เสียงเข้มดุกร้าวที่ดังเข้ามาอีกละรอก พอทำให้กฤติกาเริ่มคลายความตื่นตระหนกและเบาใจลงมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มั่นใจว่าไอ้คนที่กอดรัดอยู่จะทำตามคำพูด เธอจะต้องคิดหาหนทางพาตัวให้รอด ที่ตอนนี้เขาพูดว่าอะไรก็จำต้องยอมรับเอาไว้ก่อน เพื่อตัวเองจะไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ศีรษะทุยจึงผงกรับบอกตกลง
“ห้ามร้อง ขืนหลุดปากมาแม้คำเดียว เธอโดนดีแน่” ชายหนุ่มขู่ซ้ำ พลางยกดันร่างเล็กไปจนแผ่นหลังอิงแอบแนบกับแผ่นพื้นซึ่งลาดยกขึ้นสูง ด้านบนคือพื้นถนน กดสองขาเรียวยาวที่ลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยกับสองขาแข็งแกร่ง ตรึงซ้ำด้วยเรือนร่างแข็งกระด้างที่แนบชิดเนื้อนุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วน
“อือ...” กฤติการับคำขลุกขลักในลำคอ รับปากเอาไว้ก่อน รอสบโอกาสเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าเธอเอาคืนเป็นเท่าตัว ไม่เจ็บจนคางเหลือง ปากเจ่อทานน้ำพริกไม่ได้ไปหลายวันเชียวล่ะ คนอย่างเธอไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกนะ แต่ก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยิ่งโดนทำร้ายกันอย่างนี้ มีหรือที่จะไม่เอาคืนน่ะ
แสงสว่างสาดส่องมาแวบหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นประกายเกรี้ยวกราดจากนัยน์ตากลมโตที่ฉายออกมา กลีบปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาวาววับ “รู้ไหมถ้าเธอผิดคำพูด ฉันจะทำอะไร” ไม่สนใจว่าจะถูกสองมือเล็กทำร้ายปานใด ทำได้ทำไป เดี๋ยวถึงเวลาเอาคืนแล้วจะรู้สึก!
“ลอกคราบทีละชิ้น...จากเสื้อ ไปกางเกง...แล้วค่อยเอาเสื้อชั้นในกับไอ้ตัวจิ๋วออกโยนทิ้งลงทะเล แล้วฉันก็จะจับและจูบไปทั่วร่าง ยัดเยียดความเป็นสามีให้เธอบนหาดทราย ให้เธอส่งเสียงครางดังลั่น เรียกชาวบ้านที่อยู่ข้างบนมาดู อาจมีคนร่วมสนุกด้วยก็เป็นได้ ก็หุ่นเธอนะอวบอัดน่ะจับต้องใช้น้อยนี่น่า” ชายหนุ่มเอ่ยขู่น้ำเสียงหื่นกระหายดีแท้
รวบร่างแบบบางแนบชิดจนรับรู้ถึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นที่ทำเอาเขาอยากจับต้องฟอนเฟ้นและจูบซับซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่บดเบียดร่างแข็งกับความนุ่มนิ่ม ใบหน้าที่ตอนนี้มีไรหนวดเคราขึ้นรกครึ้ม ด้วยไม่มีกะจิตกะใจจะโกนซุกไซ้ซอกคอระหง ขบกัดผิวเนื้อนวลเนียนหอมกรุ่น
“ถ้าจะฆ่าทิ้งไปก็เสียดาย ของสวย ๆ งาม ๆ น่ามัดไว้บนเตียงสักอาทิตย์ เอาเป็นว่าจากนั้นฉันจะพาเธอไปมัดไว้บนเตียง แล้วฉันก็จะมีอะไรกับเธอทุกคืนทุกวัน...สามเวลาหลังอาหารดีไหม อ๋อ...อีกนิด ถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกระหว่างเรากำลังเป็นคนเดียวกันด้วย ดีไหมคนสวย” ถามเสียงเข้มดุลอดไรฟัน หัวเราะหึหึในลำคอสำทับไปอีกครั้ง ซุกไซ้คลอเคลียกับซอกคอหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นกายสาวที่หอมจรุงใจจนเต็มปอด
แค่ที่ถูกกดรัดแนบชิดจนรับรู้ถึงเรือนร่างและกลิ่นกายบุรุษเพศที่ปราศจากกลิ่นบุหรี่เหล้าเบียร์ ก็ทำให้หัวใจเต้นไหววูบราวคลื่นลมในทะเลยามมีพายุพอแล้ว มาเจอคำขู่เข้าอีก...หัวใจถึงกับไหววูบและหล่นลงไปกองที่ปลายเท้าทันทีทันใด ถ้ามีแสงสว่างเล็ดลอดในตอนนี้มาสักนิด จะได้เห็นดวงหน้ารูปหัวใจนวลผ่องขาวซีดเผือดยิ่งกว่ากระดาษ ในดวงตากลมใสฉายแววหวาดหวั่นและขลาดกลัวเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำ
“ฮื่อ ๆ ” กฤติกาพยักหน้ารับ ก่อนสูดลมหายใจอัดเข้าปอดแรง ๆ เมื่อมือที่ปิดปากอยู่คลายออกเล็กน้อย อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้เสียเหลือเกิน เป็นใครถึงได้คิดทำเรื่องร้ายกับเธอถึงเพียงนี้
“ไม่ได้ยิน เธอพูดว่าอะไร” กลิ่นกายยายปากปลาร้าค้างปีนี่หอมดี เสียแต่ว่าเธอคือนางนกต่อ ที่เขาต้องสืบให้ได้ คนอยู่เบื้องหลังคือใคร พร้อมเอาของที่ถูกฉกไปคืนมาด้วย
“อื้อ ๆ ” กฤติกาพยายามบอกว่า ‘ก็ปิดปากเธออยู่ แล้วจะให้พูดยังไงล่ะ’ แต่กลับกลายเป็นเพียงแค่เสียงกระอึกกระอักในลำคอ แล้วเหมือนกับคนบนฟ้าจะรับรู้ความปรารถนาของเธอ ถึงได้ส่งแสงสว่างสาดส่องมา แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก็ตาม แต่เธอก็จำไอ้คิงคองยักษ์ปากเสีย คนที่เกือบจะหักขาเธอทิ้งได้เป็นอย่างดี
“ฉันจะปล่อยเธอ แต่รู้นะถ้าขัดคำสั่ง จะเกิดอะไรขึ้น”
ไม่ได้ยินหรอกว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เพราะมัวแต่ตกใจตกตะลึงในสิ่งที่ได้เห็น ทำไมไอ้คิงคองยักษ์ถึงมาอยู่ตรงนี้ แล้วยังจะทำอุกอาจหยาบหยามราวกับเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่าเพียงนี้ด้วย
ดูเหมือนคำสั่งเขาจะไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ เพราะเพียงแค่เคลื่อนมือออกจากปากอิ่มเท่านั้น ยายปากปลาร้าค้างปีก็รีบอ้าปากกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ริมฝีปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ในเมื่อกล้าขัดคำสั่ง เขาก็ควรสั่งสอนให้ได้รู้ว่าผลลัพธ์มันเป็นยังไง
“ชะ...”
