แค่ลักษณะภายนอกของผู้เป็นนาย เรือนร่างสูงใหญ่ราวกับหุ่นทองแดงสำฤทธิ์ ผิวเนื้อสีน้ำตาลคล้ามแดด เครื่องหน้าเข้มจัดยิ่งมีหนวดเคราที่แลเห็นเป็นปื้นเขียวยาวจากข้างแก้มและเหนือริมฝีปาก ดวงตาสีเทาอมเขียวขี้ม้า คมดุใต้กรอบตากว้างลึก มองมาแต่ละครั้งทำให้เขานึกถึงนกอินทรีที่เหินอยู่บนเวหา ใช้สายตาอันแหลมคมและฉับไว มองเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล โจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทำเขากลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว
ต้องมาเจอกับมาดนิ่งๆ แต่ประกายในดวงตาเจิดจรัสวาวจ้าราวสิงโตตัวเขื่องหมายขย้ำเหยื่อ บวกกับพระอาทิตย์จากด้านนอกสาดแสงส่องมาขับเน้นพายุเพลิงโทสะเป็นราวน้ำแข็งห่อลาวาเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณอีก อากาศในห้องที่เย็นจัดกลับร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับอยู่ในเตาอบก็มิปาน
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากบอกว่าตัวเองกลัวจนขี้หดตดหาย อยากวิ่งออกจากห้องไปแล้วไม่ย้อนกลับมาอีก แต่ทำไม่ได้ เพราะเขามีภาระหน้าที่ต้องหาเงินไปจุนเจือครอบครัว รักษาพ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคไตเรื้อรัง รวมถึงค่าเทอมน้องที่เหลือเพียงแค่ปีเดียวก็จบแล้ว เขาจะเป็นไทมาเปราะหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะต้องเจอเข้ากับพายุร้ายโหมกระหน่ำ จนเรือไม้ผุแทบแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ต้องอดทน...อดทนเข้าไว้
“แน่ใจ” เอ่ยถามเสียงเข้มจัด กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน ถ้าหากใช่...เป็นอย่างที่ได้ยินมา ไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเลย ไม่ได้เป็นแค่หายนะ แต่เป็นโลกพลิกกลับถล่มตรงหน้าเลยเชียวแหละ ดังนั้นเขาจึงต้องการคำตอบที่...แม่นยำ ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่...คิดเอาเอง
คนถูกถามผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา รู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นเล็กน้อย ที่ไม่ต้องเจอกับพายุเพลิงโทสะของผู้เป็นนายอย่างที่คิดไว้ ทว่าขนที่ต้นคอก็ยังลุกเกรียวอยู่ดีนั่นแหละ เพราะถึงนายไม่ถามด้วยปาก แต่สายตานายกำลังเอ่ยถามอยู่ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
ทุกคำที่เขาถามไป มักไม่ค่อยได้คำตอบจากใคร จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ เสียเงินเสียทองตั้งมากมายจ้างคนเหล่านี้ไว้ทำไม สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับ เขาทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือบุคลากรที่มีคุณภาพ แล้วคนที่ร่วมงานทุกคน คุณภาพด้านการทำงานนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี ความสามารถสูง เพียงแค่บางเรื่องเท่านั้นที่แย่
จะโทษคนอื่นก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาคือเจ้าของที่ควรต้องดูแลงานและทรัพย์สินของตัวเองให้ดี แต่เขาดันปล่อยปละละเลย เพราะทุ่มเทให้กับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่ล้ำหน้าที่สุดในขณะนี้ จนลืมสนใจสิ่งอื่นใด เลยกลายเป็นจุดบอดให้กับคนบางคนที่ทำตัวเป็นเหลือบไร คอยจ้องเอาผลประโยชน์จากมันสมองของคนอื่นไปเป็นของตัวเอง บวกกับไม่คาดคิดด้วยว่าจะมีคนหาญกล้ากระตุกหนวดมาเฟีย ที่ก็ไม่ได้ร้ายมากมาย แค่มองเด็กตัวเล็กๆ แล้วร้องไห้จ้าในทันทีก็เท่านั้น
ร่างหนาแกร่งยืดตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง สองขาแยกห่างออกจากกันเล็กน้อย สองมือแกร่งสอดไขว้ไปจับกันไว้ด้านหลัง มองลูกน้องซึ่งทำงานกับเขามาร่วมห้าปีแล้ว ยอมรับว่าหนุ่มตรงหน้า ได้ความบ้างไม่ได้เรื่องบ้างก็ต้องให้อภัยกัน ในเมื่อตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะดีเก่งไปเสียทุกด้าน เพียงแค่ไม่ชอบความอึมครึมและไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่านั้นเอง
ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ในนี้ ธุรกิจการงานเขาเป็นไปอย่างดีเยี่ยม มีการติดต่อเข้ามาของห้างร้านบริษัท ให้ไปวางระบบงานป้องกันภัยให้ไม่ขาดสาย แต่ก็เป็นอย่างที่เขาว่า สายลมยังพัดแผ่วพลิ้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆฝนตั้งเค้า ก่อนทะเลสงบเงียบไร้คลื่นลมจะโหมกระหน่ำ กลายเป็นพายุทอร์นาโดลูกใหญ่สาดซัดเข้ามา เริ่มต้นจากข่าวโคมลอย ที่หลายคนก็ปักใจเชื่อ ด้วยคิดแค่ว่า ถ้าไม่มีมูลความจริง ก็ไม่มีใครเอาไปพูดหรอก ขนาดบิดาเขาเองก็ยังเอ่ยถาม...
