ใบหน้านวลผุดผ่องถึงกับบึ้งตึง เธอรึก็พูดออกจะเสียงดัง ทว่าชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ จนทำให้นึกถึงตัวเจ้าลิงตัวโตราวกับตึกสามชั้นนามคิงคองยักษ์ที่เพิ่งดูผ่านไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง อ้อ...ไม่ใช่ไม่มีนะ มีเป็นรัศมีเย็นๆ ปะปนด้วยความเกรี้ยวกราดลอยมามากระทบ ทำให้ต้องรีบสาวเท้าบอบบางถอยร่นออกมา แต่การไพล่ไปสะดุดอะไรก็ไม่รู้ของเธอกลายเป็นปัญหา เพราะเมื่อทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาการปวดแปลบที่ข้อเท้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาเป็นสาย
“อูย!!” กฤติกาเผลอร้องเบาๆ เจ็บจนหน้านิ่ว รีบเอียงตัวลงจับ ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ ตั้งแต่เช้าที่เมื่อตื่นนอนเพราะฝันร้ายเลยพลัดตกจากเตียงนอนขนาดสามฟุต มีผ้าห่มนวมผืนโตห่อมัดกายราวกับมัมมี่ เปิดประตูห้องน้ำก็ดันเอาหน้าผากโขกไปกับประตู ดีว่าหัวไม่โนให้อับอายแสงกล้าที่หากรู้จะต้องเอามากัด ก่อนขึ้นรถมานี่ก็ดันไปเหยียบเอาเปลือกกล้วยถลาเกือบจะล้มตะครุบกบ ดีว่าเอามือยันตัวรถไว้ได้เสียก่อน
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงดุไม่แพ้วงหน้าที่เรียบเฉยจนเป็นเย็นชา ยื่นมือไปช่วยจับร่างเล็กที่เอียงจะล้มแหล่มิล้มแหล่อย่างเร็ว
‘คิดจะอ่อยเขาด้วยการแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเจ็บหรือไง’ แต่เมื่อเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นคลอหน่วย กับสีหน้าเผือดซีด หัวตาขมวดนิ่วเข้าหากัน กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่องขบเม้มเข้าหากัน ก็พอจะให้ทำใจเชื่อได้เล็กน้อย ยายเบอะซุ่มซ่ามนี่เจ็บจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งเรียกร้องความสนใจ
อันเจโล่แทบจะผ่อนลมหายใจออกจากปอด รีบพาร่างเล็กไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ ไม่ได้แค่พาธรรมดาแต่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการลาก...หิ้วปีกแม่จอมซุ่มซ่ามไปมากกว่า ไม่ได้อยากสนใจหรอกนะ แต่เห็นเป็นผู้หญิง แล้วมาคนเดียวด้วย ครั้นจะไม่ให้การช่วยเหลือก็ดูจะเป็นคนใจดำเกินไป
“เฮ้ย!! โอ๊ย!! เจ็บนะคุณ จะลากฉันไปไหนนี่ เบา ๆ หน่อยสิ คนนะ ไม่ใช้ลูกหมูลูกหมาที่จะให้คุณลากจูงอย่างนี้” ร้องเสียงดังโวยวาย พยายามสะบัดแขนออกจากมือแกร่งที่ไม่เพียงบีบกำรอบแขน ยังจะถูกหิ้วปีกแล้วลากราวกับเธอเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่มีน้ำหนัก
ใช่ว่าจะไม่คุ้นชินมือชายถูกเนื้อต้องตัว ด้วยเธอมีเพื่อนชายหลายคนที่การโอบกอดบ่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกเช่นการถูกเนื้อต้องตัวของผู้ชายคนนี้ มือหนาที่ทาบอยู่บนต้นแขนกลมกลึงพัดพาเอาความร้อนวูบวาบราวกับอังไฟ
“ปล่อย...ปล่อย!!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายสูงใหญ่กว่ามากมายราวกับเสาโทรเลขกับขวดโหล กฤติกาเลยเลือกใช้เสียงที่แผดออกมาเต็มสปีดเข้าข่ม
“หุบปาก!” ไม่ได้ตวาดเสียงดังลั่น แค่พูดเสียงลอดไรฟัน แต่ก็ทันได้เห็นแววตื่นตระหนกขลาดกลัวที่ผุดขึ้นมาในดวงตากลมใส ก่อนแปลเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายดุกร้าววาววับอย่างกับนัยน์ตาแมวยาวค่ำคืน ไม่ต้องให้เขาเดาก็พอจะรู้ได้ว่ายายตัวเล็กจอมซุ่มซ่านนี่ มีนิสัยดื้อด้านไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ใบหน้านวลผุดผ่องใสจนเห็นผิวแก้มเนียนเป็นสีชมพูระเรื่อ โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางแต่งแต้มงอง้ำบึงตึง อย่างที่ต้องยอมรับว่าน่ามองมิใช่น้อยแต่...