เสียงไม่ได้หลุดออกจากปากอิ่มนุ่มกลับดังขลุกขลักอยู่ในลำคอ เพราะถูกปิดทับอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้เธอหัวใจไหวยวบยาบเหมือนเรือลอยอยู่ในน้ำแล้วเจอพายุร้ายจนโคลงเคลง แข็งทื่อไปทั้งเรือนกาย ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เย็นวาบจากศีรษะจรดปลายเท้าซึ่งมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ เพราะการปิดปากของชายหนุ่มนี่แหละ
‘เธอโดน...จูบ!!’
แม้ตอนเจอกัน เธออยากซบซุกในอ้อมแขนใหญ่ ถูกเขากอดจูบและทำอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ แต่ไม่ได้อยากจะถูกจูบจริง ๆ นี่น่า กฤติกาเลยดิ้นรนให้กายเป็นอิสระ แต่การใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัว เนื้อแนบเนื้อจนสัมผัสได้ถึงลอนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวกับมีชีวิต แล้วปากร้อนผ่าวผ่าวประดุจถ่านไฟที่บดเบียดอยู่บนกลีบปากอิ่มนุ่ม ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นผิดจังหวะไปมากโข
“อื้อ...อื้อ...” กฤติกาส่ายหน้าหนีริมฝีปากอุ่นร้อน สองมือกระหน่ำซัดหมัดป่ายปัดมือเล็กบนกายแข็งแกร่งอย่างไม่สนใจว่าจะถูกตรงส่วนใดแรง ๆ
ตอนแรกเพราะต้องการลงทัณฑ์แม่ตัวเล็กที่กล้าขัดคำสั่งของเขา แต่สิ่งที่ได้รับคือความไม่ประสาและหวานละมุนราวกับกลีบกุหลาบบอบบาง ที่หากว่าแตะลงไปหนักมือสักนิดจะบอบช้ำได้ แล้วยังนุ่มหอมหวานราวกับได้ลิ้มผลไม้รสเลิศ ไหนจะกรุ่นกลิ่นกายสาวหอมระเรื่อ ทำให้อันเจโล่เปลี่ยนกลวิธีในการลงทัณฑ์เป็นการดื่มดำกับความหวานจรุงใจแทน
แต่เพราะคนตัวเล็กกว่าต่อต้านอย่างหนัก ด้วยต้องการให้รู้ว่าเธอไม่ยอมถูกรังแกง่าย ๆ ทำให้คนตัวใหญ่หงุดหงิดรำคาญใจ จึงสอดขาแทรกเข้าไประหว่างสองขาเรียวยาว การทำอย่างนี้คล้ายกับบังคับให้หญิงสาวนั่งอยู่บนขาแกร่ง ก่อนร่างหนาจะกดตรึงร่างอรชรไว้ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า เร่งรุดจับสองแขนเรียวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างเคลื่อนไปจับตรึงท้ายทอยเอาไว้ พลางแนบปากหนาอุ่นบดคลึงบนกลีบปากอิ่มนุ่มอย่างหนักหน่วงค่อนไปทางรุนแรงจาบจ้วงดุดัน
‘อื้อ ไอ้...ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ’
กฤติกาพยายามทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่มีวิธีใดทำให้เธอหลุดพ้นจากแขนแกร่งปานคีมเหล็กได้เลย กายก็รู้สึกถึงกระแสคลื่นบางอย่างที่ก่อตัว พัดพาเอาอารมณ์แปลกประหลาดไหลวนไปจนทั่ว บางคราก็ร้อนวูบวาบราวกับมีเพลิงไฟเผาพลาญ แต่บางคราก็วาบหวามปั่นป่วนในช่องท้อง ราวกับมีเกลียวคลื่นไหลเวียนวน เนื้อตัวเบาหวิวลอยละลิ่วบนผิวฟองคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝากฝั่ง
แม้ถูกกอดรัดเสียจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ อีกทั้งปากอิ่มนุ่มก็ยังตออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ทว่าแม่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมแพ้ จนอันเจโล่รู้สึกว่าได้เจอเข้ากับพริกเม็ดเล็ก ที่แม้ตอนกินเข้าไปจะเผ็ดร้อน แต่รสเนื้อกลับหวานล้ำเมื่อยามได้เคี้ยว ยิ่งแม่ตัวเล็กต่อต้านมากเท่าไหร่ ความอยากเอาชนะที่อยู่ในสายเลือด ทำให้เขาเลือกที่จะรุกรานแม่สาวตัวแสบต่อไปจนสุดกู่ชายหนุ่มกดแนบริมฝีปากหนาร้อน ขมเม้มปากอิ่มนุ่มมอบจุมพิตวาบหวามใจให้กับสาวน้อยตัวแสบอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ลืมที่จะล่อหลอกด้วยชั้นเชิงอันจัดเจน เรียกร้องให้คนตัวเล็กค่อย ๆ คลายความแข็งขืนลงไป ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าว ตวัดลากไล้วนเวียนพยายามสอดแทรกเข้าไปหาความหวานภายในโพรงปากนุ่ม ถึงเรือนกายจะเริ่มอ่อนระทวย แรงต่อต้านจะลดลงไปเยอะ แต่แม่ตัวเล็กก็ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่กฤติการ้องครางแผ่วเบา เรือนกายอรชรสั่นสะท้านด้วยไม่รู้ว่าจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดี อ้อมแขนกำยำกดกอดรัดราวกับงูรัดเหยื่อ จูบแรก...ที่เธอคิดฝันเอาไว้ นอกจากจะไม่อ่อนโยนแล้วยังเต็มไปด้วยอาการกระแทกกระทั้นดุดัน อยากร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไม่ไหลออกมา กลับมีความเจ