“ได้ข่าวว่าบริษัทแกมีปัญหารึไอ้ลูกชาย มีอะไรให้ฉันช่วยบ้างล่ะ”
คำถามออกจะหยามหยันมากกว่าต้องการจะช่วยเหลือด้วยใจจริง เพราะสองพ่อลูกไม่ลงรอยกัน ตั้งแต่ที่ผู้เป็นลูกชายแหกคอกออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ด้วยเบื่อกับวงการที่ชีวิตต้องแขวนอยู่บนเส้นได้ แม้กระทั่งนอนก็ยังต้องซุกปืนไว้ใต้หมอน เพราะกลัวมีใครบุกเข้ามายิงถึงในห้องนอน วันเวลาผ่านพ้นไปคนใกล้ชิดล้มตายไปทีละคนสองคน เพื่อช่วยให้นายอย่างเขาและคนในครอบครัวรอดตาย สิ่งที่เกิดขึ้นเขามองอย่างชินชา ทั้งเบื่อหน่ายและระอิดระอาใจ ไม่อยากทำให้คนอื่นเขาต้องมาตายเพราะเขา พอๆ กับไม่อยากเสี่ยงชีวิตที่ได้ไม่คุ้มเสียอีกแล้ว
ใช่...ถ้าไม่มีข่าวมา บิดาที่ไม่เคยสนใจว่าลูกชายนอกคอกไม่เอาอ่าวอย่างเขา จะไปทำมาหากินอะไร ที่ไหน ขอเพียงแค่ไม่นำความเดือนร้อนมาให้เท่านั้นคงไม่เอ่ยปาก แต่การที่ท่านพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีข่าววงในที่ใหญ่เอากาล จนเกิดความเป็นห่วงกังวล เขาคงต้องปลีกเวลาไปคุยกับท่านเสียหน่อย เผื่อจะได้เรื่องอะไรกลับมาบ้าง
“คอยจับตาคนในบริษัท มีใครทำอะไร ที่ไหนบ้าง” ทุกเบาะแสจะต้องไม่ถูกมองข้าม เพราะนั่นอาจนำพาไปถึงเงาร้ายได้ “ถ้าหากมีคนล้วงเอาความลับออกไปจริง...ก็คงยังไม่เคลื่อนไหวให้ถูกสงสัยและจับได้” เขาไม่มีวันยอมให้เหลือบไรร้ายที่คอยดูดเลือด อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน!
“ครับ” รับคำก่อนโค้งคำนับและเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ชายหนุ่มในชุดในชุดยูนิฟอร์มของโรงแรมมีชื่อ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ริมหาดอ่าวนาง ในบริเวณที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของหาด ด้วยมีชายหาดขาวสะอาดทอดตัวยาวราวกับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและมีแหลมยื่นออกมา ผู้บริหารมีหัวคิดฉลาดเฉียบแหลมดัดแปลงกะเทาะหินลดลั่นเป็นขั้นบันได และสร้างศาลาไว้ให้แขกเหรื่อได้พักกินลมชมวิว มองพระอาทิตย์ขึ้นและตก ยามเที่ยงวันก็ไม่ร้อน ด้วยเส้นทางเดินไปศาลามีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นลดหลั่นกัน บวกกับลมทะเลที่พัดพัดโบกโบยเป็นสายไม่ขาดทั้งวัน เดินลิ่วๆ อย่างไม่สนใจจะมองคนร่วมถนนเดียวกันสะดุดตากฤติกาเป็นอย่างมาก
“กล้า แสงกล้า...นั่นนายใช่ไหม” กฤติกาตัดสินใจตะโกนถาม เมื่อเห็นร่างใหญ่กำลังจะเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ซึ่งภายในเป็นห้องเช่าขนาดกะทัดรัดและราคาประหยัดที่หาได้ยากยิ่งในพื้นที่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยวติดอันดับหนึ่งในสิบของเมืองไทย
แสงกล้าหันตามเสียงเรียก นัยน์ตาเข้มของหนุ่มผิวหมึกเบิกกว้างเมื่อเห็นคนเรียก ก่อนปากหนาจะคลี่ยิ้มจนเห็นไรฟันสีขาวซี่ขนาดเท่าๆ กันเรียงตัวอย่างสวยงาม ตัดกับผิวเนื้อสีดำแดง ที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็จะนึกถึงยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งเสียทุกทีไป
“ลูกไก่” แสงกล้าร้องตะโกนกลับไป พร้อมหมุนกายเดินข้ามถนนไปหาเพื่อนสาวที่ไม่เจอกันเป็นนาน “ดีใจจังที่เจอเธอ ไปไงมาไงถึงได้มาถึงนี่ล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม พร้อมจับจูงมือเรียวเดินไปยังเก้าอี้ม้าหินอ่อนใต้ต้นราชพฤกษ์ ซึ่งตอนนี้ออกดอกสีเหลืองอร่าม บางส่วนของกลีบดอกก้านใบ ร่วงหล่นลงมาจนต้องปัดกวาดก่อนหย่อนก้นลงนั่ง
“ไม่รีบไปไหนใช่ไหม นั่งคุยกันก่อนสิ คิดถึงจะแย่ แวะไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอ แล้วเป็นไงสบายดีใช่ไหม ทำงานอะไรล่ะตอนนี้ หางานอยู่หรือเปล่า ต้องการให้ช่วยอะไรบอกได้นะ”“ดีใจอะไรหนักหนาฮึ ถามยาวเป็นหางว่าวเชียว หยุดหายใจบ้างก็ได้ ฉันยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีหายไปไหน” หญิงสาวกระเซ้ากลับแววตาเป็นประกายสดใส ทอดสายตามองเพื่อนอย่างดีใจเช่นกัน นับตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย แต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไปทำตามความฝันของตัวเอง เธอไปเรียนต่อในเมืองหลวง