ณ หอมู่ตาน
รื่อหง ผู้คุมอำนาจแห่ง หอมู่ตาน เดินนวยนาดมาที่ห้องกุหลาบแดงอย่างอารมณ์ดี
เมื่อมาถึงที่หมายนางหยุดฟังเสียงพิณอันแสนไพเราะที่ผู้เป็นเจ้าของห้องมักจะบรรเลงอยู่เสมอ นางรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่น้อยที่ได้ครอบครองเพชรเม็ดงามเม็ดนี้
“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับหอมู่ตาน จนกลายเป็นหอสวรรค์อันดับหนึ่ง
“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างเงินทองให้กับแม่เล้าอย่างรื่อหงให้มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ
“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่รื่อหงเก็บมาจากซากโคลนตมท่ามกลางความแร้นแค้นหลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อ 6 ปีก่อน
เมื่อ 6 ปีก่อน รื่อหง ได้สร้างหอมู่ตานขึ้นมาในปีแรก มีนางคณิกาในหอแห่งนี้แค่ไม่กี่คน ในช่วงนั้นผู้คนยังไม่นิยมใช้บริการสถานเริงรมย์เท่าใดนัก เนื่องด้วยเป็นยุคข้าวยากหมากแพงส่งผลให้เกิดโจรชุกชุม นอกจากชาวบ้านจะอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แล้วยังอยู่ด้วยความหวาดกลัว
หอมู่ตานรอดพ้นจากการปล้นก็เพราะนางต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มโจรที่ทรงอิทธิพลที่สุด รายได้เพียงน้อยนิดของหอมู่ตานจึงถูกจ่ายให้กับค่าโจรเสียมากกว่า รื่อหงจึงพยายามคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ให้กับหอมู่ตานให้ได้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอด
ในระหว่างทางที่รื่อหงกำลังเดินกลับหอมู่ตานหลังจากจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นจากตลาดแล้ว นางบังเอิญเหลือบเห็นเด็กสาวคนหนึ่ง นั่งร้องไห้ตัวสั่นงันงกที่ซอกตึกแถว เสื้อผ้าของเด็กสาวคนนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน
รื่อหงขยับเดินเข้าไปใกล้เด็กสาว เด็กคนนั้นขยับตัวเข้าชิดกำแพงมากขึ้น แววตาสั่นระริกเหลือบมองรื่อหงอย่างหวาดระแวง
“สาวน้อยทำไมเจ้ามานั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี่ พ่อ แม่พี่น้องเจ้าไปอยู่ที่ไหนเสียหล่ะ?”
รื่อหงถามขณะนั่งลงข้าง ๆ เด็กสาว ใกล้พอที่จะพินิจใบหน้าที่งดงามภายใต้คราบฝุ่น ผสมกับคราบน้ำตาจนเห็นเป็นดวง ๆ เมื่อพิเคราะห์อาภรณ์ที่นางสวมใส่ก่อนที่จะเต็มไปด้วยดินโคลนคงจะเป็นเสื้อผ้าที่แพงมาก ดังนั้น เด็กสาวคนนี้หากไม่ใช่ลูกเศรษฐีก็คงจะเป็นลูกขุนนางที่ถูกโจรดักปล้นแน่ ๆ
“ทะ ท่านพ่อ ท่านแม่ข้า ถูกพวกโจรใจร้ายฆ่าตายหมดแล้ว ฮือ ๆ ฮือ ๆ”
เด็กสาวตอบร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แล้วบ้านเจ้าอยู่แห่งใด?”
