“เขาชื่อริวาโก้ คาสซายะ”
“อ๋อ...อะไรนะ วันวันโก้ คัดจายะ เออ...แปลกดีนะ ทั้งชื่อทั้งนามสกุลเลย พ่อแม่ตั้งมาได้ไงหว่า? ชื่อยังกับคนเป็นหวัด” แสงกล้าแกล้งผันชื่ออีกฝ่ายให้ผิดเพี้ยนไปด้วยตั้งใจล้อเพื่อน
“รู้ไหมยายลูกเจี๊ยบ ตอนนั้นกลัวใจแกจะแย่ กลัวทนเก็บความรักเอาไว้ในอกไม่ไหว รีบไปสารภาพรักและเอาไม้หน้าสามตีหัวไอ้ฝรั่งดองนั่นพาเข้าห้องปล้ำเขาเสียแล้วนะ” แบะปาก พร้อมเสียงขลุกขลักในลำคอ กลั้นหัวเราะจนหน้าคล้ำแดดเริ่มมีสีแดงแต้ม
“เออ...ทีใครทีมันนะไอ้กล้า” กฤติกายกมือชี้หน้าเพื่อน จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น กลีบปากอิ่มนุ่มยู่ยื่น
ถึงวันนี้เธอก็ยังไม่กล้าบอกความในใจให้กับเพื่อนหนุ่มคนที่ถูกเอ่ยถึงได้รู้ แต่ยังดีที่ก่อนอีกฝ่ายจะตามบิดากลับไปประเทศ เธอและริวาโก้ได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว จึงไดมีการติดต่อทางจดหมาย ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นการสื่อสารในโลกออนไลน์อย่างปัจจุบัน และไม่ค่อยจะอายสักเท่าไหร่ ถ้าจะพูดคุยเรื่องความรู้สึกภายในที่เหมือนกับการแย้มๆ เปิดหัวใจให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ถึงความภายในใจที่มีให้
“ไม่แขวะฉันสักครั้ง แกกินปลาแล้วก้างมันติดคอหรือไงวะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างกระแทกกระทั้น หน้าบูดบึ้ง
“เปล่าโว้ย ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเอง ทำไมไอ้เจ้านั่นไม่ใช้บริการไปรษณีย์ล่ะ สะดวกสบายกว่าเป็นไหนๆ ส่งถึงมือแกด้วย อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่าคนเฟอะฟะอย่างแกจะพาไปทำตกหล่นหายที่ไหน ให้เจ้าของเขาต้องตามหาของสำมะคัน” แสงกล้ากระดกลิ้นขณะพูดเสียงเลยเพี้ยนไปเล็กน้อยให้กฤติกาได้ตวัดค้อนใส่อีกขวับใหญ่
“ก็ถามไปแล้วนะ เห็นบอกตอนแรกจะเอามาให้เลย แต่มีคำสั่งด่วนหรืออะไรก็ไม่รู้ ให้แวะทำธุระที่สิงคโปร์ก่อน เขาเลยจะฝากเพื่อนฝากอะไรเขาก็ไม่รู้ ให้ฉันไปรับที่สนามบินน่ะ” กฤติกาบอกอย่างงวยงงเช่นกัน ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย “ช่างเถอะ จะยังไง ฉันแค่ไปเอาของอย่างเดียวพอ ว่าแต่แกเถอะ ไปหรือไม่ไป”
“ยังไม่รู้ เอาเป็นว่าแกเอาเบอร์มา ไปหรือไม่ไปยังไง ฉันจะโทรไปบอก”
“อือ...ขอบใจนะแก” กฤติกาพยักหน้ารับ บอกเบอร์แสงกล้าไปก่อนอีกฝ่ายหยอดมาให้เธอบันทึกเบอร์ไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ทันจะได้เก็บโทรศัพท์ไว้ก็มีอีกสายเข้ามา
“ว้า...เสียดายจัง ยังคุยยังไม่มันเลย แม่โทรมาตามแล้ว” ไม่เพียงแค่น้ำเสียงที่บอกเสียดายสุดๆ ดวงหน้าขาวใสก็แบะออกเหมือนจะติดรำคาญ แต่ปากกลับคลี่ยิ้ม ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกาย เมื่อหวนคิดถึงคุณนายแม่หุ่นอวบอ้วน ที่กลับบ้านไปเมื่อไหร่ เธอจะต้องอ้อนขอนอนกอดเสียทุกครั้งไป ร้อนถึงผู้เป็นบิดาที่ตวัดหน้างอนๆ ไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันว่างเมื่อไหร่ จะแวะเวียนไปเที่ยวร้านแกแล้วกัน จะได้หาอะไรกิน ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย”
“ร้านฉันไม่ใช่โรงทานนะยะ ที่จะมีที่ให้แกนอนหลับ มีอาหารให้แกกินฟรีน่ะ”
“งก!” แสงกล้าเอ่ยว่าสีหน้ายิ้มๆ ด้วยรู้ดีแก่ใจ กฤติกาพูดไปอย่างนั้นเอง เพื่อนสาวเขาใจดีจะตาย
“ก็ใช่สิ ของซื้อมานี่หว่า ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ จะให้กินฟรีๆ ได้ไงล่ะ” ตอบกลับเสียงใส ตาแป๋วซื่อบริสุทธิ์ แต่ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “แต่ถ้าแกไปจริงๆ ก็ดีนะ ร้านฉันเพิ่งทำเสร็จไม่นาน ข้าวของยังวางเกะกะอยู่เลย หาคนงานยกของยากเสียด้วย มีคนหลงไปให้ใช้ฟรีๆ แถมได้กำจัดพวกข้าวของเหลือใช้ ทิ้งไว้รกร้านก็ดีเหมือนกัน”
“ไม่พูดกับแกแล้วไอ้ลูกเจี๊ยบ จะกลับแล้วใช่ไหม รอเดี๋ยว ฉันไปเอารถออกก่อน จะขับไปส่ง”
อยากอาละวาดใส่ไอ้เพื่อนผิวหมึก แต่อีกฝ่ายน่ะหัวเราะลั่นและรีบชิ่งวิ่งข้ามถนนไปเสียแล้ว กฤติกาได้แต่ชี้มือไล่ตามแผ่นหลังกว้าง “ฝากไว้ก่อนเถอะแก อย่าให้ฉันมีโอกาสนะ จะเอาคืนให้หนักเชียว”