ฮึ...เขาว่าแล้ว เธอต้องไม่ยอมเปิดปากพูดความจริง ปากแข็งหรือ อยากรู้นักจะแข็งไปได้สักกี่น้ำ ถ้าเป็นผู้ชายเขามีวิธีทรมานแบบไม่เจ็บก็นอนหยอดข้าวต้มไปจนถึงพิการ แต่เมื่อเธอเป็นหญิงหุ่นอวบอัดเต็มไม้เต็มมืออย่างนี้ แถมเนื้อตัวยังหอมกรุ่นราวกับกลิ่นดอกไม้อย่างนี้ มีวิธีให้เขาเริงรื่นในการรีดเอาความลับจนฉ่ำปอดเชียวแหละฝ่ามือร้อนระอุคลึงเคล้นเจ้าก้อนเนื้อนุ่ม พลางปากหนาอุ่นขบกัดผิวเนื้อนุ่มเบาๆ ไล่เลื่อนขึ้นไปตามซอกนวลเนียนหอม ขบกัดติ่งหูสลับกระเซ้าเย้าแหย่ช่องหูนุ่ม “แน่ใจนะว่าจะไม่ยอมบอกฉัน”“อือ...นะ...แน่ใจ ไม่ใช่นะ คุณถอยออกไปก่อนนะ อยู่แบบนี้ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก แล้วคิดอะไรไม่ออกด้วย”ทาบมือผลักร่างหนาให้ถอยห่างไป แต่ก็เหมือนกับเธอเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เพราะมันไม่แม้แต่จะขยับเคลื่อนด้วยซ้ำ แล้วอีตายักษ์กินคนยังจะแกล้งบดเบียดเรือนกายแนบชิดมากยิ่งขึ้น สายลมร้อนผ่าวทำให้ระบบในเรือนกายทำงานผิดปรกติ ท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีเกลียวสายน้ำถาโถมเข้ามาระรอกแล้วระรอกเล่า ในหัวใจหรือก็หวั่นไหวแบบแปลกๆ อย่างไม่ควรจะเป็น จากไอ้ตัวยักษ์ที่จะเป็นคนทำร้ายเธอ!“ไม่ล่ะ...ฉันไม่ไว้วางใจ เธอมันพวกฤทธิ์มาก แสบ
“คิดจะทำอะไร ไม่กลัวโดนฉันปล้ำบนพื้นทรายหรือไง เอ๊ะ...หรือเธอติดใจ อยากลองสักครั้ง” ยอมคลายร่างอรชรจนสองเท้าบอบบางเหยียบพื้นทราย “ได้สิ จะเอารสชาติแบบไหนล่ะ ดุเด็ดเผ็ดมัน หรือวาบหวามซาบซ่านตรึงใจดี” จูบไซ้คลอเคลียบนแก้มนุ่มเรื่อยลงไปขบกัดซอกคอระหง ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้บัวตูมเต่งตึงอย่างหนักหน่วงจนคนตัวเล็กสั่นสะท้านไหว“ปะ...เปล่านะ แค่ฉัน...ฉันอึดอัด หายใจไม่ออกก็เท่านั้น” ตอบกลับเสียงอ่อยและตะกุกตะกัก ด้วยวาบหวามปั่นป่วน เมื่อคนตัวใหญ่ลูบไล้ฝ่ามือคลึงเคล้นไปทั่วร่าง เน้นหนักที่อกอิ่มนุ่มนิ่ม จนสมองหมุนเร็วจี๋ราวกับล้อรถที่วิ่งลิ่วไปอย่างไร้เบรก เพื่อพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี้ให้จงได้ เริ่มสะดุดบางทีก็ขาดตอนไปเสียเฉย ๆ คล้ายแผ่นเสียงตกร่อง“งั้นเธอก็ตอบมา...ทำงานให้ใคร” ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อนานเกินไปแล้ว สมควรแก่เวลาเชือด...ไก่!อยากรู้ว่าเธอทำงานให้ใครงั้นหรือ อืม...เอาใครดี ฟันซี่เล็กขบกัดกลีบปากจนเจ็บ แต่นึกไม่ออกว่าจะอ้างชื่อใคร ที่มีน้ำหนักทำให้คนตรงหน้าเชื่อได้“ว่าไง” ถามซ้ำ รวบสองมือเล็กที่ทำเหมือนจะลูบไล้กายเขา ทว่าแม่ตัวเล็กกลับกดปลายเล็บลากจนเขาสะดุ้งอยู่บ่อยครั
“เฮ้ย!! อย่าบอกนะยายลูกเจี๊ยบ แกไปถูกใครจับปล้ำมาน่ะ”คำที่เพื่อนเอ่ยถาม เหมือนมีดปลายแหลมมาสะกิดต่อมความรู้สึก ที่เธอพยายามจะจับใส่กล่องลั่นกุญแจและโยนเจ้าลูกกุญแจทิ้งไป ก่อนฝังกลบให้อยู่ในซอกส่วนลึกสุด ๆ ในที่ซึ่งจะไม่มีอะไรหรือใครไปควานหามาได้ แรงกดดันมาจากไหนไม่รู้โอบล้อมรอบเรือนกาย อึดอัดจนหายใจไม่ออกเอาเสียเลย“แกจะบ้าหรือไงไอ้ผิวหมึก ถามอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ ฉันเป็นลูกผู้หญิง มีพ่อมีแม่นะโว้ย จะไปทำอย่างที่แกว่าได้ยังไง” ตวาดแว้ดใส่คนถามเสียงขุ่นเขียวกลบเกลื่อนเรื่องที่ถูกถาม แล้วยังตวัดค้อนคม ๆ ส่งให้ ก่อนปรามซ้ำด้วยสายตาแข็งกร้าวอีกตลบ“อ้าว...” แสงกล้าทำหน้าเหรอ “ใครมันจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นที่คอแกมีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ อย่างกับถูกใครประทับจูบแสดงความเป็นเจ้าของมา” สายตาจับจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ก็ได้เห็นถึงความผิดปรกติจากคนตัวเล็กที่ดูหลุกหลิกลุกลนราวกับไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละยิ่งถูกถามก็ยิ่งเข้าตัว “แกมาทำไม ไม่ทำงานหรือไง” กฤติการีบหาทางพาออกนอกเรื่อง“กฤติกา!”“อะไร...เรียกทำไม” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผุดลุกเดินไปที่ตู้เหล็กสามชั้นที่ภายในบรรจุเอกสารเกี่ยวกับร้านและรายละเอียดของการ