“ยะ อยู่ทางเหนือ พ่อข้าเป็นเจ้าเมืองทางเหนือ ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาดูแลเมืองหาน* ตะ แต่ อึก ฮือ ไม่นึกเลยว่า พอถึงแนวป่าหัวเมืองฉีซาน แล้วถูกพวกโจรใจชั่วมันดักปล้น ฆ่าคนในครอบครัว ฆ่าไม่เหลือเลยสักคน ฮือ ๆ ฮือ ๆ ท่านแม่ ท่านพ่อ ฮือ ๆ”
รื่อหงยกสาบแขนเสื้อที่ยาวกรุยกรายขึ้นซับน้ำตา นางรู้สึกเวทนาเด็กน้อยผู้นี้ที่ต้องกลายเป็นเด็กสาวกำพร้าใครเล่าจะดูแล แต่นางก็ไม่ใช่ผู้มีอันจะกินเท่าใดนัก การรับเลี้ยงคนหนึ่งคนต้องใช้จ่ายทรัพย์มหาศาล แต่หากเด็กสาวผู้นี้ยอมแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพื่อช่วยนางสร้างรายได้ นางก็พร้อมที่จะรับอุปถัมภ์ รื่อหงจึงเอ่ยกับเด็กสาวว่า
“ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป ไปอยู่กับข้าไหม? แต่เจ้าต้องทำงานเพื่อแลกกับที่อยู่ที่กิน เจ้าจะยินดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำเชิญชวนของรื่อหง เด็กสาวมองนางด้วยแววตาซาบซึ้ง น้ำใส ๆ ยิ่งไหลรินออกมาเป็นสาย ดวงหน้าน้อย ๆ พยักหน้าตอบรับแทนคำเอื้อนเอ่ย
เมื่อเห็นเด็กสาวตอบรับข้อเสนอรื่อหงจึงเอื้อมมือเข้าไปประคองเด็กสาวผู้นั้นให้ลุกขึ้น พลางถาม
“เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อ เหมยกุ้ย”
“อ่อ เหมยกุ้ย ที่แปลว่า ดอกกุหลาบ อืม ช่างเข้ากันกับหอหมู่ตานดีนัก”
ประโยคท้ายรื่อหงรำพึงกับตนเอง พลางชำเลืองมองเด็กสาวที่ยังคงตัวสั่นระริก เดินตามหล่อนไปยังหอหมู่ตาน
เด็กสาวเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนปนคราบเลือดแดงฉานเมื่อ 6 ปีก่อน เติบโตกลายเป็นสาวสวยงามหยด ความงามของนางบานสะพรั่งราวกับกุหลาบแรกแย้ม ราชินีแห่งมวลดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วสารทิศ ความงามของนางเลื่องลือไปไกลถึงหมื่นลี้ หมู่ภมรน้อยใหญ่ล้นแสวงหาเพื่อให้ได้ยลโฉม จนเป็นที่กล่าวขานว่า ชายชาตรีใด มิได้เชย เหมยกุ้ยกุหลาบงามชายผู้นั้น เสียชาติ กำเนิดมา
แม้เพียงได้ ยลโฉม ยอดบุปผาชายนั้นหนา ราวกับได้ ถึงสวรรค์เสียก่อนตาย
จากหอมู่ตานเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เพียงไม่กี่ปีก็ยกระดับกลายเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เพราะเหมยกุ้ยคนเดียวแท้ ๆ ดังนั้น เหมยกุ้ยจึงเป็นคนเดียวที่รื่อหงให้อภิสิทธิ์เหนือนางคณิกาคนใด
เมื่อเสียงพิณแว่วหวานบรรเลงจบลง ผู้ที่เงี่ยหูฟังนอกห้องจึงเคาะประตูห้องกุหลาบแดงเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แอ๊ดดดดดดดด
ช่องประตูบานไม้สลักสลวย ถูกแง้มออกเผยให้เห็นดวงหน้านวลของสาวงามที่อยู่ในห้อง ชุดที่สวมอยู่เป็นเพียงเกาะอกสีชมพูหวาน สวมเสื้อคลุมข้างนอก (Bei Zi) สีขาวบางเบา ปล่อยชายกรุยกราย ชุดธรรมดา ๆ ไม่อาจซ่อนความงามบาดตาของนางไว้ได้
รื่อหงเดินตามร่างอรชรเข้าไปข้างในห้องกุหลาบแดง
“ท่านแม่ มีอะไรให้ข้ารับใช้คะ ท่านถึงต้องลำบากมาเยือนข้าถึงห้อง”
ปากบางชมพูอิ่มเอื้อนเอ่ย ขณะที่รินน้ำชาต้อนรับผู้เป็นเจ้าของหอแห่งนี้
“เหมยกุ้ย เจ้าเป็นลูกที่ข้ารักมากที่สุด ข้ายอมรับว่า หอมู่ตานมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้า”
“ขอบคุณท่านแม่ที่ให้ความเมตตาข้าเสมอมา”
สาวงามโค้งศีรษะลงคำนับรื่อหง
“สองสามวันที่เจ้าพักผ่อนมานี่ สบายดีไหม?”