ในขณะที่แสงกล้าก็มีหน้าที่ทำมาหากิน เพื่อช่วยครอบครัวอันมีพ่อและแม่ รวมถึงน้องๆ อีกสองคนแม้จะเป็นเพื่อนสาวที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ เคยร่วมเรียนร่วมเล่น เกือบจะเรียกได้ว่าเคยหนีพ่อแม่มาแก้ผ้ากระโดดน้ำในทะเลเล่นกันอยู่เลย แสงกล้าก็ยังมีความอายเล็กๆ จึงเสมือหนายกขึ้นลูบต้นคอแกร่ง “ก็คนมันคิดถึงนี่น่า เจอหน้ากันตั้งหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้พูดกันเลย”“เพราะคนบางคนไม่กล้าเข้ามาทัก กลัวคนใกล้ตัวหึงละมั้ง” กฤติกาอดกระเซ้าหยอกคนขี้อายไม่ได้ รับรู้มาตลอดว่าเพื่อนชายผิวหมึกแต่หน้าหวานคนนี้ แอบรักแอบชอบสาวต่างโรงเรียน ที่เผอิญได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือตอนที่รถมีปัญหา จนถูกเพื
“เออ... ให้มันเจริญๆ แล้วกัน” ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะอึ้งจนพูดไม่ออกเสียมากกว่า“อ้าว แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไงไอ้พระแสงกล้ามีดบิ่น แช่งกันนี่หว่า” ดวงหน้าขาวใสงอง้ำ นัยน์ตากลมใสเริ่มเปล่งประกายเจิดจ้า กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างเอาเรื่องแสงกล้าสะบัดศีรษะ ขึ้นชื่อเขาด้วยไอ้และเรียกยาวต่อท้ายมาด้วยสรรพนามแปลกๆ เมื่อไหร่ แสดงว่าเพื่อนสาวไม่เริ่มไม่พอใจแล้ว ให้เขารีบดึงการสนทนาออกไปเส้นทางอื่น ก่อนความโกรธนั้นจะทำให้อีกฝ่ายงัดเรื่องน่าอายๆ ของเขามาพูดประจานให้อายเพื่อนฝูง“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แกคิดมากไปเองต่างหากล่ะ ว่าแต่แกเถอะ มาจากไหนนะ ไหนว่าเปิดร้านแล้วทำไมถึงไม่เฝ้าร้าน”“ฉันก็มีธุระปะปังกันบ้างสิ จะให้นั่งเฝ้าร้านตลอดยีบสี่ (ยี่สิบสี่) ชั่วโมงได้ไงกัน” หญิงสาวตวัดค้อนขวับๆ ใส่เพื่อนที่พอมีแฟนแล้วรู้สึกว่าหน้าตาจะแจ่มใสขึ้น ยิ้มเก่งหัวเราะง่ายเสียเหลือเกิน เห็นอย่างนี้แล้วชักจะอิจฉา อยากมีแฟนมาคอยดูและกะเขามั่งจัง แต่พอคิดอีกที ไม่ดีกว่า มีลูกกวนตัว มีแฟน (ผัว) กวนใจ มีทั้งลูกมีทั้งแฟน (ผัว) กวนทั้งตัวกวนทั้งใจ “พอดีแม่มาหานะ ฉันเลยถือโอกาสมาส่งของไปรษณีย์
“เขาชื่อริวาโก้ คาสซายะ”“อ๋อ...อะไรนะ วันวันโก้ คัดจายะ เออ...แปลกดีนะ ทั้งชื่อทั้งนามสกุลเลย พ่อแม่ตั้งมาได้ไงหว่า? ชื่อยังกับคนเป็นหวัด” แสงกล้าแกล้งผันชื่ออีกฝ่ายให้ผิดเพี้ยนไปด้วยตั้งใจล้อเพื่อน“รู้ไหมยายลูกเจี๊ยบ ตอนนั้นกลัวใจแกจะแย่ กลัวทนเก็บความรักเอาไว้ในอกไม่ไหว รีบไปสารภาพรักและเอาไม้หน้าสามตีหัวไอ้ฝรั่งดองนั่นพาเข้าห้องปล้ำเขาเสียแล้วนะ” แบะปาก พร้อมเสียงขลุกขลักในลำคอ กลั้นหัวเราะจนหน้าคล้ำแดดเริ่มมีสีแดงแต้ม“เออ...ทีใครทีมันนะไอ้กล้า” กฤติกายกมือชี้หน้าเพื่อน จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น กลีบปากอิ่มนุ่มยู่ยื่นถึงวันนี้เธอก็ยังไม่กล้าบอกความในใจให้กับเพื่อนหนุ่มคนที่ถูกเอ่ยถึงได้รู้ แต่ยังดีที่ก่อนอีกฝ่ายจะตามบิดากลับไปประเทศ เธอและริวาโก้ได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว จึงไดมีการติดต่อทางจดหมาย ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นการสื่อสารในโลกออนไลน์อย่างปัจจุบัน และไม่ค่อยจะอายสักเท่าไหร่ ถ้าจะพูดคุยเรื่องความรู้สึกภายในที่เหมือนกับการแย้มๆ เปิดหัวใจให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ถึงความภายในใจที่มีให้“ไม่แขวะฉันสักครั้ง แกกินปลาแล้วก้างมันติดคอหรือไงวะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างกระแทกกระทั้น หน้าบูดบึ้ง“
“บอก...ไม่บอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะบอกแกล่ะ บอกไปก็ไม่เป็นความลับสิ ไม่บอกหรอกย่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา นัยน์ตาใสพร่างพราวระยับ ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ อย่างบอกให้รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดูได้จากแก้มนวลเนียนใสที่สีระเรื่อขึ้นป่องออก“แกเก่งไม่ใช่เหรอ เดาเอาเองสิ” ความจริงเธอยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แค่ขู่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองแหละ“บอกมานะแก ไม่งั้นฉันไม่พาแกกลับนะโว้ย”กฤติกาหน้ามุ่ยเมื่อผู้เป็นเพื่อนเล่นมุกนี้ จะทำไงได้ก็เธอดันขอติดรถอีตาผิวหมึกนี่มาซะด้วย หญิงสาวกลอกตาไปมากอย่างคนคิดหนัก “อ๊ะ...