เหมยกุ้ยตวัดขาเกี่ยวเอวสอบแกร่งของคุณชายแน่น... ขณะที่เขากระแทกลำมังกรเข้าออก
เอวสอบ... สะโพกแกร่งของชายหนุ่มทั้งโยก ทั้งบด... เข้าไปในรูแน่น ๆ โพร่งอุ่นๆ แสนฉ่ำเยิ้ม
กลีบหอยแดงระเรื่อบวมเป่งเขมือบกลืนกินท่อนมังกร.....
“อะ.... อ่า... อ่า”
“อ้าววววว......”
เหมยกุ้งแอ่นอกสล้าง.... หยัดสะโพกรับแรงกระเด้งเด้า... นมอวบๆ กระเด้งกระดอนตามแรงขย่มของพลังบุรุษวัยหนุ่มที่เต็มไปด้วยเพลิงสวาท....
“ระ.... แรงอีก... เร็วเข้า... อะ อ่า...”
นางครางเว้าวอน... เมื่อจวนจะถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ชายหนุ่มจึงโหมกระหน่ำกระแทกสะโพกลงไม่ยั้ง
ตับๆ ตับ ๆ ตับ ๆ
“อะ.... อ่า... อ่า”
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
ตับๆ ตับ ๆ ตับ ๆ
“อะ.... อ่า... อ่า”
คุณชายกระทุ้งรูหอยนางหนักหน่วง... ร่างอรชรบิดส่ายเกร็กกระตุก.... รูหอยบีบลำมังกรตอดตุบตุบ.. ทำให้เขาเสียวซ่านปลาบแปลบไปทั้งร่าง จนต้องครางชื่อนางออกมา
“อ้ายยยยย เหมยกุ้ย”
สะโพกแกร่งของชายหนุ่มยิ่งทวีแรงกระแทกลำมังกรเข้าออกตามเพลิงสวาทที่โหมกระหน่ำ
รูหอยของนางยิ่งรัดตอดตึบ ๆ ตึบ ๆ ยิ่งคายน้ำหวานออกมาจนแฉะไปทั่ว
“อร๊างงงงงงงง..... อ่า”
เหมยกุ้ยครวญครางดวงตาฉ่ำเยิ้ม..... เขาหายใจหอบ...สมองเริ่มอื้ออึง
ร่างกายของทั้งคู่ร้อนราวกับไฟ... เหงื่อกามเกาะพราวตามร่างกายที่แทบจะหลอมละลายเป็นเนื้อเดียว..
เขากระแทกลำมังกรเข้าออกใส่รูหอยจนกลีบมันบานฉ่ำ ทั้งขย่ม ทั้งซอยถี่ๆ จนเตียงสะเทือนส่งเสียง
แอ๊ด ๆ แอ๊ด ๆ แอ๊ด ๆ ตามแรงขย่ม
ในที่สุดมังกรตัวโตก็พ่นน้ำอุ่น ๆ ทะลักออกมาไม่ขาดสาย
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ซี้ดดดดด”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มครางดังก้องลั่นห้อง
บุรุษรูปงามผู้นี้ไม่ทำให้นางผิดหวังเลยสักนิด... เขานำพานางขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นฟ้าลอยละลิ่วไปจนถึงดินแดนของเง็กเซียนฮ่องเต้...
คุณชายเหล่ยหมดแรง.... โน้มตัวลงซบอกอิ่ม.. หอบหายใจถี่ ท่อนมังกรของเขายังปักคารูหอยฉ่ำ ๆ ของนางไว้ พายุสวาทลูกแรกได้จบลงแล้ว เหลือเพียงกลิ่นไอสวาทลอยอบอวลร่างทั้งสองที่ยังคงหอบกระเส่า
“คุณชายปี้เก่งจริง ๆ จนข้าได้ขึ้นสวรรค์”
“ก็ข้าเป็นเทพบุตรนี่นา”
บุรุษหนุ่มตอบยวน ๆ รู้สึกลำพองใจไม่น้อยที่ได้รับคำชมจากดาวเด่นของหอมู่ตาน... ที่เหล่าบุรุษต่างหมายปอง
“ใช่... ท่านเป็นเทพบุตร ทั้งหล่อเหลา.... ลีลาเด็ด... และบันดาลความสุขให้แก่อิสตรี”
“เจ้าช่างปากหวาน... เนื้อตัวก็หอม... จ๊วบ”
คุณชายเหล่ยปักจมูกคม ๆ ลงบนอกอวบสล้าง... ลิ้นสากเลียแผล็บ! แผล็บ! ลงบนยอดหัวนมชมพูชูชัน
ทำให้ร่างอรชรใต้กายเขาหัวเราะคิกคัก..
