ในขณะที่ชั้นสองห้องที่หนึ่งของโรงน้ำชาเฉินเฟินสามีกำลังทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ภรรยาอย่างเป็นธรรมชาติ ในแบบที่ไม่เคยทำกับใครโดยไม่รู้ตัว
ที่ชั้นล่างหน้าประตูโถงของเฉินเฟิน พลันปรากฏร่างระเหิดระหงอรชรของสตรีนางน้อยในอาภรณ์ที่บรรจงแต่งอย่างประณีตเกินฐานะเดินเข้ามา
แสงตะวันเจิดจ้ายามบ่ายสะท้อนภาพสะโอดสะองของโฉมสะคราญผู้นั้นจนก่อเกิดความพิลาสล้ำเกินบรรยาย
ชายหนุ่มหลายคนในโรงน้ำชาถึงกับเหม่อมองตามร่างอ้อนแอ้นนั้นอย่างหลงใหล
บางคนยังลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย บางคนยังแอบสูดดมกลิ่นเครื่องประทินโฉมและน้ำหอมที่ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอย่างต้องการชิดใกล้
หญิงสาวผู้ทำชายหนุ่มเหม่อมองจนตาค้างมิใช่ใคร นางผู้นี้คือเหยาฟู่หรง
เหยาฟู่หรงมาเผยโฉมที่นี่พร้อมการประโคมแต่งกายอันงดงามเยี่ยงนี้ล้วนเป็นเพราะตามสืบความเคลื่อนไหวของหยางเจี้ยนอยู่โดยตลอด ผลพวงของการติดตามเรื่องราวของเขามานานทำให้นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยออกจากค่ายทหารไปทำสิ่งอื่นนอกเหนือภารกิจหน้าที่อันสำคัญ
ทว่าวันนี้กลับแตกต่างจากทุกวัน เขากำลังพาฮูหยินผู้น่าชังมานั่งจิบชายังสถานที่แห่งนี้
แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี เพราะนั่นคือโอกาสได้เจอกัน
มีความจริงอยู่หนึ่งประการ คือเหยาฟู่หรงไม่มีทางปล่อยผ่านการปรากฏกายของหยางเจี้ยน แม้จะมีโอกาสน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยกับการได้เจอ แต่นางไม่เคยหมดหวัง
นางพร้อมสรรหาวิธีสารพัดมาปรากฏกายต่อหน้าชายในดวงใจอยู่แล้ว ต่อให้เป็นการแทรกกลางระหว่างเขากับหญิงอื่น นางก็ไม่สน
ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นใคร นางก็พร้อมทำทีบังเอิญพบพานแล้วสานสัมพันธ์ด้วยสารพัดวิธีที่คัดสรรออกมาเพื่อเตรียมใช้งานได้ตลอดเวลา แม้ว่าที่ผ่านมานางไร้โอกาสนั้นโดยสิ้นเชิงก็ตาม
แต่วันนี้หญิงอื่นของเขาคืออดีตสหายรักของนาง
ไป๋หมิงเยว่ผู้อ่อนแอโง่เขลาอย่างไรเล่า...
ภายใต้ใบหน้าหวานซึ้งเหยาฟู่หรงคิดในใจเงียบงัน รอยยิ้มเปี่ยมเล่ห์แฝงเสน่ห์ยั่วยวนประดับมุมปากตลอดเวลา
เรื่องราวของหยางเจี้ยนเป็นสิ่งที่เหยาฟู่หรงตามติดทุกวี่วัน และการมาของเขาซึ่งหาได้ยากยิ่งนี้ เหยาฟู่หรงยิ่งต้องเริ่มปฏิบัติการแทรกกลางระหว่างสามีภรรยา
วันนี้หญิงสาวมั่นใจในตนเองเหลือเกิน มั่นใจยิ่งกว่าครั้งไหน สาเหตุเป็นเพราะว่านางได้รับจดหมายจากหมิงเยว่หลังมื้อเช้า อีกฝ่ายแจ้งเนื้อหานัดหมายกันให้มานั่งดื่มชาพร้อมสามีที่เฉินเฟินบนชั้นสองห้องที่สอง
หมิงเยว่บอกในจดหมายว่าจะมาพร้อมแม่ทัพหยาง นางต้องการสนทนากระชับไมตรีที่มีแต่เดิมกับเหยาฟู่หรง เพื่อเป็นการไถ่โทษที่วันก่อนเจอหน้าแต่มิได้ทักทาย
การเพิกเฉยต่อสหายเช่นนี้จะอย่างไรก็ทำคนคิดมากจนนอนไม่หลับ
ไป๋หมิงเยว่ลงท้ายด้วยสำนึกเสียใจรู้สึกผิดว่าเช่นนั้น
เส้นสายลายมือที่สื่อยังเผยความไร้เดียงสาเต็มเปี่ยม มองโลกอย่างใสซื่อไม่มีแง่ร้ายเลยสักนิดเดียว
เหยาฟู่หรงนึกทวนเนื้อหาทุกตัวอักษรจากสหายรักพลางแค่นยิ้มหยัน นางจะใช้โอกาสนี้สร้างความประทับใจต่อหยางเจี้ยน แล้วค่อยๆ เขี่ยไป๋หมิงเยว่ทิ้งให้พ้นทาง...