ถ้าให้นั่ง ๆ นอน ๆ รอฟังข่าวจากเดโก้และมาริโอ้อยู่ในห้องพัก เขาคงเป็นบ้าแน่ ๆ เลยเลือกที่จะเดินออกมาสูดอากาศอันสดชื่นแจ่มใสด้านนอก แต่ดูเหมือนภายนอกจะทำให้เขาร้อนรนยิ่งกว่าเดิม เดินไปมาก็หลายรอบรอบ สอดส่ายสายตาไปทั่วทุกหนแห่ง ควานหาแม่ตัวแสบ ที่ครานี้ไม่มีเหตุบังเอิญให้เขาได้เจอเธออย่างใจหวังดังเช่นเมื่อคืนเลย กระโดดน้ำทะเลก็หลายรอบแล้ว แต่ยังทำให้ใจที่ร้อนรุ่มอยู่เย็นลงได้เลย จนตอนนี้มานอนอยู่บนเก้าอี้ริมหาดสีส้มสดแล้วก็เหมือนกับเขานั่งอยู่บนกองเพลิงไฟเสียมากกว่าลมทะเลพัดโบกจนต้นตีนเป็ดน้ำ โพธิ์ทะเลและมะพร้าวความสูงลดหลั่น ขึ้นเป็นทิวแถวไหวสะบัด ท้องฟ้าสีฟ้าครามและปุยเมฆสีขาวเป็นกลุ่มก้อนหลากหลายรูปแบบแล้วแต่คนมองจะจินตนาการ ทาบตัดกับน้ำทะเลสีเขียวใสราวกับมรกต แสงตะวันถักทอล้อเล่นบนผืนน้ำเกิดเป็นประกายระยิบระยับไม่ได้ทำให้ใจสดชื่นรื่นเริงขึ้นมาได้เลยกรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาคมเข้มสีเทาอมเขียวขี้ม้ากวาดมองไปทั่วหาดที่มีผู้คนมาเล่นน้ำเพียงแค่หยิบมืออย่างหงุดหงิด เขาสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนที่มาด้วย ตามหาแม่ตัวแสบให้พบโดยเร็วไว พร้อมตามข่าวเรื่องการนัดพบซื้อขายข้อมูล แต่ต
เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นฤทธิ์เดชมากเพียงใด ครานี้ชายหนุ่มเลยไม่ประมาท แหวกว่ายทาบหลังและสอดแขนแกร่งข้างหนึ่งรัดรอบกายอรชร ทาบมืออีกข้างปิดปากอิ่มนุ่มไม่ให้เธอร้องเรียกหนุ่มผิวหมึกให้มาช่วย “ไม่คิดว่าจะเจอกันในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เลยนะแม่ตัวแสบ” อันเจโล่เอ่ยเสียงทุ้มพร่า พลางแนบปากบนต้นคอนวลเนียน "ฉันนอนคิดถึงรสปากหวานของเธอแทบทั้งคืนเลย เธอล่ะคิดถึงฉันไหม”ถึงไม่เห็นหน้าเพราะถูกจับจากด้านหลัง แต่สัมผัสจาบจ้วงและคำพูดหยาบคายระคนหื่นกระหายอย่างนี้...เธอจำได้ติดหูเลยเชียวหละ ไอ้...ไอ้คิงคองยักษ์ ไอ้ผู้ชายบ้าที่ขู่จะปล้ำ แล้วยังกระทำการอุกอาจหยาบโลนกับเธอเมื่อคืนด้วยอย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่าดวงไม่ดีแล้วล่ะ แต่เรียกว่าดวงซวยแบบโคตร ๆ ซวยเลยต่างหาก เป็นบ้าอะไร ทำไมถึงได้หนีอีตายักษ์เลวนี่ไม่พ้นเสียที ดูสิแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น สัมผัสที่เธอพยายามจับมัดใส่กล่องแล้วปิดฝาปิดผนึก โยนลูกกุญแจทิ้งไปก่อนฝังกลบลงไปในดิน กลับเปิดอ้าโดยไม่ต้องใช้ลูกกุญแจด้วย มันจะบ้าเกินไปแล้ว‘ไม่...เลิกคิด ๆ นะยายลูกไก่ เลิกคิดถึงเรื่องบ้า ๆ นั่นได้แล้ว’ถึงตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ทว่าเมื่
“อยากให้ฉันทำอย่างนี้กับเธอใช่ไหมตัวเล็ก” ปากหนาร้อนทาบเคลื่อนไปทั่วใบหน้านุ่มนิ่ม ซบซุกกับลำคอระหงขบเม้มผิวเนื้อขาวเนียนเบา ๆ พอให้เป็นรอยเหมือนโดนใครจูบมาเพื่อตีตราจอง ลูบไล้ฝ่ามือไปตามลำแขนกลมกลึง ค่อย ๆ จับลำแขนเสลาให้โอบรัดรอบลำคอแกร่ง เพื่อที่เขาจะได้ไล้ลูบจับต้องกายนุ่มนิ่มอย่างถนัดถนี่‘อือ...ไม่รู้ อย่ามาถามได้ไหม’ กฤติกาซึ่งหลงอยู่กับรสชาติของจุมพิตหวานระคนร้อนที่เหมือนจะสูบเอาเรี่ยวแรงที่มีออกไปจากกายทีละน้อย จิกเล็บบนต้นคอแกร่งระบายความรู้สึกวาบหวามซ่านเสียวที่ไหลพลุ่งพล่านอยู่ในท้องน้อยริมฝีปากอุ่นร้อนขบเคลื่อนมาประกบบนเรียวปากนุ่มอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กนอกจากไม่ขัดขืนแล้วยังให้ความร่วมมือด้วย ทำให้เขาขบกัดบดคลึงเน้นน้ำหนักลงไปพร้อมเปิดแยกสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นชื้นซอกซอนเข้าไปตวัดไล้เที่ยวท่องทั่วโพรงปากนุ่ม กวาดไล้ซึมซับดื่มด่ำกับน้ำผึ้งหวานฉ่ำนุ่มอย่างปลื้มเปรมฝ่ามือใหญ่ลากไล้เรื่อยไปตามลำตัวกลมกลึง ค่อย ๆ สอดเข้าไปครอบครองปทุมถันอวบอิ่ม ส่งแรงฟอนเฟ้นหนักสลับเบา ตั้งแต่ฐานรากจนถึงปลายยอดเม็ดบัวที่ชูช่อไหวระริกสู้มือเสียงครางผะแผ่วไม่รู้จากคนใดดังมาเป็นระรอก กลีบปากอิ่มน
อันเจโล่ดันกายอรชรให้ถอยห่าง ก่อนจับชายเสื้อยืดขึ้นและดึงออกจากสองแขนกลมกลึง แต่ยังคงให้เสื้อนั้นค้างอยู่บนลำคอระหง เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไป มีหวังมันลอยห่างไปจนตามหาไม่เจอ แล้วทีนี้คนตัวเล็กก็จะต้องเดินแทบจะเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างอรชรให้คนอื่นได้เห็น แค่คิดเท่านั้นคลื่นแห่งความไม่พอใจก็ถามโถมมาอย่างเร็วไวอื้อหื้อ...อันเจโล่ถึงกับร้องครางเสียงอู้ในลำคอ ปทุมถันกลมกลึงชูช่อราวดอกไม้ผลิบานอยู่ในมีกรวยสีหวานลอยอิ่มปริ่มน้ำ ผ้าลูกไม้บางเบาแนบไปกับผิวเนื้อนวลเนียน ขับเน้นให้เห็นความงดงามจนไฟในกายหนุ่มถึงกับลุกโชนถึงไม่ได้เปลือยเปล่า อาบน้ำห่มฟ้า แต่ก็เกือบเปลือยอยู่ดีนั่นแหละ กฤติกาอายจนพวงแก้มแดงปลั่งเรื่อยลงไปถึงลำคอ อยากยกมือปกปิดทรวง แต่เพราะสายตาคมเข้มตรึงไว้จนเธอเคลื่อนไหวไม่ได้ จำต้องปล่อยให้พ่อคนตัวใหญ่จ้องเรือนกายราวกับจะทะลุไปถึงเนื้อใน“สวยมาก...” อันเจโล่พูดออกไปพร้อมเสียงคราง ตวัดไล่สายตาเรื่อยลงไป หน้าท้องแบนราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน รับกับเอวคอดกิ่วและสะโพกอวบอัด ก่อนไล่กลับขึ้นมามองทรวงอกอิ่มอย่างไม่คลาดสายตา ขนาดของมันใหญ่กว่าที่เห็นภายนอกมาก แต่ก็รับกับเอวเล็กคอด สำคัญที่สุ
กฤติกาหายใจหอบพร่า มือใหญ่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ลูบไล้ไต่ไปบนเรือนร่างอรชรตรงเข้าครอบครองทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งปลายยอดชูชันสนองตอบ ปลุกเร้าเพลิงพิศวาสในกายสาวให้ตื่นจากหลับใหล สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ปากอิ่มแยกแย้มกว้างยิ่งขึ้น เธอหาญกล้าถึงขนาดส่งเรียวลิ้นเล็กเข้าไปสำรวจโพรงปากอุ่น กระหวัดเกาะเกี่ยวกับเรียวลิ้นอุ่นชื้น เรียวนิ้วเล็กสอดแทรกไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม บดเบียดแลกจุมพิตกับอันเจโล่จนชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงร้องคำรามลั่น“ลูกไก่จ๋า...หวานที่สุดเลยรู้ไหม” เอื้อนเอ่ยเสียงแตกพร่า คลอเคลียปากอุ่นระอุไซ้ซุกซอกคอขาว นิ้วยาวหยอกเอินคลึงเคล้นยอดบัวตูมเต่งจนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง ส่งยืนกายสาวเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มรสทุกซอกมุมอย่างถนัดถนี่ จนชายหนุ่มถึงกับทนไม่ไหว ประพรมปากอุ่นระอุแนบบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ด้วยความหวานเร่าร้อน แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางขึ้นไปทอดตัวนอนบนฟูกใบไม้ ให้แสงไฟสาดส่องมาเพื่อเขาจะได้ยลกายสาวงามสะพรั่งอย่างชัดเจน“คุณอันเจโล่...ไหนคุณบอกว่าจะไม่...” กฤติกาเอ่ยถามเสียงสั่น รีบยกมือปิดบังทรวงอกอวบอิ่มไว้จากสายตาคมวามวาวเต็มไปด้วยคว
“สัญญา ไม่ปล้ำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอย่างอื่นลูกไก่นี่น่า” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงพร่าแหบจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตากลมใส “แล้วอีกอย่าง...เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจไหม”ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาในแววตาและรอยยิ้มบนมุมปากหนาหยัก แต่ในตอนนี้เพราะต้องการเอาตัวรอดกฤติกาจึงรีบพยักหน้ารับ “ละ...แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” หญิงสาวถามกลับอย่างตะกุกตะกัก“อยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน” อดไม่ได้เลยที่จะไม่ไต่มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม“ให้คุณปล้ำฉันง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ”อันเจโล่ถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก เรื่องง่าย ๆ ทำไมกฤติกาถึงได้ทำให้กลายเป็นเรื่องยากนักก็ไม่รู้ แค่เขาเอาเสื้อผ้าเธอออกแล้วไปผึ่งไฟให้แห้ง กับการนอนกอดและแตะต้องเธอนิดหน่อยนี่มันทำใจยากนักหรือไง“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากเธอยังทำตะบึงตะบอนยั่วฉันอยู่อย่างนี้”กฤติกาทำหน้างอง้ำ ตกลงเธอผิดอีกแล้วใช่ไหม น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นและพลัดตกจากสองเบ้าตาอย่างรวดเร็ว“โอ๋...ไม่ร้องนะคนเก่ง” อันเจโล่รียยกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาบนร่องแก้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องมาโอ๋ ไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวปัดมือใหญ่ออกห่าง ขบเม้มกลีบป
กฤติกากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ไม่อยากมองอันเจโล่เลย แต่ถ้าเธอละสายตาจากเขาไปเพียงนิดเดียว อีตาคิงคองหื่นต้องคว้าแขนจับเอาตัวไป จากนั้น...ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะอาจไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรื่องบ้า ๆ นั่น เป็นเธอนี่แหละอยากปล้ำเขาแทน ก็ใจมันอยากตกเป็นของชายหนุ่มจะแย่อยู่แล้วอันเจโล่สะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา รู้นะกฤติกากลัวอะไร แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอย่างที่เธอกลัวหรอก มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างจะแอ้มสาวเอาความจิ้นของเขาทั้งที ให้ใช้หาดทรายอย่างนี้น่ะหรือ...แม้มีเสียงสายน้ำสาดซัดพื้นทรายเป็นทำนองเพลง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ดาราดาษดื่นส่องแสงมาราวกับจะอิจฉาริษยา สายลมพัดโชยโบกร่วมโลมไล้ร่างน้อย ใบไม้ก็พร้อมใจกันไหวเอนลู่โอนละม้ายคล้ายระรอกคลื่นไล่ล้อกันคล้ายเสียงกระซิบหยอกเย้า โรแมนติกน่าจดจำอยู่หรอกนะ แต่...จะหม่ำลูกไก่มีฤทธิ์แต่หวานอย่างแรง...อย่างกับมีหมู่มวลพฤกษานานาพันธ์ครั้งแรกต้องเป็นห้องสบาย ๆ หรู ๆ อย่างในโรงแรมที่เขาพักโน่น จุดเทียนไขพอให้มีแสงวับ ๆ แวบ ๆ มีเสียงดนตรีหวาน ๆ คลอเคล้า บิ้วอารมณ์ต่ออีกนิด ด้วยกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ทำให้เขามีเรี่ยวแรงหม่ำลูกไก่น
“อ้าว” คนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใดทำหน้าเหรอ “เธอเป็นไกด์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”“ฉันเป็นแค่ไกด์ ไม่ได้เป็นพรานนำทาง แล้วอีกอย่างไกด์อย่างฉันมีหน้าที่พาลูกทัวร์ไปดำน้ำ ไม่ได้พาลูกทัวร์เจ้าเล่ห์ หื่นกาม บ้าตัณหา คิดเป็นแต่จะลากผู้หญิงขึ้นเตียงอย่างเดียวมาถูก...รุมสะกรัมกินขนมตุบตับและหลงป่านี่น่า” กระดิกปลายเท้าอย่างรื่นรมขึ้นมานิด ๆ เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ย เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย“เห็นตัวเล็ก ๆ แค่นี้ กินอะไรเข้าไปนี่ ตัวหนักเชียว” คนตัวใหญ่กระเซ้า หันหลังกลับเดินไปทางเก่า เขาว่ากลับไปหามุมใดมุมหนึ่งหลบรอคอยคนเรือและลูกน้องที่แถว ๆ หน้าชายหาดจะดีกว่าปึก!! กฤติกากำหมัดทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง “คุณนี่ปากเสียจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้หนักเสียหน่อย คุณนั่นแหละที่แก่แล้ว เลยอุ้มเด็กแรกรุ่นอย่างฉันไม่ไหว”อันเจโล่หัวเราะ “อยากรู้ไหวไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดให้แล้วกัน รุ่นนี้น่ะเตะปี๊บไม่มีได้ยินเสียงตก กลัวเธอนั่นแหละที่จะรับไม่ไหวลูกไก่” พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มือหนึ่งจับสองขาเรียวไว้ อีกมือยกขึ้นมาลูบไล้ลำแขนเสลาให้รู้ความนัยของคำพูด“คุณนี่มัน...” ชายหนุ่มสวนกลับมามุกนี้ทำเอา
มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก “ฉันให้เงิน แกก็บอกมา ว่าใครเป็นคนว่าจ้างให้มาเก็บฉัน”“อย่าถามมาก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กับเมีย แกก็จ่ายเงินมาดีกว่า พวกฉันจะได้ไปเสียที เย็นจะตายอยู่แล้ว แม่ง...ไอ้ฝนห่าเหวบ้านี่มันจะตกลงมาทำไหมตอนนี้วะ”เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกมันหายใจไม่สะดวก หมวกไหมพรมที่เปียกน้ำจึงค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปพำนักอยู่เหนือจมูก ซึ่งเป็นผลดีแก่อันเจโล่ที่จะจดจำรายละเอียดบนวงหน้าของแต่ละคนเอาไว้ เพื่อจัดการในภายหลัง“แหม...พวกแกนี่เร่งจริง ฉันคิดว่าจะให้สักล้าน ให้พวกแกแบ่งกันคนละสองแสน ถ้ายอมบอกชื่อคนว่าจ้าง แต่ปากหนักอย่างนี้เอาไปคนหมื่นสองหมื่นพอแล้วละ ให้มากเปลือง” คนเราเมื่อได้ยินเงินมาก ๆ ก็ตาโตลุกวาว “หรือเอาอย่างนี้ดีกว่าไหมลูกไก่ ฉันใจป้ำให้ซักห้าแสน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบอกชื่อคนว่าจ้าง” เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างเช่นกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนอยู่เบื้องหน้าเขานี่ไงละกฤติกาอ้าปากค้าง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่อย่างคิดไม่ถึง เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เพียงแค่ได้ความจริง แต่ยังตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้ได้ด้วย“พวกมันไม่ทันสนใจ เรารีบไปกันดีกว่าลูกไก่”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวเองรอดได้ คุณนั่นแหละ เอาตัวเองให้รอดพ้นจากสหบาทาของคนพวกนี้จะดีกว่า” ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ห้าคนตรงหน้าที่ยืนล้อมไว้นี่ก็ดูท่าทางมีฝีมือด้วยเช่นกัน หุ่นแต่ละคนน้องๆ ของช้างอีก ส่วนคนพูดน่ะตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้หรือ “น้องสาวนี่พูดถูกนะ ก่อนไปห่วงคนอื่นน่ะ เอาตัวเองให้รอดจากบาทาพวกกูก่อนดีกว่าไอ้ฝรั่งดอง”“พวกแกนี่...นอกจากเข้ามาเป็นมารขัดขวางความสุขฉันกับแฟนแล้ว ยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก เก่งมากใช่ไหม ช่วยโชว์ฝีมือแม่ไม้มวยหมู่ให้ได้ชิมหน่อยสิ” มวยไทยเขาไม่ได้เก่ง แต่ก็พอเป็นอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่น...จะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนี้ดีละ...เทควันโด้ ไอคิโด้ หรือคาราเต้ดี“เฮ้ย!! พวกเราลุย เอามันให้มอบเว้ย!!”“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อน” พออีกฝ่ายกร่างเข้ามา มือใหญ่ก็ยกขึ้นโบกห้าม“มีอะไร หรือว่ากลัวแล้ว งั้นก็รีบทิ้งเงินและข้าวของมีค่าเอาไว้ให้หมด อ๋อ...แถมผู้หญิงข้าง ๆ ตัวแกด้วยนะ หน้าตาสวยก็สวย หุ่นก็ดี อย่างนี้พวกฉันคงมีความสุขได้หลายคืนอยู่เชียว ก่อนพาไปเร่ขายเนื้อสด” ไม่ได้หื่นอย่างได้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้หรอก แต่คำสั่งที่ได้รับมา คือ
เมื่อเห็นว่าร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ กฤติกาเลยใช้วิธีการ...งับ!! ปากเล็กอ้ากว้างและทาบกดฟันซี่เล็กบนต้นแขนแกร่งเต็ม ๆ“โอ๊ย!! เจ็บนะลูกไก่” คนถูกกัดโอดครวญ แต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างอรชรให้หลุดจากแขน แต่กลับเลือกพาเธอไปใต้ร่มไม้ซึ่งมีกิ่งไม้ยื่นออกมา ก่อนปล่อยร่างอรชรแต่ก็ยังกักเธอไว้ในอ้อมแขน“ทำร้ายฉันอย่างนี้ ไม่กลัวฉันเอาคืนหรือไงลูกไก่” เอ่ยถามเสียงเข้มห้าวและดุเกรี้ยวพอ ๆ กับนัยน์ตาที่เปล่งประกายวาวด้วยเพลิงไฟ จับสองมือเล็กที่ระดมทุบสลับผลักดันกายหนาแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดชีวิตด้วยมือเพียงข้างเดียว“ไม่กลัว!!” กฤติกาตอบกลับเสียงสั่น ถามมาได้ว่ากลัวหรือเปล่า ไม่กลัวก็บ้าน่ะสิ ฉี่จะราดอยู่แล้วนี่ แต่ขืนไม่ทำอะไรก็กลายเป็นว่าเธอยินยอมให้เขาลากเข้ารกเข้าพงทำมิดีมิร้ายได้ง่าย ๆ น่ะสิ ไม่เอาหรอก เป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องมีฤทธิ์มีเดชเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกปล้ำกันง่าย ๆ กันเล่า“จริงหรือ...