“เป็นเพราะท่านแม่เมตตาให้เหมยกุ้ยหยุดรับแขก ข้ารู้สึกหายเหนื่อยมากขึ้นแล้วค่ะ”
“อืม ดี ดี งั้นคืนนี้ เจ้าคงจะรับแขกได้แล้วสินะ”
เหมยกุ้ยมองสบตาผู้ควบคุมหอคณิกาแห่งนี้ แม้ถ้อยคำจะเป็นการหารือแต่นัยแห่งความหมายคือการสั่งให้รับแขก!
“ท่านแม่ค่ะ ท่านแม่คงจะลืม เราตกลงกันแล้วว่า หากข้ายอมรับรองขุนนางผู้นั้นพร้อมกับคุณชายเหล่ยในคืนเดียวกัน ท่านแม่จะอนุญาตให้ข้าพักได้หนึ่งอาทิตย์ บัดนี้ล่วงเวลามาเพียงสามคืนเท่านั้น”
เหมยกุ้ยพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ นางอยากจะพักกายให้ห่างจากความคาวของโลกีย์ เพราะเหนื่อยหน่ายกับการเป็นที่ระบายความใคร่ของบรรดาบุรุษเต็มทน ยิ่งชายวัยไม้ใกล้ฝั่งนางยิ่งเอือมระอา
“ข้าจำได้”
รื่อหงเว้นจังหวะการพูด แล้วสบตาหญิงสาวที่หล่อนชุบเลี้ยง
“และข้าก็จำได้ว่า ข้าเป็นคนชุบเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็ก วันที่เจ้าไม่มีที่ซุกหัวนอน ข้าไม่ใช่รึที่เอื้อเฟื้อที่หลับที่นอนให้แก่เจ้า”
แม่เล้าลำเลิกบุญคุณ เหมยกุ้ยได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน นางฟังประโยคนี้ซ้ำ ๆ มานานกว่า 6 ปีแล้ว และ 6 ปีที่นางต้องตกเป็นทาสกามเพื่อทำเงินให้กับแม่เล้าผู้นี้“ถ้าเช่นนั้น ก็สุดแล้วแต่ท่านแม่จะเห็นสมควรเถิด”เหมยกุ้ยรับคำแผ่วเบา รื่อหงจึงเอื้อมมือมากุมมือน้อยของสาวสวยไว้พลางปลอบประโลมว่า“ดีมากเหมยกุ้ย เจ้าช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก วันนี้ถือว่าข้าขอเจ้าเป็นพิเศษก็แล้วกัน เพราะผู้ที่จะมาวันนี้เป็นขุนนางใหญ่จากทางเหนือ ปีหนึ่งท่านถึงจะเดินทางผ่านมาเมืองฉีซาน ท่านอุตส่าห์ส่งม้าเร็วมาจองตัวเจ้าไว้ก่อนขบวนของท่านจะมาถึงเสียอีก ให้ถือว่าทำบุญทำทานกับคนแก่แล้วกันนะเหมยกุ้ย”เหมยกุ้ยพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ รื่อหงยิ้มหน้าระรื่นเมื่อสาวงามแห่งหอมู่ตานยอมรับงาน นางจึงกล่าวต่อว่า“ก่อนรับแขกคืนนี้เจ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะจัดให้เจ้าเป็นพิเศษ”“ขอบคุณท่านแม่ที่กรุณา หากเป็นได้ท่านแม่โปรดให้ไป๋หลาน หรือหวงหลานเป็นผู้ยกอาหารและเหล้าขึ้นมาที่ห้องกุหลาบได้หรือไม่”“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ วันนี้ไป๋หลานว่างข้าจะให้นางขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วกันนะ”“ขอบคุณท่านแม่”เหมยกุ้ยก้มศีรษะเล
สองหนุ่มเพ่งมองร่างสาวน้อยกึ่งเปลือยบนตักรื่อหง แล้วหายใจแรงหนักหน่วงอย่างควบคุมอารมณ์ เพราะร่างงดงามจนน่ากลืนกินทั้งตัวนั้นมันปลุกพลังความเป็นชายของเขาทั้งคู่ จนเจ็บร้าวที่หว่างขา“ช่วยสอนงานนางที”รื่อหงผลักร่างอรชรให้ชายกำยำ หนึ่งในสองนั้นอุ้มเหมยกุ้ยขึ้นอย่างง่ายดาย สติที่พอจะเหลืออยู่น้อยนิดบังคับให้นางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่ารื่อหงกำลังหันหลังเดินออกไปจากห้อง“ทะ ท่านแม่! ช่วยข้าด้วย ข้าเป็นอะไร ยะ อย่าทิ้งข้า”“ข้าแค่ให้เจ้าดื่มกระไรเล็กน้อย เพื่อให้การเป็นนางคณิกาครั้งแรกของเจ้าไม่เจ็บปวดมากนัก และจะเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”เมื่อกล่าวจบ รื่อหงก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เหมยกุ้ยอยู่กับชายบึกบึน หน้าเหี้ยม ที่มองผ่าน ๆ คล้ายกับกลุ่มโจรที่นางเคยพบเมื่อ 5 วันก่อนเหมยกุ้ยพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมอกของชายกำยำผู้นั้น แต่เมื่อเนื้อตัวเสียดสีกับแผงอกแกร่ง นางก็รู้สึกร้อนวูบวาบราวกับว่าเนื้อตัวกำลังจะลาย จนต้องโอบร่างกำยำไว้แน่น“อือ สาวน้อย ใจเย็น ๆ สิ เดี๋ยวพวกข้าจะค่อย ๆ สอนเจ้าเอง ว่า นางคณิกาที่ดีต้องทำอย่างไรบ้าง ฮ่า ๆ”จางเหว่ยวางร่างอ่อนระทวยข
เหมยกุ้ยครางประท้วง ลองมือผวาจิกเข้าไปที่สะโพกแกร่งของชายหนุ่ม ในขณะที่ลิ้นเล็กพยายามดุนหัวบากมังกรของเขาให้ออกไปจากปาก ยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้แก่ชายหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าครางออกมา“อร้ากกกกกกกก ซี้ดดดดดดดดดดดด โอ้ววววววว” ส่วนล่างหวังเหล่ยก็ค่อย ๆ ขยับสะโพกแทงเข้าออก ให้กลีบหอยคายน้ำหวานออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มเร่งจังหวะแทงเข้าออกจนกลีบหอยเบ่งปริส๊วบบบบบบบบบบบบจึ๊ก!“อ่าซ์”ส๊วบ ส๊วบ จึ๊ก!“อ่าซ์”“โอ้วววววววววว”เหม้ยกุ้ยเจ็บแปลบปนสุขสมเจียนขาดใจ ยิ่งหวังเหว่ยกระแทกดุ้นมังกรเข้าหอยนางมากเท่าไหร่ ปากนางก็ยิ่งรูดแก่นมังกรจางเหว่ยหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น“อ๊ากกกก โอ้ววววว ไม่ไหวแล้ววววววว จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว”จางเหว่ยครวญครางอย่างสุขสม ดวงดาวเริ่มพร่างพราย เขาหยัดสะโพกใส่ปากเล็กของเหมยกุ้ยให้มากขึ้นเพื่อให้แตะถึงสวรรค์ นางโม้กมังกรเขาอย่างร้อนแรง ทั้งรูด ทั้งดุน ดูดจนแก้มตอบเสียงดูดดังจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“โอ้ววววว ซี้ดดดดดด ยะ อย่างนั้น เร็วอีกๆ”จางเหว่ยเกร็งตัวอย่างเสียวซ่าน มือสากของเขาตะปบลงเป็นสองเต้างาม เคล้นคลึงหัวนมชมพูจนเจ้าของมันบิดร่างแอ่นอกอย่างเสียวซ่าน ราว
เมื่อขบวนเกี้ยวของใต้เท้าอันฉีเดินทางเข้าสู่เมืองฉีซาน ตะวันก็โพล้เพล้ แสงสีทองสาดส่องลงบนถนนในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เมืองฉีซานเป็นหัวเมืองสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของดินแดนทางเหนือ และเป็นเมืองประตูสู่ภาคกลาง เมืองนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนนถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้เมื่อขบวนเกี้ยวใต้เท้าอันฉี ที่นำขบวนโดยบุรุษหนุ่มสง่างามควบม้าสีขาวพันธุ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ดวงตาคมกวาดไปรอบ ๆ เมือง บุรุษรูปงามผู้นี้ คือ “อันเหว่ย” บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวใต้เท้าอันฉี หรือ ใต้เท้าฉี สอดมือเปิดม่านหน้าต่างข้างเกี้ยวขึ้นมองดูร้านร่วงข้างทาง แล้วดวงหน้าน้อย ๆ ของดรุณีก็เบียดขึ้นมาส่องอย่างอยากรู้อยากเห็นบ้าง“โอ้ว ว้าว นี่เขาเรียกว่าเมืองรึ”หลันฮวา ดรุณีวัยแรกที่ใต้เท้าฉีเก็บมาจากป่าบนภูเขา ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น“ใช่ แล้ว และคืนนี้ก็อนุญาตให้เจ้าเที่ยวชมเมืองได้อย่างอิสระ หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ก็ตามใจเจ้า หรือหากเจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้า เจ้าก็มากลับม
ใต้เท้าฉียกมือทั้งสองข้างโอบเอวบางของสาวงามซ้ายขาวแล้วปักจมูกลงบนหน้าอกอิ่มของสาวงามทั้งสองดังซูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟอด!ซูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟอด!แผล็บ! แผล็บ!“ชื่นใจจังเลย น่ากินไปหมดนะเนี่ยะ ฮ่า ๆ”นอกจากสูดดมกลิ่นกายสาวจนหนำใจแล้วลิ้นสากของใต้เท้าฉียังเลียแผล็บที่เนินอกขาวผ่อง สร้างความสยิวเล็ก ๆ ให้สาวงาม นางหัวเราะคิกแล้วใช้มือน้อย ๆ ทุบเบา ๆ ที่อกหยุ่น ๆ ของชายชรา“แหม ใต้เท้าชอบทำเป็นเล่นไป”“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ วันนี้ ข้ามีความสุขจริงๆ เลย ได้อยู่ท่ามกลางสาวสวยอย่างพวกเจ้า”“ขอบคุณค่ะใต้เท้า เชิญด้านไหนดีกว่านะคะ”แล้วสองนางซ้ายขวาก็พาใต้เท้าฉีเดินเข้าไป ในหอหมู่ตาน พ่อบ้านยืนมองนายจนหายลับเข้าไปข้างใน แล้วหันมาสั่งพลเกี้ยวให้พักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนตนของนั่งพักกับบรรดาสาว ๆ หน้าหอมู่ตาน หากผู้เป็นนายเสร็จกิจจะได้รับใช้ได้ทันการ ทันทีที่ใต้เท้าฉีก้าวเข้าไปภายในหอมู่ตาน ร่างสาวใหญ่ในอาภรณ์ระยิบยับก็ถลาเข้าหาพร้อมกับเสียงวี้ดว้าย“ตายแล้ววววววว ใต้เท้าฉี มาไวกว่าที่คิดไว้นะคะ เชิญใต้เท้าด้านนี้คร่า อุ้ย!”ประโยคสุดท้ายรื่อหงอุทานดังลั่น เมื่อมืออวบ ๆ ของใต้เท
สิ้นคำใต้เท้าฉีก็ก้มลงใช้จมูกบาน ๆ ดุนเกาะอกให้เลื่อนหลุด หัวนมสีชมพูชูชันเชิญชวนปากอวบก็ครอบลงดูดหัวนมสีชมพูระเรื่อ หัวนมแข็งเป็นไตถูกปากหนากลืนหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นซ่าน ปลายลิ้นใต้เท้าฉีกระดกสะกิดหัวนมในโพรงปากรัว ๆ แล้วดูดซ้ำซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดดเหมยกุ้ยแอ่นอก มือสองข้างสอดเข้าใต้เรือนผมสีเทาขย้ำกดศีรษะใต้เท้าฉีให้แนบชิดหน้าอกยิ่งขึ้นเมื่อร่างอรชรร้อนวูบวาบ ความเสียวซ่านปลาบแปลบแล่นจากหัวนมไปทั่วกายสาว“อ้ายยยยยยย”สาวงามแอ่นอกส่งเสียงครางออกมาเบา ๆซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดดใต้เท้าฉีเปลี่ยนมาดูดอีกข้างอย่างเท่าเทียม ร่างอรชรบิดส่าย ปากน้อย ๆ เผยอครางอย่างเร่าร้อน“อะ อ่า”ลิ้นของใต้เท้าฉีขยับปัดป่าย เลียวนไปรอบ ๆ หัวนมที่แข็งเด้งสู้ลิ้น ยิ่งสร้างความเมามันให้ใต้เท้าฉีสะกิดดูดดึงหัวนมรัว ๆ ซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดด“อ้ายยยยยยยยยยยยยย”เหมยกุ้ยครางไม่เป็นศัพท์ เคลิ้มไปกับปลิ้นร้ายของตาเฒ่าขุนนางใหญ่ มือน้อย ๆ ผลักบ่าชายชราเบา ๆ เป็นเชิงขัดขืนให้พองาม“ตะ ใต้เท้า อย่าด่วนกินของหวานก่อนของคาวสิ”