ฉันบอกแกก็ได้ จะทำอะไร แกเอาหูมาใกล้ๆ สิ จะได้บอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ” คิดว่าเธอจะแพ้ง่ายๆ งั้นหรือ หึ...คิดผิดเสียแล้วไอ้เพื่อนเกลอ“แกมีแผนอะไรหรือเปล่ายายลูกเจี๊ยบ” จะไม่ให้เขาถามอยางนี้ได้ยังไง ก็ดวงตายายเพื่อนตัวแสบมันเปล่งประกายพร่างพราวระยับเหลือเกินนี่น่า ต้องหาเรื่องคิดแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ“เปล๊า” กฤติกาตอบปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว สะบัดศีรษะจนเส้นผมกระจาย แถมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หลุบตาเล็กน้อยปิดบังความเจ้าเล่ห์ไม่ให้เพื่อนหนุ่มได
ใบหน้านวลผุดผ่องถึงกับบึ้งตึง เธอรึก็พูดออกจะเสียงดัง ทว่าชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ จนทำให้นึกถึงตัวเจ้าลิงตัวโตราวกับตึกสามชั้นนามคิงคองยักษ์ที่เพิ่งดูผ่านไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง อ้อ...ไม่ใช่ไม่มีนะ มีเป็นรัศมีเย็นๆ ปะปนด้วยความเกรี้ยวกราดลอยมามากระทบ ทำให้ต้องรีบสาวเท้าบอบบางถอยร่นออกมา แต่การไพล่ไปสะดุดอะไรก็ไม่รู้ของเธอกลายเป็นปัญหา เพราะเมื่อทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาการปวดแปลบที่ข้อเท้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาเป็นสาย“อูย!!” กฤติกาเผลอร้องเบาๆ เจ็บจนหน้านิ่ว รีบเอียงตัวลงจับ ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ ตั้งแต่เช้าที่เมื่อตื่นนอนเพราะฝันร้ายเลยพลัดตกจากเตียงนอนขนาดสามฟุต มีผ้าห่มนวมผืนโตห่อมัดกายราวกับมัมมี่ เปิดประตูห้องน้ำก็ดันเอาหน้าผากโขกไปกับประตู ดีว่าหัวไม่โนให้อับอายแสงกล้าที่หากรู้จะต้องเอามากัด ก่อนขึ้นรถมานี่ก็ดันไปเหยียบเอาเปลือกกล้วยถลาเกือบจะล้มตะครุบกบ ดีว่าเอามือยันตัวรถไว้ได้เสียก่อน“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงดุไม่แพ้วงหน้าที่เรียบเฉยจนเป็นเย็นชา ยื่นมือไปช่วยจับร่างเล็กที่เอียงจะล้มแหล่มิล้มแหล่อย่างเร็ว‘คิดจะอ่อยเขาด้วยการแสร้
กฤติการู้เพียงแค่ว่าวินาทีนี้เธออยากกรีดร้องอย่างนางมารร้ายที่ถูกนางเอกแย่งแฟนอย่างในละครทีวีเสียเหลือเกิน ผู้ชายอะไรบ้าชะมัด...ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรโรงพยาบาล ต่อให้หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาราวกับพระเอกหนัง แต่อ้าปากพูดแล้วเหมือนกับเพาะพันธุ์ไอ้ด่างสี่ขาไว้จนเต็มอย่างนี้ จากคะแนนสิบเต็มที่ให้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้น่ะหรือลดฮวบฮามแถมติดลบสิบด้วย กลายเป็นผู้ชายที่สมควรจะจรลีหลีกหนีไปให้ไกล ๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอามาทำพันธุ์!“เฮ้ย!! จะทำอะไรนะ โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง ฉันเจ็บนะโว้ย ปล่อย!!” ทุบไปบนร่างหนายักษ์ที่ยังไงก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังจะเงยหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุกร้าวมองมา โดยมือยังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอ“จะหักขาทำให้เธอให้เดินไม่ได้ แทนการหาผ้าขี้ริ้วมาอุดปากเธอ” ชายหนุ่มขู่เสียงต่ำในลำคอ แยกเขี้ยวโง้งใส่ คำพูดจากปากหนายังไม่ทันจะขาดดี ความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะหักกร๊อบดังสะเทือนเลื่อนลั่นในหูกฤติกา“โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง แกจะฆ่าฉัน...หรือไงหา ไอ้บ้า!!” กลีบปากสีชมพูอิ่มระเรื่อหวีดร้องเสียงหลง น้ำตาหยดแหมะลงบนร่องแก้ม อีตาคิงคองยักษ์นี่หักขาเธอทิ้งแล้วใช่ไหม!ดวงหน้านวลงอง้ำ ขบกัดกลีบปากท