“หยุดเลยนะแกไอ้ปลาหมึก” กฤติกาทำหน้ามุ่ย ชี้หน้าเพื่อนหนุ่มที่ยังไม่รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘คอขาด’ เพราะยังล้อเรื่องที่เธอทำใจกล้าเอาบัวลอยไข่หวานไปให้กับเด็กชายข้างห้องที่แอบสนใจสมัยชั้นประถม
เพราะตั้งใจมากเกินไปหรือเพราะกระเปิ๊บกระป๊าบมากไปก็ไม่รู้ได้ แทนที่อีกฝ่ายจะได้กินกลับกลายเป็นว่า บัวลอยไข่หวานถ้วยนั้นอันตรธานลอยไปราดไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมเธอยังไถลไปชนเข้าไผ่น้อยซ้ำอีก จนอีกฝ่ายเจ็บจุกหน้าเขียวหน้าเหลือง แผดร้องดังลั่นโรงเรียน นับตั้งแต่วันนั้นเด็กชายก็จะคอยหลบหน้าหลบตาเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เจอจังๆ ก็จะทำราวกับเจอหมาแมวเป็นโรคเรื้อน ต้องไล่ให้ไปไกลๆ ก่อนวิ่งหนีไปตูดสั่น ไม่เหลียวหลังกลับมามอง
“ถ้าไม่หยุดล้อฉันนะ ฉันจะ...” กฤติกาคิดไม่ออกว่าจะเอาคืนเพื่อนรักยังไงดี
“จะอะไรยายลูกเจี๊ยบ จะเอาขนมบัวลอยราดฉันหรือ” แสงกล้าถามเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ จะว่าไปเพื่อนเขาก็สวยอยู่นะ ดวงหน้ารูปหัวใจ แก้มนวลเนียนใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ดวงตากลมโตใสแจ๋วสีดำสนิทราวกับนิล ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งได้รูปรับกับกลีบปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ อย่างที่เขาเรียกปากนิดจมูกหน่อย
ผิวหรือถึงจะไม่ขาวอย่างที่เขาเรียกว่าไข่ปอก แต่ก็นวลเนียนเป็นสีน้ำผึ้งจางๆ รูปร่างไม่ถึงกับสูงโปร่งอย่างนางแบบ แต่ก็ไม่จัดว่าเตี้ย น่าจะเรียกว่าเล็กกะทัดรัดฉบับกระเป๋า แต่อ้อนแอ้นอรชรด้วยสัดส่วนอกเป็นอก เอวเป็นเอว แต่อวบอัดไปทุกส่วน เป็นคนสดใสร่าเริง มนุษย์สัมพันธ์ก็ดี แต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน?
“ถามจริงยายลูกเจี๊ยบ หน้าตาแกจัดว่าสวยแต่น้อยกว่าแฟนฉันนิดหนึ่งนะ แล้วยังไปเรียนกรุงเทพฯ ตั้งนาน ทำไมถึงยังไม่มีแฟนวะ ไหนเขาพูดกันว่าที่นั่นน่ะ หาผู้ชายง่ายยิ่งกว่าหาเงินเข้ากระเป๋าอีก”
“บ้าแล้วแก หาแฟนนะ ไม่ใช่สุนัขคุ้ยหาขยะข้างถนน ที่จะได้ง่ายขนาดนั้น ฉันเป็นผู้หญิงนะโว้ย มันต้องดูให้ดีหน่อย ไอ้ประเภทที่ว่าเห็นหน้าปุ๊บรักปั๊บ ไม่สนใจว่าจะมาจากไหน นิสัยยังไงอย่างในนิยายน้ำเน่านะ ไม่มีหรอกโว้ย”
“เออ...แกก็เลยเลือกจะปีนขึ้นไปนั่งบนคาน คอยมองหาผู้ชายแสนจะเลิศเลอเฟอร์เฟ็กมาสะดุดคุณทีนว่างั้นเถอะ เฮ้อ...” แสงกล้าแกล้งผ่อนลมหายใจออกจากปอดหนักๆ ให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย
“เลือกมากขนาดนั้น ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่านะ ไอ้พัดลมน่ะ” ล้ออย่างนึกขึ้นได้ กฤติกากระเปิ๊บกระป๊าบและซุ่มซ่าม อีกอย่างก็คล้ายกับคนดวงไม่ดีเรื่องผู้ชาย ไม่ว่าจะสนใจผู้ชายคนไหนก็มีอันทำให้เขาต้องเจ็บตัวก่อน เลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้สมัครเป็นแฟนยายนี่
“ใครจะเหมือนแกล่ะ เห็นผู้หญิงแล้วทำอาย หน้าแดง ไม่กล้าพูด ไม่กล้าสบตาเขา เผลอแป๊บเดียวไปขอเขาเป็นแฟนแล้ว ชิชะ...ช่างกล้าจริงๆ นะแก คอยดูนะ เจอหน้าแฟนแกเมื่อไหร่ ฉันจะไปเบียดกระแซะ และกระซิบว่า...” กฤติกาทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วยังจะผุดรอยยิ้มที่มุมปากให้แสงกล้าร้อนๆ หนาวๆ เล่น
“แกจะทำอะไรยายลูกเจี๊ยบ”
“บอก...ไม่บอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะบอกแกล่ะ บอกไปก็ไม่เป็นความลับสิ ไม่บอกหรอกย่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา นัยน์ตาใสพร่างพราวระยับ ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ อย่างบอกให้รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดูได้จากแก้มนวลเนียนใสที่สีระเรื่อขึ้นป่องออก“แกเก่งไม่ใช่เหรอ เดาเอาเองสิ” ความจริงเธอยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แค่ขู่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองแหละ“บอกมานะแก ไม่งั้นฉันไม่พาแกกลับนะโว้ย”กฤติกาหน้ามุ่ยเมื่อผู้เป็นเพื่อนเล่นมุกนี้ จะทำไงได้ก็เธอดันขอติดรถอีตาผิวหมึกนี่มาซะด้วย หญิงสาวกลอกตาไปมากอย่างคนคิดหนัก “อ๊ะ...