“คิดจะทำอะไร ไม่กลัวโดนฉันปล้ำบนพื้นทรายหรือไง เอ๊ะ...หรือเธอติดใจ อยากลองสักครั้ง” ยอมคลายร่างอรชรจนสองเท้าบอบบางเหยียบพื้นทราย “ได้สิ จะเอารสชาติแบบไหนล่ะ ดุเด็ดเผ็ดมัน หรือวาบหวามซาบซ่านตรึงใจดี” จูบไซ้คลอเคลียบนแก้มนุ่มเรื่อยลงไปขบกัดซอกคอระหง ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้บัวตูมเต่งตึงอย่างหนักหน่วงจนคนตัวเล็กสั่นสะท้านไหว
“ปะ...เปล่านะ แค่ฉัน...ฉันอึดอัด หายใจไม่ออกก็เท่านั้น” ตอบกลับเสียงอ่อยและตะกุกตะกัก ด้วยวาบหวามปั่นป่วน เมื่อคนตัวใหญ่ลูบไล้ฝ่ามือคลึงเคล้นไปทั่วร่าง เน้นหนักที่อกอิ่มนุ่มนิ่ม จนสมองหมุนเร็วจี๋ราวกับล้อรถที่วิ่งลิ่วไปอย่างไร้เบรก เพื่อพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี้ให้จงได้ เริ่มสะดุดบางทีก็ขาดตอนไปเสียเฉย ๆ คล้ายแผ่นเสียงตกร่อง
“งั้นเธอก็ตอบมา...ทำงานให้ใคร” ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อนานเกินไปแล้ว สมควรแก่เวลาเชือด...ไก่!
อยากรู้ว่าเธอทำงานให้ใครงั้นหรือ อืม...เอาใครดี ฟันซี่เล็กขบกัดกลีบปากจนเจ็บ แต่นึกไม่ออกว่าจะอ้างชื่อใคร ที่มีน้ำหนักทำให้คนตรงหน้าเชื่อได้
“ว่าไง” ถามซ้ำ รวบสองมือเล็กที่ทำเหมือนจะลูบไล้กายเขา ทว่าแม่ตัวเล็กกลับกดปลายเล็บลากจนเขาสะดุ้งอยู่บ่อยครั้งไว้ในมือใหญ่เพียงข้างเดียว นิ้วยาวร้อนผ่าวไล่เรื่อยลงไปตามขอบกางเกงยางยืด “หรือจะให้ฉัน...” สอดแทรกล่วงล้ำไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม
“ยะ...ยอมแล้ว ๆ บอกแล้ว บอกแล้ว” กฤติการีบบอกปากสั่นเสียงเครือ ลิ้นพัวพันกันจนจับคำพูดแทบไม่ได้ น้ำหูน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ชะโงกหน้าไปจนแนบชิดหูใหญ่
“ฉันทำงานให้กับ...งับ!!!” กัดงับเข้าที่ใบหูใหญ่ ทุ่มลงไปเท่าที่เรียวแรงของตัวเองจะมีได้ ถือโอกาสดึงแขนออกจากการจับกุม ยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง โถมร่างเล็กเพรียวเข้าหาร่างหนาแกร่ง พร้อมเข่าที่ยกงอขึ้นมากระทุ้งไปบนกายใหญ่อย่างไม่สนใจว่าจะถูกตรงส่วนใด ขอแค่ให้ถูกก็เป็นพอ
ปึก!!
ถึงเขาจะระวังตัวอยู่แล้ว ทว่าเผลอไผลไปกับคำตอบที่จะได้รับ จนพลาดท่าเสียทีให้ยายตัวเล็กจอมแสบจนได้ กายหนางอขดราวกับกุ้งถูกต้ม และทรุดลงมาอย่างรวดเร็วด้วย ความจุกเจ็บ จนหายใจแทบไม่ออก
ยังไม่ทันจะได้ฟื้นตัว แม่ลูกไก่ตัวแสบที่ยังไม่สาแก่ใจ ก็เธอถูกลวนลามนี่น่า แม้จะภายนอกก็ตามทีเถอะ แต่ทำให้ระบบภายในร่างปั่นป่วนไปจนทั่วจนถึงหัวใจ แล้วยังขู่จะปล้ำเธอกลางหาดทรายนี่อีก อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้ นิ้วเล็ก ๆ ทั้งสองมือ สิบนิ้วกางออกทาบและข่วนไปบนหน้าไอ้ยักษ์ใหญ่ ก่อนรวบเสื้อผ้าที่มันแยกห่างจากกัน วิ่งหนีอย่างรี่อย่างไม่เหลียวหลังกลับมามอง
“ยายตัวแสบ” อันเจโล่กัดฟันลุกขึ้นยืน ฟาดงวงฟาดงาด้วยความหงุดหงิดระคนเจ็บน่ะใช่ แต่เป็นเจ็บใจมากกว่าเจ็บกาย คอยดูนะเจออีกทีเมื่อไหร่ เขาจะหั่นยายตัวแสบนั่นออกเป็นชิ้น ๆ กินให้หมดจนเหลือแต่ก้างเลยคอยดู
“ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวแสบ!!”