ไป๋หมิงเยว่เอ๋ย จะกี่ปีเจ้าก็ยังคงโง่เขลาเบาปัญหา อ่อนแอไร้ค่าเหลือเกิน มิรู้ว่ากาลก่อนข้าหลงกลเป็นสหายกับเจ้าได้อย่างไรตั้งหลายปี ยามนี้ถูกสหายอย่างข้าเมินแล้วก็ยังตามง้อขอทำดี
หึ! ช่างไร้เดียงสาเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน!
เสียงสูดหายใจเข้าลึกยาวอย่างต้องการระงับความตื่นเต้นยินดีเกิดขึ้นพร้อมปลายเท้าที่ก้าวเข้ามาเสี่ยวเอ้อร์เห็นลูกค้าก็รีบเข้าหาเพื่อเชื้อเชิญต้อนรับ “แม่นางจองไว้หรือนัดหมายกับผู้ใดหรือไม่ขอรับ?”โรงน้ำชาเฉินเฟินมีลูกค้าแน่นขนัดทุกวัน หากมิได้สั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าย่อมต้องมีการนัดหมายมาเจอกับผู้ที่จองไว้ก่อนหน้าถึงจะได้โต๊ะรับน้ำชาชั้นเลิศจากที่นี่เหยาฟู่หรงปรายตามมองอย่างเย่อหยิ่งประหนึ่งคุณหนูสูงศักดิ์พลางตอบเสียงเรียบเย็น “ข้านัดหมายกับท่านแม่ทัพหยาง”ประโยคนี้ยามเอ่ยออกมาช่างพาให้หัวใจพองโต หญิงสาวจึงเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยรู้สึกภาคภูมิอย่างมากเสี่ยวเอ้อร์พยักหน้า “อ้อ...เช่นนั้น เชิญแม่นางทางนี้ขอรับ” เขาผายมือเชื้อเชิญให้เดินตามขึ้นไปทางชั้นสองเหยาฟู่หรงขยับกายเดินตามการผายมือเชื้อเชิญนั้นด้วยท่วงท่าของสาวน้อยผู้งดงามประดุจนางฟ้าบนชั้นสองของโรงน้ำชาเฉินเฟินแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง แต่ละฝั่งมีทั้งหมดห้าห้องหันหน้าเข้าหากัน กั้นเอาไว้ด้วยระเบียงทางเดินตรงกลางประตูทุกบานถูกเลื่อนปิดจึงทำให้ไม่อาจมองเห็นว่าผู้ใดนั่งอยู่ด้านใน ห้องฝั่งตรงข้ามอาจไม่ได้ยินเสียงพูดคุยรบกวน ทว่าห้องที่ติ
หน้าห้องที่สองจากทั้งหมดสิบห้องในเฉินเฟินเหยาฟู่หรงเดินมาหยุดยืนหน้าห้องที่เสี่ยวเอ้อร์เป็นคนนำทางมาและเปิดประตูให้หญิงสาวรอให้ประตูเลื่อนเปิดก่อนเดินเข้าไป ทว่าระหว่างประตูถูกปิดลง ดวงตาฉ่ำหวานพลันเบิกกว้าง“คุณชายหลี่!”หลี่เฟยเทียนที่นั่งดื่มชาอยู่จึงหันมองตามเสียงนั้น “แม่นางเหยา”แม้ตกใจแต่เหยาฟู่หรงยังคงรักษากิริยาตนได้ดีงาม แลดูละมุนละไมไร้ที่ติ “คุณชายหลี่ก็มาหรือเจ้าคะ?”นางนึกว่าไป๋หมิงเยว่จะนัดหมายแค่เพียงนางเสียอีก เหตุใดถึงได้นัดหมายอดีตชายคนรักมาด้วยเล่า?ต้องโง่งมไร้ยางอายเท่าใดถึงได้กล้าเหยาฟู่หรงคิดอกุศลไปสารพัดทว่าใบหน้าอ่อนหวานยังคงรักษารอยยิ้มงดงามประดับไว้อย่างพอเหมาะฝ่ายหลี่เฟยเทียนที่นัดหมายกับไป๋ลี่ถิงเอาไว้กลับมิได้แปลกใจกับการปรากฏกายของเหยาฟู่หรง เนื่องจากรู้ดีว่าอีกฝ่ายสนิทสนมกับไป๋ลี่ถิงหลังจากที่ไป๋หมิงเยว่แต่งงาน การนัดเจอหญิงคนรักจึงมักจะได้เจอเหยาฟู่หรงบ่อยครั้งทว่าครั้งนี้ช่างแตกต่าง หญิงสาวตรงหน้าคล้ายว่าสะคราญโฉมมากกว่าทุกครา นางแต่งกายหรูหราชวนมอง กลิ่นกายหอมหวนชวนหลงใหลคล้ายคุณหนูสูงศักดิ์ก็มิปาน และที่สำคัญ นางมาเผยโฉมคนเดียว มิได้มาพร้อมไป๋