ฉันบอกแกก็ได้ จะทำอะไร แกเอาหูมาใกล้ๆ สิ จะได้บอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ” คิดว่าเธอจะแพ้ง่ายๆ งั้นหรือ หึ...คิดผิดเสียแล้วไอ้เพื่อนเกลอ“แกมีแผนอะไรหรือเปล่ายายลูกเจี๊ยบ” จะไม่ให้เขาถามอยางนี้ได้ยังไง ก็ดวงตายายเพื่อนตัวแสบมันเปล่งประกายพร่างพราวระยับเหลือเกินนี่น่า ต้องหาเรื่องคิดแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ“เปล๊า” กฤติกาตอบปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว สะบัดศีรษะจนเส้นผมกระจาย แถมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หลุบตาเล็กน้อยปิดบังความเจ้าเล่ห์ไม่ให้เพื่อนหนุ่มได
ใบหน้านวลผุดผ่องถึงกับบึ้งตึง เธอรึก็พูดออกจะเสียงดัง ทว่าชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ จนทำให้นึกถึงตัวเจ้าลิงตัวโตราวกับตึกสามชั้นนามคิงคองยักษ์ที่เพิ่งดูผ่านไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง อ้อ...ไม่ใช่ไม่มีนะ มีเป็นรัศมีเย็นๆ ปะปนด้วยความเกรี้ยวกราดลอยมามากระทบ ทำให้ต้องรีบสาวเท้าบอบบางถอยร่นออกมา แต่การไพล่ไปสะดุดอะไรก็ไม่รู้ของเธอกลายเป็นปัญหา เพราะเมื่อทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาการปวดแปลบที่ข้อเท้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาเป็นสาย“อูย!!” กฤติกาเผลอร้องเบาๆ เจ็บจนหน้านิ่ว รีบเอียงตัวลงจับ ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ ตั้งแต่เช้าที่เมื่อตื่นนอนเพราะฝันร้ายเลยพลัดตกจากเตียงนอนขนาดสามฟุต มีผ้าห่มนวมผืนโตห่อมัดกายราวกับมัมมี่ เปิดประตูห้องน้ำก็ดันเอาหน้าผากโขกไปกับประตู ดีว่าหัวไม่โนให้อับอายแสงกล้าที่หากรู้จะต้องเอามากัด ก่อนขึ้นรถมานี่ก็ดันไปเหยียบเอาเปลือกกล้วยถลาเกือบจะล้มตะครุบกบ ดีว่าเอามือยันตัวรถไว้ได้เสียก่อน“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงดุไม่แพ้วงหน้าที่เรียบเฉยจนเป็นเย็นชา ยื่นมือไปช่วยจับร่างเล็กที่เอียงจะล้มแหล่มิล้มแหล่อย่างเร็ว‘คิดจะอ่อยเขาด้วยการแสร้
กฤติการู้เพียงแค่ว่าวินาทีนี้เธออยากกรีดร้องอย่างนางมารร้ายที่ถูกนางเอกแย่งแฟนอย่างในละครทีวีเสียเหลือเกิน ผู้ชายอะไรบ้าชะมัด...ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรโรงพยาบาล ต่อให้หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาราวกับพระเอกหนัง แต่อ้าปากพูดแล้วเหมือนกับเพาะพันธุ์ไอ้ด่างสี่ขาไว้จนเต็มอย่างนี้ จากคะแนนสิบเต็มที่ให้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้น่ะหรือลดฮวบฮามแถมติดลบสิบด้วย กลายเป็นผู้ชายที่สมควรจะจรลีหลีกหนีไปให้ไกล ๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอามาทำพันธุ์!“เฮ้ย!! จะทำอะไรนะ โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง ฉันเจ็บนะโว้ย ปล่อย!!” ทุบไปบนร่างหนายักษ์ที่ยังไงก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังจะเงยหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุกร้าวมองมา โดยมือยังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอ“จะหักขาทำให้เธอให้เดินไม่ได้ แทนการหาผ้าขี้ริ้วมาอุดปากเธอ” ชายหนุ่มขู่เสียงต่ำในลำคอ แยกเขี้ยวโง้งใส่ คำพูดจากปากหนายังไม่ทันจะขาดดี ความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะหักกร๊อบดังสะเทือนเลื่อนลั่นในหูกฤติกา“โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง แกจะฆ่าฉัน...หรือไงหา ไอ้บ้า!!” กลีบปากสีชมพูอิ่มระเรื่อหวีดร้องเสียงหลง น้ำตาหยดแหมะลงบนร่องแก้ม อีตาคิงคองยักษ์นี่หักขาเธอทิ้งแล้วใช่ไหม!ดวงหน้านวลงอง้ำ ขบกัดกลีบปากท