“เมื่อคืนแกไปไหนมาลูกไก่ รู้ไหมฉันมานั่งรอเกือบสองชั่วโมง ดีนะที่แค่ถูกยุงกัดจนหมดเลือดไปหลายลิตร ไม่ถูกมันหามเข้าป่าไปดองไว้กัดหลาย ๆ คืน” ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านเพื่อนสาว ไม่ทันจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ด้วยซ้ำ แสงกล้าก็เอ่ยถามอย่างไม่ทันสังเกต สีหน้าของกฤติกานั้น นอกจากจะไม่พร้อมรับแขกแล้ว ยังไม่พร้อมจะให้คำตอบใครด้วย
นัยน์ตาคมเข้มกวาดมองไปทั่วร้าน ซึ่งตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายคล้อยแล้ว แต่ทำไมร้านเพื่อนเขาถึงได้ไม่มีลูกค้าสักราย ผิดกับร้านอื่น ๆ ที่แม้ไม่มีลูกค้าเต็มร้าน แต่ก็ยังพอมีให้อุ่นใจ เรียกได้ว่ามีคนสองคนพอเป็นยันต์กันผีได้ ก่อนหันมาหาแม่เพื่อนสาวที่ยังไม่ตอบคำถามของเขา
“เฮ้ย!! ลูกไก่ แกเป็นไรวะ หน้าตาบูดบึ้งตึงอย่างกับไปโกรธใครมาสักสิบปีสิบชาติงั้นแหละ” แสงกล้าก้มหน้าลงไปถามซ้ำอีกรอบ แต่เหตุไฉนเขาถึงยังไม่ได้รับความสนใจอีกเหมือนเดิม จนเริ่มรู้สึกถึงกระแสคลื่นลมอันรุนแรงปานพายุใต้ฝุ่นกำลังก่อตัวที่แผ่กระจายมาจากตัวแม่เพื่อนสาว ซึ่งนั่งหน้าบึ้งตึงงอง้ำราวกับเจ้าด่างถูกหมางเมิน
จากสภาพ...นั่งตัวตรงดิ่งยิ่งกว่าไม้บรรทัดเหล็ก คอแข็งอย่างกับถูกดามไว้ เหนือริมฝีปากสีชมพูอิ่มซึ่งขบเม้มเข้าหากัน ถ้าฟังไม่ผิดน่าจะมีเสียงกัดฟันกรอด ๆ ดังตามติดมาด้วย มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาจนเต็ม ใบหน้านวลผุดผ่องแดงระเรื่อ นัยน์ตากลมใสเปล่งประกายวาววับเจิดจรัสกล้าแข็ง
เชื่อได้เลยลุคนี้...ไปโกรธใครมาชัวร์ ว่าแต่ใครนะ ทำให้แม่ลูกไก่ตัวเล็กโกรธจัดถึงขนาดนี้ได้
คำเรียกขานและถามของผู้เป็นเพื่อนไม่แตะหลังหูกฤติกาด้วยซ้ำ ด้วยตอนนี้เธอทั้งเครียด อึดอัดและคับแค้นใจ โกรธกรุ่นราวกับในอกมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ทำให้เธอมีเรื่องให้อารมณ์เสียขนาดหนัก ฉุนจัดจนอยากเตะปากใครสักคน แต่เมื่อคิดประมวลเหตุและผลก็พอจะทำให้เข้าใจได้ แต่เรื่องที่ร้ายหนักกว่าก็เมื่อคืนน่ะสิ...