ไป๋หลานตั้งใจรีดน้ำมังกรอย่างสุดฝีมือตามคำบอกของเหมยกุ้ย ทำให้มังกรของใต้เท้าฉีระเบิดน้ำออกมาเต็มปาก พร้อมกับเสียงครางดังลั่นห้อง“โอ้วววววววววววววววววว อ๊าซ์”สาวน้อยดูดกลืนน้ำหวานจนหมดลำมังกร แล้วค่อย ๆ ถอนเรียวปากออก อกของใต้เท้าฉีกระเพื่อมไหวตามแรงหอบหายใจ“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก จะ เจ้าสุดยอดมากเหมยกุ้ย”“สุดยอดแบบนี้ พอที่จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วยได้ไหม”เหมยกุ้ยตัวจริงที่อยู่หลังม่านออดอ้อนถาม“ทำไมจะไม่ได้หล่ะจ๊ะ ข้าจะพาเจ้าไปทุกที่เลย”ใต้เท้าฉีรับคำเพราะความเคลิบเคลิ้ม“งั้น ต้องให้รางวัลใต้เท้าฉีหนัก ๆ สักหน่อยหล่ะ”สิ้นเสียง เหมยกุ้ยพยักพยัดส่งสัญญาณให้ไป๋หลานจัดการเผด็จศึกมังกรเฒ่ามือเรียวเล็กของไป๋หลานลูบไล้มังกรที่เหี่ยวลงไปเพราะถูกรีดพิษออกเมื่อสักครู่ สัมผัสเล้าโลมของสาวน้อยทำให้มังกรเฒ่าร้อนฉ่าพองโตขึ้นอย่างทันใจ จนผู้เป็นเจ้าของถึงกับครางกระเส่าถาม“มะ เหมยกุ้ย เจ้าจะทำอะไร อ๊า อะ”“ตอบแทนที่ใต้เท้าจะพาข้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไง”“เอ๊าะ อ้าววววววววว”เมื่อมังกรเฒ่าผงาดจนตั้งขึ้น ไป๋หลานก็โขย่งตัวขึ้นคร่อม จนหัวมังกรอวบอ้วนมุดผ่านเข้ารูหอยอันคับแคบ จนนางถึงกับ
ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจ แม้แต่เขายังลุ่มหลงในตัวนาง มีหรือฮ่องเต้จะไม่ทรงโปรดขณะที่รื่อหงกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่กลางห้องโถงพร้อมกับบรรดาสาวสาวทั้งหลาย เหมยกุ้ยก็โอบประคองใต้เท้าฉีเดินลงมาถึงชั้นล่าง“ใต้เท้าฉี แหม แหมเมื่อคืนคงจะจัดจนฟ้าเหลืองสิท่า กว่าจะลุกจากห้องได้ก็ปาเอาตะวันสายโด่งเลยนะท่าน”รื่อหงส์จีบปากจีบคอแซวตามประสา เหมยกุ้ยยิ้มรับน้อย ๆ รับสมอ้างว่าปรนนิบัติใต้เท้าผู้นี้ทั้งคืนยันรุ่งฮ่า ฮ่า ฮ่าใต้เท้าฉีหัวเราะต้องชอบใจ ก่อนเอ่ยว่า“ขอบใจเจ้ามาก ที่เจ้าสามารถอบรมสั่งสอนให้เหมยกุ้ยเป็นสาวงามที่ชาญฉลาด เพียบพร้อมและปรนนิบัติข้าได้ถึงใจจริงๆ”“แหมะ ใต้เท้า ท่านก็ชมเกินไป”รื่อหงยิ้มหน้าระรื่นใต้เท้าฉีจึงเอ่ยต่อไปว่า“ข้าจึงอยากจะขอตัวนาง เพื่อนำไปถวายแด่ฮ่องเต้ เจ้าขัดข้องหรือไม่”รื่อหงหันขวับ ตาลุกวาว แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน“เมื่อกี้ท่านล้อข้าเล่นแน่ แน่”รื่อหงส่ายหน้าแสร้งหัวเราะแกน ๆ“ข้าไม่ได้ล้อเล่น”ใต้เท้าฉีเอ่ยขณะนั่งลงบนเก้าอี้ลงข้างรื่อหง เขาต้องคุยกับนางอย่างจริงจังแม่เล้าผู้มากประสบการณ์มองดูขุนนางผู้นี้ก็เข้าใจในท่าทีจึงพยักหน้าใ