ถึงแม้ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกและเหตุผลรองรับ ทำไมเขาถึงได้เลือกตามสามคนนั้นมาเมืองไทย ไม่เลือกตามอีกกลุ่มเขาไป คงเป็นเพราะเชื่อในสัญชาติญาณที่บ่งบอกว่า สามคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป ซึ่งเขาจะต้องตามหาตัวให้เจอ พร้อมหาหลักฐานมาผูกมัดตัวคนพวกนั้น หรือใครคนใดคนหนึ่งที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างเขาให้จงได้เหตุการณ์ในครานี้บอกให้เขาได้ล่วงรู้ว่า คนที่ทำเรื่องนี้มีพวกด้วยเช่นกัน การเดินทางที่สมควรเป็นความลับ ด้วยเขาปิดทุกคนแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่ก็ยังมีคนล่วงรู้จนได้ แล้วยังส่งยายผู้หญิงปากเสียมาแย่งชิงคอมพิวเตอร์ไปอีก คงคิดว่าข้อมูลสำคัญนั่นจะอยู่ในเครื่องล่ะสิ เขาไม่โง่ซ้ำสองซ้ำสามแบบนั้นหรอก อีกอย่างเกิดเหตุการณ์นี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้ว่าการมาหาหลักฐานครั้งนี้มีมารคอยขัดขวางอยู่ จะได้ระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองและลูกน้องที่ตามมาเป็นอันตราย“ครับ” ที่รับปากน่ะไม่ใช่เพราะจะตามหาตัว แต่งุนงงต่างหาก ด้วยคำพูดคนเป็นนายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ให้หาด้วยจิตพิศวาสแต่อย่างใด หากแต่หาด้วยจิตมุ่งหมายคิดร้ายเสียมากกว่า เจอกันเพียงครั้งเดียว แม่ตัวเล็กนั่นไปทำอะไรให้นายเขาไม่พอใจ จึงจัดให้ถึงเพี
“จริงหรือ” กิ่งแก้วเท้าศอกบนเคาร์เตอร์ไม้ จ้องเข้าไปในดวงตากลมใส คลี่ยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ย ด้วยไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน ข่าวลือนะไปไวเสมอแหละ ยิ่งข่าวร้าย ๆ นี่ยิ่งแพร่สะบัดไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันร้ายแรงเกินกว่าคนในพื้นที่หลาย ๆ คนจะรับได้ แม้จะรู้ซึ้งและเข้าใจถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทว่าการมีสิ่งไม่ดีที่ทำให้อนาคตของลูกหลานต้องย่อยยับก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้“แต่ที่ฉันได้ข่าวมา ดูท่าจะทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันเลยเชียวนะ”นั่นไง ว่าแล้วเชียว สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องนี้บ้า ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ตอนสายจริง ๆ ด้วย เฮ้อ...กลอกตากลมใสไปมา เบะกลีบปากอิ่มใส่คนถามอย่าเบื่อหน่ายจับใจ ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นมาในวันนี้ทำให้เธอเป๋ไม่ไม่น้อย กินข้าวเย็นอย่างฝืดคอนิด ๆ คืนนี้อาจนอนไม่หลับด้วย เพราะมัวแต่คิดมากหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมหาทางแก้ปัญหาที่จะตามติดมาเป็นระรอกคลื่น แต่ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางออก ใช่ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วฟ้าจะไม่กระจ่างสดใสนี่น่าไหล่มลเลิกขึ้นอย่างระอิดระอาใจ คนเรานี่เป็นยังไงกันนะ ทำไมถึงได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น
“กิ่ง...กิ่ง” เรียกหลายครั้งแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน แล้วยังจะหันหน้าไปมองอะไรก็ไม่รู้ “กิ่ง” คราวนี้กฤติการ้องเรียกพร้อมกับยกมือวางบนแขนเรียวยาวเขย่าเบา ๆ เรียกสติอีกฝ่าย“หือ...” กิ่งแก้วละสายตาจากสองหนุ่มหน้าตาหล่อหันมองเพื่อนสาว คิ้วโก่งดกดำจากการวาดเลิกขึ้นเล็กน้อย “มีอะไร”“ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก กลัวไม่ไหวน่ะ”“อือ...อยากกลับก็กลับสิ ใครไปรั้งเธอไว้ล่ะ ความจริงน่าจะกลับมาไปเสียตั้งนานแล้ว เธอนี่น่ารำคาญจริง ๆ แล้วนี่ยังคิดจะเปิดร้านอีกหรือ ไม่กลัวไม่มีลูกค้าเข้าร้านหรือไง ข่าวออกจะดังขนาดนั้น”กฤติกาส่ายศีรษะอย่างระอิดระอาที่กิ่งแก้วยังไม่วายแขวะกัด “ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่น่า คนทำเขาก็ได้รับกรรมของเขาแล้ว อีกอย่าง ไม่เปิดร้านหาเงินแล้วจะให้ฉันเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกินล่ะ จะให้มาทำงานอย่างเธอหรือ ฉันก็ทำไม่ได้ซะด้วย กลัวจะทนไม่ไหว เอาแก้วเหล้าสาดน้ำพวกฝรั่งชีกอแทน”“อ้าว...แล้วเธอทำทัวร์อย่างนั้น คิดว่าจะไม่เจอหรือไง ถ้าจะเพี้ยนนะเธอนี่ คิดไปได้ อยากกลับก็ตามใจสิ ฉันไม่ได้ห้าม ไม่ได้มัดเธอไว้กับเก้าอี้สักหน่อย รีบกลับเร็ว ๆ ก็ดีนะ ขืนอยู่ดึกกว