โอ๊ย!! ปวดหัวจะตายชักแล้ว ทำไมเธอถึงได้ลบเรื่องเมื่อคืนออกไปจากสมองและความรู้สึกไม่ได้สักที ล้างหน้าจนเจลล้างหน้าแทบจะหมดหลอด ฟอกสบู่จนหมดไปสองก้อน หมดยาสีฟันไปหนึ่งหลอดกับน้ำยาบ้วนปากไปอีกสองขวดเล็ก แต่เธอยังรู้สึกเหมือนกับว่าสัมผัสของไอ้ยักษ์ใหญ่ยังติดอยู่ตามทุกส่วนของร่างกาย มือเรียวยกขึ้นปาดเช็ดริมฝีปากแรง ๆ ก่อนปาดไปทั่ววงหน้าที่แดงระเรื่อไม่แพ้ริมฝีปาก อย่างต้องการจะลบเลือนความรู้สึกที่ติดอยู่ให้จางหายไป
แสงกล้าทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะซึ่งเพื่อนสาวนั่งอยู่ ก่อนชะโงกหน้าไปแล้ว...
“ไอ้ลูกเจี๊ยบโว้ย!!!”
“ว้าย!! ตาเถรตกใต้ถุน” ร้องอุทานเสียงดัง สองมือตบบนโต๊ะเต็มแรงและเผลอดันเก้าอี้ไปด้านหลังจนร่างเล็กเกือบจะตกลงมาด้วย
แสงกล้าถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น ลำตัวขดงออย่างกับกุ้งถูกต้มจนสุก หน้าตาแดงปลั่งจรดลำคอ เมื่อได้ยินคำอุทานของเพื่อนสาว เพราะมันดันไปเหมือนกับแม่ของเขาซะเหลือเกิน ยามที่ท่านตกใจหรือถูกใครจี้เอวก็จะอุทานคำนี้ออกมา
“ไอ้เวรกล้า!!” กฤติกาชี้หน้าคนเรียก ซึ่งยังหัวเราะเสียงดังราวกับฟ้าจะผ่า หน้าตาแดงก่ำ น้ำหูน้ำตาไหล ลำตัวคดงอ หน้าตาขึงเครียด หน้าตางอง้ำยิ่งกว่าตาหมารุก “ไอ้เพื่อนเวรตะไล ตกใจหมดเลย เดี๋ยวปั๊ด...ยันโครมกับบาทาเลยแกนี่ คนยิ่งรมณ์ไม่ดีอยู่”
“โอ๊ะโอ่...ใครนะทำให้เพื่อนฉันอารมณ์ไม่ดีได้ ใครนะ...ไม่กลัวตาย ทำให้เพื่อนสาวจอมโหดของฉันโกรธจนถึงขนาดนี้” แสงกล้าถามเหมือนกระเซ้าแหย่ ตาก็ไม่ได้จ้องจะจับผิด ทว่า...เมื่อมองไปแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เพราะบริเวณลำคอกฤติกามีรอยแดงเป็นจ้ำเหมือนถูกใครขบกัดมาอย่างนั้นแหละ คงไม่ใช่...
“เฮ้ย!! อย่าบอกนะยายลูกเจี๊ยบ แกไปถูกใครจับปล้ำมาน่ะ”คำที่เพื่อนเอ่ยถาม เหมือนมีดปลายแหลมมาสะกิดต่อมความรู้สึก ที่เธอพยายามจะจับใส่กล่องลั่นกุญแจและโยนเจ้าลูกกุญแจทิ้งไป ก่อนฝังกลบให้อยู่ในซอกส่วนลึกสุด ๆ ในที่ซึ่งจะไม่มีอะไรหรือใครไปควานหามาได้ แรงกดดันมาจากไหนไม่รู้โอบล้อมรอบเรือนกาย อึดอัดจนหายใจไม่ออกเอาเสียเลย“แกจะบ้าหรือไงไอ้ผิวหมึก ถามอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ ฉันเป็นลูกผู้หญิง มีพ่อมีแม่นะโว้ย จะไปทำอย่างที่แกว่าได้ยังไง” ตวาดแว้ดใส่คนถามเสียงขุ่นเขียวกลบเกลื่อนเรื่องที่ถูกถาม แล้วยังตวัดค้อนคม ๆ ส่งให้ ก่อนปรามซ้ำด้วยสายตาแข็งกร้าวอีกตลบ“อ้าว...” แสงกล้าทำหน้าเหรอ “ใครมันจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นที่คอแกมีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ อย่างกับถูกใครประทับจูบแสดงความเป็นเจ้าของมา” สายตาจับจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ก็ได้เห็นถึงความผิดปรกติจากคนตัวเล็กที่ดูหลุกหลิกลุกลนราวกับไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละยิ่งถูกถามก็ยิ่งเข้าตัว “แกมาทำไม ไม่ทำงานหรือไง” กฤติการีบหาทางพาออกนอกเรื่อง“กฤติกา!”