“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”
น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ แต่ทำให้กลุ่มคนที่ถูกถามยิ่งเกิดอาการร้อนสลับหนาวราวกำลังจับไข้ หวาดหวั่นในอก จนเหงื่อผุดไหลออกมาจากข้างขมับ อันเนื่องมาจากรัศมีแห่งอำนาจที่แผ่กระจายมาจากชายเรือนร่างสูงใหญ่อกกว้างผึ่งผาย ซึ่งยืนสองมือสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสะแล็คส์เนื้อดีรีดเสียจนเรียบ ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอกตึก
ที่ตั้งของบริษัทผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ต่างๆ คืออาคารสามชั้น ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพียงมองลอดผ่านม่านสีขาวและหน้าต่างกระจกสีชาก็ทำให้เห็นแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ เมฆหมอกสีขาวลอยละลิ่วล่องไปตามกระแสลม ท้องฟ้าสีฟ้าครามและแผ่นพื้นน้ำเป็นสีเขียวอมฟ้าคราม
ท้องทะเลกว้างไกลยาวสุดตา ส่องกระทบกับแสงพระอาทิตย์ซึ่งสาดส่องมาราวกับเพชรหลากสีสัน สายน้ำรวมตัวกันเป็นเกลียวสะบัดไหวปลิวไปตามกระแสลมแรง ละม้ายระลอกคลื่นไล่ล้อกันอย่างสนุกสนาน ก่อนสาดซัดเข้าหาฝากฝั่ง บางส่วนกระแทกเข้ากับโขดหิน ราวกับน้ำทะเลนั้นขอล้อเล่นกับก้อนหินแข็งแกร่งและสายลมพลิ้วเบา บางส่วนก็กลายเป็นฟองฟูฟ่องสาดซัดล้อเล่นกับทรายขาวสะอาด สิ่งที่เห็นเป็นดังเช่นอัญมณีแห่งท้องทะเล นามมุกมรกตที่หลายคนใฝ่ฝันอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
แสงและสีอันสดใสสวยงามเบื้องนอกไม่ได้ทำให้หนุ่มร่างสูงคลายความร้อนรุ่มในหัวใจได้เลยสักนิด มีแต่จะถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงโทสะมากยิ่งขึ้น ด้วยเอ่ยถามไปแล้วไร้คำตอบกลับมา ชายหนุ่มละสายตาหันกลับมามองผู้เข้าร่วมการประชุมทุกคน เพียงแค่เขาเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ละคนก็สะดุ้งเฮือก หน้าตาซีดเผือดเหลือสองนิ้วเห็นจะได้
มือใหญ่วางทาบบนพนักเก้าอี้ ดึงลากเบาๆ แต่ก็มีเสียงล้อครูดกับพื้น อย่างกับมีใครเอามีดทื่อๆ ไปถูกกับหินขัด จนเกิดเสียงเสียวเข้าไปในช่องปากลามไปถึงใบหูคนที่ได้ยิน จนแต่ละคนแทบไม่กล้าหายใจเข้าออก ทั้งที่ภายในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นจัด แต่ทุกคนกลับร้อนรุ่มราวกับนั่งอยู่บนกองเพลิง เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยลงมาก็ยังไม่กล้ายกมือขึ้นเช็ด
ยิ่งเมื่อร่างหนาใหญ่ทรุดตัวลงนั่ง เอนกายจนแผ่นหลังอิงกับเบาะนุ่มๆ กางแขนออกเล็กน้อยทาบสองมือจับกัน เคาะนิ้วชี้กระทบกันเบาๆ ขณะกวาดตาสีเทาอมเขียวขี้ม้าที่ฉายแววเนือยๆ และเฉื่อยชา มองผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนอย่างพินิจพิเคราะห์ เหมือนกำลังประเมินศักยภาพ เขาและเธอเหล่านี้ เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ทำอยู่ และผลตอบแทนที่ได้รับในทุกๆ เดือนหรือไม่
สายตาคมกริบราวกับสายตาพญาอินทรีที่กราดมองมา ทำให้คนถูกมองหนาวยะเยือกราวกับนั่งอยู่บนเก้าอี้น้ำแข็ง กลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง ด้วยรู้กันดีว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นมายาหลอกตาเท่านั้น ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายสิ่งใด แต่เขาคนนี้กลับร้ายยิ่งกว่าเสือ ดุยิ่งกว่าสิงโต เหี้ยมหาญอย่างร้ายกาจ สามารถปล่อยหมัดเดียวทำให้คนหลับทั้งยืนมาแล้ว
ดวงตาเข้มจัดกวาดไล่ไปหยุดอยู่ที่หนุ่มหน้าละอ่อนคนสุดท้ายฝั่งขวามือ พร้อมคำพูดที่ออกจากปากหนาหยัก เหมือนกำลังยิ้มหยามคนทั้งโลก
“ฉันควรได้รับคำตอบ มากกว่าการนั่งเงียบแบบนี้ไม่ใช่หรือ” ไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร แต่คิดว่าคนตั้งหกเจ็ดคนที่เข้าร่วมประชุม น่าจะให้คำตอบได้บ้าง ไม่ใช่นั่งเงียบเป็นเป่าสากอย่างนี้
“เวลาที่ให้ไปไม่พอจะหาคำตอบหรือไง” เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง พลางตวัดสายตากร้าวแข็งมองไล่ไปยังหัวหน้าแผนกแต่ละคนอย่างคาดคั้นเอาคำตอบที่ต้องการ
“ขอโทษครับเจ้านาย พวกผมทำงานสะเพร่า ทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทรั่วไหล”