เสียงเข้มดุกร้าวที่ดังเข้ามาอีกละรอก พอทำให้กฤติกาเริ่มคลายความตื่นตระหนกและเบาใจลงมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มั่นใจว่าไอ้คนที่กอดรัดอยู่จะทำตามคำพูด เธอจะต้องคิดหาหนทางพาตัวให้รอด ที่ตอนนี้เขาพูดว่าอะไรก็จำต้องยอมรับเอาไว้ก่อน เพื่อตัวเองจะไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ศีรษะทุยจึงผงกรับบอกตกลง“ห้ามร้อง ขืนหลุดปากมาแม้คำเดียว เธอโดนดีแน่” ชายหนุ่มขู่ซ้ำ พลางยกดันร่างเล็กไปจนแผ่นหลังอิงแอบแนบกับแผ่นพื้นซึ่งลาดยกขึ้นสูง ด้านบนคือพื้นถนน กดสองขาเรียวยาวที่ลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยกับสองขาแข็งแกร่ง ตรึงซ้ำด้วยเรือนร่างแข็งกระด้างที่แนบชิดเนื้อนุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วน“อือ...” กฤติการับคำขลุกขลักในลำคอ รับปากเอาไว้ก่อน รอสบโอกาสเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าเธอเอาคืนเป็นเท่าตัว ไม่เจ็บจนคางเหลือง ปากเจ่อทานน้ำพริกไม่ได้ไปหลายวันเชียวล่ะ คนอย่างเธอไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกนะ แต่ก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยิ่งโดนทำร้ายกันอย่างนี้ มีหรือที่จะไม่เอาคืนน่ะแสงสว่างสาดส่องมาแวบหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นประกายเกรี้ยวกราดจากนัยน์ตากลมโตที่ฉายออกมา กลีบปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาวาววับ “รู้ไหมถ้าเธอผิดคำพู
แม้ถูกกอดรัดเสียจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ อีกทั้งปากอิ่มนุ่มก็ยังตออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ทว่าแม่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมแพ้ จนอันเจโล่รู้สึกว่าได้เจอเข้ากับพริกเม็ดเล็ก ที่แม้ตอนกินเข้าไปจะเผ็ดร้อน แต่รสเนื้อกลับหวานล้ำเมื่อยามได้เคี้ยว ยิ่งแม่ตัวเล็กต่อต้านมากเท่าไหร่ ความอยากเอาชนะที่อยู่ในสายเลือด ทำให้เขาเลือกที่จะรุกรานแม่สาวตัวแสบต่อไปจนสุดกู่ชายหนุ่มกดแนบริมฝีปากหนาร้อน ขมเม้มปากอิ่มนุ่มมอบจุมพิตวาบหวามใจให้กับสาวน้อยตัวแสบอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ลืมที่จะล่อหลอกด้วยชั้นเชิงอันจัดเจน เรียกร้องให้คนตัวเล็กค่อย ๆ คลายความแข็งขืนลงไป ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าว ตวัดลากไล้วนเวียนพยายามสอดแทรกเข้าไปหาความหวานภายในโพรงปากนุ่ม ถึงเรือนกายจะเริ่มอ่อนระทวย แรงต่อต้านจะลดลงไปเยอะ แต่แม่ตัวเล็กก็ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่กฤติการ้องครางแผ่วเบา เรือนกายอรชรสั่นสะท้านด้วยไม่รู้ว่าจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดี อ้อมแขนกำยำกดกอดรัดราวกับงูรัดเหยื่อ จูบแรก...ที่เธอคิดฝันเอาไว้ นอกจากจะไม่อ่อนโยนแล้วยังเต็มไปด้วยอาการกระแทกกระทั้นดุดัน อยากร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไม่ไหลออกมา กลับมีความเจ
กฤติกาหายใจหอบพร่า มือใหญ่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ลูบไล้ไต่ไปบนเรือนร่างอรชรตรงเข้าครอบครองทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งปลายยอดชูชันสนองตอบ ปลุกเร้าเพลิงพิศวาสในกายสาวให้ตื่นจากหลับใหล สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ปากอิ่มแยกแย้มกว้างยิ่งขึ้น เธอหาญกล้าถึงขนาดส่งเรียวลิ้นเล็กเข้าไปสำรวจโพรงปากอุ่น กระหวัดเกาะเกี่ยวกับเรียวลิ้นอุ่นชื้น เรียวนิ้วเล็กสอดแทรกไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม บดเบียดแลกจุมพิตกับอันเจโล่จนชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงร้องคำรามลั่น“ลูกไก่จ๋า...หวานที่สุดเลยรู้ไหม” เอื้อนเอ่ยเสียงแตกพร่า คลอเคลียปากอุ่นระอุไซ้ซุกซอกคอขาว นิ้วยาวหยอกเอินคลึงเคล้นยอดบัวตูมเต่งจนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง ส่งยืนกายสาวเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มรสทุกซอกมุมอย่างถนัดถนี่ จนชายหนุ่มถึงกับทนไม่ไหว ประพรมปากอุ่นระอุแนบบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ด้วยความหวานเร่าร้อน แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางขึ้นไปทอดตัวนอนบนฟูกใบไม้ ให้แสงไฟสาดส่องมาเพื่อเขาจะได้ยลกายสาวงามสะพรั่งอย่างชัดเจน“คุณอันเจโล่...ไหนคุณบอกว่าจะไม่...” กฤติกาเอ่ยถามเสียงสั่น รีบยกมือปิดบังทรวงอกอวบอิ่มไว้จากสายตาคมวามวาวเต็มไปด้วยคว
“สัญญา ไม่ปล้ำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอย่างอื่นลูกไก่นี่น่า” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงพร่าแหบจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตากลมใส “แล้วอีกอย่าง...เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจไหม”ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาในแววตาและรอยยิ้มบนมุมปากหนาหยัก แต่ในตอนนี้เพราะต้องการเอาตัวรอดกฤติกาจึงรีบพยักหน้ารับ “ละ...แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” หญิงสาวถามกลับอย่างตะกุกตะกัก“อยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน” อดไม่ได้เลยที่จะไม่ไต่มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม“ให้คุณปล้ำฉันง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ”อันเจโล่ถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก เรื่องง่าย ๆ ทำไมกฤติกาถึงได้ทำให้กลายเป็นเรื่องยากนักก็ไม่รู้ แค่เขาเอาเสื้อผ้าเธอออกแล้วไปผึ่งไฟให้แห้ง กับการนอนกอดและแตะต้องเธอนิดหน่อยนี่มันทำใจยากนักหรือไง“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากเธอยังทำตะบึงตะบอนยั่วฉันอยู่อย่างนี้”กฤติกาทำหน้างอง้ำ ตกลงเธอผิดอีกแล้วใช่ไหม น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นและพลัดตกจากสองเบ้าตาอย่างรวดเร็ว“โอ๋...ไม่ร้องนะคนเก่ง” อันเจโล่รียยกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาบนร่องแก้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องมาโอ๋ ไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวปัดมือใหญ่ออกห่าง ขบเม้มกลีบป
กฤติกากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ไม่อยากมองอันเจโล่เลย แต่ถ้าเธอละสายตาจากเขาไปเพียงนิดเดียว อีตาคิงคองหื่นต้องคว้าแขนจับเอาตัวไป จากนั้น...ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะอาจไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรื่องบ้า ๆ นั่น เป็นเธอนี่แหละอยากปล้ำเขาแทน ก็ใจมันอยากตกเป็นของชายหนุ่มจะแย่อยู่แล้วอันเจโล่สะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา รู้นะกฤติกากลัวอะไร แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอย่างที่เธอกลัวหรอก มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างจะแอ้มสาวเอาความจิ้นของเขาทั้งที ให้ใช้หาดทรายอย่างนี้น่ะหรือ...แม้มีเสียงสายน้ำสาดซัดพื้นทรายเป็นทำนองเพลง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ดาราดาษดื่นส่องแสงมาราวกับจะอิจฉาริษยา สายลมพัดโชยโบกร่วมโลมไล้ร่างน้อย ใบไม้ก็พร้อมใจกันไหวเอนลู่โอนละม้ายคล้ายระรอกคลื่นไล่ล้อกันคล้ายเสียงกระซิบหยอกเย้า โรแมนติกน่าจดจำอยู่หรอกนะ แต่...จะหม่ำลูกไก่มีฤทธิ์แต่หวานอย่างแรง...อย่างกับมีหมู่มวลพฤกษานานาพันธ์ครั้งแรกต้องเป็นห้องสบาย ๆ หรู ๆ อย่างในโรงแรมที่เขาพักโน่น จุดเทียนไขพอให้มีแสงวับ ๆ แวบ ๆ มีเสียงดนตรีหวาน ๆ คลอเคล้า บิ้วอารมณ์ต่ออีกนิด ด้วยกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ทำให้เขามีเรี่ยวแรงหม่ำลูกไก่น
“อ้าว” คนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใดทำหน้าเหรอ “เธอเป็นไกด์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”“ฉันเป็นแค่ไกด์ ไม่ได้เป็นพรานนำทาง แล้วอีกอย่างไกด์อย่างฉันมีหน้าที่พาลูกทัวร์ไปดำน้ำ ไม่ได้พาลูกทัวร์เจ้าเล่ห์ หื่นกาม บ้าตัณหา คิดเป็นแต่จะลากผู้หญิงขึ้นเตียงอย่างเดียวมาถูก...