ภายในห้องเย็นฉ่ำคลอเคล้าดนตรีปลุกประโลมไร้ควันจากธูปหรือกำยาน ปราศจากยาครอบงำใดๆทุกสิ่งที่สรรสร้างคล้ายมายาล้วนเกิดจากมโนสำนึกภายใต้จิตใจผิดชอบชั่วดีของปัจเจกบุคคลหากหนักแน่นมากพอผลลับย่อมเผยออกมาอีกด้าน แต่หากไม่ใช่ ผลสะท้อนกลับย่อมเป็นแบบที่เห็นยามนี้หลี่เฟยเทียนกับเหยาฟู่หรงจับมือกันประหนึ่งคนรักจังหวะที่หลี่เฟยเทียนกำลังเหม่อมองคนงามพลางกอบกุมฝ่ามือน้อยๆ แล้วลูบไล้ผิวเนียนนุ่มนิ่มอย่างหลงใหล ประตูห้องพลันถูกเลื่อนเปิดดังปึงตามด้วยเส้นเสียงตะเบ็งมา“พี่เฟยเทียน!”ไป๋ลี่ถิงปรากฏกายไม่ต่างจากจอมนางพญามารพันปี นางยกนิ้วชี้หน้าด่ากราด “พี่ฟู่หรง! นังหญิงชั่ว!”เจ้าของนามทั้งสองพลันผงะคุณหนูรองสกุลไป๋แหวกกลุ่มนักดนตรีจนเครื่องสายตกแตกเสียหายแล้วพุ่งตัวเข้ามาผลักเหยาฟู่หรงจนกระเด็นก่อนหันมาทุบตีหลี่เฟยเทียนพัลวัน“พวกท่านช่างต่ำช้านัก แอบนัดเจอกันลับหลังข้า”เสียงตะเบ็งด่าทอและตบตีวุ่นวายดังแหวกอากาศทะลุห้องบนชั้นสองของโรงน้ำชาจนผู้คนต่างออกมามุงดูกันอย่างล้นหลาม ภาพนั้นสร้างความเสื่อมเสียต่อสกุลได้ไม่ยาก ทั้งยังเชื่อมวาสนาให้ชายหญิงทั้งสามได้อีกด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่ไม่ต่างอันใดกับป
จวนติ้งอานโหวสกุลหยางแม่ทัพหนุ่มยังคงวางท่าทีเคร่งขรึมพร่ำบ่นภรรยา “เจ้ามิใช่ผูกด้ายแดงให้ผู้อื่น แต่กำลังผูกเงื่อนตายให้พวกเขา รู้ตัวหรือไม่?”หมิงเยว่แอบกลอกตา นางมิได้รู้สึกรู้สาอันใดเลยแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ข้าไม่ฆ่าเจ้าสุกรกลุ่มนั้นให้ตายหมดคอกก็บุญมากโขแล้ว เฮอะ!“ท่านพี่หยุดตำหนิข้าได้แล้ว แผนการของข้าออกจะตื้นเขินปานนั้น หากพวกเขาเป็นคนดี ไหนเลยจะติดกับโดยง่ายเล่า แค่บทเพลงจรรโลงใจก็จับมือถือแขนกันแล้ว ต่อหน้านักดนตรีด้วยซ้ำ ช่างไม่อายฟ้าดินเอาเสียเลย”พูดไปก็ต้องกลั้นขำจนปวดกรามแผนการที่ว่าก็แค่ปล่อยข่าวว่าท่านแม่ทัพจะไปนั่งจิบชากับฮูหยินที่เฉินเฟินเนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าเหยาฟู่หรงคอยติดตามข่าวคราวไม่เคยคลาด และเพื่อมิให้ผิดพลาด หมิงเยว่จึงส่งจดหมายนัดแนะเพื่อไถ่โทษให้เหยาฟู่หรงส่วนหลี่เฟยเทียนก็แค่ส่งจดหมายนัดมาพบไป๋ลี่ถิง ในขณะที่ไป๋ลี่ถิงได้รับข่าวว่าหลี่เฟยเทียนแอบนัดพบกับเหยาฟู่หรงเป็นการส่วนตัวที่ไหนยามใดแผนการง่ายดายแค่นี้เอง...“หมิงเยว่...”น้ำเสียงที่เรียกช่างเย็นเยียบนัก รอบกายแกร่งยังแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงเจ้าของนามพลันยิ้มแห้ง รีบลุกขึ้นเดินนวยนาดอ้อมโต๊ะไปน
หยางเจี้ยนพึมพำทวนคำ “อยากได้เงินเพิ่ม?”หมิงเยว่พยักหน้า “อื้ม...ขอเพิ่มสามเท่าได้หรือไม่?”“หืม” ชายหนุ่มหรี่ตา ถามย้ำ “สามเท่า?”“ใช่แล้ว”หยางเจี้ยนหัวเราะเบาๆ “ย่อมได้”หมิงเยว่ได้ฟังพลันเบิกตา “ได้หรือ?” ไม่คิดว่าจะง่ายดายปานนี้ เช่นนั้นเพิ่มอีกก็ดี หญิงสาวโพล่งปาก “ห้าเท่านะ ข้าขอห้าเท่า”“ได้...”“หืม! จริงหรือ?”“อืม...”“โอ...ท่านพี่”หมิงเยว่โอบลำคอหนา ให้รู้สึกเบิกบานอย่างยิ่งแท้จริงนางต้องการสะสมเงินให้มากจะได้เอาไว้สืบเสาะเรื่องราวของน้องสาวนามซิงเยว่ มีอะไรจะได้เร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่“จริงหรือ? ท่านเพิ่มเงินให้ข้าจริงนะ” ถามพลางหัวเราะสดใส ดีใจที่สุดหยางเจี้ยนเห็นท่าทางของนางพลันนึกขัน“ข้าให้เจ้ากี่เท่าก็ได้ แต่มีข้อแม้”สตรีผู้เบิกบานพลันหุบยิ้ม “ข้อแม้?”หยางเจี้ยนกอดนาง สองมือเลื่อนต่ำอย่างอยู่ไม่สุข“แค่เจ้าเพิ่มรอบแต่ละคืนให้ข้า เจ้ายอมข้าได้กี่ครั้ง ข้าย่อมเพิ่มเงินให้เท่านั้น”“หา!”หญิงสาวรีบหยัดกายลุกขึ้นเพื่อหนีฝ่ามือกรุ่นร้อนที่เริ่มซุกซนตรงหน้าท้องแบนราบทว่าไร้ผล อีกคนกลับรัดแน่นและเริ่มล้วงลึก“หยางเจี้ยน!”เจ้าของนามเลิกคิ้ว ใบหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์ ก