“อย่างนี้ควรพิจารณาตัวเอง”
คำพูดผู้เป็นเจ้านายทำเอาทุกคนในที่ประชุมสะดุ้งกันเป็นทิวแถว ถึงแม้งานจะหนัก เจ้านายก็ดุและเข้มงวด ด้วยต้องการให้ผลงานออกมาดี ทว่าผลตอบแทนก็ดีถึงขั้นที่เรียกว่าดีมาก ไม่เพียงแค่เงินเดือนประจำที่สูงลิ่วอยู่แล้ว ยังจะมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักฟรี ยังจะมีอาหารและบริการรถรับส่ง การได้ท่องเที่ยวต่างประเทศฟรีทั้งครอบครัว หากแม้ใครมีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน ก็ยังมีทุนการศึกษาให้ด้วย อย่างนี้แล้วยังมีใครกล้าทุบหม้อข้าวตัวเองอีกเล่า
“ให้เวลาพวกคุณอีกสามชั่วโมงดีไหม ถ้ายังหาคำตอบในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ คงไม่ต้องให้บอกซ้ำนะ ควรทำยังไง”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็จริง ทว่าในอกนั้นร้อนราวกับมีไฟสุมอยู่ งานนี้ถ้าหวังพึ่งแต่พวกไร้สมรรถภาพเหล่านี้ บริษัทเขาจะต้องเสียหายทั้งด้านชื่อเสียง และความเชื่อมั่นจากกลุ่มบริษัทที่ใช้บริการอยู่ รวมไปถึงเม็ดเงินอันมากมายมหาศาลที่จะต้องสูญเสียไปด้วย แล้วครอบครัวเขาเล่า
งานนี้...เห็นทีเขาต้องลงมือด้วยตัวเองเสียแล้ว!
เสียงเคาะประตูเบาๆ เหมือนไม่กล้า แต่ขัดไม่ได้ดังขึ้น ก่อนมีเสียงคนเปิดเข้ามา เรียกความสนใจจากชายซึ่งยืนเอนกายแอบอิงขอบหน้าต่างหันมองเพียงแค่เล็กน้อย แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าแกร่งกระด้างบึกบึนก็หันกลับไปทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ซึ่งขณะนี้มีสาวน้อยร่างสูงโปร่งกำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่
เธอคนนั้นคงรู้ว่ากำลังถูกมองก็เลยหยุดและเงยหน้าขึ้นมา ก่อนกลีบปากสีชมพูอิ่มนุ่มจะฉีกยิ้ม แก้มขาวนวลอมชมพูระเรื่อป่องออก มือเรียวยกขึ้นโบกไม้โบกมือให้ ก่อนหันไปทำกิจกรรมส่วนตัวต่อไป
“นายครับ” ผู้มาใหม่ยืนรออยู่เป็นครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยเรียกเป็นนายน้ำเสียงอ่อนเบา สีหน้ายุ่งยาก
“มันเป็นใคร” เอ่ยถามเสียงแข็งดุกร้าว นัยน์ตาเข้มดุไม่ผิดแผกกับแววตาสัตว์ร้ายยามค่ำคืน ที่พร้อมกระโจนใส่ศัตรูผู้หมายล่าเอาชีวิต อยากรู้นักใครกล้าเอาของเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
คนถูกถามมองผู้เป็นนายอย่างรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งยวด ในทรวงอัดแน่นไปด้วยความอึดอัด ด้วยข้อมูลที่ได้มามีสิ่งที่นายต้องการเพียงนิดเดียว
“เอ่อ...เรายังควานหาตัวไม่พบเลยครับ คิดว่าการจารกรรมข้อมูลไปขายให้คู่แข่งน่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว” สิ้นเสียงคนที่รายงานถึงกับหยุดกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองที่สุด หยุดรายงานไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อเรียกเรี่ยวและและพละกำลังที่มีน้อยนิดขึ้นมาบอกกล่าวในสิ่งที่ตนได้ล่วงรู้มา แต่ไร้ซึ่งหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เชื่อว่าข่าวที่ได้รับมามีความจริงเกินครึ่ง
“ตอนนี้...” แม้ตัดสินใจแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เขากลับพูดไม่ออกเสียดื้อๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบคอและผ้าอุดปากซ้ำ
รอฟังอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมาจากปากลูกน้อง ชายหนุ่มถึงต้องหันไปมอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย “อะไร”
“คิดว่าว่าซอฟแวร์เกี่ยวกับการป้องกันและดักจับผู้บุกรุกอันไม่พึงประสงค์ที่อยู่ในช่วงของการทดลองก็อาจถูกจากกรรมไปแล้วด้วยครับ” กว่าจะพูดจบเขาคิดว่าใช้เวลานานเป็นโยชน์ ยิ่งผู้เป็นนายยังคงเงียบกริบอยู่ ทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์อันเงียบงัน จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ ที่อึดอัดเหมือนกับมีกระแสลมร้อนผ่าวไหลวนเวียนมาจากทุกสารทิศอัดเข้าตรงที่กล้ามเนื้ออก