รุมสะกรัมกินขนมตุบตับและหลงป่านี่น่า” กระดิกปลายเท้าอย่างรื่นรมขึ้นมานิด ๆ เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ย เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย“เห็นตัวเล็ก ๆ แค่นี้ กินอะไรเข้าไปนี่ ตัวหนักเชียว” คนตัวใหญ่กระเซ้า หันหลังกลับเดินไปทางเก่า เขาว่ากลับไปหามุมใดมุมหนึ่งหลบรอคอยคนเรือและลูกน้องที่แถว ๆ หน้าชายหาดจะดีกว่าปึก!! กฤติกากำหมัดทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง “คุณนี่ปากเสียจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้หนักเสียหน่อย คุณนั่นแหละที่แก่แล้ว เลยอุ้มเด็กแรกรุ่นอย่างฉันไม่ไหว”อันเจโล่หัวเราะ “อยากรู้ไหวไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดให้แล้วกัน รุ่นนี้น่ะเตะปี๊บไม่มีได้ยินเสียงตก กลัวเธอนั่นแหละที่จะรับไม่ไหวลูกไก่” พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มือหนึ่งจับสองขาเรียวไว้ อีกมือยกขึ้นมาลูบไล้ลำแขนเสลาให้รู้ความนัยของคำพูด“คุณนี่มัน...” ชายหนุ่มสวนกลับมามุกนี้ทำเอา
มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก “ฉันให้เงิน แกก็บอกมา ว่าใครเป็นคนว่าจ้างให้มาเก็บฉัน”“อย่าถามมาก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กับเมีย แกก็จ่ายเงินมาดีกว่า พวกฉันจะได้ไปเสียที เย็นจะตายอยู่แล้ว แม่ง...ไอ้ฝนห่าเหวบ้านี่มันจะตกลงมาทำไหมตอนนี้วะ”เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกมันหายใจไม่สะดวก หมวกไหมพรมที่เปียกน้ำจึงค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปพำนักอยู่เหนือจมูก ซึ่งเป็นผลดีแก่อันเจโล่ที่จะจดจำรายละเอียดบนวงหน้าของแต่ละคนเอาไว้ เพื่อจัดการในภายหลัง“แหม...พวกแกนี่เร่งจริง ฉันคิดว่าจะให้สักล้าน ให้พวกแกแบ่งกันคนละสองแสน ถ้ายอมบอกชื่อคนว่าจ้าง แต่ปากหนักอย่างนี้เอาไปคนหมื่นสองหมื่นพอแล้วละ ให้มากเปลือง” คนเราเมื่อได้ยินเงินมาก ๆ ก็ตาโตลุกวาว “หรือเอาอย่างนี้ดีกว่าไหมลูกไก่ ฉันใจป้ำให้ซักห้าแสน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบอกชื่อคนว่าจ้าง” เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างเช่นกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนอยู่เบื้องหน้าเขานี่ไงละกฤติกาอ้าปากค้าง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่อย่างคิดไม่ถึง เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เพียงแค่ได้ความจริง แต่ยังตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้ได้ด้วย“พวกมันไม่ทันสนใจ เรารีบไปกันดีกว่าลูกไก่”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวเองรอดได้ คุณนั่นแหละ เอาตัวเองให้รอดพ้นจากสหบาทาของคนพวกนี้จะดีกว่า” ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ห้าคนตรงหน้าที่ยืนล้อมไว้นี่ก็ดูท่าทางมีฝีมือด้วยเช่นกัน หุ่นแต่ละคนน้องๆ ของช้างอีก ส่วนคนพูดน่ะตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้หรือ “น้องสาวนี่พูดถูกนะ ก่อนไปห่วงคนอื่นน่ะ เอาตัวเองให้รอดจากบาทาพวกกูก่อนดีกว่าไอ้ฝรั่งดอง”“พวกแกนี่...นอกจากเข้ามาเป็นมารขัดขวางความสุขฉันกับแฟนแล้ว ยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก เก่งมากใช่ไหม ช่วยโชว์ฝีมือแม่ไม้มวยหมู่ให้ได้ชิมหน่อยสิ” มวยไทยเขาไม่ได้เก่ง แต่ก็พอเป็นอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่น...จะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนี้ดีละ...เทควันโด้ ไอคิโด้ หรือคาราเต้ดี“เฮ้ย!! พวกเราลุย เอามันให้มอบเว้ย!!”“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อน” พออีกฝ่ายกร่างเข้ามา มือใหญ่ก็ยกขึ้นโบกห้าม“มีอะไร หรือว่ากลัวแล้ว งั้นก็รีบทิ้งเงินและข้าวของมีค่าเอาไว้ให้หมด อ๋อ...แถมผู้หญิงข้าง ๆ ตัวแกด้วยนะ หน้าตาสวยก็สวย หุ่นก็ดี อย่างนี้พวกฉันคงมีความสุขได้หลายคืนอยู่เชียว ก่อนพาไปเร่ขายเนื้อสด” ไม่ได้หื่นอย่างได้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้หรอก แต่คำสั่งที่ได้รับมา คือ