ยามสายตะวันจ้าหมิงเยว่ค่อยๆ ตื่นลืมตาแล้วลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หญิงสาวส่ายหน้านึกระอาเกินจะกล่าว ร่างกายของคุณหนูไป๋ผู้นี้อ่อนแอบอบบางเกินไปแล้วจริงๆนอกจากไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะฝึกวรยุทธ์ขั้นสุดยอด ยังไม่สมควรให้สามีนอนกอดด้วยกระมังแค่สิบรอบเพื่อเบี้ยเลี้ยงสิบเท่าก็เอาชีวิตแทบไม่รอดเฮ้อ...คิดไปก็ถอนหายใจพลางนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยไปจิ่นซินที่ช่วยบีบไหล่ให้นายหญิงก้มหน้ามองริ้วรอยฝากรักอย่างสนใจใคร่รู้ตามประสาคนไม่เคย เพลิดเพลินยิ่ง“วันนี้ฮูหยินน้อยได้รับยกเว้นคารวะน้ำชาเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพกำชับไว้ว่าให้ท่านพักผ่อน”“อืม...” หมิงเยว่กล่าวเสียงเนือย “อาหารเช้าวันนี้ข้าขอแค่ข้าวต้มก็พอ อาหารหนักท้องไม่ต้อง ข้าเกียจคร้านแม้แต่จะเคี้ยว”จิ่นซินได้ยินเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ช่วยมิได้ที่ฮูหยินน้อยเป็นที่โปรดปรานมากเหลือเกิน“แต่อาหารเหล่านี้เป็นท่านแม่ทัพกำชับให้ท่านกินให้หมดนะเจ้าคะ”หมิงเยว่เหลือบตามองบนโต๊ะที่เหล่าสาวใช้เพิ่งนำอาหารมาวาง มีทั้งหมั่นโถว ซาลาเปาไส้เนื้อ ผัดผักหลากสี ปลานึ่ง ไข่ม้วนตำรับพิเศษ ขาหมูตุ๋น ซุปไข่ในนมวัว ทุกสิ่งล้วนบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
หลังจากออกจากจวน หยางเจี้ยนก็เข้าร่วมประชุมขุนนางในท้องพระโรงอย่างเคร่งเครียดก่อนควบม้ามาที่ค่ายทหารเพื่อจัดการสะสางงานที่คั่งค้าง ควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัดมิให้กฎระเบียบหย่อนยานแม่ทัพหนุ่มผู้ตึงเครียดเพิ่งรู้สึกผ่อนคลายเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อกลางวัน เนื่องจากจะได้เจอหน้าฮูหยินของตน ทว่ารอคอยอยู่เนิ่นนาน อีกคนกลับไม่ปรากฏกายง่ายๆ“จิ้นเหอ...”เสียงทุ้มขรึมราบเรียบของนายน้อยทำเจ้าของนามที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวต้องรีบวางตะเกียบ“ขอรับท่านแม่ทัพ”“กลับจวนไปดูฮูหยินน้อยสักหน่อยเถิด เผื่อว่านางเจ็บป่วยอันใด?”หยางเจี้ยนสั่งการด้วยน้ำเสียงเนิบช้าเพียรซ่อนแววกระอักกระอ่วนเอาไว้ในสีหน้าเย็นชา บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขาหนักมือเกินไป นางคงถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ไหวจิ้นเหอควบม้าเร็วกลับจวนหยาง ไม่นานก็กลับมา เร่งรายงานด้วยอาการเลิกลั่กลนลานว่า“เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อยมิรู้เป็นอะไรขอรับ นางเก็บเสื้อผ้าและของมีค่าหอบใหญ่ บอกข้าอย่างผ่าเผยว่าจะนำทรัพย์สมบัติไปขายแล้วท่องยุทธ ไม่ต้องการอยู่กับสามีไร้สัจจะ จิ่นซินกำลังห้ามอยู่ขอรับ”“...!?”เป็นอีกวันที่หยางเจี้ยนสั่งการรองแม่ทัพให้จัดการงานในค่