แค่ลักษณะภายนอกของผู้เป็นนาย เรือนร่างสูงใหญ่ราวกับหุ่นทองแดงสำฤทธิ์ ผิวเนื้อสีน้ำตาลคล้ามแดด เครื่องหน้าเข้มจัดยิ่งมีหนวดเคราที่แลเห็นเป็นปื้นเขียวยาวจากข้างแก้มและเหนือริมฝีปาก ดวงตาสีเทาอมเขียวขี้ม้า คมดุใต้กรอบตากว้างลึก มองมาแต่ละครั้งทำให้เขานึกถึงนกอินทรีที่เหินอยู่บนเวหา ใช้สายตาอันแหลมคมและฉับไว มองเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล โจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทำเขากลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้วต้องมาเจอกับมาดนิ่งๆ แต่ประกายในดวงตาเจิดจรัสวาวจ้าราวสิงโตตัวเขื่องหมายขย้ำเหยื่อ บวกกับพระอาทิตย์จากด้านนอกสาดแสงส่องมาขับเน้นพายุเพลิงโทสะเป็นราวน้ำแข็งห่อลาวาเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณอีก อากาศในห้องที่เย็นจัดกลับร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับอยู่ในเตาอบก็มิปานถ้าเป็นไปได้ เขาอยากบอกว่าตัวเองกลัวจนขี้หดตดหาย อยากวิ่งออกจากห้องไปแล้วไม่ย้อนกลับมาอีก แต่ทำไม่ได้ เพราะเขามีภาระหน้าที่ต้องหาเงินไปจุนเจือครอบครัว รักษาพ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคไตเรื้อรัง รวมถึงค่าเทอมน้องที่เหลือเพียงแค่ปีเดียวก็จบแล้ว เขาจะเป็นไทมาเปราะหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะต้องเจอเข้ากับพายุร้ายโหมกระหน่ำ จนเรือไม้ผุแทบแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ต้อ
“ไม่รีบไปไหนใช่ไหม นั่งคุยกันก่อนสิ คิดถึงจะแย่ แวะไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอ แล้วเป็นไงสบายดีใช่ไหม ทำงานอะไรล่ะตอนนี้ หางานอยู่หรือเปล่า ต้องการให้ช่วยอะไรบอกได้นะ”“ดีใจอะไรหนักหนาฮึ ถามยาวเป็นหางว่าวเชียว หยุดหายใจบ้างก็ได้ ฉันยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีหายไปไหน” หญิงสาวกระเซ้ากลับแววตาเป็นประกายสดใส ทอดสายตามองเพื่อนอย่างดีใจเช่นกัน นับตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย แต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไปทำตามความฝันของตัวเอง เธอไปเรียนต่อในเมืองหลวง ในขณะที่แสงกล้าก็มีหน้าที่ทำมาหากิน เพื่อช่วยครอบครัวอันมีพ่อและแม่ รวมถึงน้องๆ อีกสองคนแม้จะเป็นเพื่อนสาวที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ เคยร่วมเรียนร่วมเล่น เกือบจะเรียกได้ว่าเคยหนีพ่อแม่มาแก้ผ้ากระโดดน้ำในทะเลเล่นกันอยู่เลย แสงกล้าก็ยังมีความอายเล็กๆ จึงเสมือหนายกขึ้นลูบต้นคอแกร่ง “ก็คนมันคิดถึงนี่น่า เจอหน้ากันตั้งหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้พูดกันเลย”“เพราะคนบางคนไม่กล้าเข้ามาทัก กลัวคนใกล้ตัวหึงละมั้ง” กฤติกาอดกระเซ้าหยอกคนขี้อายไม่ได้ รับรู้มาตลอดว่าเพื่อนชายผิวหมึกแต่หน้าหวานคนนี้ แอบรักแอบชอบสาวต่างโรงเรียน ที่เผอิญได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือตอนที่รถมีปัญหา จนถูกเพื
“เออ... ให้มันเจริญๆ แล้วกัน” ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะอึ้งจนพูดไม่ออกเสียมากกว่า“อ้าว แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไงไอ้พระแสงกล้ามีดบิ่น แช่งกันนี่หว่า” ดวงหน้าขาวใสงอง้ำ นัยน์ตากลมใสเริ่มเปล่งประกายเจิดจ้า กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างเอาเรื่องแสงกล้าสะบัดศีรษะ ขึ้นชื่อเขาด้วยไอ้และเรียกยาวต่อท้ายมาด้วยสรรพนามแปลกๆ เมื่อไหร่ แสดงว่าเพื่อนสาวไม่เริ่มไม่พอใจแล้ว ให้เขารีบดึงการสนทนาออกไปเส้นทางอื่น ก่อนความโกรธนั้นจะทำให้อีกฝ่ายงัดเรื่องน่าอายๆ ของเขามาพูดประจานให้อายเพื่อนฝูง“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แกคิดมากไปเองต่างหากล่ะ ว่าแต่แกเถอะ มาจากไหนนะ ไหนว่าเปิดร้านแล้วทำไมถึงไม่เฝ้าร้าน”“ฉันก็มีธุระปะปังกันบ้างสิ จะให้นั่งเฝ้าร้านตลอดยีบสี่ (ยี่สิบสี่) ชั่วโมงได้ไงกัน” หญิงสาวตวัดค้อนขวับๆ ใส่เพื่อนที่พอมีแฟนแล้วรู้สึกว่าหน้าตาจะแจ่มใสขึ้น ยิ้มเก่งหัวเราะง่ายเสียเหลือเกิน เห็นอย่างนี้แล้วชักจะอิจฉา อยากมีแฟนมาคอยดูและกะเขามั่งจัง แต่พอคิดอีกที ไม่ดีกว่า มีลูกกวนตัว มีแฟน (ผัว) กวนใจ มีทั้งลูกมีทั้งแฟน (ผัว) กวนทั้งตัวกวนทั้งใจ “พอดีแม่มาหานะ ฉันเลยถือโอกาสมาส่งของไปรษณีย์