“คุณชาย.. อย่าแกล้งสิ คริ คริ”
ปากอิ่มเผยอประท้วง... แต่มือเรียวแสนนุ่มกลับกรีดกรายบนแผ่นหลังแกร่ง.. ลูบไล้ปลุกไฟสวาทชายหนุ่มให้ลุกขึ้นอีกรอบ
“หอยเจ้าก็อร่อย... อืม.... จ๊วบ...”
ชายหนุ่มลากลิ้นเลียขึ้นมาถึงซอกคอ.... แล้วดูดคอขาวผ่อง.. ในขณะที่มือสองข้าง... เคล้าคลึงอกอวบ...
นวดเฟ้นฟอนราวกับก้อนซาลาเปา
“อืม.... อ่า.. คุณชาย..”
เหมยกุ้ยครางแสนสุขสม... สติจดจ่ออยู่กับมือแกร่งของเขาที่บรรจงนวดนมอวบ ๆ ทั้งสองข้างของนาง....
มังกรที่หลับไปเมื่อสักครู่.... มันเริ่มพองตัวจนคับรูหอย.... ท่อนของมันเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะการเล้าโลมของผู้เป็นเจ้าของของมัน!
“เหมยกุ้ย.... เหมยกุ้ย.... ทำไมข้ากินเจ้าไม่รู้จักอิ่มนะ”
ชายหนุ่มครวญคล้ายละเมอ.....
“ไม่อิ่ม.... ก็กินอีกสิคะ... ข้ายินดีให้ท่านกินได้ทั้งตัว.. อะ.. อึก”
คุณชายลากลิ้นมาที่ปากอิ่มแสนจำนรรจา.... กลีบปากนุ่มนวลสีแดงสดราวดอกกุหลาบ...เขาลากไล้ลิ้นร้อนไปตามกลีบปากอิ่มของนาง..... แล้วขบเม้มเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่างที่กำลังเผยอออกของนางอย่างซ่านกระสัน.... แล้วค่อย ๆ บด... บี้หนักหน่วง ปากหนาประกบปากอิ่ม... สอดลิ้นสากเข้าไปควานหาลิ้นน้อย... เกี่ยวกระหวัด เรียว ลิ้นน้อยแสนซุกซน.. เมื่อรัดได้ก็ดูดดื่มน้ำหวานในโพรงปากอิ่มอย่างหิวกระหาย
“อะ.... อ่า....”
“อืมมมม...”
เหมยกุ้ยครางกระเส่าเพราะทั้งมือแกร่งของคุณชายที่บีบสองเต้า.... ทั้งปากร้ายที่ปรนเปรอให้แก่นาง ทั้งท่อนดุ้นมังกรที่บดเบียดรูหอยจนเสียวซ่าน... กระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่าง....
“ขอปี้อีกสักรอบมัน ๆ นะจ๊ะ นางฟ้าคนงามของพี่”
“อืม.... ขอดอกเด็ด ๆ นะคะ... ว้าย!”
คุณชายเหล่ยถอดมังกรออกจากถ้ำหอยดัง.... ส๊วบ!
เหมยกุ้ยรู้สึกหนาวเยือกที่เอ็นอุ่น ๆ ถอนออกจากหว่างขา.... แล้วนางก็ต้องร้องเสียงหลงขึ้นอีกครา เมื่อมือแกร่งจับร่างงามของนางพลิกคว่ำลงอยู่ในท่าหมอบคว่ำลง.....
“อ๊ายยยย”
เข่าของเหมยกุ้ยจรดพื้นและวางมือลงด้านหน้ารับหนักตัวเอง และต้นขาเรียวผ่องถูกแยกขาออกจากกันเล็กน้อย.........
คุณชายเหล่ยตาเป็นประกายวิบวับเมื่อมองเห็นร่องหอยสีแดงฉ่ำ... น้ำหวานไหลเยิ้มยั่วยวน....
หัวใจชายฉกรรจ์เริ่มสูบฉีดอีกครั้ง!!!
“โอ้ววว..... หอยเจ้าสีสวยสด น่ากินมาก... แผล็บ!”