“อะไร...เรียกทำไม” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผุดลุกเดินไปที่ตู้เหล็กสามชั้นที่ภายในบรรจุเอกสารเกี่ยวกับร้านและรายละเอียดของการ
ถ้าให้นั่ง ๆ นอน ๆ รอฟังข่าวจากเดโก้และมาริโอ้อยู่ในห้องพัก เขาคงเป็นบ้าแน่ ๆ เลยเลือกที่จะเดินออกมาสูดอากาศอันสดชื่นแจ่มใสด้านนอก แต่ดูเหมือนภายนอกจะทำให้เขาร้อนรนยิ่งกว่าเดิม เดินไปมาก็หลายรอบรอบ สอดส่ายสายตาไปทั่วทุกหนแห่ง ควานหาแม่ตัวแสบ ที่ครานี้ไม่มีเหตุบังเอิญให้เขาได้เจอเธออย่างใจหวังดังเช่นเมื่อคืนเลย กระโดดน้ำทะเลก็หลายรอบแล้ว แต่ยังทำให้ใจที่ร้อนรุ่มอยู่เย็นลงได้เลย จนตอนนี้มานอนอยู่บนเก้าอี้ริมหาดสีส้มสดแล้วก็เหมือนกับเขานั่งอยู่บนกองเพลิงไฟเสียมากกว่าลมทะเลพัดโบกจนต้นตีนเป็ดน้ำ โพธิ์ทะเลและมะพร้าวความสูงลดหลั่น ขึ้นเป็นทิวแถวไหวสะบัด ท้องฟ้าสีฟ้าครามและปุยเมฆสีขาวเป็นกลุ่มก้อนหลากหลายรูปแบบแล้วแต่คนมองจะจินตนาการ ทาบตัดกับน้ำทะเลสีเขียวใสราวกับมรกต แสงตะวันถักทอล้อเล่นบนผืนน้ำเกิดเป็นประกายระยิบระยับไม่ได้ทำให้ใจสดชื่นรื่นเริงขึ้นมาได้เลยกรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาคมเข้มสีเทาอมเขียวขี้ม้ากวาดมองไปทั่วหาดที่มีผู้คนมาเล่นน้ำเพียงแค่หยิบมืออย่างหงุดหงิด เขาสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนที่มาด้วย ตามหาแม่ตัวแสบให้พบโดยเร็วไว พร้อมตามข่าวเรื่องการนัดพบซื้อขายข้อมูล แต่ต
เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นฤทธิ์เดชมากเพียงใด ครานี้ชายหนุ่มเลยไม่ประมาท แหวกว่ายทาบหลังและสอดแขนแกร่งข้างหนึ่งรัดรอบกายอรชร ทาบมืออีกข้างปิดปากอิ่มนุ่มไม่ให้เธอร้องเรียกหนุ่มผิวหมึกให้มาช่วย “ไม่คิดว่าจะเจอกันในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เลยนะแม่ตัวแสบ” อันเจโล่เอ่ยเสียงทุ้มพร่า พลางแนบปากบนต้นคอนวลเนียน "ฉันนอนคิดถึงรสปากหวานของเธอแทบทั้งคืนเลย เธอล่ะคิดถึงฉันไหม”ถึงไม่เห็นหน้าเพราะถูกจับจากด้านหลัง แต่สัมผัสจาบจ้วงและคำพูดหยาบคายระคนหื่นกระหายอย่างนี้...เธอจำได้ติดหูเลยเชียวหละ ไอ้...ไอ้คิงคองยักษ์ ไอ้ผู้ชายบ้าที่ขู่จะปล้ำ แล้วยังกระทำการอุกอาจหยาบโลนกับเธอเมื่อคืนด้วยอย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่าดวงไม่ดีแล้วล่ะ แต่เรียกว่าดวงซวยแบบโคตร ๆ ซวยเลยต่างหาก เป็นบ้าอะไร ทำไมถึงได้หนีอีตายักษ์เลวนี่ไม่พ้นเสียที ดูสิแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น สัมผัสที่เธอพยายามจับมัดใส่กล่องแล้วปิดฝาปิดผนึก โยนลูกกุญแจทิ้งไปก่อนฝังกลบลงไปในดิน กลับเปิดอ้าโดยไม่ต้องใช้ลูกกุญแจด้วย มันจะบ้าเกินไปแล้ว‘ไม่...เลิกคิด ๆ นะยายลูกไก่ เลิกคิดถึงเรื่องบ้า ๆ นั่นได้แล้ว’ถึงตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ทว่าเมื่