“เขาชื่อริวาโก้ คาสซายะ”“อ๋อ...อะไรนะ วันวันโก้ คัดจายะ เออ...แปลกดีนะ ทั้งชื่อทั้งนามสกุลเลย พ่อแม่ตั้งมาได้ไงหว่า? ชื่อยังกับคนเป็นหวัด” แสงกล้าแกล้งผันชื่ออีกฝ่ายให้ผิดเพี้ยนไปด้วยตั้งใจล้อเพื่อน“รู้ไหมยายลูกเจี๊ยบ ตอนนั้นกลัวใจแกจะแย่ กลัวทนเก็บความรักเอาไว้ในอกไม่ไหว รีบไปสารภาพรักและเอาไม้หน้าสามตีหัวไอ้ฝรั่งดองนั่นพาเข้าห้องปล้ำเขาเสียแล้วนะ” แบะปาก พร้อมเสียงขลุกขลักในลำคอ กลั้นหัวเราะจนหน้าคล้ำแดดเริ่มมีสีแดงแต้ม“เออ...ทีใครทีมันนะไอ้กล้า” กฤติกายกมือชี้หน้าเพื่อน จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น กลีบปากอิ่มนุ่มยู่ยื่นถึงวันนี้เธอก็ยังไม่กล้าบอกความในใจให้กับเพื่อนหนุ่มคนที่ถูกเอ่ยถึงได้รู้ แต่ยังดีที่ก่อนอีกฝ่ายจะตามบิดากลับไปประเทศ เธอและริวาโก้ได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว จึงไดมีการติดต่อทางจดหมาย ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นการสื่อสารในโลกออนไลน์อย่างปัจจุบัน และไม่ค่อยจะอายสักเท่าไหร่ ถ้าจะพูดคุยเรื่องความรู้สึกภายในที่เหมือนกับการแย้มๆ เปิดหัวใจให้อีกฝ่ายได้ล่วงรู้ถึงความภายในใจที่มีให้“ไม่แขวะฉันสักครั้ง แกกินปลาแล้วก้างมันติดคอหรือไงวะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างกระแทกกระทั้น หน้าบูดบึ้ง“
“บอก...ไม่บอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะบอกแกล่ะ บอกไปก็ไม่เป็นความลับสิ ไม่บอกหรอกย่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา นัยน์ตาใสพร่างพราวระยับ ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ อย่างบอกให้รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดูได้จากแก้มนวลเนียนใสที่สีระเรื่อขึ้นป่องออก“แกเก่งไม่ใช่เหรอ เดาเอาเองสิ” ความจริงเธอยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แค่ขู่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองแหละ“บอกมานะแก ไม่งั้นฉันไม่พาแกกลับนะโว้ย”กฤติกาหน้ามุ่ยเมื่อผู้เป็นเพื่อนเล่นมุกนี้ จะทำไงได้ก็เธอดันขอติดรถอีตาผิวหมึกนี่มาซะด้วย หญิงสาวกลอกตาไปมากอย่างคนคิดหนัก “อ๊ะ...ฉันบอกแกก็ได้ จะทำอะไร แกเอาหูมาใกล้ๆ สิ จะได้บอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ” คิดว่าเธอจะแพ้ง่ายๆ งั้นหรือ หึ...คิดผิดเสียแล้วไอ้เพื่อนเกลอ“แกมีแผนอะไรหรือเปล่ายายลูกเจี๊ยบ” จะไม่ให้เขาถามอยางนี้ได้ยังไง ก็ดวงตายายเพื่อนตัวแสบมันเปล่งประกายพร่างพราวระยับเหลือเกินนี่น่า ต้องหาเรื่องคิดแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ“เปล๊า” กฤติกาตอบปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว สะบัดศีรษะจนเส้นผมกระจาย แถมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หลุบตาเล็กน้อยปิดบังความเจ้าเล่ห์ไม่ให้เพื่อนหนุ่มได
ใบหน้านวลผุดผ่องถึงกับบึ้งตึง เธอรึก็พูดออกจะเสียงดัง ทว่าชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ จนทำให้นึกถึงตัวเจ้าลิงตัวโตราวกับตึกสามชั้นนามคิงคองยักษ์ที่เพิ่งดูผ่านไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง อ้อ...ไม่ใช่ไม่มีนะ มีเป็นรัศมีเย็นๆ ปะปนด้วยความเกรี้ยวกราดลอยมามากระทบ ทำให้ต้องรีบสาวเท้าบอบบางถอยร่นออกมา แต่การไพล่ไปสะดุดอะไรก็ไม่รู้ของเธอกลายเป็นปัญหา เพราะเมื่อทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาการปวดแปลบที่ข้อเท้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาเป็นสาย“อูย!!” กฤติกาเผลอร้องเบาๆ เจ็บจนหน้านิ่ว รีบเอียงตัวลงจับ ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ ตั้งแต่เช้าที่เมื่อตื่นนอนเพราะฝันร้ายเลยพลัดตกจากเตียงนอนขนาดสามฟุต มีผ้าห่มนวมผืนโตห่อมัดกายราวกับมัมมี่ เปิดประตูห้องน้ำก็ดันเอาหน้าผากโขกไปกับประตู ดีว่าหัวไม่โนให้อับอายแสงกล้าที่หากรู้จะต้องเอามากัด ก่อนขึ้นรถมานี่ก็ดันไปเหยียบเอาเปลือกกล้วยถลาเกือบจะล้มตะครุบกบ ดีว่าเอามือยันตัวรถไว้ได้เสียก่อน“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงดุไม่แพ้วงหน้าที่เรียบเฉยจนเป็นเย็นชา ยื่นมือไปช่วยจับร่างเล็กที่เอียงจะล้มแหล่มิล้มแหล่อย่างเร็ว‘คิดจะอ่อยเขาด้วยการแสร้
