังจากคนตายไป นอกจากว่าในใจยังยึดติดอยู่เท่านั้นจึงจะรั้งอยู่ต่อที่โลกวิญญาณ ส่วนวิญญาณทั่วไปล้วนกลายเป็นดวงวิญญาณหวนกลับสู่ยมโลก” “ดังนั้น นอกจากช่วงเทศกาลจงหยวนที่ประตูยมโลกเปิดอ้า ข้าก็ไม่ค่อยได้พบเห็นวิญญาณบ่อยนัก” เยียนเหนียนเหนียนฟังจนคล้ายเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ “องค์หญิง คราวหน้าเมื่อเจ้ามองเห็นวิญญาณ จะให้ข้าเห็นบ้างได้หรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่ “…” ก่อนนี้นางก็รู้แล้วว่าเยียนเหนียนเหนียนใจกล้ามาก แต่ผู้ที่เป็นฝ่ายขอ ‘เจอผี’ เองเช่นนี้ก็ดูจะใจกล้าเกินไปหน่อย และยัยหนูคนนี้นิสัยค่อนข้างใจกล้าบ้าบิ่น ไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความกลัว หาโอกาสให้นางได้เจอสักหน่อย บางทีอาจทำให้นางสงบเสงี่ยมขึ้นบ้าง ซือเจ๋อเยว่พยักหน้าพลางพูด “ได้ ถ้ามีโอกาสข้าจะให้เจ้าได้เจอ” เยียนเหนียนเหนียนถามนางอีก “องค์หญิง เสด็จพ่อกับเสด็จพี่พวกเขาต่างไปที่ยมโลกกันแล้วหรือ?” ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า “นอกจากซื่อจื่อแล้ว ที่เหลือล้วนไปกันหมดแล้วละ” ขณะความคิดนี้ผุดขึ้นในใจนาง ก็เหลือบไปเห็นเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ไม่รู้มานั่งอยู่บนขอบหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไร นางอึ้งไป

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 117  

    ซือเจ๋อเยว่ดูเขามีลักษณะคล้ายจะกลับมาคลุ้มคลั่งอีกครั้ง จึงใช้มือร่ายคาถาลงบนศีรษะของเขา เขากลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อครู่นี้ ปากก็ยังพึมพำว่า “จี้กุญแจหยก... บทกวีหวนคืน... อ่าวจันทร์กระจ่าง…” เยียนเหนียนเหนียนพุ่งตัวเข้ามายังเบื้องหน้าของเขาพลางเอ่ย “พี่ใหญ่ ข้าเหนียนเหนียนอย่างไรเล่า ท่านยังจำข้าได้หรือไม่?” เยียนอ๋องซื่อจื่อกลับไม่มองนางด้วยซ้ำ พึมพำคำนามสามคำนั้นซ้ำ ๆ ต่อไป ก่อนที่ร่างวิญญาณจะค่อย ๆ เลือนรางจางลงแล้วหายวับไป ซือเจ๋อเยว่เห็นเขากลายเป็นเช่นนั้น คิ้วพลันขมวดเข้าหากัน แววตาดูไม่ค่อยเข้าใจนัก เยียนเหนียนเหนียนถามซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิง เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น? ไยพี่ใหญ่จึงหายไปแล้ว?” ซือเจ๋อเยว่กล่าวตอบ “ลักษณะเมื่อครู่นี้ของเขา น่าจะเป็นเหตุการณ์ก่อนเขาตาย” เยียนเหนียนเหนียนพลันน้ำตาไหลพรากในทันที “เป็นไปได้อย่างไร… ทั้งที่เขายังมีลมหายใจ กลับถูกคนเลาะเนื้อหนัง… เช่นนั้นต้องเจ็บปวดถึงเพียงใดกัน!” ซือเจ๋อเยว่เข้าร่วมกับสำนักเต๋ามาแรมปี เคยเจอวิญญาณนับไม่ถ้วน และเห็นการตายมาหลากหลายรูปแบบ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นการตายอย่างอนาถเช่นเยียนอ๋องซื่อจื่อนี้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 118  