“อยากให้ฉันทำอย่างนี้กับเธอใช่ไหมตัวเล็ก” ปากหนาร้อนทาบเคลื่อนไปทั่วใบหน้านุ่มนิ่ม ซบซุกกับลำคอระหงขบเม้มผิวเนื้อขาวเนียนเบา ๆ พอให้เป็นรอยเหมือนโดนใครจูบมาเพื่อตีตราจอง ลูบไล้ฝ่ามือไปตามลำแขนกลมกลึง ค่อย ๆ จับลำแขนเสลาให้โอบรัดรอบลำคอแกร่ง เพื่อที่เขาจะได้ไล้ลูบจับต้องกายนุ่มนิ่มอย่างถนัดถนี่‘อือ...ไม่รู้ อย่ามาถามได้ไหม’ กฤติกาซึ่งหลงอยู่กับรสชาติของจุมพิตหวานระคนร้อนที่เหมือนจะสูบเอาเรี่ยวแรงที่มีออกไปจากกายทีละน้อย จิกเล็บบนต้นคอแกร่งระบายความรู้สึกวาบหวามซ่านเสียวที่ไหลพลุ่งพล่านอยู่ในท้องน้อยริมฝีปากอุ่นร้อนขบเคลื่อนมาประกบบนเรียวปากนุ่มอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กนอกจากไม่ขัดขืนแล้วยังให้ความร่วมมือด้วย ทำให้เขาขบกัดบดคลึงเน้นน้ำหนักลงไปพร้อมเปิดแยกสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นชื้นซอกซอนเข้าไปตวัดไล้เที่ยวท่องทั่วโพรงปากนุ่ม กวาดไล้ซึมซับดื่มด่ำกับน้ำผึ้งหวานฉ่ำนุ่มอย่างปลื้มเปรมฝ่ามือใหญ่ลากไล้เรื่อยไปตามลำตัวกลมกลึง ค่อย ๆ สอดเข้าไปครอบครองปทุมถันอวบอิ่ม ส่งแรงฟอนเฟ้นหนักสลับเบา ตั้งแต่ฐานรากจนถึงปลายยอดเม็ดบัวที่ชูช่อไหวระริกสู้มือเสียงครางผะแผ่วไม่รู้จากคนใดดังมาเป็นระรอก กลีบปากอิ่มน
อันเจโล่ดันกายอรชรให้ถอยห่าง ก่อนจับชายเสื้อยืดขึ้นและดึงออกจากสองแขนกลมกลึง แต่ยังคงให้เสื้อนั้นค้างอยู่บนลำคอระหง เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไป มีหวังมันลอยห่างไปจนตามหาไม่เจอ แล้วทีนี้คนตัวเล็กก็จะต้องเดินแทบจะเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างอรชรให้คนอื่นได้เห็น แค่คิดเท่านั้นคลื่นแห่งความไม่พอใจก็ถามโถมมาอย่างเร็วไวอื้อหื้อ...อันเจโล่ถึงกับร้องครางเสียงอู้ในลำคอ ปทุมถันกลมกลึงชูช่อราวดอกไม้ผลิบานอยู่ในมีกรวยสีหวานลอยอิ่มปริ่มน้ำ ผ้าลูกไม้บางเบาแนบไปกับผิวเนื้อนวลเนียน ขับเน้นให้เห็นความงดงามจนไฟในกายหนุ่มถึงกับลุกโชนถึงไม่ได้เปลือยเปล่า อาบน้ำห่มฟ้า แต่ก็เกือบเปลือยอยู่ดีนั่นแหละ กฤติกาอายจนพวงแก้มแดงปลั่งเรื่อยลงไปถึงลำคอ อยากยกมือปกปิดทรวง แต่เพราะสายตาคมเข้มตรึงไว้จนเธอเคลื่อนไหวไม่ได้ จำต้องปล่อยให้พ่อคนตัวใหญ่จ้องเรือนกายราวกับจะทะลุไปถึงเนื้อใน“สวยมาก...” อันเจโล่พูดออกไปพร้อมเสียงคราง ตวัดไล่สายตาเรื่อยลงไป หน้าท้องแบนราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน รับกับเอวคอดกิ่วและสะโพกอวบอัด ก่อนไล่กลับขึ้นมามองทรวงอกอิ่มอย่างไม่คลาดสายตา ขนาดของมันใหญ่กว่าที่เห็นภายนอกมาก แต่ก็รับกับเอวเล็กคอด สำคัญที่สุ