อันเจโล่กลับต้องหวนทบทวน เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ให้การช่วยเหลือไปยายตัวเล็กเสียงแปดหลอดนี่นะ หวีดดังออกมาที ทำเอาหูอื้อไปหมด แก้วหูลั่นเปรี๊ยะ ๆ ปวดลิ่ว ๆ ไล่ตั้งแต่เหนือหัวคิ้วขึ้นไปจรดกระหม่อมเลยทีเดียว
“เฮ้ยคุณ!! พูดอย่างนี้ได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิงนะโว้ย ขอโทษคุณแล้วด้วย คุณนั่นแหละที่ผิด ยืนเกะกะขวางทางทำให้ฉันเจ็บ แล้วยังจะลากฉันหลุนๆ อย่างกับลูกขนุนอีก แล้วนั่น...” ชี้มือชี้ไม้ไปที่กระเป๋าสีดำซึ่งยังนอนนิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่มีใครเก็บ
“กระเป๋าฉันล่ะ ทำไมไม่เอามาด้วยหา” กฤติกาแผดเสียงร้องสำทับไปอีกหนอย่างไม่สนใจสีหน้าเย็นชาและนัยน์ตาดุที่สาดมองมาราวกับเธอไปทำผิดคิดร้ายฆ่าใครตาย
“หุบปากถ้ายังไม่อยากถูกฉันหักคอทิ้ง” คนถูกต่อว่าหันไปพยักหน้ากับลูกน้องร่างหนาใหญ่ไม่ผิดเขา อย่างเดโก้และมาริโอ้ ซึ่งเดินตามมาติดๆ ให้ไปเก็บกระเป๋ามาให้แม่สาวเรื่องมาก
“ฉันไม่ได้คิดจะสนใจเธอหรอกนะ” ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งต้องยอมรับ แม่ตัวเล็กหน้าตาดีใช่เล่น วงหน้ารูปหัวใจ แก้มป่องๆ นวลเนียนใส นัยน์ตากลมโตใสแจ๋วพราวระยับ จมูกเล็กโด่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มดูน่ากดปากแนบลงไป แต่...เพราะเธอพูดมาก กวนประสาท เลยทำให้คนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ นึกอยากจับปั้นๆ ให้เป็นลูกกลมๆ แล้วเตะโด่งไปให้ไกลๆ แทนเสียมากกว่าอยากกอดจูบ
“ก็แล้วคุณลากฉันมาทำไมล่ะยะ” กฤติกาถามเสียงอ่อนลงเล็กน้อย แหม...อุตส่าห์ดีใจแล้วนะนี่ ถูกชายหนุ่มหน้าตาหล่อขั้นเทพกอดเอาเต็ม ๆ น่ะ
‘อ๊าย...ตายแล้ว เธอคิดอย่างนี้ได้ยังไงนะ แหม...ไม่เป็นกุลสตรีเอาเสียเลย อย่างนี้ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้า คงต้องยกมือกุมขมับ ทอดสายตามองอย่างระอิดระอาใจแน่เลย ดีไม่ดี เผลอ ๆ อาจได้รับขนมทองหยิกแถมอีกด้วย แต่แหม...แม่จ๋า ก็อีตาคิงคองยักษ์นี่หล่อดีจริง ๆ นี่น่า อภัยให้ลูกสาวหน่อยเถอะนะจ๊ะ ที่คิดแตะอั๋งผู้ชายด้วยสายตาน่ะจ้ะ’
แต่คงไม่ต้องถึงพ่อกับแม่แล้วละ แค่เห็นหน้าอีตาคิงคองยักษ์นี่...ก็หมดอารมณ์ไปซะเยอะแระ คงรู้ว่าตัวเองหล่อล่ะสิ ถึงได้ตีหน้าตายสนิท แต่เกือบแยกเขี้ยวโง้งราวกับยักษ์วัดแจ้งใส่มา พร้อมนัยน์ตาดุกร้าว ราวกับเธอทำความผิดใหญ่หลวงใส่
ชิ...ไม่ต้องมาตีหน้ายักษ์ใส่หรอกย่ะ ยังไงเธอก็ไม่กลัว ถึงหุ่นจะต่าง เพราะอีกฝ่ายน่ะโคตรจะทั้งหนาและใหญ่เลยแหละ เริ่มจากความสูงที่คิดว่าอยู่ราว ๆ สองเมตรเห็นจะได้ อย่างนี้เดินตรงๆ เข้าบ้านเธอไม่ได้นะ ทำไมนะเหรอ ก็ดันตัวสูงกว่าขอบประตูบ้านนะสิ ส่วนเธอน่ะมันพวกหุ่นกะทัดรัดแบบพริกขี้หนูบ้านมากกว่า ขืนทะเล่อทะล่าเข้ามา แม่จะฟาดก้านคอให้ร่วงทั้งหลับเลยเชียว
“ไม่ได้อยากถูกเนื้อต้องตัวเธอหรอก แต่ไม่อยากเห็นตัวตุ่นคลานต้วมเตี้ยม นอกจากจะน่ารำคาญแล้วยังเกะกะขวางทางคนที่เขาจะเดินไปเดินมาด้วย แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ต้องให้พาไปส่งโรงพยาบาลไหม จะได้ให้หมอจัดการทั้งไอ้ขาที่เจ็บ แล้วก็เย็บปากที่ร้องแรกแหกกระเชออยู่นี่ด้วย ผู้หญิงอะไร ปากจัด ไม่รักษามารยาทกุลสตรีเสียบ้างเลย” เป็นน้องเป็นนุ่งของเขานะ เขาคงต้องพาไปเรียนมารยาทใหม่
“อย่างนี้จะมีผู้ชายคนไหนคว้าไปทำเมีย” เอ่ยเหมือนจะปรารภแต่เพราะมีเสียงออกมามันเลยดังไปกระแทกใจคนฟังปึกใหญ่!