คำพูดเถรตรงดุจฟ้าผ่า ทำหยางเจี้ยนอึ้งงัน“ร่วมรักกับเจ้าไม่พอ ไปต่อกับอนุ?” เขางุนงงยิ่ง“ใช่!” หมิงเยว่สะบัดแขนเสื้อกอดอกอย่างฉุนเฉียว แรกเริ่มที่แต่งงานกันนางมิได้รู้สึกอันใดกับการที่เขามีอนุ ทว่ายิ่งอยู่ด้วยกันนานวัน ความรู้สึกหนึ่งพลันแทรกซึม ความรู้สึกนั้นหญิงสาวไม่แน่ใจว่าคืออันใด แต่มันรุนแรงมาก แค่ได้ยินว่าเขาไปหาซู่หลินนางก็รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาเหตุใดต้องหวงแหนเขาปานนี้...หมิงเยว่คร้านจะสงสัยคาใจ นางหันมาคำรามใส่หน้าสามีตัวดี “อย่าคิดว่าข้าจะยอมใช้สามีร่วมกับใครเชียว หึ!”ท้ายที่สุดบุรุษผู้หนึ่งจึงได้เข้าใจภรรยาเสียทีหยางเจี้ยนถึงขั้นถอนหายใจหนักอก ยกนิ้วแกร่งขึ้นดีดหน้าผากสตรีงี่เง่าดังเปาะ“โอ๊ะ!” หมิงเยว่หลบไม่ทัน “ท่านตีข้าทำไมเนี่ย?”“เจ้าคงชอบดูงิ้วมากกระมังถึงได้ชอบคิดเองเออเองจนกลายเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมเยี่ยงนี้”วาจาของหยางเจี้ยนทำหมิงเยว่เม้มปากแน่นเขารู้ได้อย่างไรว่านางชอบดูงิ้วที่สุด ชาติก่อนถึงขั้นขโมยจับคนทั้งโรงงิ้วให้นั่งเรือหลายร้อยลี้เพื่อมาแสดงให้นางดูที่เกาะกลางทะเล เจ้าพวกนั้นร้องไห้ไปเล่นงิ้วไป นางจึงมอบไข่มุกน้ำลึกหายากและอาหารทะเลราคาแพงให้
ทางฝั่งของหยางเจี้ยน เขาเพียรจดจำทุกคำพูดของหมอหญิงอย่างดี แม้ใบหน้าจะกำลังแดงเรื่อไปหมด“โรคสตรีเช่นนี้ ฝ่ายสามีจำต้องพึงระวังเป็นพิเศษ สามเดือนควรงดร่วมหอเด็ดขาด เพราะหากตั้งครรภ์ขึ้นมา ฮูหยินอาจแท้งได้ และเมื่อแท้งแม้เพียงครั้งโอกาสตั้งครรภ์ย่อมไม่เกิดขึ้นอีกเลย พ้นสามเดือนอันตรายยามร่วมเตียงยังต้องนุ่มนวลอ่อนโยน ทำอย่างทะนุถนอมใส่ใจ ห้ามรุนแรง และที่สำคัญ ต้องจำกัดคืนละสามครั้ง”สมเป็นท่านหมอ เพียงมองปราดเดียวก็รู้แจ้งว่าบุรุษคู่สนทนากร้าวแกร่งเปี่ยมพลังปานใดเว้นสามเดือนไม่พอ ยังบอกรักได้แค่คืนละสามครั้ง ช่างน้อยยิ่งนัก!บุรุษหนุ่มเม้มปากเงียบงันสีหน้าถมึงทึงเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบรับ หมอหญิงก็เริ่มเสียงเข้ม “ท่านแม่ทัพ...”หยางเจี้ยนตอบเสียงเนือย ท่าทีคล้ายนักรบพ่ายศึก “ข้าทราบแล้ว...”หลังตบปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ แม่ทัพหนุ่มก็สั่งให้จิ้นเหอไปส่งท่านหมอกลับเรือนพำนักชั่วคราวเนื่องจากอีกฝ่ายมิใช่หมอประจำจวนแต่หยางเจี้ยนเชิญมาเป็นกรณีพิเศษ จึงต้องขอร้องให้อีกฝ่ายอยู่ต่อจนกว่าภรรยาของเขาจะหายจากพิษไข้ มิต้องนอนซมอีกส่วนสามเดือนนับจากนี้ย่อมต้องเป็นเขาที่รับหน้าที่ละเว้นนางอย่าง
เจียวหั่วแย้มยิ้มเอ่ยไปทางแม่สามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอย่างมีหลักการและเหตุผลว่า“การมีทายาทเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด หากคนเป็นภรรยาไม่อาจมีบุตรให้สามีได้ง่าย ต่อให้วันนี้รักมากเพียงใด รักจนรอได้ถึงปีสองปีหรือสิบปี วันหน้าก็ยังต้องตัดใจอยู่ดี มิสู้อาศัยวันนี้ที่ร่างกายยังหนุ่มแน่นแข็งแรง บุตรชายที่เกิดมาย่อมเฉลียวฉลาดเก่งกาจทุกด้านเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูล ตัวข้าเองก็เป็นกังวลแทนเจี้ยนเอ๋อร์เสมอมา รอว่าเมื่อใดเขาจะมีเจ้าก้อนแป้งสืบสกุลที่แข็งแรงปราดเปรื่องเสียที หากถึงวันดีๆ วันนั้น ทุกคนในจวนย่อมมีความสุขเหลือเกินเจ้าค่ะ”ยิ่งเจียวหั่วพูดฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งพยักหน้าเห็นด้วย นางดึงมือของสะใภ้คนรองมาตบเบาๆ แสดงออกว่าชื่นชมอีกฝ่ายอย่างมาก“ช่วงนี้เจ้าทำให้คนแก่อย่างข้ารู้สึกสบายใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่บุตรชายคนรองของข้าปักใจเพียงเจ้า เอาเถอะ! ที่เจ้าพูดมาล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น ข้าเองก็ตระหนักลึกซึ้ง”นางหันไปทางฟางเหนียง “สะใภ้ใหญ่ก็ช่วยเร่งมือจัดหาหลานสะใภ้คนใหม่ให้หลานชายของข้าด้วยล่ะ อย่าชักช้าเชียว”ช่างบังอาจยิ่งนัก หลานชายเจ้าแต่บุตรชายข้ามิใช่รึ? ฟางเหนียงพยายามรักษาสีหน้ามิให้บึ้งตึง