กฤติการู้เพียงแค่ว่าวินาทีนี้เธออยากกรีดร้องอย่างนางมารร้ายที่ถูกนางเอกแย่งแฟนอย่างในละครทีวีเสียเหลือเกิน ผู้ชายอะไรบ้าชะมัด...ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรโรงพยาบาล ต่อให้หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาราวกับพระเอกหนัง แต่อ้าปากพูดแล้วเหมือนกับเพาะพันธุ์ไอ้ด่างสี่ขาไว้จนเต็มอย่างนี้ จากคะแนนสิบเต็มที่ให้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้น่ะหรือลดฮวบฮามแถมติดลบสิบด้วย กลายเป็นผู้ชายที่สมควรจะจรลีหลีกหนีไปให้ไกล ๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอามาทำพันธุ์!“เฮ้ย!! จะทำอะไรนะ โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง ฉันเจ็บนะโว้ย ปล่อย!!” ทุบไปบนร่างหนายักษ์ที่ยังไงก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังจะเงยหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุกร้าวมองมา โดยมือยังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอ“จะหักขาทำให้เธอให้เดินไม่ได้ แทนการหาผ้าขี้ริ้วมาอุดปากเธอ” ชายหนุ่มขู่เสียงต่ำในลำคอ แยกเขี้ยวโง้งใส่ คำพูดจากปากหนายังไม่ทันจะขาดดี ความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะหักกร๊อบดังสะเทือนเลื่อนลั่นในหูกฤติกา“โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง แกจะฆ่าฉัน...หรือไงหา ไอ้บ้า!!” กลีบปากสีชมพูอิ่มระเรื่อหวีดร้องเสียงหลง น้ำตาหยดแหมะลงบนร่องแก้ม อีตาคิงคองยักษ์นี่หักขาเธอทิ้งแล้วใช่ไหม!ดวงหน้านวลงอง้ำ ขบกัดกลีบปากท
ถึงแม้ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกและเหตุผลรองรับ ทำไมเขาถึงได้เลือกตามสามคนนั้นมาเมืองไทย ไม่เลือกตามอีกกลุ่มเขาไป คงเป็นเพราะเชื่อในสัญชาติญาณที่บ่งบอกว่า สามคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป ซึ่งเขาจะต้องตามหาตัวให้เจอ พร้อมหาหลักฐานมาผูกมัดตัวคนพวกนั้น หรือใครคนใดคนหนึ่งที่กล้ากระตุกหนวดเสือร้ายอย่างเขาให้จงได้เหตุการณ์ในครานี้บอกให้เขาได้ล่วงรู้ว่า คนที่ทำเรื่องนี้มีพวกด้วยเช่นกัน การเดินทางที่สมควรเป็นความลับ ด้วยเขาปิดทุกคนแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่ก็ยังมีคนล่วงรู้จนได้ แล้วยังส่งยายผู้หญิงปากเสียมาแย่งชิงคอมพิวเตอร์ไปอีก คงคิดว่าข้อมูลสำคัญนั่นจะอยู่ในเครื่องล่ะสิ เขาไม่โง่ซ้ำสองซ้ำสามแบบนั้นหรอก อีกอย่างเกิดเหตุการณ์นี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้ว่าการมาหาหลักฐานครั้งนี้มีมารคอยขัดขวางอยู่ จะได้ระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองและลูกน้องที่ตามมาเป็นอันตราย“ครับ” ที่รับปากน่ะไม่ใช่เพราะจะตามหาตัว แต่งุนงงต่างหาก ด้วยคำพูดคนเป็นนายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ให้หาด้วยจิตพิศวาสแต่อย่างใด หากแต่หาด้วยจิตมุ่งหมายคิดร้ายเสียมากกว่า เจอกันเพียงครั้งเดียว แม่ตัวเล็กนั่นไปทำอะไรให้นายเขาไม่พอใจ จึงจัดให้ถึงเพี
กฤติกาหายใจหอบพร่า มือใหญ่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ลูบไล้ไต่ไปบนเรือนร่างอรชรตรงเข้าครอบครองทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งปลายยอดชูชันสนองตอบ ปลุกเร้าเพลิงพิศวาสในกายสาวให้ตื่นจากหลับใหล สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ปากอิ่มแยกแย้มกว้างยิ่งขึ้น เธอหาญกล้าถึงขนาดส่งเรียวลิ้นเล็กเข้าไปสำรวจโพรงปากอุ่น กระหวัดเกาะเกี่ยวกับเรียวลิ้นอุ่นชื้น เรียวนิ้วเล็กสอดแทรกไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม บดเบียดแลกจุมพิตกับอันเจโล่จนชายหนุ่มถึงกับเปล่งเสียงร้องคำรามลั่น“ลูกไก่จ๋า...หวานที่สุดเลยรู้ไหม” เอื้อนเอ่ยเสียงแตกพร่า คลอเคลียปากอุ่นระอุไซ้ซุกซอกคอขาว นิ้วยาวหยอกเอินคลึงเคล้นยอดบัวตูมเต่งจนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง ส่งยืนกายสาวเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มรสทุกซอกมุมอย่างถนัดถนี่ จนชายหนุ่มถึงกับทนไม่ไหว ประพรมปากอุ่นระอุแนบบนกลีบปากนุ่มอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์ด้วยความหวานเร่าร้อน แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางขึ้นไปทอดตัวนอนบนฟูกใบไม้ ให้แสงไฟสาดส่องมาเพื่อเขาจะได้ยลกายสาวงามสะพรั่งอย่างชัดเจน“คุณอันเจโล่...ไหนคุณบอกว่าจะไม่...” กฤติกาเอ่ยถามเสียงสั่น รีบยกมือปิดบังทรวงอกอวบอิ่มไว้จากสายตาคมวามวาวเต็มไปด้วยคว