ริ้วลมแห่งความโกรธพุ่งลิ่วขึ้นมา จนดวงหน้าผุดผ่องแดงปลั่ง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับเจิดจ้า ราวตาแมวเหมียวที่ได้พบกับศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาล
กฤติการู้เพียงแค่ว่าวินาทีนี้เธออยากกรีดร้องอย่างนางมารร้ายที่ถูกนางเอกแย่งแฟนอย่างในละครทีวีเสียเหลือเกิน ผู้ชายอะไรบ้าชะมัด...ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรโรงพยาบาล ต่อให้หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาราวกับพระเอกหนัง แต่อ้าปากพูดแล้วเหมือนกับเพาะพันธุ์ไอ้ด่างสี่ขาไว้จนเต็มอย่างนี้ จากคะแนนสิบเต็มที่ให้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้น่ะหรือลดฮวบฮามแถมติดลบสิบด้วย กลายเป็นผู้ชายที่สมควรจะจรลีหลีกหนีไปให้ไกล ๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอามาทำพันธุ์!“เฮ้ย!! จะทำอะไรนะ โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง ฉันเจ็บนะโว้ย ปล่อย!!” ทุบไปบนร่างหนายักษ์ที่ยังไงก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังจะเงยหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุกร้าวมองมา โดยมือยังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอ“จะหักขาทำให้เธอให้เดินไม่ได้ แทนการหาผ้าขี้ริ้วมาอุดปากเธอ” ชายหนุ่มขู่เสียงต่ำในลำคอ แยกเขี้ยวโง้งใส่ คำพูดจากปากหนายังไม่ทันจะขาดดี ความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะหักกร๊อบดังสะเทือนเลื่อนลั่นในหูกฤติกา“โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง แกจะฆ่าฉัน...หรือไงหา ไอ้บ้า!!” กลีบปากสีชมพูอิ่มระเรื่อหวีดร้องเสียงหลง น้ำตาหยดแหมะลงบนร่องแก้ม อีตาคิงคองยักษ์นี่หักขาเธอทิ้งแล้วใช่ไหม!ดวงหน้านวลงอง้ำ ขบกัดกลีบปากท
ถึงแม้ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกและเหตุผลรองรับ ทำไมเขาถึงได้เลือกตามสามคนนั้นมาเมืองไทย ไม่เลือกตามอีกกลุ่มเขาไป คงเป็นเพราะเชื่อในสัญชาติญาณที่บ่งบอกว่า สามคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป ซึ่งเขาจะต้องตามหาตัวให้เจอ พร้อมหาหลักฐานมาผูกมัดตัวคนพวกนั้น หรือใครคนใดคนหนึ่งที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างเขาให้จงได้เหตุการณ์ในครานี้บอกให้เขาได้ล่วงรู้ว่า คนที่ทำเรื่องนี้มีพวกด้วยเช่นกัน การเดินทางที่สมควรเป็นความลับ ด้วยเขาปิดทุกคนแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่ก็ยังมีคนล่วงรู้จนได้ แล้วยังส่งยายผู้หญิงปากเสียมาแย่งชิงคอมพิวเตอร์ไปอีก คงคิดว่าข้อมูลสำคัญนั่นจะอยู่ในเครื่องล่ะสิ เขาไม่โง่ซ้ำสองซ้ำสามแบบนั้นหรอก อีกอย่างเกิดเหตุการณ์นี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้ว่าการมาหาหลักฐานครั้งนี้มีมารคอยขัดขวางอยู่ จะได้ระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองและลูกน้องที่ตามมาเป็นอันตราย“ครับ” ที่รับปากน่ะไม่ใช่เพราะจะตามหาตัว แต่งุนงงต่างหาก ด้วยคำพูดคนเป็นนายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ให้หาด้วยจิตพิศวาสแต่อย่างใด หากแต่หาด้วยจิตมุ่งหมายคิดร้ายเสียมากกว่า เจอกันเพียงครั้งเดียว แม่ตัวเล็กนั่นไปทำอะไรให้นายเขาไม่พอใจ จึงจัดให้ถึงเพี
“จริงหรือ” กิ่งแก้วเท้าศอกบนเคาร์เตอร์ไม้ จ้องเข้าไปในดวงตากลมใส คลี่ยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ย ด้วยไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน ข่าวลือนะไปไวเสมอแหละ ยิ่งข่าวร้าย ๆ นี่ยิ่งแพร่สะบัดไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันร้ายแรงเกินกว่าคนในพื้นที่หลาย ๆ คนจะรับได้ แม้จะรู้ซึ้งและเข้าใจถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทว่าการมีสิ่งไม่ดีที่ทำให้อนาคตของลูกหลานต้องย่อยยับก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้“แต่ที่ฉันได้ข่าวมา ดูท่าจะทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันเลยเชียวนะ”นั่นไง ว่าแล้วเชียว สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องนี้บ้า ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ตอนสายจริง ๆ ด้วย เฮ้อ...