“ลูกไก่...ลูกไก่อยู่ไหน...ยายลูกเจี๊ยบโว้ย!!”มีเสียงบางอย่างดังลอยละลิ่วมากับกระแสลม ทำให้คนตัวเล็กที่พลัดตกลงไปในหลุมเสน่หาจนไกลเกือบกู่ไม่แล้ว กลับฟื้นคืนสติขึ้นมาได้เล็กน้อย สอดแทรกมาด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและ...ความอายที่แผ่ซ่านขึ้นราวกับไฟที่ได้รับเชื้อเพลิงชั้นดีแม้พายุจะพัดพาเอาความสยิวซ่านเสียวโหมกระหน่ำมาไม่ขาดสาย กฤติกากัดฟันข่มกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ บอกกับใจว่าเธอจะต้องไม่ยอมพ่ายแพ้แก่เพลิงอารมณ์และคนตัวใหญ่ ซึ่งกระทำหยามเกียรติเธออยู่ ลำแขนเสลาและสองขาเรียวยาวให้เคลื่อนออกจากกายหนาอย่างสุดความสามารถ เมื่อเป็นอิสระได้ก็รีบยกมือขึ้น ฝาดหมัดลุ่น ๆ ไปบนกกหูคนตัวใหญ่ที่ยังคงสำเริงสำราญลุ่มหลงอยู่ในรสเสน่หาจนลืมระวังตัวอันเจโล่แผดเสียงคำราม เมื่อถูกผลักให้พลัดตกลงมาจากหน้าผาสูงลิ่ว กว่าจะฟื้นคืนสติที่มึนงงเพราะฤทธิ์มัดน้อยๆ แม่ตัวแสบก็ว่ายน้ำหนีไปไกลแล้ว ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าเขาจะตามจับยายตัวร้ายไม่ได้ แล้วคราวนี้ก็เตรียมตัวเอาไว้เลย จะทั้งพิษและรีดเอาความจริงจากปากอิ่มให้ห้องนอนเร่าร้อนด้วยเพลิงพิศวาสตลอดเท่าที่ต้องการกฤติการู้เพียงแค่วินาทีนี้เธอต้องรีบหนีให้เร็วที
“อ้าว...ตกลงว่ายังไงกันคุณ” คนที่เหมือนจะเข้ามาเป็นตัวแทรกกลางระหว่างสองคนเอ่ยถาม มองสาวในอ้อมแขนสลับกับคนตัวใหญ่ที่เขาเป็นผู้ชายด้วยกันมองออกแหละว่าไม่พอใจอย่างหนัก วงหน้าถึงได้ถมึงทึง นัยน์ตาฉายแววดุร้ายกราดเกรี้ยวใส่เขาถึงเพียงนี้“โธ่...ลูกไก่ ฉันขอโทษแล้วไง อย่างอนสิ” ทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้า ส่งยิ้มหวานๆ ละลายหัวใจคนตัวเล็กอีกรอบ “นะ...กลับห้องเรากันเถอะนะ”คำพูดที่ได้ยิน ทำเอาเอากฤติกาถึงกับไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเอาคืนคนตัวใหญ่ยังไง... แต่แล้วกลีบปากอิ่มนุ่มก็คลี่ยิ้มเมื่อคิดได้ “ฉันไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอน แล้วก็ไม่ได้เป็นแฟนคุณด้วย ถ้าใช่...ฉันก็ต้องรู้จักกำพืด เถือกเถาเหล่าก่อคุณสิ นี่ชื่อคุณฉันยังไม่รู้จกเลย แล้วจะเป็นแฟนกันได้ไง” สวนกลับอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างไม่กลัวคอจะหักอันเจโล่แสร้งส่ายหน้าอย่างระอิดระอา “ต่อให้ฉันบอกไปกี่ครั้งๆ เธอก็ยังจำไม่ได้หรอกลูกไก่ เพราะตอนที่ฉันบอกไปนะเรากำลัง...”“หยุด!!” กฤติกายกมือชี้หน้าคนตัวใหญ่ อย่างรู้ตัวว่าตัวเองเสียท่าให้อีตาคิงคองจอมเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว แต่ชิ...