“สัญญา ไม่ปล้ำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอย่างอื่นลูกไก่นี่น่า” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงพร่าแหบจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตากลมใส “แล้วอีกอย่าง...เธอก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจไหม”ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาในแววตาและรอยยิ้มบนมุมปากหนาหยัก แต่ในตอนนี้เพราะต้องการเอาตัวรอดกฤติกาจึงรีบพยักหน้ารับ “ละ...แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” หญิงสาวถามกลับอย่างตะกุกตะกัก“อยู่เฉย ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน” อดไม่ได้เลยที่จะไม่ไต่มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม“ให้คุณปล้ำฉันง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ”อันเจโล่ถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก เรื่องง่าย ๆ ทำไมกฤติกาถึงได้ทำให้กลายเป็นเรื่องยากนักก็ไม่รู้ แค่เขาเอาเสื้อผ้าเธอออกแล้วไปผึ่งไฟให้แห้ง กับการนอนกอดและแตะต้องเธอนิดหน่อยนี่มันทำใจยากนักหรือไง“มันก็ไม่แน่ ถ้าหากเธอยังทำตะบึงตะบอนยั่วฉันอยู่อย่างนี้”กฤติกาทำหน้างอง้ำ ตกลงเธอผิดอีกแล้วใช่ไหม น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นและพลัดตกจากสองเบ้าตาอย่างรวดเร็ว“โอ๋...ไม่ร้องนะคนเก่ง” อันเจโล่รียยกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาบนร่องแก้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องมาโอ๋ ไม่ใช่เด็ก” หญิงสาวปัดมือใหญ่ออกห่าง ขบเม้มกลีบป
กฤติกากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ไม่อยากมองอันเจโล่เลย แต่ถ้าเธอละสายตาจากเขาไปเพียงนิดเดียว อีตาคิงคองหื่นต้องคว้าแขนจับเอาตัวไป จากนั้น...ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะอาจไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรื่องบ้า ๆ นั่น เป็นเธอนี่แหละอยากปล้ำเขาแทน ก็ใจมันอยากตกเป็นของชายหนุ่มจะแย่อยู่แล้วอันเจโล่สะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา รู้นะกฤติกากลัวอะไร แต่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอย่างที่เธอกลัวหรอก มันเสี่ยงเกินไป อีกอย่างจะแอ้มสาวเอาความจิ้นของเขาทั้งที ให้ใช้หาดทรายอย่างนี้น่ะหรือ...แม้มีเสียงสายน้ำสาดซัดพื้นทรายเป็นทำนองเพลง มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ดาราดาษดื่นส่องแสงมาราวกับจะอิจฉาริษยา สายลมพัดโชยโบกร่วมโลมไล้ร่างน้อย ใบไม้ก็พร้อมใจกันไหวเอนลู่โอนละม้ายคล้ายระรอกคลื่นไล่ล้อกันคล้ายเสียงกระซิบหยอกเย้า โรแมนติกน่าจดจำอยู่หรอกนะ แต่...จะหม่ำลูกไก่มีฤทธิ์แต่หวานอย่างแรง...อย่างกับมีหมู่มวลพฤกษานานาพันธ์ครั้งแรกต้องเป็นห้องสบาย ๆ หรู ๆ อย่างในโรงแรมที่เขาพักโน่น จุดเทียนไขพอให้มีแสงวับ ๆ แวบ ๆ มีเสียงดนตรีหวาน ๆ คลอเคล้า บิ้วอารมณ์ต่ออีกนิด ด้วยกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ทำให้เขามีเรี่ยวแรงหม่ำลูกไก่น