ถึงแม้ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกและเหตุผลรองรับ ทำไมเขาถึงได้เลือกตามสามคนนั้นมาเมืองไทย ไม่เลือกตามอีกกลุ่มเขาไป คงเป็นเพราะเชื่อในสัญชาติญาณที่บ่งบอกว่า สามคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป ซึ่งเขาจะต้องตามหาตัวให้เจอ พร้อมหาหลักฐานมาผูกมัดตัวคนพวกนั้น หรือใครคนใดคนหนึ่งที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างเขาให้จงได้เหตุการณ์ในครานี้บอกให้เขาได้ล่วงรู้ว่า คนที่ทำเรื่องนี้มีพวกด้วยเช่นกัน การเดินทางที่สมควรเป็นความลับ ด้วยเขาปิดทุกคนแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่ก็ยังมีคนล่วงรู้จนได้ แล้วยังส่งยายผู้หญิงปากเสียมาแย่งชิงคอมพิวเตอร์ไปอีก คงคิดว่าข้อมูลสำคัญนั่นจะอยู่ในเครื่องล่ะสิ เขาไม่โง่ซ้ำสองซ้ำสามแบบนั้นหรอก อีกอย่างเกิดเหตุการณ์นี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้ว่าการมาหาหลักฐานครั้งนี้มีมารคอยขัดขวางอยู่ จะได้ระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองและลูกน้องที่ตามมาเป็นอันตราย“ครับ” ที่รับปากน่ะไม่ใช่เพราะจะตามหาตัว แต่งุนงงต่างหาก ด้วยคำพูดคนเป็นนายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ให้หาด้วยจิตพิศวาสแต่อย่างใด หากแต่หาด้วยจิตมุ่งหมายคิดร้ายเสียมากกว่า เจอกันเพียงครั้งเดียว แม่ตัวเล็กนั่นไปทำอะไรให้นายเขาไม่พอใจ จึงจัดให้ถึงเพี
“จริงหรือ” กิ่งแก้วเท้าศอกบนเคาร์เตอร์ไม้ จ้องเข้าไปในดวงตากลมใส คลี่ยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ย ด้วยไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน ข่าวลือนะไปไวเสมอแหละ ยิ่งข่าวร้าย ๆ นี่ยิ่งแพร่สะบัดไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันร้ายแรงเกินกว่าคนในพื้นที่หลาย ๆ คนจะรับได้ แม้จะรู้ซึ้งและเข้าใจถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทว่าการมีสิ่งไม่ดีที่ทำให้อนาคตของลูกหลานต้องย่อยยับก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้“แต่ที่ฉันได้ข่าวมา ดูท่าจะทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันเลยเชียวนะ”นั่นไง ว่าแล้วเชียว สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องนี้บ้า ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ตอนสายจริง ๆ ด้วย เฮ้อ...กลอกตากลมใสไปมา เบะกลีบปากอิ่มใส่คนถามอย่าเบื่อหน่ายจับใจ ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นมาในวันนี้ทำให้เธอเป๋ไม่ไม่น้อย กินข้าวเย็นอย่างฝืดคอนิด ๆ คืนนี้อาจนอนไม่หลับด้วย เพราะมัวแต่คิดมากหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมหาทางแก้ปัญหาที่จะตามติดมาเป็นระรอกคลื่น แต่ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางออก ใช่ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วฟ้าจะไม่กระจ่างสดใสนี่น่าไหล่มลเลิกขึ้นอย่างระอิดระอาใจ คนเรานี่เป็นยังไงกันนะ ทำไมถึงได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น
กฤติกาหายใจหอบพร่า มือใหญ่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ลูบไล้ไต่ไปบนเรือนร่างอรชรตรงเข้าครอบครองทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งปลายยอดชูชันสนองตอบ ปลุกเร้าเพลิงพิศวาสในกายสาวให้ตื่นจากหลับใหล สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ปากอิ่มแยกแย้มกว้างยิ่งขึ้น เธอหาญกล้าถึงขนาดส่งเรียวลิ้นเล็กเข้าไปสำรวจโพรงปากอุ่น กระหวัดเกาะเกี่ยวกับเรียวลิ้นอุ่นชื้น เรียวนิ้วเล็กสอดแทรกไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม บดเบียดแลกจุมพิตกับอันเจโล่จนชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงร้องคำรามลั่น“ลูกไก่จ๋า...หวานที่สุดเลยรู้ไหม” เอื้อนเอ่ยเสียงแตกพร่า คลอเคลียปากอุ่นระอุไซ้ซุกซอกคอขาว นิ้วยาวหยอกเอินคลึงเคล้นยอดบัวตูมเต่งจนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง ส่งยืนกายสาวเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มรสทุกซอกมุมอย่างถนัดถนี่ จนชายหนุ่มถึงกับทนไม่ไหว ประพรมปากอุ่นระอุแนบบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ด้วยความหวานเร่าร้อน แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางขึ้นไปทอดตัวนอนบนฟูกใบไม้ ให้แสงไฟสาดส่องมาเพื่อเขาจะได้ยลกายสาวงามสะพรั่งอย่างชัดเจน“คุณอันเจโล่...ไหนคุณบอกว่าจะไม่...” กฤติกาเอ่ยถามเสียงสั่น รีบยกมือปิดบังทรวงอกอวบอิ่มไว้จากสายตาคมวามวาวเต็มไปด้วยคว