    เยียนเซียวหรานถามนาง “เรื่องนี้อีกนานแค่ไหนถึงจะแก้ไขได้?” ซือเจ๋อเยว่ผายมือ “ไม่รู้ หากตามหาผู้ที่ลงมือพบ ก็จะแก้ไขได้เร็วขึ้น” เยียนเซียวหรานมองนางแวบหนึ่ง พลันคิ้วขมวดมุ่น พระชายาเยียนอ๋องเห็นพวกเขากำลังพูดคุยสนทนากันใกล้ชิด คิ้วค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน แม้นางยังไม่ถึงขั้นคิดไปในทางที่ไม่ดีว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่พวกเขาก็ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันจนเกินความพอดีไปเล็กน้อย ดีที่หลังจากซือเจ๋อเยว่พูดกับเยียนเซียวหรานเพียงไม่กี่คำ ก็ขึ้นรถม้าไปสนทนากับเยียนเหนียนเหนียนแล้ว พระชายาเยียนอ๋องขบคิด ก่อนเดินไปลากเยียนเซียวหรานพลางเอ่ย “เซียวเอ๋อร์ แม้องค์หญิงมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อจวนอ๋อง แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นพี่สะใภ้เจ้า” “เจ้าเป็นลูกชายข้า ข้าย่อมเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว และเชื่อในศีลธรรมขององค์หญิงด้วย” “เพียงแต่ว่าเดิมทีความคาดหวังของสังคมที่มีต่อสตรีก็มากกว่าบุรุษ หากใครเอาเรื่องนี้ไปพูดข้างนอก ผู้ที่เสียหายก็เป็นฝ่ายหญิงอยู่วันยันค่ำ” เยียนเซียวหรานแววตาลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่วายพยักหน้าเบา ๆ หนึ่งที “เสด็จแม่วางใจได้ ข้ามีแต่ความเคารพนับถือให้แก่องค์หญิง หามีความคิด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 119  

    นางยิ้มพลางถามจ้าวซือหว่าน “แม่นางจ้าว เมื่อคืนนี้นอนไม่พอหรือ?” จ้าวซือหว่านเอ่ยด้วยท่าทางขัดเขินเล็กน้อย “เมื่อคืนพับกระดาษเงินกระดาษทองจนถึงกลางดึก นอนไม่ค่อยพอจริง ๆ เพคะ” ซือเจ๋อเยว่เห็นสาวใช้จวนตระกูลจ้าวยกตะกร้าใหญ่ใบหนึ่งอยู่ ในนั้นใส่กระดาษเงินกระดาษทองที่พับด้วยมือไว้จนเต็ม ซือเจ๋อเยว่ถาม “ทั้งหมดนี้แม่นางจ้าวพับเองหมดเลยหรือ?” จ้าวซือหว่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใช่เพคะ ได้ยินมาว่าต้องลงมือพับเองถึงมีความจริงใจ” นางว่าแล้วก็ตั้งใจเผยนิ้วมือที่มีเศษสีทองติดอยู่เล็กน้อยให้ปรากฏตรงหน้าซือเจ๋อเยว่ ซือเจ๋อเยว่ยิ้มออกมา “แม่นางจ้าวใส่ใจนัก” ในใจนางกลับวาดเครื่องหมายกากบาทตัวโต ๆ ให้กับจ้าวซือหว่าน ในตะกร้ากระดาษเงินกระดาษทองใบนั้นมีรูปแบบการพับด้วยมือห้าหกแบบเป็นอย่างต่ำ เห็นชัดว่าเกิดจากการพับของคนหลายคน สิ่งนี้คนอื่นมองไม่ออก ทว่าซือเจ๋อเยว่ที่เติบโตมาในสำนักเต๋าตั้งแต่ยังเล็ก เห็นกระดาษเงินกระดาษทองที่ผู้คนพับมามากมายกลับมองปราดเดียวก็ดูออกทันควัน ประจวบเหมาะกับยามนี้เยียนเซียวหรานมองมาพอดี นางพยักหน้าเบา ๆ เขาก็เข้าใจความหมายของนางทันที จ้าวซือหว่านมีปัญ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 120  