กลอกตากลมใสไปมา เบะกลีบปากอิ่มใส่คนถามอย่าเบื่อหน่ายจับใจ ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นมาในวันนี้ทำให้เธอเป๋ไม่ไม่น้อย กินข้าวเย็นอย่างฝืดคอนิด ๆ คืนนี้อาจนอนไม่หลับด้วย เพราะมัวแต่คิดมากหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมหาทางแก้ปัญหาที่จะตามติดมาเป็นระรอกคลื่น แต่ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางออก ใช่ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วฟ้าจะไม่กระจ่างสดใสนี่น่าไหล่มลเลิกขึ้นอย่างระอิดระอาใจ คนเรานี่เป็นยังไงกันนะ ทำไมถึงได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น
“กิ่ง...กิ่ง” เรียกหลายครั้งแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน แล้วยังจะหันหน้าไปมองอะไรก็ไม่รู้ “กิ่ง” คราวนี้กฤติการ้องเรียกพร้อมกับยกมือวางบนแขนเรียวยาวเขย่าเบา ๆ เรียกสติอีกฝ่าย“หือ...” กิ่งแก้วละสายตาจากสองหนุ่มหน้าตาหล่อหันมองเพื่อนสาว คิ้วโก่งดกดำจากการวาดเลิกขึ้นเล็กน้อย “มีอะไร”“ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก กลัวไม่ไหวน่ะ”“อือ...อยากกลับก็กลับสิ ใครไปรั้งเธอไว้ล่ะ ความจริงน่าจะกลับมาไปเสียตั้งนานแล้ว เธอนี่น่ารำคาญจริง ๆ แล้วนี่ยังคิดจะเปิดร้านอีกหรือ ไม่กลัวไม่มีลูกค้าเข้าร้านหรือไง ข่าวออกจะดังขนาดนั้น”กฤติกาส่ายศีรษะอย่างระอิดระอาที่กิ่งแก้วยังไม่วายแขวะกัด “ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่น่า คนทำเขาก็ได้รับกรรมของเขาแล้ว อีกอย่าง ไม่เปิดร้านหาเงินแล้วจะให้ฉันเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกินล่ะ จะให้มาทำงานอย่างเธอหรือ ฉันก็ทำไม่ได้ซะด้วย กลัวจะทนไม่ไหว เอาแก้วเหล้าสาดน้ำพวกฝรั่งชีกอแทน”“อ้าว...แล้วเธอทำทัวร์อย่างนั้น คิดว่าจะไม่เจอหรือไง ถ้าจะเพี้ยนนะเธอนี่ คิดไปได้ อยากกลับก็ตามใจสิ ฉันไม่ได้ห้าม ไม่ได้มัดเธอไว้กับเก้าอี้สักหน่อย รีบกลับเร็ว ๆ ก็ดีนะ ขืนอยู่ดึกกว
เสียงเข้มดุกร้าวที่ดังเข้ามาอีกละรอก พอทำให้กฤติกาเริ่มคลายความตื่นตระหนกและเบาใจลงมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มั่นใจว่าไอ้คนที่กอดรัดอยู่จะทำตามคำพูด เธอจะต้องคิดหาหนทางพาตัวให้รอด ที่ตอนนี้เขาพูดว่าอะไรก็จำต้องยอมรับเอาไว้ก่อน เพื่อตัวเองจะไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ศีรษะทุยจึงผงกรับบอกตกลง“ห้ามร้อง ขืนหลุดปากมาแม้คำเดียว เธอโดนดีแน่” ชายหนุ่มขู่ซ้ำ พลางยกดันร่างเล็กไปจนแผ่นหลังอิงแอบแนบกับแผ่นพื้นซึ่งลาดยกขึ้นสูง ด้านบนคือพื้นถนน กดสองขาเรียวยาวที่ลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยกับสองขาแข็งแกร่ง ตรึงซ้ำด้วยเรือนร่างแข็งกระด้างที่แนบชิดเนื้อนุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วน“อือ...” กฤติการับคำขลุกขลักในลำคอ รับปากเอาไว้ก่อน รอสบโอกาสเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าเธอเอาคืนเป็นเท่าตัว ไม่เจ็บจนคางเหลือง ปากเจ่อทานน้ำพริกไม่ได้ไปหลายวันเชียวล่ะ คนอย่างเธอไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกนะ แต่ก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยิ่งโดนทำร้ายกันอย่างนี้ มีหรือที่จะไม่เอาคืนน่ะแสงสว่างสาดส่องมาแวบหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นประกายเกรี้ยวกราดจากนัยน์ตากลมโตที่ฉายออกมา กลีบปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาวาววับ “รู้ไหมถ้าเธอผิดคำพู
แม้ถูกกอดรัดเสียจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ อีกทั้งปากอิ่มนุ่มก็ยังตออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ทว่าแม่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมแพ้ จนอันเจโล่รู้สึกว่าได้เจอเข้ากับพริกเม็ดเล็ก ที่แม้ตอนกินเข้าไปจะเผ็ดร้อน แต่รสเนื้อกลับหวานล้ำเมื่อยามได้เคี้ยว ยิ่งแม่ตัวเล็กต่อต้านมากเท่าไหร่ ความอยากเอาชนะที่อยู่ในสายเลือด ทำให้เขาเลือกที่จะรุกรานแม่สาวตัวแสบต่อไปจนสุดกู่ชายหนุ่มกดแนบริมฝีปากหนาร้อน ขมเม้มปากอิ่มนุ่มมอบจุมพิตวาบหวามใจให้กับสาวน้อยตัวแสบอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ลืมที่จะล่อหลอกด้วยชั้นเชิงอันจัดเจน เรียกร้องให้คนตัวเล็กค่อย ๆ คลายความแข็งขืนลงไป ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าว ตวัดลากไล้วนเวียนพยายามสอดแทรกเข้าไปหาความหวานภายในโพรงปากนุ่ม ถึงเรือนกายจะเริ่มอ่อนระทวย แรงต่อต้านจะลดลงไปเยอะ แต่แม่ตัวเล็กก็ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่กฤติการ้องครางแผ่วเบา เรือนกายอรชรสั่นสะท้านด้วยไม่รู้ว่าจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดี อ้อมแขนกำยำกดกอดรัดราวกับงูรัดเหยื่อ จูบแรก...