“สัญญา ไม่ปล้ำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอย่างอื่นลูกไก่นี่น่า” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงพร่าแหบจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตากลมใส “แล้วอีกอย่าง...เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจไหม”ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาในแววตาและรอยยิ้มบนมุมปากหนาหยัก แต่ในตอนนี้เพราะต้องการเอาตัวรอดกฤติกาจึงรีบพยักหน้ารับ “ละ...แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” หญิงสาวถามกลับอย่างตะกุกตะกัก“อยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน” อดไม่ได้เลยที่จะไม่ไต่มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม“ให้คุณปล้ำฉันง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ”อันเจโล่ถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก เรื่องง่าย ๆ ทำไมกฤติกาถึงได้ทำให้กลายเป็นเรื่องยากนักก็ไม่รู้ แค่เขาเอาเสื้อผ้าเธอออกแล้วไปผึ่งไฟให้แห้ง กับการนอนกอดและแตะต้องเธอนิดหน่อยนี่มันทำใจยากนักหรือไง“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากเธอยังทำตะบึงตะบอนยั่วฉันอยู่อย่างนี้”กฤติกาทำหน้างอง้ำ ตกลงเธอผิดอีกแล้วใช่ไหม น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นและพลัดตกจากสองเบ้าตาอย่างรวดเร็ว“โอ๋...ไม่ร้องนะคนเก่ง” อันเจโล่รียยกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาบนร่องแก้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องมาโอ๋ ไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวปัดมือใหญ่ออกห่าง ขบเม้มกลีบป
กฤติกากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ไม่อยากมองอันเจโล่เลย แต่ถ้าเธอละสายตาจากเขาไปเพียงนิดเดียว อีตาคิงคองหื่นต้องคว้าแขนจับเอาตัวไป จากนั้น...ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะอาจไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรื่องบ้า ๆ นั่น เป็นเธอนี่แหละอยากปล้ำเขาแทน ก็ใจมันอยากตกเป็นของชายหนุ่มจะแย่อยู่แล้วอันเจโล่สะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา รู้นะกฤติกากลัวอะไร แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอย่างที่เธอกลัวหรอก มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างจะแอ้มสาวเอาความจิ้นของเขาทั้งที ให้ใช้หาดทรายอย่างนี้น่ะหรือ...แม้มีเสียงสายน้ำสาดซัดพื้นทรายเป็นทำนองเพลง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ดาราดาษดื่นส่องแสงมาราวกับจะอิจฉาริษยา สายลมพัดโชยโบกร่วมโลมไล้ร่างน้อย ใบไม้ก็พร้อมใจกันไหวเอนลู่โอนละม้ายคล้ายระรอกคลื่นไล่ล้อกันคล้ายเสียงกระซิบหยอกเย้า โรแมนติกน่าจดจำอยู่หรอกนะ แต่...จะหม่ำลูกไก่มีฤทธิ์แต่หวานอย่างแรง...อย่างกับมีหมู่มวลพฤกษานานาพันธ์ครั้งแรกต้องเป็นห้องสบาย ๆ หรู ๆ อย่างในโรงแรมที่เขาพักโน่น จุดเทียนไขพอให้มีแสงวับ ๆ แวบ ๆ มีเสียงดนตรีหวาน ๆ คลอเคล้า บิ้วอารมณ์ต่ออีกนิด ด้วยกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ทำให้เขามีเรี่ยวแรงหม่ำลูกไก่น
“อ้าว” คนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใดทำหน้าเหรอ “เธอเป็นไกด์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”“ฉันเป็นแค่ไกด์ ไม่ได้เป็นพรานนำทาง แล้วอีกอย่างไกด์อย่างฉันมีหน้าที่พาลูกทัวร์ไปดำน้ำ ไม่ได้พาลูกทัวร์เจ้าเล่ห์ หื่นกาม บ้าตัณหา คิดเป็นแต่จะลากผู้หญิงขึ้นเตียงอย่างเดียวมาถูก...