    จ้าวซือหว่านมองท่าทางมีเลศนัยของนาง ความสงสัยที่มีต่อนางพลันลดลงเล็กน้อย เพราะมิมีนักพรตเต๋าจอมขมังเวทคนใดที่จะเป็นเหมือนซือเจ๋อเยว่เช่นนี้ ที่ดู ๆ แล้วก็เหมือนเป็นคนหลอกลวงผู้หนึ่งเท่านั้น นางเผยรอยยิ้มออกมา “องค์หญิงช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงเชียว” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตาหยี “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” จ้าวซือหว่าน “…” คำพูดนี้ทำเอานางไม่รู้จะตอบอย่างไรเลย เรื่องการ ‘เชิญป้าย’ เป็นพิธีกรรมที่วัดเป้ากั๋วทำเป็นประจำ ระเบียบพิธีทั้งหมดไม่นับว่าซับซ้อนแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่พ้นฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ อัญเชิญไม้ทำป้ายวิญญาณ สวดมนต์ เชิญป้าย และแกะสลักตัวอักษร สี่ขั้นตอนแรกนับว่าค่อนข้างเรียบง่าย ทว่าขั้นตอนการแกะสลักตัวอักษรนั้นกลับต้องใช้เวลาอยู่บ้าง พระชายาเยียนอ๋องเดิมทีก็รู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเรื่องของเยียนอ๋องซื่อจื่อ หลังจากสี่ขั้นตอนแรกของพิธีเสร็จสิ้นลงแล้ว พอตกบ่าย นางถึงค่อย ๆ มีสีหน้าเบิกบานขึ้น ทั้งศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าล้วนมีผู้เลื่อมใสศรัทธาไม่น้อยในราชวงศ์ยุคนี้ เมื่อดูในภาพรวม ก็มีจำนวนผู้นับถือที่ใกล้เคียงกันทีเดียว เพียงแต่คนในจวนเยียนอ๋องเชื่อในพระพุทธศาสนากันอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 121

    พระชายาเยียนอ๋องถูกกำหนดให้ต้องพินาศ เยียนเซียวหรานก็ไม่สามารถให้ชีวิตอันสูงส่งกับนางได้ เขาย่อมไม่คู่ควรกับนางตลอดทางสายนี้นางได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ตราบใดที่เยียนเซียวหรานตามนางไป นางก็จะสามารถดึงพลังดวงชะตาของเขาออกไปจนหมด และตายอยู่ที่นี่นางต้องการเหยียบกระดูกของเยียนเซียวหราน เพื่อใช้ชีวิตที่ดีที่สุด นางเอ่ยเสียงเบา "คุณชายสาม พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!"แม้ว่าเยียนเซียวหรานจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับสตรีนางนี้ จึงไม่รู้ว่ามีอันใดน่าแปลกใจ ทว่าจากท่าทางของนางในยามนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงเขานึกถึงการคาดเดาของซือเจ๋อเยว่ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น "วันนี้ลำบากแม่นางจ้าวแล้ว"จ้าวซือหว่านยิ้มเล็กน้อย "ไม่ลำบากเจ้าค่ะ ซือหว่านแค่ทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น" เสียงของนางอ่อนโยน เพียงแค่ฟังเสียงของนาง ก็จะทำให้รู้สึกว่านางเป็นสตรีที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง ขณะที่ทั้งสองคนถือถังเดินไป ส่วนซือเจ๋อเยว่ก็ยืนมองอยู่ข้างๆเพียงแค่ดูท่าทางของทั้งสองคน นางรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันปานกิ่งทองใบหยก หากจ้าวซือหว่านไม่ใช่คนที่มีจิตใจไม่ดีแล้วละก็ พวกเขาน่าจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกั

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 356

    ตอนนี้สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ก็คือสัตว์ยักษ์สีแดงที่สูงประมาณหนึ่งจั้งตัวหนึ่งสัตว์ยักษ์ตัวนั้นมีดวงตาสีดำที่คล้ายกับระฆัง ไม่มีคิ้ว ไม่มีขนตาจมูกมีเพียงรูจมูกสองรู ปากไม่มีริมฝีปาก ปรากฏให้เห็นฟันแหลมคมเต็มปาก ภายใต้ฟันอันแหลมคม เวลานี้ยังมีของเหลวสีเหลืองไหลย้อยออกมาเพียงแค่พวกนี้ก็พอทนแล้ว ร่างกายของเขายังมีตุ่มสีแดงเต็มตัวตุ่มพวกนั้นห้อยอยู่บนร่างกายของสัตว์ยักษ์ ปกคลุมร่างกายของมันที่เดิมทีเต็มไปด้วยขนสีดำ มองดูน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ซือเจ๋อเยว่ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนมีความรู้กว้างขวางมาโดยตลอด กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้ชื่อปาเลี่ยร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “นี่มันตัวบ้าอะไรกันเนี่ย!”นี่เป็นคำถามที่เยี่ยมมากจริง ๆ ซือเจ๋อเยว่เองก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันคือตัวบ้าอะไรสัตว์ยักษ์ที่กำลังน้ำลายไหลตัวนั้นเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขา ทันทีที่มันเข้าใกล้ กลิ่นคาวกลุ่มนั้นก็รุนแรงขึ้นซือเจ๋อเยว่สะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก!ตอนที่เยียนเซียวหรานมองเห็นสัตว์ยักษ์ตัวนั้น เสียงเตือนภายในใจของเขาก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งตอนที่สัตว์ยักษ์ตัวนั้นเดินเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 355  