ที่เธอคิดฝันเอาไว้ นอกจากจะไม่อ่อนโยนแล้วยังเต็มไปด้วยอาการกระแทกกระทั้นดุดัน อยากร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไม่ไหลออกมา กลับมีความเจ
ฮึ...เขาว่าแล้ว เธอต้องไม่ยอมเปิดปากพูดความจริง ปากแข็งหรือ อยากรู้นักจะแข็งไปได้สักกี่น้ำ ถ้าเป็นผู้ชายเขามีวิธีทรมานแบบไม่เจ็บก็นอนหยอดข้าวต้มไปจนถึงพิการ แต่เมื่อเธอเป็นหญิงหุ่นอวบอัดเต็มไม้เต็มมืออย่างนี้ แถมเนื้อตัวยังหอมกรุ่นราวกับกลิ่นดอกไม้อย่างนี้ มีวิธีให้เขาเริงรื่นในการรีดเอาความลับจนฉ่ำปอดเชียวแหละฝ่ามือร้อนระอุคลึงเคล้นเจ้าก้อนเนื้อนุ่ม พลางปากหนาอุ่นขบกัดผิวเนื้อนุ่มเบาๆ ไล่เลื่อนขึ้นไปตามซอกนวลเนียนหอม ขบกัดติ่งหูสลับกระเซ้าเย้าแหย่ช่องหูนุ่ม “แน่ใจนะว่าจะไม่ยอมบอกฉัน”“อือ...นะ...แน่ใจ ไม่ใช่นะ คุณถอยออกไปก่อนนะ อยู่แบบนี้ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก แล้วคิดอะไรไม่ออกด้วย”ทาบมือผลักร่างหนาให้ถอยห่างไป แต่ก็เหมือนกับเธอเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เพราะมันไม่แม้แต่จะขยับเคลื่อนด้วยซ้ำ แล้วอีตายักษ์กินคนยังจะแกล้งบดเบียดเรือนกายแนบชิดมากยิ่งขึ้น สายลมร้อนผ่าวทำให้ระบบในเรือนกายทำงานผิดปรกติ ท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีเกลียวสายน้ำถาโถมเข้ามาระรอกแล้วระรอกเล่า ในหัวใจหรือก็หวั่นไหวแบบแปลกๆ อย่างไม่ควรจะเป็น จากไอ้ตัวยักษ์ที่จะเป็นคนทำร้ายเธอ!“ไม่ล่ะ...ฉันไม่ไว้วางใจ เธอมันพวกฤทธิ์มาก แสบ
“คิดจะทำอะไร ไม่กลัวโดนฉันปล้ำบนพื้นทรายหรือไง เอ๊ะ...หรือเธอติดใจ อยากลองสักครั้ง” ยอมคลายร่างอรชรจนสองเท้าบอบบางเหยียบพื้นทราย “ได้สิ จะเอารสชาติแบบไหนล่ะ ดุเด็ดเผ็ดมัน หรือวาบหวามซาบซ่านตรึงใจดี” จูบไซ้คลอเคลียบนแก้มนุ่มเรื่อยลงไปขบกัดซอกคอระหง ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้บัวตูมเต่งตึงอย่างหนักหน่วงจนคนตัวเล็กสั่นสะท้านไหว“ปะ...เปล่านะ แค่ฉัน...ฉันอึดอัด หายใจไม่ออกก็เท่านั้น” ตอบกลับเสียงอ่อยและตะกุกตะกัก ด้วยวาบหวามปั่นป่วน เมื่อคนตัวใหญ่ลูบไล้ฝ่ามือคลึงเคล้นไปทั่วร่าง เน้นหนักที่อกอิ่มนุ่มนิ่ม จนสมองหมุนเร็วจี๋ราวกับล้อรถที่วิ่งลิ่วไปอย่างไร้เบรก เพื่อพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี้ให้จงได้ เริ่มสะดุดบางทีก็ขาดตอนไปเสียเฉย ๆ คล้ายแผ่นเสียงตกร่อง“งั้นเธอก็ตอบมา...ทำงานให้ใคร” ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อนานเกินไปแล้ว สมควรแก่เวลาเชือด...ไก่!อยากรู้ว่าเธอทำงานให้ใครงั้นหรือ อืม...เอาใครดี ฟันซี่เล็กขบกัดกลีบปากจนเจ็บ แต่นึกไม่ออกว่าจะอ้างชื่อใคร ที่มีน้ำหนักทำให้คนตรงหน้าเชื่อได้“ว่าไง” ถามซ้ำ รวบสองมือเล็กที่ทำเหมือนจะลูบไล้กายเขา ทว่าแม่ตัวเล็กกลับกดปลายเล็บลากจนเขาสะดุ้งอยู่บ่อยครั
กฤติกาหายใจหอบพร่า มือใหญ่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ลูบไล้ไต่ไปบนเรือนร่างอรชรตรงเข้าครอบครองทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งปลายยอดชูชันสนองตอบ ปลุกเร้าเพลิงพิศวาสในกายสาวให้ตื่นจากหลับใหล สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ปากอิ่มแยกแย้มกว้างยิ่งขึ้น เธอหาญกล้าถึงขนาดส่งเรียวลิ้นเล็กเข้าไปสำรวจโพรงปากอุ่น กระหวัดเกาะเกี่ยวกับเรียวลิ้นอุ่นชื้น เรียวนิ้วเล็กสอดแทรกไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม บดเบียดแลกจุมพิตกับอันเจโล่จนชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงร้องคำรามลั่น“ลูกไก่จ๋า...หวานที่สุดเลยรู้ไหม” เอื้อนเอ่ยเสียงแตกพร่า คลอเคลียปากอุ่นระอุไซ้ซุกซอกคอขาว นิ้วยาวหยอกเอินคลึงเคล้นยอดบัวตูมเต่งจนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง ส่งยืนกายสาวเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มรสทุกซอกมุมอย่างถนัดถนี่ จนชายหนุ่มถึงกับทนไม่ไหว ประพรมปากอุ่นระอุแนบบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ด้วยความหวานเร่าร้อน แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางขึ้นไปทอดตัวนอนบนฟูกใบไม้ ให้แสงไฟสาดส่องมาเพื่อเขาจะได้ยลกายสาวงามสะพรั่งอย่างชัดเจน“คุณอันเจโล่...ไหนคุณบอกว่าจะไม่...” กฤติกาเอ่ยถามเสียงสั่น รีบยกมือปิดบังทรวงอกอวบอิ่มไว้จากสายตาคมวามวาวเต็มไปด้วยคว