รุมสะกรัมกินขนมตุบตับและหลงป่านี่น่า” กระดิกปลายเท้าอย่างรื่นรมขึ้นมานิด ๆ เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ย เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย“เห็นตัวเล็ก ๆ แค่นี้ กินอะไรเข้าไปนี่ ตัวหนักเชียว” คนตัวใหญ่กระเซ้า หันหลังกลับเดินไปทางเก่า เขาว่ากลับไปหามุมใดมุมหนึ่งหลบรอคอยคนเรือและลูกน้องที่แถว ๆ หน้าชายหาดจะดีกว่าปึก!! กฤติกากำหมัดทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง “คุณนี่ปากเสียจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้หนักเสียหน่อย คุณนั่นแหละที่แก่แล้ว เลยอุ้มเด็กแรกรุ่นอย่างฉันไม่ไหว”อันเจโล่หัวเราะ “อยากรู้ไหวไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดให้แล้วกัน รุ่นนี้น่ะเตะปี๊บไม่มีได้ยินเสียงตก กลัวเธอนั่นแหละที่จะรับไม่ไหวลูกไก่” พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มือหนึ่งจับสองขาเรียวไว้ อีกมือยกขึ้นมาลูบไล้ลำแขนเสลาให้รู้ความนัยของคำพูด“คุณนี่มัน...” ชายหนุ่มสวนกลับมามุกนี้ทำเอา
มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก “ฉันให้เงิน แกก็บอกมา ว่าใครเป็นคนว่าจ้างให้มาเก็บฉัน”“อย่าถามมาก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กับเมีย แกก็จ่ายเงินมาดีกว่า พวกฉันจะได้ไปเสียที เย็นจะตายอยู่แล้ว แม่ง...ไอ้ฝนห่าเหวบ้านี่มันจะตกลงมาทำไหมตอนนี้วะ”เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกมันหายใจไม่สะดวก หมวกไหมพรมที่เปียกน้ำจึงค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปพำนักอยู่เหนือจมูก ซึ่งเป็นผลดีแก่อันเจโล่ที่จะจดจำรายละเอียดบนวงหน้าของแต่ละคนเอาไว้ เพื่อจัดการในภายหลัง“แหม...พวกแกนี่เร่งจริง ฉันคิดว่าจะให้สักล้าน ให้พวกแกแบ่งกันคนละสองแสน ถ้ายอมบอกชื่อคนว่าจ้าง แต่ปากหนักอย่างนี้เอาไปคนหมื่นสองหมื่นพอแล้วละ ให้มากเปลือง” คนเราเมื่อได้ยินเงินมาก ๆ ก็ตาโตลุกวาว “หรือเอาอย่างนี้ดีกว่าไหมลูกไก่ ฉันใจป้ำให้ซักห้าแสน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบอกชื่อคนว่าจ้าง” เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างเช่นกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนอยู่เบื้องหน้าเขานี่ไงละกฤติกาอ้าปากค้าง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่อย่างคิดไม่ถึง เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เพียงแค่ได้ความจริง แต่ยังตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้ได้ด้วย“พวกมันไม่ทันสนใจ เรารีบไปกันดีกว่าลูกไก่”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวเองรอดได้ คุณนั่นแหละ เอาตัวเองให้รอดพ้นจากสหบาทาของคนพวกนี้จะดีกว่า” ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ห้าคนตรงหน้าที่ยืนล้อมไว้นี่ก็ดูท่าทางมีฝีมือด้วยเช่นกัน หุ่นแต่ละคนน้องๆ ของช้างอีก ส่วนคนพูดน่ะตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้หรือ “น้องสาวนี่พูดถูกนะ ก่อนไปห่วงคนอื่นน่ะ เอาตัวเองให้รอดจากบาทาพวกกูก่อนดีกว่าไอ้ฝรั่งดอง”“พวกแกนี่...นอกจากเข้ามาเป็นมารขัดขวางความสุขฉันกับแฟนแล้ว ยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก เก่งมากใช่ไหม ช่วยโชว์ฝีมือแม่ไม้มวยหมู่ให้ได้ชิมหน่อยสิ” มวยไทยเขาไม่ได้เก่ง แต่ก็พอเป็นอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่น...จะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนี้ดีละ...เทควันโด้ ไอคิโด้ หรือคาราเต้ดี“เฮ้ย!! พวกเราลุย เอามันให้มอบเว้ย!!”“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อน” พออีกฝ่ายกร่างเข้ามา มือใหญ่ก็ยกขึ้นโบกห้าม“มีอะไร หรือว่ากลัวแล้ว งั้นก็รีบทิ้งเงินและข้าวของมีค่าเอาไว้ให้หมด อ๋อ...แถมผู้หญิงข้าง ๆ ตัวแกด้วยนะ หน้าตาสวยก็สวย หุ่นก็ดี อย่างนี้พวกฉันคงมีความสุขได้หลายคืนอยู่เชียว ก่อนพาไปเร่ขายเนื้อสด” ไม่ได้หื่นอย่างได้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้หรอก แต่คำสั่งที่ได้รับมา คือ