    นางมีแววตาเปล่งประกายล้ำลึก “ช่างเป็นฝีมือที่สูงส่งยิ่งนัก!”  เยียนเซียวหรานมองนาง นางจึงเอ่ยต่อ "ฟ้าคือหยาง ดินคือหยิน ยามหยินหยางกลับตาลปัตร สรรพสิ่งพลิกผัน กฎแห่งฟ้าดินถูกตัดขาด!"  “แต่สิ่งใดที่หลอกลวงได้ชั่วคราว ย่อมไม่อาจปิดบังไปชั่วชีวิต!”  “เหล่าดวงวิญญาณผู้ซื่อสัตย์แห่งสนามรบ ท่านทั้งหลายที่คืนสู่แผ่นดิน ณ ที่แห่งนี้ โปรดร่วมมือกับข้ากำจัดภาพลวงที่ปกคลุมโลกใบนี้ จงสลายม่านมายา! ทำลายมันเสีย!”  นางฟาดฝ่ามือลงกับพื้นดิน สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงแตกร้าวดังมาจากรอบทิศ  ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น พื้นดินสีดำสนิทรอบตัวก็พลันหายไป อาการหายใจที่ยากลำบากบัดนี้กลับมาเป็นปกติ  ต้นไม้ที่เคยหายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายและความเสื่อมสลาย  ขุนเขาเช่นนี้ หาได้มีภาพของทัศนียภาพอันงดงามเหนือจินตนาการอย่างที่ชื่อปาเลี่ยที่เคยบอกเอาไว้ไม่  แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นดินแดนรกร้างที่ไร้ซึ่งชีวิต!  เกรงว่าภาพที่เยียนอ๋องเห็นในอดีตก็คงจะเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เพียงแค่นางยังไม่เข้าใจเหตุผล ผู้ที่วางค่ายกลนี้ เหตุใดจึงต้องสร้างภาพลวงเช่น

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 354  

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่อากาศโดยรอบเริ่มบางเบาจนผิดปกติ  พวกเขาเพียงแค่เดินตามปกติ แต่กลับรู้สึกหายใจติดขัด  ชื่อปาเลี่ยอ้าปากหอบหายใจ พลางเอ่ยด้วยความตระหนก “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าหายใจไม่ออก?”  ซือเจ๋อเยว่เอ่ยเสียงเบา “เราก้าวเข้าสู่ค่ายกลของผู้อื่นแล้ว”  ชื่อปาเลี่ยเอ่ยด้วยความสงสัย “แต่เมื่อครู่ยามที่เข้ามา ท่านได้ทำลายค่ายกลไปแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซือเจ๋อเยว่ตอบไป “นี่คือค่ายกลซ้อนค่ายกล ผู้วางค่ายกลนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง ฝีมือในด้านค่ายกลไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย” “แม้แต่ยามที่ก้าวเข้ามาครั้งแรก ข้าเองก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ” “ในเมื่อเราตกเข้ามาแล้ว ยามนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาทางทำลายค่ายกลนี้”  ชื่อปาเลี่ยรีบถาม “ทำอย่างไรจึงจะทำลายได้?”  ซือเจ๋อเยว่กวาดตามองโดยรอบแล้วเอ่ยขึ้น “หากต้องการทำลายต้องหาแกนกลางค่ายกลให้พบ ขอเพียงหามันเจอ การทำลายค่ายกลนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง”  “ส่วนเรื่องที่ว่ามันอยู่ที่ใด ยามนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ชัด เราต้องหาต่อไป”  ยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้าเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่าการหายใจยากลำบากเท่านั้น พื้นดินรอบตัวกลายเป็นสีดำไหม้ ฟ้า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 353  