“สัญญา ไม่ปล้ำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอย่างอื่นลูกไก่นี่น่า” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงพร่าแหบจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตากลมใส “แล้วอีกอย่าง...เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจไหม”ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาในแววตาและรอยยิ้มบนมุมปากหนาหยัก แต่ในตอนนี้เพราะต้องการเอาตัวรอดกฤติกาจึงรีบพยักหน้ารับ “ละ...แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” หญิงสาวถามกลับอย่างตะกุกตะกัก“อยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน” อดไม่ได้เลยที่จะไม่ไต่มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม“ให้คุณปล้ำฉันง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ”อันเจโล่ถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก เรื่องง่าย ๆ ทำไมกฤติกาถึงได้ทำให้กลายเป็นเรื่องยากนักก็ไม่รู้ แค่เขาเอาเสื้อผ้าเธอออกแล้วไปผึ่งไฟให้แห้ง กับการนอนกอดและแตะต้องเธอนิดหน่อยนี่มันทำใจยากนักหรือไง“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากเธอยังทำตะบึงตะบอนยั่วฉันอยู่อย่างนี้”กฤติกาทำหน้างอง้ำ ตกลงเธอผิดอีกแล้วใช่ไหม น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นและพลัดตกจากสองเบ้าตาอย่างรวดเร็ว“โอ๋...ไม่ร้องนะคนเก่ง” อันเจโล่รียยกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาบนร่องแก้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องมาโอ๋ ไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวปัดมือใหญ่ออกห่าง ขบเม้มกลีบป
กฤติกากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ไม่อยากมองอันเจโล่เลย แต่ถ้าเธอละสายตาจากเขาไปเพียงนิดเดียว อีตาคิงคองหื่นต้องคว้าแขนจับเอาตัวไป จากนั้น...ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะอาจไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรื่องบ้า ๆ นั่น เป็นเธอนี่แหละอยากปล้ำเขาแทน ก็ใจมันอยากตกเป็นของชายหนุ่มจะแย่อยู่แล้วอันเจโล่สะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา รู้นะกฤติกากลัวอะไร แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอย่างที่เธอกลัวหรอก มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างจะแอ้มสาวเอาความจิ้นของเขาทั้งที ให้ใช้หาดทรายอย่างนี้น่ะหรือ...แม้มีเสียงสายน้ำสาดซัดพื้นทรายเป็นทำนองเพลง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ดาราดาษดื่นส่องแสงมาราวกับจะอิจฉาริษยา สายลมพัดโชยโบกร่วมโลมไล้ร่างน้อย ใบไม้ก็พร้อมใจกันไหวเอนลู่โอนละม้ายคล้ายระรอกคลื่นไล่ล้อกันคล้ายเสียงกระซิบหยอกเย้า โรแมนติกน่าจดจำอยู่หรอกนะ แต่...จะหม่ำลูกไก่มีฤทธิ์แต่หวานอย่างแรง...อย่างกับมีหมู่มวลพฤกษานานาพันธ์ครั้งแรกต้องเป็นห้องสบาย ๆ หรู ๆ อย่างในโรงแรมที่เขาพักโน่น จุดเทียนไขพอให้มีแสงวับ ๆ แวบ ๆ มีเสียงดนตรีหวาน ๆ คลอเคล้า บิ้วอารมณ์ต่ออีกนิด ด้วยกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ทำให้เขามีเรี่ยวแรงหม่ำลูกไก่น