เห็นได้ชัดเจนว่าเขารักใคร่ภรรยาเอกยิ่งนัก หากรับภรรยารองหรืออนุเพิ่ม มิเป็นการฝืนใจหรืออย่างไรฟางเหนียงอดรนทนมิได้จึงไต่ถามจากหมอหญิงอีก“ท่านหมอพอมีวิธีรักษาลูกสะใภ้ของข้าหรือไม่? ต้องจ่ายเงินเท่าใดสกุลเราล้วนไม่เกี่ยง”ยังไม่ทันที่ท่านหมอจะตอบคำถามนั้น เจียวหั่วพลันเอ่ยแทรก “สะใภ้ใหญ่อย่าได้กังวลจนเกินไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องเช่นนี้มิใช่ไม่เคยเกิดกับสตรีใด หากสะใภ้ไป๋ไม่อาจมีบุตรได้ก็แต่งอนุเข้ามาให้เจี้ยนเอ๋อร์เท่านั้น ไม่ยากสักนิด”นางผูกใจเจ็บเรื่องซู่หลินไม่คลาย เพราะหมิงเยว่! สามีของนางจึงรับอนุเข้าเรือน ดังนั้นจึงกัดไม่ยอมปล่อยหยางเจี้ยนต้องมีอนุเช่นกันถึงจะสาสม!เจียวหั่วยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนแขวนใบหน้ายามเอ่ย “อีกอย่าง ต่อให้มีบุตรสาวได้แต่มิใช่บุตรชาย จะอย่างไรก็ต้องหาสตรีอื่นมาช่วยอยู่ดี เรื่องเฟ้นหาสตรีที่เหมาะสมกับเจี้ยนเอ๋อร์ทั้งรูปโฉมและกิริยามารยาทมอบเป็นธุระให้ข้าจัดการในลำดับแรกก็ได้เจ้าค่ะ ส่วนคัดเลือกลำดับสุดท้ายแล้วแต่สะใภ้ใหญ่จะพิจารณา ดีหรือไม่เจ้าคะท่านแม่”ท้ายประโยคนางหันไปเอ่ยสำทับกับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างนอบน้อมฟางเหนียงได้ฟังก็ขมวดคิ้วแต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับพยักห
จวนติ้งอานโหวสกุลหยางไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด หมิงเยว่ค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมา นางจำได้คลับคล้ายคลับคลาถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่คุ้นเคย เป็นหยางเจี้ยนที่ช่วยนางไว้จากใต้น้ำอันเย็นเยียบแห่งนั้นเขาโอบกอดนางตลอดทางที่นั่งรถม้าแล้วเร่งกลับจวนด้วยกัน โดยไม่สนใจงานยิ่งใหญ่ประจำปีอันใดทั้งสิ้นต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ กระแสน้ำเย็นจัดเหลือเกิน แม้ไม่เย็นเยียบเทียบเท่าฤดูหนาว ทว่ากลับคล้ายดั่งคมมีดนับพันกรีดเข้าผิวเนื้อก็มิปาน ช่างน่าเจ็บใจที่ร่างใหม่ผู้นี้อ่อนแอเปราะบาง กอปรกับไม่ได้พูดนานเกินไป เสียงเล็กจึงดังขึ้นแผ่วพร่า สติยังไม่ครบครันเท่าใด“ท่านพี่...”“ฮูหยินน้อย” จิ่นซินรีบเข้ามาดูแลนายสาวของตน “ท่านแม่ทัพไม่อยู่เจ้าค่ะ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงเยว่ได้ยินว่าหยางเจี้ยนไม่อยู่พลันเลือดลมตีขึ้นจนหายใจไม่ออก ภรรยาป่วยอยู่นะ สามีไปไหนเสียเล่า?ขณะกำลังน้อยอกน้อยใจอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครอยู่บนเตียงนอน หมอหญิงผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาตรวจอาการอย่างละเอียดลออ ระหว่างจับชีพจรสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนักไม่นานก็เก็บเครื่องมือใส่ล่วมยาแล้วโค้งกายเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้แค่ใบสั่งยาบำรุงหลายแผ่น เพียงป