    ราชครูมองเห็นโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกงกระจัดกระจาย ก่อนที่มันจะรวมตัวขึ้นอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย  เขายกนิ้วขึ้นคำนวณบางสิ่ง แต่เมื่อได้ผลลัพธ์ เขากลับแย้มยกริมฝีปากแล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “นี่มันตัวอันใด!”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเอ่ยถาม “ท่านราชครู เป็นอันใดไปหรือขอรับ?”  ทว่าราชครูกลับตอบไม่ตรงคำถาม “ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนมีเหตุและผลของมัน”  “มีบางเรื่องที่ข้าสามารถแทรกแซงได้ แต่บางเรื่องต้องปล่อยให้นางเป็นผู้จัดการเอง”  “นางคนนั้นมีชะตาชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น เมื่อยามทุกข์ก็ทุกข์อย่างแท้จริง” “แม้ข้าจะสงสารนางเพียงใด แต่เรื่องบางเรื่องก็มีแต่นางที่ต้องเผชิญด้วยตนเอง”  เด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวเอ่ยถาม “ท่านกำลังเอ่ยถึงชะตากรรมใดกัน? หรือว่าท่านกำลังเป็นห่วงศิษย์พี่หญิง?”  ราชครูหยิบไม้ขนไก่ข้างตัวขึ้นมาแล้วหวดลงไปที่หลังของเด็กรับใช้สำนักเต๋าชุดเขียวทันที “ผู้ใดสนใจนางกัน?!”  “ชะตาชีวิตของนางเป็นชะตาที่ต้องตาย แม้แต่มหาเทพเซียนมาเองก็ไม่อาจช่วยนางได้!”  “ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะนาง ข้าแก่ขึ้นไปตั้งเท่าใด ข้าจะไปสนใจนางเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 352  

    ดังที่ซือเจ๋อเยว่คาดการณ์ไว้ อดีตหนิงกั๋วกงพลันกระอักเลือดออกมา  เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเคียดแค้น “ซือเจ๋อเยว่!”  ตลอดหลายวันผ่านมานี้ เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาโชคชะตาของจวนหนิงกั๋วกง  สมบัติวิเศษล้ำค่าที่เขาเสาะหามานานหลายปีล้วนถูกใช้ไปจนหมดสิ้น จึงจะประคับประคองไว้ได้อย่างยากลำบาก ครั้งก่อนที่ไป๋จื้อเซียนบุกเข้าไปยังห้องลับ และกลืนกินดวงวิญญาณของบรรพบุรุษคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ทำให้อดีตหนิงกั๋วกงเริ่มรู้สึกถึงความสั่นคลอนของพลัง  แม้เวลานั้นสถานการณ์จะอันตราย แต่ค่ายกลใหญ่แห่งชายแดนยังไม่ถูกทำลายโดยสมบูรณ์  หากสามารถจัดการพลังที่หลงเหลือได้อย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถต่อเวลาของโชคชะตาในจวนหนิงกั๋วกงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อรู้ว่าซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานออกจากเมืองหลวง เขาจึงเร่งวางแผนเพื่อกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก เดิมทีเขาคิดว่าหากสามารถสกัดซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานเอาไว้ที่ด่านอวิ๋นหลิ่งได้ ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา  ทว่าเมื่อครู่ เขาได้รับสารลับจากนกพิราบส่งข่าวจากด่านอวิ๋นหลิ่ง  ข้อความในจดหมายบอกเอาไว้ว่าที่ด่านอวิ๋นหลิ่งนั้น เกิดหิมะตกหนัก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 351  

    ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนจากบุรุษผู้ซื่อสัตย์ กลายเป็นคนหยาบกระด้างและไม่สนใจเหตุผลใด ๆ อีกต่อไป  เขาชินเสียแล้วกับสายตาของผู้คนที่มองเขาปานสิ่งสกปรก เขาใช้ชีวิตอย่างเมามายไร้จุดหมายไปวัน ๆ  แต่เมื่อวาน ยามที่ไป๋จื้อเซียนคิดจะสังหารเขา ซือเจ๋อเยว่กลับทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยชีวิตเขา  ยิ่งไปกว่านั้นแววตาที่นางใช้มองเขา ก็หาได้แตกต่างไปจากการมองคนอื่นไม่ ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความดูแคลน  เขาจึงรู้สึกว่าสตรีในโลกนี้ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นมารดาหรือสตรีที่เขาเคยหมายปองในอดีต  เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณชายสาม หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ท่านพอจะพาข้าไปเมืองหลวงได้หรือไม่?”  เยียนเซียวหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าคิดจะไปเมืองหลวง?”  ชื่อปาเลี่ยตอบไป “ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากอยู่ที่ชายแดนอีกต่อไปแล้ว ที่นี่ทุกคนล้วนรู้เรื่องของข้า หากข้าไม่เลือกเป็นอันธพาลก็ต้องเป็นเพียงคนไร้ค่า” “แต่ข้าไม่อยากเป็นอันธพาลและไม่อยากเป็นคนไร้ค่า ข้าเพียงแค่อยากเป็นคนธรรมดา”  “ข้าต้องการพึ่งพาความสามารถของตนเอง มีชีวิตที่ดี และแต่งงานกับสตรีดี ๆ สักคน เพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติสุข”  เยียนเซียวหรานเอ่ย