“อ้าว” คนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใดทำหน้าเหรอ “เธอเป็นไกด์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”“ฉันเป็นแค่ไกด์ ไม่ได้เป็นพรานนำทาง แล้วอีกอย่างไกด์อย่างฉันมีหน้าที่พาลูกทัวร์ไปดำน้ำ ไม่ได้พาลูกทัวร์เจ้าเล่ห์ หื่นกาม บ้าตัณหา คิดเป็นแต่จะลากผู้หญิงขึ้นเตียงอย่างเดียวมาถูก...รุมสะกรัมกินขนมตุบตับและหลงป่านี่น่า” กระดิกปลายเท้าอย่างรื่นรมขึ้นมานิด ๆ เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ย เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย“เห็นตัวเล็ก ๆ แค่นี้ กินอะไรเข้าไปนี่ ตัวหนักเชียว” คนตัวใหญ่กระเซ้า หันหลังกลับเดินไปทางเก่า เขาว่ากลับไปหามุมใดมุมหนึ่งหลบรอคอยคนเรือและลูกน้องที่แถว ๆ หน้าชายหาดจะดีกว่าปึก!! กฤติกากำหมัดทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง “คุณนี่ปากเสียจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้หนักเสียหน่อย คุณนั่นแหละที่แก่แล้ว เลยอุ้มเด็กแรกรุ่นอย่างฉันไม่ไหว”อันเจโล่หัวเราะ “อยากรู้ไหวไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดให้แล้วกัน รุ่นนี้น่ะเตะปี๊บไม่มีได้ยินเสียงตก กลัวเธอนั่นแหละที่จะรับไม่ไหวลูกไก่” พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มือหนึ่งจับสองขาเรียวไว้ อีกมือยกขึ้นมาลูบไล้ลำแขนเสลาให้รู้ความนัยของคำพูด“คุณนี่มัน...” ชายหนุ่มสวนกลับมามุกนี้ทำเอา
มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก “ฉันให้เงิน แกก็บอกมา ว่าใครเป็นคนว่าจ้างให้มาเก็บฉัน”“อย่าถามมาก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กับเมีย แกก็จ่ายเงินมาดีกว่า พวกฉันจะได้ไปเสียที เย็นจะตายอยู่แล้ว แม่ง...ไอ้ฝนห่าเหวบ้านี่มันจะตกลงมาทำไหมตอนนี้วะ”เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกมันหายใจไม่สะดวก หมวกไหมพรมที่เปียกน้ำจึงค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปพำนักอยู่เหนือจมูก ซึ่งเป็นผลดีแก่อันเจโล่ที่จะจดจำรายละเอียดบนวงหน้าของแต่ละคนเอาไว้ เพื่อจัดการในภายหลัง“แหม...พวกแกนี่เร่งจริง ฉันคิดว่าจะให้สักล้าน ให้พวกแกแบ่งกันคนละสองแสน ถ้ายอมบอกชื่อคนว่าจ้าง แต่ปากหนักอย่างนี้เอาไปคนหมื่นสองหมื่นพอแล้วละ ให้มากเปลือง” คนเราเมื่อได้ยินเงินมาก ๆ ก็ตาโตลุกวาว “หรือเอาอย่างนี้ดีกว่าไหมลูกไก่ ฉันใจป้ำให้ซักห้าแสน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบอกชื่อคนว่าจ้าง” เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างเช่นกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนอยู่เบื้องหน้าเขานี่ไงละกฤติกาอ้าปากค้าง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่อย่างคิดไม่ถึง เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เพียงแค่ได้ความจริง แต่ยังตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้ได้ด้วย“พวกมันไม่ทันสนใจ เรารีบไปกันดีกว่าลูกไก่”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวเองรอดได้ คุณนั่นแหละ เอาตัวเองให้รอดพ้นจากสหบาทาของคนพวกนี้จะดีกว่า” ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ห้าคนตรงหน้าที่ยืนล้อมไว้นี่ก็ดูท่าทางมีฝีมือด้วยเช่นกัน หุ่นแต่ละคนน้องๆ ของช้างอีก ส่วนคนพูดน่ะตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้หรือ “น้องสาวนี่พูดถูกนะ ก่อนไปห่วงคนอื่นน่ะ เอาตัวเองให้รอดจากบาทาพวกกูก่อนดีกว่าไอ้ฝรั่งดอง”“พวกแกนี่...นอกจากเข้ามาเป็นมารขัดขวางความสุขฉันกับแฟนแล้ว ยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก เก่งมากใช่ไหม ช่วยโชว์ฝีมือแม่ไม้มวยหมู่ให้ได้ชิมหน่อยสิ” มวยไทยเขาไม่ได้เก่ง แต่ก็พอเป็นอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่น...จะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนี้ดีละ...เทควันโด้ ไอคิโด้ หรือคาราเต้ดี“เฮ้ย!! พวกเราลุย เอามันให้มอบเว้ย!!”“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อน” พออีกฝ่ายกร่างเข้ามา มือใหญ่ก็ยกขึ้นโบกห้าม“มีอะไร หรือว่ากลัวแล้ว งั้นก็รีบทิ้งเงินและข้าวของมีค่าเอาไว้ให้หมด อ๋อ...แถมผู้หญิงข้าง ๆ ตัวแกด้วยนะ หน้าตาสวยก็สวย หุ่นก็ดี อย่างนี้พวกฉันคงมีความสุขได้หลายคืนอยู่เชียว ก่อนพาไปเร่ขายเนื้อสด” ไม่ได้หื่นอย่างได้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้หรอก แต่คำสั่งที่ได้รับมา คือ