“อือ.... อะ”
ปากอิ่มครางกระซิกอย่างสยิว.... เมื่อลิ้นสากของชายหนุ่มบรรจงบดที่ตุ่มเสียวก่อนลากเน้นหน่วงผ่านกลีบหอยฉ่ำแฉะ.. จนถึงรูทวาร..... ให้เกิดความรู้สึกทั้งซ่าน ทั้งกระสัน... จนต้องกระดกก้นงอนขึ้นรับลิ้นร้าย...
แผล็บ !
แผล็บ !
“อะ.. อ่า.....”
ขณะที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มกับลิ้นสาก... ชายหนุ่มแทงมังกรร้อนฉ่าเข้ารูหอยเต็มแรง!!!...
ส๊วบบบบ
“อร๊างงงงงง.......”
ดุ้นมังกรมุดเข้ารูหอยจนสุดลำ... แรงกระแทกทำให้ร่างอรชรคะมำไปด้านหน้า... แขนเรียวที่รองรับน้ำหนักตัวทรุดลงกับเตียง...
มือเรียวแกร่งของคุณชายดึงสะโพกงอนงามให้เด้งขึ้น.... เพื่อตอกมังกรให้ลึกสุดใจ... แล้วคารูหอยไว้....
แฮ่ก.....
แฮ่ก...
“คะ... คุณชาย... ทำอะไรคะ”
เหมยกุ้ยหอบหายใจ... ส่งเสียงระโหยถาม.. ขณะที่ใช้มือยันตนเองให้อยู่ในท่าหมอบอีกครั้ง
“ท่าสุนัขเริงรมย์ เจ้าเคยลองไหม?”
ชายหนุ่มโน้มตัวทาบทับลงมากระซิบแนบหู.....
“มะ... ไม่เคย”
เหมยกุ้ยตอบผะแผ่ว... เขินอาย
อาการของนางที่แสร้งว่าเป็นสาวน้อย... มันทำให้ชายหนุ่มลำพองใจ... อยากจะพานางพบพานความสุขในอีกมิติ
มือแกร่งของเขาลูบไล้ขึ้นมาจากหน้าท้องจนถึงนมสองเต้าสล้างที่ห้อยโย้ลงมา.... มือสองข้างของเขากอบอุ้มมันเต็มมือ.... กดมือบีบลงเบา ๆ พร้อมกับใช้นิ้วคลึงหัวนมเล่น... จนมันแข็งเป็นไตความเสียวซ่านทำให้นางถึงกับแหงนหน้าปรือตาครางออกมา....“ซี้ดดดดดดด... อ่า...... คุณชาย... มือซุกซนจริง ๆ”จมูกคมของชายหนุ่มปักลงที่ซอกคอระหงซุกไซร้สูดกลิ่นกายสาวอย่างหิวกระหาย..... ทั้งมือก็บีบเต้า.... ทั้งกลิ่นที่สูดเข้าปอด.... มันกระตุ้นให้มังกรในรูหอยพองโตจนคับถ้ำ“อะ... อ่า....”ชายหนุ่มถึงกับครางกระเส่าเพราะความกระสันเสียว... เมื่อสะโพกงามของหญิงงามบิดส่าย... แล้วกดลงที่หน้าขาเขาหนักหน่วง... อย่างเร่งเร้าให้มังกรเขาเริ่มจู่โจมส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!“อร๊างงงงงงงง.....งง”สะโพกแกร่งขยับอัดดุ้นมังกรเข้าสู่ร่องหอยตามใจปรารถนา สองมือยังเคล้าคลึงสองเต้า บดบี้ส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!“อร๊างงงงงงงง.....งง”ส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!คุณชายเหล่ยกระแทกสะโพกเข้าออกซอยไม่ยั้ง..... จนเหมยกุ้ยครวญครางเจียนขาดใจ....ความสุขสมซ่านกระสันมันโผทะยานไปทั่วร่างน้อย ๆ ของนาง“อะ... อะ... อึก
“อ่อ ข้าบอกว่า เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก อืม เจ้าชื่ออะไร?”“ข้าชื่อ หลันฮวา”“อืม เจ้าช่างเป็นกล้วยไม้ป่าที่กำลังผลิดอกสวยงาม ใยไม่อยู่ประดับป่า”“ข้าอยากเห็นเมืองหลวงนี่คะ”“แล้วบิดา มารดาของเจ้าไม่ว่าเอารึ?”