นึกว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ หรือไง ไม่มีทางเสียล่ะ“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“อ้าว...บ้าได้ไง ฉันอยากมีอะไรกับเธอ นี่บ้าตรงไหน เยอะแยะไปที่ผู้ชายเขาจะมีอะไรกับผู้หญิง เอาน่าลูกไก่ เรื่องธรรมดาจะตายไป” อันเจโล่พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ ทาบมือเชยคายมนขึ้น ให้เป็นผู้ชายเขาไม่ไว้วางใจทั้งนั้น ดังนั้นต้องแสดงออกให้รู้เสียก่อนว่า...กฤติกานะ เขาหวง อย่าหวังเข้ามาแทรกกลางได้“ถึงฉันจะใหญ่ไปเสียหมด” อันเจโล่เอ่ยน้ำเสียงเหมือนจะหัวเราะได้ ขณะมองใบหน้าแดงปลั่งอย่างพึงพอใจ “แต่เอาเถอะ ฉันจะระมัดระวัง ไม่ทำให้เธอเจ็บมากมายเกินกว่ามดกัด...แล้วหลังจากนั้น ก็คงเป็นเธอเองที่แบบว่า...พาฉันขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า” กระเซ้าหยอกคนตัวเล็กเสียงทุ้ม“คุณ!” กลายเป็นเสียงกระอึกกระอักในลำคอ เมื่อคนตัวใหญ่ก้มหน้าลงมาปิดปากอย่างเร็วไวมือที่ยกขึ้นหมายจะทุบอกกว้างกลับหยุดชะงัก กำหมัดแนบไว้กับอกกว้าง ก่อนเปลี่ยนเป็นแบทาบตามริ้วอารมณ์วาบหวามจากจุมพิตร้อนผ่าวที่ลามเลียอยู่บนกลีบปากอันเจโล่เลาะเล็มขบเม้มกลีบปากอิ่มบนล่างอย่างหนักหน่วง ก่อนเปิดแยกแย้มสอดเรียวลิ้นอุ่นชื้นล่วงล้ำเข้าไปเสาะแสวงหาความหวานจากปานน้ำผึ้ง พลางตวัดกวาดไล้ไปทั่วโพรงปากอุ่นระอุ เกาะเกี่ยวพัวพันกับลิ้นเล็กนุ่ม ดูดดื่มความหวานอย่างหล
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด
อันเจโล่หน้าตึง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ บิดามีเบื้องลึกเบื้องหลังอันไม่ดี แต่ไม่ว่าจะยังไง ท่านก็คือบิดาผู้ให้กำเนิด “พ่อฉันไปทำอะไรแก อย่าพูดใส่ความคนอื่นลอย ๆ ถ้าหากไม่มีหลักฐาน” พ่อเขาคงไม่ได้ไปฆ่าไปแกพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณของอีกฝ่าย ให้ต้องตามมาจองล้างจองพลาญตอนโต อย่างกับนิยายน้ำเน่าหรอกนะฮึ...ริวาโก้ปาดเหงื่อบนหน้า หันไปยิ้มหยันใส่พ่อลูกชายสุดแสนเลิศประเสริฐศรี ที่ถึงตอนนี้ยังให้ความรักและเคารพไอ้พ่อเลว ๆ ที่ทำร้ายลูกตัวเองลับหลังได้ลงคอ อยากรู้นักถ้าได้รู้ความจริง คู่ควงของตัวเองลับหลังถูกคนเป็นพ่อลากเข้าห้อง ปู้ยี้ปู้ยำไปไม่รู้สักกี่คนต่อกี่คน อันเจโล่รับได้หรือเปล่าชายหนุ่มพาร่างเพรียวเดินคล้ายคนเมา ทรงตัวไม่ได้ไปหยุดและค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าอันเจโล่ นิ้วยาวไล้บนแก้มตอบเรื่อยลงมาถึงคางบึกบึน ก่อนลากเลยไปถึงจอนหูอีกฝั่ง โน้มใบหน้าไปแนบกับหู หลับตา ซึมซับเอาความอับอายและเจ็บปวดจากการถูกผู้ชายวัยคราวพ่อสั่งให้ถูกน้องจับเอาตัวขึ้นรถ ลากเข้าโรงแรมแล้วทำอย่างกับว่าเขาเป็นผู้หญิงขายเรือนร่าง น้ำตาอุ่น ๆ เอ่อล้นคลอหน่วยตา“พ่อแกข่มขืนฉัน!”“แกเอาเรื่องบ้าบอเฮงซวยอะไรมาใส่ความพ่อฉ