เมื่อคนที่หมายปองหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย โม่เฟิงจึงแค่นสบถในลำคอ ก่อนกลั้นหายใจว่ายน้ำหมุนกายแล้วไปต่อ โดยไม่รอให้ม่านน้ำที่หมุนวนชะลอตัวจนกระทั่งถูกหยางเจี้ยนจดจำใบหน้าได้อีกฝ่ายย่อมพะวงเพียงภรรยา ส่วนเขาแค่เอาตัวเองให้รอดเป็นพอ งานที่พลาดก็แค่เงินจำนวนหนึ่งที่สูญเสียไป วิธีชั่วช้าเพื่อหาเงินมาเติมเต็มคลังตนยังมีมากมายนับไม่ถ้วนทันใดนั้น สายตาบุรุษพลันจับจ้องที่ดรุณีผู้หนึ่งนางผู้นั้นกำลังตะเกียกตะกายตีน้ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหลือเพียงชุดชั้นกลาง เผยผิวเปลือยขาวเนียนกระจ่างตา เห็นเอี้ยมสีสดรำไร ปลายเท้าที่ส่ายไปมายังไร้รองเท้าหุ้มไว้ มองไล่ขึ้นลงเห็นเรียวขาคู่นั้นที่กางเกงถูกมวลน้ำรั้งขึ้นจนเผยโคนขาอ่อนนวลเสลาอันงดงามเหนือเข่า ยิ่งนางตะกุยน้ำยิ่งเผยรูปร่างอ้อนแอ้นโค้งเว้าอรชร ทุกส่วนงดงามดั่งหยก นุ่มนวลบาดตากรีดใจ โม่เฟิงเบิกตาชะงักงันจนสำลักน้ำจังหวะนั้นกลุ่มองครักษ์มากมายพลันถลันเข้ามา แต่ละคนล้วนมีเป้าหมายตรงเข้าช่วยเหลือสตรีผู้นั้น“องค์หญิงเจ็ด!”“เร็ว! รีบช่วยองค์หญิง”“คุ้มครององค์หญิง!”โม่เฟิงผู้ชื่นชอบการล่าเหยื่อกระต่ายน้อยแสนงาม มีหรือจะยอม ก่อนที่ผู้ใดจะมาถึง
ทันทีที่มีสตรีตกน้ำ นั่นย่อมเป็นสัญญาณเตือนให้โม่เฟิงลงมือ เป้าหมายคือฮูหยินคนงามของหยางเจี้ยนเขามิได้คิดทำให้อีกฝ่ายจมน้ำตายคล้ายอุบัติเหตุตามคำสั่งโหด แต่จะทำให้นางกลายเป็นของเขาเท่านั้นพอการทำตัวหยาบช้าแย่งชิงภรรยาผู้อื่นมิใช่เรื่องยาก การครอบครองสตรีสักคนย่อมทำง่ายแค่พลิกฝ่ามือเช่นกันชายหนุ่มเคยเป็นอดีตโจรในหุบเขามรณะกลางทะเล เช่นนั้นด้วยพละกำลังและทักษะการว่ายน้ำรวมถึงการดำน้ำลอบโจมตีย่อมเหนือชั้น เพียงพริบตาร่างสูงก็พุ่งปราดเข้าใกล้เป้าหมายได้อย่างง่ายดายฝ่ามือใหญ่ที่มีเรียวนิ้วแกร่งดุจกรงเล็บพญาเหยี่ยว โจมตีรวดเดียวพลันถึงลำคอระหงของโฉมงาม เพื่อดึงนางขึ้นเหนือน้ำแล้วกอดรัดให้หนำใจแต่แล้วเขาพลันต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเพียงหันมองด้วยสายตาเย็นเยียบหาได้สะทกสะท้านไม่แน่งน้อยผู้นี้กำลังทำตัวคล้ายปีศาจวารีที่จมดิ่งแน่นิ่ง ดวงตานางจ้องมาที่เขาปราดหนึ่งก่อนสะบัดเสื้อผ้าหรูหราในมือทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแล้วเอื้อมมือมาจับข้อมือของเขาออกจากลำคอของนางอย่างรู้จุดอ่อนที่สามารถยับยั้งเขาได้เป็นไปได้อย่างไร?ชั่วขณะที่โม่เฟิงกำลังผงะตกตะลึงด้วยคาดไม่ถึง หมิงเยว่เองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงขีดจำกัดข
เสียงตูมเกิดขึ้นสองครั้ง เมื่อสตรีสองคนพลัดตกทะเลสาบหญิงสองคนนั้นคือองค์หญิงเจ็ดเยี่ยนลู่เสียนกับหมิงเยว่“ช่วยด้วย คนตกน้ำ”เหล่าสตรีบนเรือสำราญกรีดร้องวุ่นวายแตกตื่น ทุกคนอลหม่านด้วยอารามตกใจหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์พลันตะโกนอย่างเสียขวัญด้วยเผลอไผลมิอาจยั้งปากตนว่า“องค์หญิงเจ็ดผลักหยางฮูหยินตกน้ำ”แน่นอนว่าใครหลายคนก็เห็นเช่นนั้น พวกนางจึงมิได้ห้ามปรามเจ้าของวาจาผู้นี้เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดตรงหน้าเกิดกะทันหัน จึงไม่ง่ายเลยกับการเรียกคืนสติตนอย่างทันท่วงทีคนบนเรือยังคงกรีดร้องวุ่นวายอย่างทำอันใดไม่ถูกอยู่เช่นนั้น แต่ในน้ำเยี่ยนลู่เสียนกำลังตกตะลึงพรึงเพริดที่ตนเองตกน้ำลงมาอย่างมิทันตั้งตัวเดิมทีนางไม่จำเป็นต้องลงมือเองอย่างโง่เขลาเช่นนี้เลยสักนิด ทว่ามิรู้เพราะเหตุใดจึงกลายเป็นนางตกน้ำลงมาพร้อมกับสตรีน่าตายผู้นั้น“ช่วยด้วย อ๊ะ! อุ๊บ!”