“อ้าว” คนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางใดทำหน้าเหรอ “เธอเป็นไกด์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”“ฉันเป็นแค่ไกด์ ไม่ได้เป็นพรานนำทาง แล้วอีกอย่างไกด์อย่างฉันมีหน้าที่พาลูกทัวร์ไปดำน้ำ ไม่ได้พาลูกทัวร์เจ้าเล่ห์ หื่นกาม บ้าตัณหา คิดเป็นแต่จะลากผู้หญิงขึ้นเตียงอย่างเดียวมาถูก...รุมสะกรัมกินขนมตุบตับและหลงป่านี่น่า” กระดิกปลายเท้าอย่างรื่นรมขึ้นมานิด ๆ เพราะไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ย เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย“เห็นตัวเล็ก ๆ แค่นี้ กินอะไรเข้าไปนี่ ตัวหนักเชียว” คนตัวใหญ่กระเซ้า หันหลังกลับเดินไปทางเก่า เขาว่ากลับไปหามุมใดมุมหนึ่งหลบรอคอยคนเรือและลูกน้องที่แถว ๆ หน้าชายหาดจะดีกว่าปึก!! กฤติกากำหมัดทุบไปบนแผ่นหลังกว้าง “คุณนี่ปากเสียจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้หนักเสียหน่อย คุณนั่นแหละที่แก่แล้ว เลยอุ้มเด็กแรกรุ่นอย่างฉันไม่ไหว”อันเจโล่หัวเราะ “อยากรู้ไหวไม่ไหวเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดให้แล้วกัน รุ่นนี้น่ะเตะปี๊บไม่มีได้ยินเสียงตก กลัวเธอนั่นแหละที่จะรับไม่ไหวลูกไก่” พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ มือหนึ่งจับสองขาเรียวไว้ อีกมือยกขึ้นมาลูบไล้ลำแขนเสลาให้รู้ความนัยของคำพูด“คุณนี่มัน...” ชายหนุ่มสวนกลับมามุกนี้ทำเอา
มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสาก “ฉันให้เงิน แกก็บอกมา ว่าใครเป็นคนว่าจ้างให้มาเก็บฉัน”“อย่าถามมาก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กับเมีย แกก็จ่ายเงินมาดีกว่า พวกฉันจะได้ไปเสียที เย็นจะตายอยู่แล้ว แม่ง...ไอ้ฝนห่าเหวบ้านี่มันจะตกลงมาทำไหมตอนนี้วะ”เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำให้พวกมันหายใจไม่สะดวก หมวกไหมพรมที่เปียกน้ำจึงค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปพำนักอยู่เหนือจมูก ซึ่งเป็นผลดีแก่อันเจโล่ที่จะจดจำรายละเอียดบนวงหน้าของแต่ละคนเอาไว้ เพื่อจัดการในภายหลัง“แหม...พวกแกนี่เร่งจริง ฉันคิดว่าจะให้สักล้าน ให้พวกแกแบ่งกันคนละสองแสน ถ้ายอมบอกชื่อคนว่าจ้าง แต่ปากหนักอย่างนี้เอาไปคนหมื่นสองหมื่นพอแล้วละ ให้มากเปลือง” คนเราเมื่อได้ยินเงินมาก ๆ ก็ตาโตลุกวาว “หรือเอาอย่างนี้ดีกว่าไหมลูกไก่ ฉันใจป้ำให้ซักห้าแสน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบอกชื่อคนว่าจ้าง” เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างเช่นกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนอยู่เบื้องหน้าเขานี่ไงละกฤติกาอ้าปากค้าง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่อย่างคิดไม่ถึง เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เพียงแค่ได้ความจริง แต่ยังตัดทอนกำลังคู่ต่อสู้ได้ด้วย“พวกมันไม่ทันสนใจ เรารีบไปกันดีกว่าลูกไก่”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น ฉันเอาตัวเองรอดได้ คุณนั่นแหละ เอาตัวเองให้รอดพ้นจากสหบาทาของคนพวกนี้จะดีกว่า” ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ห้าคนตรงหน้าที่ยืนล้อมไว้นี่ก็ดูท่าทางมีฝีมือด้วยเช่นกัน หุ่นแต่ละคนน้องๆ ของช้างอีก ส่วนคนพูดน่ะตัวคนเดียว จะเอาตัวรอดได้หรือ “น้องสาวนี่พูดถูกนะ ก่อนไปห่วงคนอื่นน่ะ เอาตัวเองให้รอดจากบาทาพวกกูก่อนดีกว่าไอ้ฝรั่งดอง”“พวกแกนี่...นอกจากเข้ามาเป็นมารขัดขวางความสุขฉันกับแฟนแล้ว ยังพูดจาหมาไม่รับประทานอีก เก่งมากใช่ไหม ช่วยโชว์ฝีมือแม่ไม้มวยหมู่ให้ได้ชิมหน่อยสิ” มวยไทยเขาไม่ได้เก่ง แต่ก็พอเป็นอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนอย่างอื่น...จะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนี้ดีละ...เทควันโด้ ไอคิโด้ หรือคาราเต้ดี“เฮ้ย!! พวกเราลุย เอามันให้มอบเว้ย!!”“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อน” พออีกฝ่ายกร่างเข้ามา มือใหญ่ก็ยกขึ้นโบกห้าม“มีอะไร หรือว่ากลัวแล้ว งั้นก็รีบทิ้งเงินและข้าวของมีค่าเอาไว้ให้หมด อ๋อ...แถมผู้หญิงข้าง ๆ ตัวแกด้วยนะ หน้าตาสวยก็สวย หุ่นก็ดี อย่างนี้พวกฉันคงมีความสุขได้หลายคืนอยู่เชียว ก่อนพาไปเร่ขายเนื้อสด” ไม่ได้หื่นอย่างได้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้หรอก แต่คำสั่งที่ได้รับมา คือ