เมื่อเห็นว่าร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ กฤติกาเลยใช้วิธีการ...งับ!! ปากเล็กอ้ากว้างและทาบกดฟันซี่เล็กบนต้นแขนแกร่งเต็ม ๆ“โอ๊ย!! เจ็บนะลูกไก่” คนถูกกัดโอดครวญ แต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างอรชรให้หลุดจากแขน แต่กลับเลือกพาเธอไปใต้ร่มไม้ซึ่งมีกิ่งไม้ยื่นออกมา ก่อนปล่อยร่างอรชรแต่ก็ยังกักเธอไว้ในอ้อมแขน“ทำร้ายฉันอย่างนี้ ไม่กลัวฉันเอาคืนหรือไงลูกไก่” เอ่ยถามเสียงเข้มห้าวและดุเกรี้ยวพอ ๆ กับนัยน์ตาที่เปล่งประกายวาวด้วยเพลิงไฟ จับสองมือเล็กที่ระดมทุบสลับผลักดันกายหนาแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดชีวิตด้วยมือเพียงข้างเดียว“ไม่กลัว!!” กฤติกาตอบกลับเสียงสั่น ถามมาได้ว่ากลัวหรือเปล่า ไม่กลัวก็บ้าน่ะสิ ฉี่จะราดอยู่แล้วนี่ แต่ขืนไม่ทำอะไรก็กลายเป็นว่าเธอยินยอมให้เขาลากเข้ารกเข้าพงทำมิดีมิร้ายได้ง่าย ๆ น่ะสิ ไม่เอาหรอก เป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องมีฤทธิ์มีเดชเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกปล้ำกันง่าย ๆ กันเล่า“จริงหรือ...ไม่กลัว แล้วทำไมถึงเสียงสั่นล่ะ แล้วตัวก็...” อันเจโล่ลากเลื่อนนิ้วยาวบนกายนุ่มนิ่มที่สั่นระริกราวนกน้อยที่ผลักตกลงไปในน้ำไหลเชียวกราก “สั่นอย่างลูกไก่ตกน้ำด้วยนี่น่า” ชา
“หือ...แล้วจะกลับไงล่ะ บอกคนเรือให้พากลับหรือ เอาสิถ้าเธอคิดว่าเขาเชื่อฟังนะ” อันเจโล่ท้าทายอย่างอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรให้คนเรือนำเรือกลับเข้าฝั่งได้เธอว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรสักอย่าง ‘โอ๊ย!! นี่เธอจะจัดการยังไงกับอีตาคิงคองเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนี่ดีนะ’“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” กดแขนกอดกระชับ เมื่อคนตัวเล็กขยุกขยิกอยู่ไม่สุกและเริ่มต้นร่ายระบำรำฟ้อนเล็บแหลมยาวบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมกับส้นเท้าทิ้งน้ำหนักกดลงมาบนเท้าใหญ่ “ไม่รู้หรือไงว่าบนเรือเร็วแบบนี้เขาห้ามเดินไปเดินมา มันไม่ปลอดภัย”“เหอะ...อยู่กับคุณ ไม่ปลอดภัยกว่าร้อยเท่าพันเท่า ปล่อย!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่และทั้งผลักทั้งดันตามด้วยทุบไปอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าคีมเหล็กจะง้างออก“ไอ้ที่ไม่ปลอดภัยนะหัวใจเธอใช่ไหมล่ะลูกไก่ เพราะตอนนี้มันดันมาหลงรักฉันไปแล้ว”พูดไปก็เหมือนเข้าตัวของเธอเอง กฤติกาเลยเลือกที่ไม่พูดกับชายหนุ่มและหันไปตะโกนบอกกับคนขับเรือให้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ทว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านหูคนขับเรือไป ด้วยคำพูดของคนตัวใหญ่“ทำตามคำสั่งของฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้สองเท่าจากค่าจ้างของคุณลูกไก่” ดังกว
“อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงหวั่นไหว ถ้าตกปากรับคำไป เกิดอีตาคิงคองนี่ขอนอนกับเธอ อะไรทำให้คิดอย่างนี้น่ะหรือ ก็สายตาวามวาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปกปิดจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นี่น่ะสิ เลยต้องถามเอาไว้ก่อนอันเจโล่อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ตอบคำถามกฤติกาเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนเขาเอ่ยพูดออกไป ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้ลงมือทำเลยไม่ดีกว่าหรือ ชายหนุ่มแนบปากร้อนระอุแนบลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่ม จูบซับดูดดื่มกับความหวานปานน้ำผึ้งรวงราวกับจะสูญเอาวิญญาณออกจากร่างจนหนำใจ ถึงได้ยอมถอนจุมพิตออกและปล่อยร่างคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวย“ให้ฉันใส่เจ้านี้ให้ด้วยไหมลูกไก่ อืม...ความจริงแล้ว ฉันเป็นคนถอดมันออกไป ฉันก็น่าเป็นคนใส่ให้ด้วยสินะ”“ไม่ต้องเลย ให้คุณใส่ก็มีหวังฉันไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่น่ะสิ” โชคดีที่เธอเพิ่งขัดถูล้างห้องน้ำ ก่อนทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องน้ำด้านบนที่อยู่ในห้องนอน ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งมึน...มากกว่าวาบหวาม อับอายระคนโกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ดังเช่นตอนนี้มือเล็กยื่นไปหมายคว้าเสื้อชั้นในมาปกปิดอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อม ยั่วยุอารมณ์พ่อคนตัวใหญ่ ซึ่งทอดมองมาตาปรอย แต่แล้วอันเจโล่กลับยกขึ้นสูง “คุณ...เล่นบ้าอ