เมื่อเห็นว่าร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ กฤติกาเลยใช้วิธีการ...งับ!! ปากเล็กอ้ากว้างและทาบกดฟันซี่เล็กบนต้นแขนแกร่งเต็ม ๆ“โอ๊ย!! เจ็บนะลูกไก่” คนถูกกัดโอดครวญ แต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างอรชรให้หลุดจากแขน แต่กลับเลือกพาเธอไปใต้ร่มไม้ซึ่งมีกิ่งไม้ยื่นออกมา ก่อนปล่อยร่างอรชรแต่ก็ยังกักเธอไว้ในอ้อมแขน“ทำร้ายฉันอย่างนี้ ไม่กลัวฉันเอาคืนหรือไงลูกไก่” เอ่ยถามเสียงเข้มห้าวและดุเกรี้ยวพอ ๆ กับนัยน์ตาที่เปล่งประกายวาวด้วยเพลิงไฟ จับสองมือเล็กที่ระดมทุบสลับผลักดันกายหนาแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดชีวิตด้วยมือเพียงข้างเดียว“ไม่กลัว!!” กฤติกาตอบกลับเสียงสั่น ถามมาได้ว่ากลัวหรือเปล่า ไม่กลัวก็บ้าน่ะสิ ฉี่จะราดอยู่แล้วนี่ แต่ขืนไม่ทำอะไรก็กลายเป็นว่าเธอยินยอมให้เขาลากเข้ารกเข้าพงทำมิดีมิร้ายได้ง่าย ๆ น่ะสิ ไม่เอาหรอก เป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องมีฤทธิ์มีเดชเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกปล้ำกันง่าย ๆ กันเล่า“จริงหรือ...ไม่กลัว แล้วทำไมถึงเสียงสั่นล่ะ แล้วตัวก็...” อันเจโล่ลากเลื่อนนิ้วยาวบนกายนุ่มนิ่มที่สั่นระริกราวนกน้อยที่ผลักตกลงไปในน้ำไหลเชียวกราก “สั่นอย่างลูกไก่ตกน้ำด้วยนี่น่า” ชา
“หือ...แล้วจะกลับไงล่ะ บอกคนเรือให้พากลับหรือ เอาสิถ้าเธอคิดว่าเขาเชื่อฟังนะ” อันเจโล่ท้าทายอย่างอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรให้คนเรือนำเรือกลับเข้าฝั่งได้เธอว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรสักอย่าง ‘โอ๊ย!! นี่เธอจะจัดการยังไงกับอีตาคิงคองเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนี่ดีนะ’“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” กดแขนกอดกระชับ เมื่อคนตัวเล็กขยุกขยิกอยู่ไม่สุกและเริ่มต้นร่ายระบำรำฟ้อนเล็บแหลมยาวบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมกับส้นเท้าทิ้งน้ำหนักกดลงมาบนเท้าใหญ่ “ไม่รู้หรือไงว่าบนเรือเร็วแบบนี้เขาห้ามเดินไปเดินมา มันไม่ปลอดภัย”“เหอะ...อยู่กับคุณ ไม่ปลอดภัยกว่าร้อยเท่าพันเท่า ปล่อย!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่และทั้งผลักทั้งดันตามด้วยทุบไปอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าคีมเหล็กจะง้างออก“ไอ้ที่ไม่ปลอดภัยนะหัวใจเธอใช่ไหมล่ะลูกไก่ เพราะตอนนี้มันดันมาหลงรักฉันไปแล้ว”พูดไปก็เหมือนเข้าตัวของเธอเอง กฤติกาเลยเลือกที่ไม่พูดกับชายหนุ่มและหันไปตะโกนบอกกับคนขับเรือให้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ทว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านหูคนขับเรือไป ด้วยคำพูดของคนตัวใหญ่“ทำตามคำสั่งของฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้สองเท่าจากค่าจ้างของคุณลูกไก่” ดังกว
“อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงหวั่นไหว ถ้าตกปากรับคำไป เกิดอีตาคิงคองนี่ขอนอนกับเธอ อะไรทำให้คิดอย่างนี้น่ะหรือ ก็สายตาวามวาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปกปิดจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นี่น่ะสิ เลยต้องถามเอาไว้ก่อนอันเจโล่อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ตอบคำถามกฤติกาเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนเขาเอ่ยพูดออกไป ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้ลงมือทำเลยไม่ดีกว่าหรือ ชายหนุ่มแนบปากร้อนระอุแนบลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่ม จูบซับดูดดื่มกับความหวานปานน้ำผึ้งรวงราวกับจะสูญเอาวิญญาณออกจากร่างจนหนำใจ ถึงได้ยอมถอนจุมพิตออกและปล่อยร่างคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวย“ให้ฉันใส่เจ้านี้ให้ด้วยไหมลูกไก่ อืม...ความจริงแล้ว ฉันเป็นคนถอดมันออกไป ฉันก็น่าเป็นคนใส่ให้ด้วยสินะ”“ไม่ต้องเลย ให้คุณใส่ก็มีหวังฉันไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่น่ะสิ” โชคดีที่เธอเพิ่งขัดถูล้างห้องน้ำ ก่อนทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องน้ำด้านบนที่อยู่ในห้องนอน ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งมึน...มากกว่าวาบหวาม อับอายระคนโกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ดังเช่นตอนนี้มือเล็กยื่นไปหมายคว้าเสื้อชั้นในมาปกปิดอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อม ยั่วยุอารมณ์พ่อคนตัวใหญ่ ซึ่งทอดมองมาตาปรอย แต่แล้วอันเจโล่กลับยกขึ้นสูง “คุณ...เล่นบ้าอ