องค์หญิงเจ็ดพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือผิวน้ำ นางละล่ำละลักร้องให้คนช่วยโดยไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าของตนกำลังถูกฝ่ามือของใครอีกคนแอบดึงอยู่ใต้ม่านน้ำเสื้อผ้าหรูหรากรุยกรายพลิ้วไหวของเยี่ยนลู่เสียนถูกฝ่ามือปริศนาแอบดึงทึ้งเงียบงัน กระทั่งร่างของน
การล่องเรือของฝั่งสตรีกำลังประชันขันแข่งชิงเด่น ทว่าทางฝั่งเรือของเหล่าบุรุษกลับสำราญอย่างแท้จริงชายหนุ่มแต่ละคนชื่นชมทิวทัศน์และจิบชาชมบุปผาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายสบายใจ ปราศจากการถกปัญหาบ้านเมืองด้วยซ้ำไปได้มองลมพัดเมฆเคลื่อนรื่นรม ลอบชื่นชมเหล่านางฟ้านางสวรรค์ทางเรืออีกฝั่ง ยังต้องการสิ่งใดอีกเล่า?“ก่อนแต่งงานคร่ำเคร่งไม่คิดยอม ไยตอนนี้กลับเหม่อมองไม่วางตา”องค์รัชทายาทเยี่ยนหงหมิงเดินเข้ามาตบบ่ากว้างของหยางเจี้ยนพลางหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี เมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จับจ้องไปทางเรือของเหล่าสตรี สายตานั้นชัดเจนว่ามองฮูหยินร่วมผูกผมไม่วางเว้น“เจ้าควรต้องรู้ว่าดวงตาคมเข้มของเจ้ามักทำให้สตรีใจสั่นหวั่นไหวยามสบประสาน เอาแต่จ้องมองนางขนาดนี้ มิเกรงว่านางจะเขินอายจนทำอันใดไม่ถูกหรือ?”หยางเจี้ยนขมวดคิ้ว “หากนางรู้จักเขินอายต่อสายตาของกระหม่อมบ้างจะดีไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนหงหมิงเลิกคิ้วมองสหายอย่างสงสัย “ไม่จริงกระมัง? สตรีที่ไม่สะเทิ้นอายต่อสายตาเจ้านี่นะ ไม่ใช่แน่”แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย “ฮูหยินของกระหม่อมเป็นเช่นนั้น”“อ่า” เยี่ยนหงหมิงหัวเราะชอบใจ “นางไม่ธรรมดา”เขาเองก็แอบมองฮ
ทางฝั่งหนึ่งของเรือสำราญสำหรับเหล่าสตรีชั้นสูงมีเหล่าองครักษ์ร่างสูงยืนอารักขาอย่างใส่ใจในบรรดาองครักษ์มีคนผู้หนึ่งมิได้ผิดแผกจากใคร เขาเป็นบุรุษธรรมดาที่เดินในฝูงชนได้อย่างกลมกลืนคล้ายหยดน้ำในทะเลสาบ พริบตาที่เห็นกลับมองหาไม่เจอทันใด ทว่าหากสังเกตให้ดีจะสัมผัสได้ถึงความสูงส่งที่เหนือชั้นกว่าบุรุษทั่วไป ใบหน้าคมคายมีดวงตาพยัคฆ์ร้ายซ่อนประกายสังหารเลือดเย็นเอาไว้ เขากำลังยืนมองบุปผาดอกหนึ่งซึ่งกำลังเจิดจรัสจนดึงดูดหัวใจในอกแกร่งอย่างไม่น่าเป็นไปได้นางผู้นั้นโดดเด่นเพียงแรกเห็น ยิ่งพิศยิ่งให้ความรู้สึกเสมือนคนคุ้นเคยที่กลายเป็นตำนานไปแล้วผู้นั้นทั้งท่วงท่ากิริยาแววตาและความสามารถเหนือชั้น ช่างคล้ายคลึงกับนางในห้วงคะนึงเหลือเกินแม้นางผู้นี้จะเพียรกระทำอย่างหลบซ่อนทว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาได้การแอบกำหนดลมหายใจลอบสะกดจิตมวลมัจฉา ไม่ใช่เรื่องที่สตรีเมืองหลวงพึงกระทำโดยง่าย เพราะนั่นคือเคล็ดวิชาจ้าวแห่งธาราบนเกาะมรณะอันยากเข้าถึงหากมิใช่ว่าครานั้นเขาไม่เห็นกับตาว่านางในดวงใจถูกกระบี่สุริยันสะบั้นคอไปแล้ว คงเข้าใจว่านางยังไม่ตาย ทั้งยังมาปรากฏกายเพื่อซุกซนที่นี่เป็นแน่ขณะที่ร่างสูงใน