“พ่อกับแม่ข้าตายด้วยโรคไข้ป่า ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ตาเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก เมื่ออาทิตย์ก่อนตาออกไปล่าสัตว์ แล้วหายไป ข้ารอแล้วรอเล่า ตาก็ไม่กลับมา ข้าทั้งหิวทั้งกลัวจึงออกเดินมาเรื่อย ๆ กินผลไม้ป่าประทังชีวิต จนมาพบขบวนของใต้เท้า”เด็กสาวชาวป่า หมอบลงอีกครั้งร้องไห้ สาบคอเสื้อไหวตามแรงสะอึกสะอื้นเผยให้เห็นเต้าน้อยวับแวบ กระตุ้นมังกรของใต้เท้าฉีให้ลุกซู่จนแทบอยากจะดึงดรุณีน้อยที่โหยไห้มากอดไว้แนบอก“ฮือ ๆ ใต้เท้าโปรดเมตตาให้ข้าน้อยไปด้วยเถิด ข้าขอติดขบวนท่านไปจนกว่าจะถึงเมืองฉีซานเท่านั้น อะ ฮือ ๆ”“เจ้าช่างเป็นเด็กสาวกำพร้าที่น่าสงสาร น่าสงสาร ข้าเป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ หากปล่อยให้เจ้าเผชิญชะตากรรมในป่า ใครรู้เข้าก็จะติฉินนินทาเป็นแน่แท้ เฮ่อ”ใต้เท้าฉีเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจเสียงดังให้ได้ยินกันถ้วนหน้า“ข้าคิดว่า เจ้าเป็นเพียงดรุณีเล็ก ๆ ติดขบวนไปด้วยหนึ่งคนก็คงจะไม่ลำบากอะไร”“ขอบคุณใต
สิ้นเสียงปากหนาก็ประกบกลีบปากบางจนมิด ความร้อนระอุแผ่ซานไปทั่วจะปากอิ่มของดรุณีน้อยร่างบางของดรุณีป่าจะขยับห่าง มือหนาของใต้เท้าฉีจึงรัดแน่นเข้า มืออีกข้างกดลงที่ลำคอสวยออกแรงให้ปากอิ่มเผยอออก แล้วลิ้นร้อนก็สอดเข้าไปเกี้ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ครวญหาน้ำหวานป่าส่งความซ่านสยิวไปทั่วทั้งร่างบางความซ่านเสียวจากปลายลิ้นที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนมันจู่โจมร่างกายที่แข็งขืนเมื่อครู่ของดรุณีป่าอ่อนยวบลงราวกับไฟรน จนนางส่งเสียงครางออกมา“อือ”“และจุดต่อไปที่ต้องเปิดพลังคือคอขาว ๆ ของเจ้า”เมื่อร่างเล็กอ่อนระทวยลง ผู้คุมเกมจึงลากลิ้นร้อนไล้ลงมาที่ลำคอขาวผ่อง ลิ้มลองหยาดเหงื่อดรุณีป่าที่ค่อย ๆ ผุดออกมาเพราะหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงระส่ำ มือหนาของใต้เท้าฉีเคลื่อนออกจากศีรษะสาวน้อย เลื่อนลงมากระทุ้งผ้ามัดเอวบางให้หลุดออกทันทีที่ผ้ามัดเอวหลุดออกเสื้อขาวของเด็กสาวป่าก็เผยอเปิดออกจนเห็นเต้าน้อย ๆ ที่ตั้งชูราวกับดอกบัวตูม หัวนมน้อย ๆ สีชมพูหวานชูเด่นจนน่ากิน“ตะ ต้เท้าแก้ผ้าข้าทำไม”เสียงสั่นน้อยๆ ของหญิงสาว ทักท้วง“ปลดปล่อยพลังสวรรค์ของเจ้าออกจากทรวงอก อ่า ช่างงดงามยิ่งนัก”ลิ้นสากของใต้เท้าฉีลากไล้วนเวียน
ณ หอมู่ตานรื่อหง ผู้คุมอำนาจแห่ง หอมู่ตาน เดินนวยนาดมาที่ห้องกุหลาบแดงอย่างอารมณ์ดีเมื่อมาถึงที่หมายนางหยุดฟังเสียงพิณอันแสนไพเราะที่ผู้เป็นเจ้าของห้องมักจะบรรเลงอยู่เสมอ นางรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่น้อยที่ได้ครอบครองเพชรเม็ดงามเม็ดนี้“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับหอมู่ตาน จนกลายเป็นหอสวรรค์อันดับหนึ่ง“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างเงินทองให้กับแม่เล้าอย่างรื่อหงให้มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่รื่อหงเก็บมาจากซากโคลนตมท่ามกลางความแร้นแค้นหลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อ 6 ปีก่อนเมื่อ 6 ปีก่อน รื่อหง ได้สร้างหอมู่ตานขึ้นมาในปีแรก มีนางคณิกาในหอแห่งนี้แค่ไม่กี่คน