เมื่อเห็นว่าร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ กฤติกาเลยใช้วิธีการ...งับ!! ปากเล็กอ้ากว้างและทาบกดฟันซี่เล็กบนต้นแขนแกร่งเต็ม ๆ“โอ๊ย!! เจ็บนะลูกไก่” คนถูกกัดโอดครวญ แต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างอรชรให้หลุดจากแขน แต่กลับเลือกพาเธอไปใต้ร่มไม้ซึ่งมีกิ่งไม้ยื่นออกมา ก่อนปล่อยร่างอรชรแต่ก็ยังกักเธอไว้ในอ้อมแขน“ทำร้ายฉันอย่างนี้ ไม่กลัวฉันเอาคืนหรือไงลูกไก่” เอ่ยถามเสียงเข้มห้าวและดุเกรี้ยวพอ ๆ กับนัยน์ตาที่เปล่งประกายวาวด้วยเพลิงไฟ จับสองมือเล็กที่ระดมทุบสลับผลักดันกายหนาแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดชีวิตด้วยมือเพียงข้างเดียว“ไม่กลัว!!” กฤติกาตอบกลับเสียงสั่น ถามมาได้ว่ากลัวหรือเปล่า ไม่กลัวก็บ้าน่ะสิ ฉี่จะราดอยู่แล้วนี่ แต่ขืนไม่ทำอะไรก็กลายเป็นว่าเธอยินยอมให้เขาลากเข้ารกเข้าพงทำมิดีมิร้ายได้ง่าย ๆ น่ะสิ ไม่เอาหรอก เป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องมีฤทธิ์มีเดชเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกปล้ำกันง่าย ๆ กันเล่า“จริงหรือ...ไม่กลัว แล้วทำไมถึงเสียงสั่นล่ะ แล้วตัวก็...” อันเจโล่ลากเลื่อนนิ้วยาวบนกายนุ่มนิ่มที่สั่นระริกราวนกน้อยที่ผลักตกลงไปในน้ำไหลเชียวกราก “สั่นอย่างลูกไก่ตกน้ำด้วยนี่น่า” ชา
“หือ...แล้วจะกลับไงล่ะ บอกคนเรือให้พากลับหรือ เอาสิถ้าเธอคิดว่าเขาเชื่อฟังนะ” อันเจโล่ท้าทายอย่างอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรให้คนเรือนำเรือกลับเข้าฝั่งได้เธอว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรสักอย่าง ‘โอ๊ย!! นี่เธอจะจัดการยังไงกับอีตาคิงคองเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนี่ดีนะ’“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” กดแขนกอดกระชับ เมื่อคนตัวเล็กขยุกขยิกอยู่ไม่สุกและเริ่มต้นร่ายระบำรำฟ้อนเล็บแหลมยาวบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมกับส้นเท้าทิ้งน้ำหนักกดลงมาบนเท้าใหญ่ “ไม่รู้หรือไงว่าบนเรือเร็วแบบนี้เขาห้ามเดินไปเดินมา มันไม่ปลอดภัย”“เหอะ...อยู่กับคุณ ไม่ปลอดภัยกว่าร้อยเท่าพันเท่า ปล่อย!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่และทั้งผลักทั้งดันตามด้วยทุบไปอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าคีมเหล็กจะง้างออก“ไอ้ที่ไม่ปลอดภัยนะหัวใจเธอใช่ไหมล่ะลูกไก่ เพราะตอนนี้มันดันมาหลงรักฉันไปแล้ว”พูดไปก็เหมือนเข้าตัวของเธอเอง กฤติกาเลยเลือกที่ไม่พูดกับชายหนุ่มและหันไปตะโกนบอกกับคนขับเรือให้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ทว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านหูคนขับเรือไป ด้วยคำพูดของคนตัวใหญ่“ทำตามคำสั่งของฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้สองเท่าจากค่าจ้างของคุณลูกไก่” ดังกว
“อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงหวั่นไหว ถ้าตกปากรับคำไป เกิดอีตาคิงคองนี่ขอนอนกับเธอ อะไรทำให้คิดอย่างนี้น่ะหรือ ก็สายตาวามวาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปกปิดจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นี่น่ะสิ เลยต้องถามเอาไว้ก่อนอันเจโล่อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ตอบคำถามกฤติกาเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนเขาเอ่ยพูดออกไป ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้ลงมือทำเลยไม่ดีกว่าหรือ ชายหนุ่มแนบปากร้อนระอุแนบลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่ม จูบซับดูดดื่มกับความหวานปานน้ำผึ้งรวงราวกับจะสูญเอาวิญญาณออกจากร่างจนหนำใจ ถึงได้ยอมถอนจุมพิตออกและปล่อยร่างคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวย“ให้ฉันใส่เจ้านี้ให้ด้วยไหมลูกไก่ อืม...ความจริงแล้ว ฉันเป็นคนถอดมันออกไป ฉันก็น่าเป็นคนใส่ให้ด้วยสินะ”“ไม่ต้องเลย ให้คุณใส่ก็มีหวังฉันไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่น่ะสิ” โชคดีที่เธอเพิ่งขัดถูล้างห้องน้ำ ก่อนทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องน้ำด้านบนที่อยู่ในห้องนอน ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งมึน...มากกว่าวาบหวาม อับอายระคนโกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ดังเช่นตอนนี้มือเล็กยื่นไปหมายคว้าเสื้อชั้นในมาปกปิดอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อม ยั่วยุอารมณ์พ่อคนตัวใหญ่ ซึ่งทอดมองมาตาปรอย แต่แล้วอันเจโล่กลับยกขึ้นสูง “คุณ...เล่นบ้าอ