“จะไปไหนลูกไก่ มานี่เลยยายตัวดี” ยื่นมือไปอย่างเร็วจนคว้าเอาเส้นผมหนานุ่มดึงกลับมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย วงหน้าแดงปลั่งด้วยเพลิงโทสะ นัยน์ตาฉายแววเกรี้ยวกราดกฤติการ้องโอ๊ยดังลั่น สองมือจับผมบนศีรษะ ดวงหน้าผ่องพรรณเหยเกบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บจากแรงกระตุก พลางสาวก้าวเท้าถอยกลับไปด้านหลังอย่างเร็วรี่ เพราะถ้าขืนดันทุรังไป จะทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวมากขึ้น“ปล่อยฉันนะริวาโก้” กฤติกาพูดเมื่อทนไม่ไหว เจ็บจนน้ำตาแทบไหล เมื่อพูดไปแล้วริวาโก้กระตุกจนในหูได้ยินเสียงดังกราว ราวกับเส้นผมจะหลุดร่วงออกมาทั้งแผง“อย่าทำอะไรลูกไก่นะไอ้ริวาโก้”“ตัวมึงเอง มึงยังเอาไม่รอดเลย ยังจะมาห่วงคนอื่น” หัวเราะใส่หน้า พลางสอดมือมาจับกุมลำคอระหง “ถ้ากูจะหักคอสวย ๆ นี่ทิ้ง มึงจะทำอะไรกูหา...ไอ้อันเจโล่”“ไอ้เลว!” อันเจโล่ฮึดฮัด แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองก็ถูกคุมอยู่ จนแขนแทบจะหักออกเป็นสองท่อน “ถ้ากูหลุดไปได้ มึง...พลั่ก!!” พูดไม่ทันจบหมัดหนัก ๆ ก็สวนเข้ามาที่มุมปากเสียก่อน ชายหนุ่มเหลียวไปมองคนที่ทำให้เขาเจ็บด้วยนัยน์ตาดุร้ายราวกับเสือลำบาก ที่พร้อมสู้ไม่เหลียวหลังหนีอีกแล้ว“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าไหมคุณอันเจโล่
“ลูกไก่ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่คุณเจน่ะสิ รู้อยู่แล้วว่าคนพวกนั้นเขาต้องการอะไร ยังจะ...” ถ้าเธอไม่บ้าจนเพี้ยนฟังอะไรผิดพลาดไปจนจนกลายเป็นความสะเพร่า ปล่อยให้ตัวเองถูกจับเอาตัวมาเพื่อต่อรองกับอันเจโล่ละก็ ป่านนี้ชายหนุ่มจัดการพวกตัวร้ายพวกนี้จนหมอบราบคาบแก้วไปแล้วบ้าจริง...กลีบปากอิ่มนุ่มขบเม้มเข้าหากัน ก้มหน้าหมองเศร้าด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า เพราะเสียใจที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุให้อันเจโล่ต้องเพลี่ยงพล้ำ แล้วยังกลายเป็นตัวภาระให้ชายหนุ่มต้องคอยกังวลในความปลอดภัยอีก“ร้องไห้ทำไมล่ะลูกไก่” อันเจโล่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนขึ้นมองสบตาด้วย นิ้วยาวร้อยไกล่เกลี่ยกดซับหยดน้ำที่เอ่อล้นไหลซึมลงมาตามร่องแก้ม “หรือกลัวฉันเป็นอันตรายฮึ”“แต่ถ้าไม่มีลูกไก่สักคน คุณเจก็คงไม่...”อันเจโล่รีบยกมือปิดปากคนตัวเล็ก ศีรษะทุยสะบัดส่ายเบาๆ “ถึงไม่มีเธอ ริวาโก้ก็ต้องหาทางเล่นงานฉันจนได้นั่นแหละ เพียงแค่ประจวบเหมาะเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอกเรื่องขี้ปะติ๋ว ฉันรับมือได้สบายมาก” แม้จะกังวล ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีเอาเสียเลย หนทางหนีแทบปิดตาย ด้วยเมื่อมองไปรอบทิศทั่วทุกทางก็ล้วนแล้วแต่ท้อ