ในช่วงนั้นผู้คนยังไม่นิยมใช้บริการสถานเริงรมย์เท่าใดนัก เนื่องด้วยเป็นยุคข้าวยากหมากแพงส่งผลให้เกิดโจรชุกชุม นอกจากชาวบ้านจะอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แล้วยังอยู่ด้วยความหวาดกลัว หอมู่ตานรอดพ้นจากการปล้นก็เพราะนางต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มโจรที่ทรงอิทธิพลที่สุด รายได้เพียงน้อยนิดของหอมู่ตานจึงถูกจ่ายให้กับค่าโจรเสียมากกว่า รื่อหงจึงพยายามคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ให้กับหอมู่ตานให้ได้มากที่สุดเ
แม่เล้าลำเลิกบุญคุณ เหมยกุ้ยได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน นางฟังประโยคนี้ซ้ำ ๆ มานานกว่า 6 ปีแล้ว และ 6 ปีที่นางต้องตกเป็นทาสกามเพื่อทำเงินให้กับแม่เล้าผู้นี้“ถ้าเช่นนั้น ก็สุดแล้วแต่ท่านแม่จะเห็นสมควรเถิด”เหมยกุ้ยรับคำแผ่วเบา รื่อหงจึงเอื้อมมือมากุมมือน้อยของสาวสวยไว้พลางปลอบประโลมว่า“ดีมากเหมยกุ้ย เจ้าช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก วันนี้ถือว่าข้าขอเจ้าเป็นพิเศษก็แล้วกัน เพราะผู้ที่จะมาวันนี้เป็นขุนนางใหญ่จากทางเหนือ ปีหนึ่งท่านถึงจะเดินทางผ่านมาเมืองฉีซาน ท่านอุตส่าห์ส่งม้าเร็วมาจองตัวเจ้าไว้ก่อนขบวนของท่านจะมาถึงเสียอีก ให้ถือว่าทำบุญทำทานกับคนแก่แล้วกันนะเหมยกุ้ย”เหมยกุ้ยพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ รื่อหงยิ้มหน้าระรื่นเมื่อสาวงามแห่งหอมู่ตานยอมรับงาน นางจึงกล่าวต่อว่า“ก่อนรับแขกคืนนี้เจ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะจัดให้เจ้าเป็นพิเศษ”“ขอบคุณท่านแม่ที่กรุณา หากเป็นได้ท่านแม่โปรดให้ไป๋หลาน หรือหวงหลานเป็นผู้ยกอาหารและเหล้าขึ้นมาที่ห้องกุหลาบได้หรือไม่”“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ วันนี้ไป๋หลานว่างข้าจะให้นางขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วกันนะ”“ขอบคุณท่านแม่”เหมยกุ้ยก้มศีรษะเล
สองหนุ่มเพ่งมองร่างสาวน้อยกึ่งเปลือยบนตักรื่อหง แล้วหายใจแรงหนักหน่วงอย่างควบคุมอารมณ์ เพราะร่างงดงามจนน่ากลืนกินทั้งตัวนั้นมันปลุกพลังความเป็นชายของเขาทั้งคู่ จนเจ็บร้าวที่หว่างขา“ช่วยสอนงานนางที”รื่อหงผลักร่างอรชรให้ชายกำยำ หนึ่งในสองนั้นอุ้มเหมยกุ้ยขึ้นอย่างง่ายดาย สติที่พอจะเหลืออยู่น้อยนิดบังคับให้นางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่ารื่อหงกำลังหันหลังเดินออกไปจากห้อง“ทะ ท่านแม่! ช่วยข้าด้วย ข้าเป็นอะไร ยะ อย่าทิ้งข้า”“ข้าแค่ให้เจ้าดื่มกระไรเล็กน้อย เพื่อให้การเป็นนางคณิกาครั้งแรกของเจ้าไม่เจ็บปวดมากนัก และจะเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”เมื่อกล่าวจบ รื่อหงก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เหมยกุ้ยอยู่กับชายบึกบึน หน้าเหี้ยม ที่มองผ่าน ๆ คล้ายกับกลุ่มโจรที่นางเคยพบเมื่อ 5 วันก่อนเหมยกุ้ยพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมอกของชายกำยำผู้นั้น แต่เมื่อเนื้อตัวเสียดสีกับแผงอกแกร่ง นางก็รู้สึกร้อนวูบวาบราวกับว่าเนื้อตัวกำลังจะลาย จนต้องโอบร่างกำยำไว้แน่น“อือ สาวน้อย ใจเย็น ๆ สิ เดี๋ยวพวกข้าจะค่อย ๆ สอนเจ้าเอง ว่า นางคณิกาที่ดีต้องทำอย่างไรบ้าง ฮ่า ๆ”จางเหว่ยวางร่างอ่อนระทวยข