ไม่กลัว แล้วทำไมถึงเสียงสั่นล่ะ แล้วตัวก็...” อันเจโล่ลากเลื่อนนิ้วยาวบนกายนุ่มนิ่มที่สั่นระริกราวนกน้อยที่ผลักตกลงไปในน้ำไหลเชียวกราก “สั่นอย่างลูกไก่ตกน้ำด้วยนี่น่า” ชา
“หือ...แล้วจะกลับไงล่ะ บอกคนเรือให้พากลับหรือ เอาสิถ้าเธอคิดว่าเขาเชื่อฟังนะ” อันเจโล่ท้าทายอย่างอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรให้คนเรือนำเรือกลับเข้าฝั่งได้เธอว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรสักอย่าง ‘โอ๊ย!! นี่เธอจะจัดการยังไงกับอีตาคิงคองเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนี่ดีนะ’“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” กดแขนกอดกระชับ เมื่อคนตัวเล็กขยุกขยิกอยู่ไม่สุกและเริ่มต้นร่ายระบำรำฟ้อนเล็บแหลมยาวบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมกับส้นเท้าทิ้งน้ำหนักกดลงมาบนเท้าใหญ่ “ไม่รู้หรือไงว่าบนเรือเร็วแบบนี้เขาห้ามเดินไปเดินมา มันไม่ปลอดภัย”“เหอะ...อยู่กับคุณ ไม่ปลอดภัยกว่าร้อยเท่าพันเท่า ปล่อย!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่และทั้งผลักทั้งดันตามด้วยทุบไปอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าคีมเหล็กจะง้างออก“ไอ้ที่ไม่ปลอดภัยนะหัวใจเธอใช่ไหมล่ะลูกไก่ เพราะตอนนี้มันดันมาหลงรักฉันไปแล้ว”พูดไปก็เหมือนเข้าตัวของเธอเอง กฤติกาเลยเลือกที่ไม่พูดกับชายหนุ่มและหันไปตะโกนบอกกับคนขับเรือให้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ทว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านหูคนขับเรือไป ด้วยคำพูดของคนตัวใหญ่“ทำตามคำสั่งของฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้สองเท่าจากค่าจ้างของคุณลูกไก่” ดังกว
“อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงหวั่นไหว ถ้าตกปากรับคำไป เกิดอีตาคิงคองนี่ขอนอนกับเธอ อะไรทำให้คิดอย่างนี้น่ะหรือ ก็สายตาวามวาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปกปิดจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นี่น่ะสิ เลยต้องถามเอาไว้ก่อนอันเจโล่อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ตอบคำถามกฤติกาเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนเขาเอ่ยพูดออกไป ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้ลงมือทำเลยไม่ดีกว่าหรือ ชายหนุ่มแนบปากร้อนระอุแนบลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่ม จูบซับดูดดื่มกับความหวานปานน้ำผึ้งรวงราวกับจะสูญเอาวิญญาณออกจากร่างจนหนำใจ ถึงได้ยอมถอนจุมพิตออกและปล่อยร่างคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวย“ให้ฉันใส่เจ้านี้ให้ด้วยไหมลูกไก่ อืม...ความจริงแล้ว ฉันเป็นคนถอดมันออกไป ฉันก็น่าเป็นคนใส่ให้ด้วยสินะ”“ไม่ต้องเลย ให้คุณใส่ก็มีหวังฉันไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่น่ะสิ” โชคดีที่เธอเพิ่งขัดถูล้างห้องน้ำ ก่อนทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องน้ำด้านบนที่อยู่ในห้องนอน ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งมึน...มากกว่าวาบหวาม อับอายระคนโกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ดังเช่นตอนนี้มือเล็กยื่นไปหมายคว้าเสื้อชั้นในมาปกปิดอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อม ยั่วยุอารมณ์พ่อคนตัวใหญ่ ซึ่งทอดมองมาตาปรอย แต่แล้วอันเจโล่กลับยกขึ้นสูง “คุณ...เล่นบ้าอ