เมื่อเห็นว่าร้องขอความช่วยเหลือแล้วไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือ กฤติกาเลยใช้วิธีการ...งับ!! ปากเล็กอ้ากว้างและทาบกดฟันซี่เล็กบนต้นแขนแกร่งเต็ม ๆ“โอ๊ย!! เจ็บนะลูกไก่” คนถูกกัดโอดครวญ แต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างอรชรให้หลุดจากแขน แต่กลับเลือกพาเธอไปใต้ร่มไม้ซึ่งมีกิ่งไม้ยื่นออกมา ก่อนปล่อยร่างอรชรแต่ก็ยังกักเธอไว้ในอ้อมแขน“ทำร้ายฉันอย่างนี้ ไม่กลัวฉันเอาคืนหรือไงลูกไก่” เอ่ยถามเสียงเข้มห้าวและดุเกรี้ยวพอ ๆ กับนัยน์ตาที่เปล่งประกายวาวด้วยเพลิงไฟ จับสองมือเล็กที่ระดมทุบสลับผลักดันกายหนาแกร่งให้ถอยห่างไปอย่างสุดชีวิตด้วยมือเพียงข้างเดียว“ไม่กลัว!!” กฤติกาตอบกลับเสียงสั่น ถามมาได้ว่ากลัวหรือเปล่า ไม่กลัวก็บ้าน่ะสิ ฉี่จะราดอยู่แล้วนี่ แต่ขืนไม่ทำอะไรก็กลายเป็นว่าเธอยินยอมให้เขาลากเข้ารกเข้าพงทำมิดีมิร้ายได้ง่าย ๆ น่ะสิ ไม่เอาหรอก เป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องมีฤทธิ์มีเดชเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกปล้ำกันง่าย ๆ กันเล่า“จริงหรือ...ไม่กลัว แล้วทำไมถึงเสียงสั่นล่ะ แล้วตัวก็...” อันเจโล่ลากเลื่อนนิ้วยาวบนกายนุ่มนิ่มที่สั่นระริกราวนกน้อยที่ผลักตกลงไปในน้ำไหลเชียวกราก “สั่นอย่างลูกไก่ตกน้ำด้วยนี่น่า” ชา
“หือ...แล้วจะกลับไงล่ะ บอกคนเรือให้พากลับหรือ เอาสิถ้าเธอคิดว่าเขาเชื่อฟังนะ” อันเจโล่ท้าทายอย่างอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรให้คนเรือนำเรือกลับเข้าฝั่งได้เธอว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรสักอย่าง ‘โอ๊ย!! นี่เธอจะจัดการยังไงกับอีตาคิงคองเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนี่ดีนะ’“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” กดแขนกอดกระชับ เมื่อคนตัวเล็กขยุกขยิกอยู่ไม่สุกและเริ่มต้นร่ายระบำรำฟ้อนเล็บแหลมยาวบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมกับส้นเท้าทิ้งน้ำหนักกดลงมาบนเท้าใหญ่ “ไม่รู้หรือไงว่าบนเรือเร็วแบบนี้เขาห้ามเดินไปเดินมา มันไม่ปลอดภัย”“เหอะ...อยู่กับคุณ ไม่ปลอดภัยกว่าร้อยเท่าพันเท่า ปล่อย!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่และทั้งผลักทั้งดันตามด้วยทุบไปอีก แต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าคีมเหล็กจะง้างออก“ไอ้ที่ไม่ปลอดภัยนะหัวใจเธอใช่ไหมล่ะลูกไก่ เพราะตอนนี้มันดันมาหลงรักฉันไปแล้ว”พูดไปก็เหมือนเข้าตัวของเธอเอง กฤติกาเลยเลือกที่ไม่พูดกับชายหนุ่มและหันไปตะโกนบอกกับคนขับเรือให้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ทว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านหูคนขับเรือไป ด้วยคำพูดของคนตัวใหญ่“ทำตามคำสั่งของฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้สองเท่าจากค่าจ้างของคุณลูกไก่” ดังกว
“อะไร” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงหวั่นไหว ถ้าตกปากรับคำไป เกิดอีตาคิงคองนี่ขอนอนกับเธอ อะไรทำให้คิดอย่างนี้น่ะหรือ ก็สายตาวามวาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปกปิดจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นี่น่ะสิ เลยต้องถามเอาไว้ก่อนอันเจโล่อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่ตอบคำถามกฤติกาเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนเขาเอ่ยพูดออกไป ไม่มีทางได้ในสิ่งที่ต้องการ สู้ลงมือทำเลยไม่ดีกว่าหรือ ชายหนุ่มแนบปากร้อนระอุแนบลงไปบนกลีบปากอิ่มนุ่ม จูบซับดูดดื่มกับความหวานปานน้ำผึ้งรวงราวกับจะสูญเอาวิญญาณออกจากร่างจนหนำใจ ถึงได้ยอมถอนจุมพิตออกและปล่อยร่างคนตัวเล็กที่ตัวอ่อนระทวย“ให้ฉันใส่เจ้านี้ให้ด้วยไหมลูกไก่ อืม...ความจริงแล้ว ฉันเป็นคนถอดมันออกไป ฉันก็น่าเป็นคนใส่ให้ด้วยสินะ”“ไม่ต้องเลย ให้คุณใส่ก็มีหวังฉันไม่ได้ออกจากห้องน้ำนี่น่ะสิ” โชคดีที่เธอเพิ่งขัดถูล้างห้องน้ำ ก่อนทำกิจกรรมส่วนตัวในห้องน้ำด้านบนที่อยู่ในห้องนอน ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งมึน...มากกว่าวาบหวาม อับอายระคนโกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ดังเช่นตอนนี้มือเล็กยื่นไปหมายคว้าเสื้อชั้นในมาปกปิดอกอิ่มที่ไหวกระเพื่อม ยั่วยุอารมณ์พ่อคนตัวใหญ่ ซึ่งทอดมองมาตาปรอย แต่แล้วอันเจโล่กลับยกขึ้นสูง “คุณ...เล่นบ้าอ