เหมยกุ้ยครางประท้วง ลองมือผวาจิกเข้าไปที่สะโพกแกร่งของชายหนุ่ม ในขณะที่ลิ้นเล็กพยายามดุนหัวบากมังกรของเขาให้ออกไปจากปาก ยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้แก่ชายหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าครางออกมา“อร้ากกกกกกกก ซี้ดดดดดดดดดดดด โอ้ววววววว” ส่วนล่างหวังเหล่ยก็ค่อย ๆ ขยับสะโพกแทงเข้าออก ให้กลีบหอยคายน้ำหวานออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มเร่งจังหวะแทงเข้าออกจนกลีบหอยเบ่งปริส๊วบบบบบบบบบบบบจึ๊ก!“อ่าซ์”ส๊วบ ส๊วบ จึ๊ก!“อ่าซ์”“โอ้วววววววววว”เหม้ยกุ้ยเจ็บแปลบปนสุขสมเจียนขาดใจ ยิ่งหวังเหว่ยกระแทกดุ้นมังกรเข้าหอยนางมากเท่าไหร่ ปากนางก็ยิ่งรูดแก่นมังกรจางเหว่ยหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น“อ๊ากกกก โอ้ววววว ไม่ไหวแล้ววววววว จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว”จางเหว่ยครวญครางอย่างสุขสม ดวงดาวเริ่มพร่างพราย เขาหยัดสะโพกใส่ปากเล็กของเหมยกุ้ยให้มากขึ้นเพื่อให้แตะถึงสวรรค์ นางโม้กมังกรเขาอย่างร้อนแรง ทั้งรูด ทั้งดุน ดูดจนแก้มตอบเสียงดูดดังจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“โอ้ววววว ซี้ดดดดดด ยะ อย่างนั้น เร็วอีกๆ”จางเหว่ยเกร็งตัวอย่างเสียวซ่าน มือสากของเขาตะปบลงเป็นสองเต้างาม เคล้นคลึงหัวนมชมพูจนเจ้าของมันบิดร่างแอ่นอกอย่างเสียวซ่าน ราว
เมื่อขบวนเกี้ยวของใต้เท้าอันฉีเดินทางเข้าสู่เมืองฉีซาน ตะวันก็โพล้เพล้ แสงสีทองสาดส่องลงบนถนนในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เมืองฉีซานเป็นหัวเมืองสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของดินแดนทางเหนือ และเป็นเมืองประตูสู่ภาคกลาง เมืองนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนนถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้เมื่อขบวนเกี้ยวใต้เท้าอันฉี ที่นำขบวนโดยบุรุษหนุ่มสง่างามควบม้าสีขาวพันธุ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ดวงตาคมกวาดไปรอบ ๆ เมือง บุรุษรูปงามผู้นี้ คือ “อันเหว่ย” บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวใต้เท้าอันฉี หรือ ใต้เท้าฉี สอดมือเปิดม่านหน้าต่างข้างเกี้ยวขึ้นมองดูร้านร่วงข้างทาง แล้วดวงหน้าน้อย ๆ ของดรุณีก็เบียดขึ้นมาส่องอย่างอยากรู้อยากเห็นบ้าง“โอ้ว ว้าว นี่เขาเรียกว่าเมืองรึ”หลันฮวา ดรุณีวัยแรกที่ใต้เท้าฉีเก็บมาจากป่าบนภูเขา ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น“ใช่ แล้ว และคืนนี้ก็อนุญาตให้เจ้าเที่ยวชมเมืองได้อย่างอิสระ หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ก็ตามใจเจ้า หรือหากเจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้า เจ้าก็มากลับม