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 350

    คำพูดประโยคนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไรเพียงแต่เขายังจับใจความสำคัญได้อย่างหนึ่ง “วันแต่งงานวันนั้นท่านก็อยากจะลูบคลำข้าแล้ว?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวแก้ไข “ไม่ใช่ว่าอยากลูบคลำเจ้า เพียงแค่คิดว่าขาของเจ้าทั้งยาวทั้งตรง น่าดูจริง ๆ จึงอยากจะลูบสักครั้ง”เยียนเซียวหราน “...เขาคิดว่านางเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วซือเจ๋อเยว่กล่าวอีกครั้ง “ตอนหลังจำเจ้าได้ กลัวว่าเจ้าจะเอามีดฟันข้า ต่อให้ในใจมีความคิดมากกว่านี้ ก็ทำได้เพียงข่มเอาไว้เท่านั้น”เยียนเซียวหรานกล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ท่านทำเรื่องแบบนั้นออกมาแล้ว ไม่คิดเลยว่ายังจะกลัวข้าลงมืออีก”“ต่อให้ข้าลงมือ ก็ทำอะไรท่านไม่ได้หรอกกระมัง? เรื่องแบบนั้นอย่างไรเสียก็น่าอาย ข้าไม่สามารถบอกใครได้ ก็เหลือแค่อดทนไว้เท่านั้น”ซือเจ๋อเยว่เม้มริมฝีปากยิ้มบาง ๆ ทีหนึ่ง “พูดถูกต้อง แต่หลังจากเกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้นเจ้าก็ดุจริง ๆ นี่นา!”เยียนเซียวหรานค้อนนางทีหนึ่ง “หากมีคนฉวยโอกาสตอนท่านไม่ระวังตัว ทำเรื่องแบบนั้นกับท่าน ท่านจะไม่โมโหหรือ?”ซือเจ๋อเยว่หดคอ “โมโหนั่นเป็นเรื่องแน่อยู่แล้ว ข้า...

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 349

    “สิ่งชั่วร้ายนั่นไม่มายังพอไหว ทันทีที่มาก็จะเอาชีวิตของพวกมันเสีย”นางมีความมั่นใจต่อค่ายกลที่ตนเองวาดมาก โดยเฉพาะในเวลานี้ พวกเขายิ่งต้องเก็บสะสมพลังงานเอาไว้เยียนเซียวหรานพยักหน้าเบา ๆ ทีหนึ่ง นอนลงไปแล้วกอดนางเอาไว้ในอ้อมกอดหลวม ๆนางเงยหน้าขึ้นหันหน้ามองเขา เขากล่าวเสียงอ่อนโยน “ท่านนอนให้สบายเถอะ รักษาสุขภาพให้ดีขึ้น เรื่องพวกนี้ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ต่างก็ต้องพึ่งพาท่าน”นับตั้งแต่เขาสารภาพรักกับนางครั้งก่อน ตอนที่ซือเจ๋อเยว่อยู่ตามลำพังกับเขาก็มักจะมีความไม่สบายใจเกิดขึ้นบัดนี้นางคิดว่าเขาได้ช่วยชีวิตนางมาหลายครั้งแล้ว ทั้งสองคนเคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยามาก่อนเช่นกัน หากนางเขินอายจนเกินไปก็จะยากที่จะพูดนางคิดว่าไม่สู้ถือโอกาสในคืนนี้คุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนไปเลยนางจึงกล่าว “คือว่า...ชีวิตของข้าในตอนนี้ผูกไว้กับเจ้า หากพูดว่าชอบเจ้าในเวลานี้ เหมือนว่ากำลังพยายามประจบเอาใจเจ้า”“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยชอบใครมาก่อน ไม่รู้ว่าการชอบเป็นความรู้สึกแบบใด”“แต่ว่ามีข้อหนึ่งที่ข้าสามารถแน่ใจได้ ข้าไม่ได้รังเกียจที่ใกล้ชิดกับเจ้า บางทีนี่อาจจะเป็นความชอบก็ได้”“สุขภาพของข้าเป็

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status