Share

ตอนที่9.   ณ  หอมู่ตาน

ณ  หอมู่ตาน

รื่อหง ผู้คุมอำนาจแห่ง หอมู่ตาน เดินนวยนาดมาที่ห้องกุหลาบแดงอย่างอารมณ์ดี

เมื่อมาถึงที่หมายนางหยุดฟังเสียงพิณอันแสนไพเราะที่ผู้เป็นเจ้าของห้องมักจะบรรเลงอยู่เสมอ นางรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่น้อยที่ได้ครอบครองเพชรเม็ดงามเม็ดนี้

“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับหอมู่ตาน จนกลายเป็นหอสวรรค์อันดับหนึ่ง

“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างเงินทองให้กับแม่เล้าอย่างรื่อหงให้มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ

“เหมยกุ้ย”  เพชรเม็ดงามที่รื่อหงเก็บมาจากซากโคลนตมท่ามกลางความแร้นแค้นหลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อ 6 ปีก่อน

เมื่อ 6 ปีก่อน รื่อหง ได้สร้างหอมู่ตานขึ้นมาในปีแรก มีนางคณิกาในหอแห่งนี้แค่ไม่กี่คน  ในช่วงนั้นผู้คนยังไม่นิยมใช้บริการสถานเริงรมย์เท่าใดนัก  เนื่องด้วยเป็นยุคข้าวยากหมากแพงส่งผลให้เกิดโจรชุกชุม  นอกจากชาวบ้านจะอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แล้วยังอยู่ด้วยความหวาดกลัว 

หอมู่ตานรอดพ้นจากการปล้นก็เพราะนางต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มโจรที่ทรงอิทธิพลที่สุด  รายได้เพียงน้อยนิดของหอมู่ตานจึงถูกจ่ายให้กับค่าโจรเสียมากกว่า รื่อหงจึงพยายามคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ให้กับหอมู่ตานให้ได้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอด  

ในระหว่างทางที่รื่อหงกำลังเดินกลับหอมู่ตานหลังจากจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นจากตลาดแล้ว นางบังเอิญเหลือบเห็นเด็กสาวคนหนึ่ง  นั่งร้องไห้ตัวสั่นงันงกที่ซอกตึกแถว  เสื้อผ้าของเด็กสาวคนนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน 

รื่อหงขยับเดินเข้าไปใกล้เด็กสาว เด็กคนนั้นขยับตัวเข้าชิดกำแพงมากขึ้น แววตาสั่นระริกเหลือบมองรื่อหงอย่างหวาดระแวง 

“สาวน้อยทำไมเจ้ามานั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี่  พ่อ แม่พี่น้องเจ้าไปอยู่ที่ไหนเสียหล่ะ?”

รื่อหงถามขณะนั่งลงข้าง ๆ เด็กสาว  ใกล้พอที่จะพินิจใบหน้าที่งดงามภายใต้คราบฝุ่น ผสมกับคราบน้ำตาจนเห็นเป็นดวง ๆ  เมื่อพิเคราะห์อาภรณ์ที่นางสวมใส่ก่อนที่จะเต็มไปด้วยดินโคลนคงจะเป็นเสื้อผ้าที่แพงมาก  ดังนั้น  เด็กสาวคนนี้หากไม่ใช่ลูกเศรษฐีก็คงจะเป็นลูกขุนนางที่ถูกโจรดักปล้นแน่ ๆ

“ทะ ท่านพ่อ  ท่านแม่ข้า  ถูกพวกโจรใจร้ายฆ่าตายหมดแล้ว ฮือ ๆ  ฮือ ๆ”

เด็กสาวตอบร้องไห้สะอึกสะอื้น

 “แล้วบ้านเจ้าอยู่แห่งใด?”

“ยะ อยู่ทางเหนือ  พ่อข้าเป็นเจ้าเมืองทางเหนือ ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาดูแลเมืองหาน*  ตะ แต่ อึก  ฮือ  ไม่นึกเลยว่า พอถึงแนวป่าหัวเมืองฉีซาน แล้วถูกพวกโจรใจชั่วมันดักปล้น ฆ่าคนในครอบครัว ฆ่าไม่เหลือเลยสักคน ฮือ ๆ  ฮือ ๆ  ท่านแม่  ท่านพ่อ ฮือ ๆ”

รื่อหงยกสาบแขนเสื้อที่ยาวกรุยกรายขึ้นซับน้ำตา นางรู้สึกเวทนาเด็กน้อยผู้นี้ที่ต้องกลายเป็นเด็กสาวกำพร้าใครเล่าจะดูแล แต่นางก็ไม่ใช่ผู้มีอันจะกินเท่าใดนัก การรับเลี้ยงคนหนึ่งคนต้องใช้จ่ายทรัพย์มหาศาล แต่หากเด็กสาวผู้นี้ยอมแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพื่อช่วยนางสร้างรายได้ นางก็พร้อมที่จะรับอุปถัมภ์ รื่อหงจึงเอ่ยกับเด็กสาวว่า

“ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป ไปอยู่กับข้าไหม?  แต่เจ้าต้องทำงานเพื่อแลกกับที่อยู่ที่กิน เจ้าจะยินดีหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำเชิญชวนของรื่อหง เด็กสาวมองนางด้วยแววตาซาบซึ้ง น้ำใส ๆ ยิ่งไหลรินออกมาเป็นสาย ดวงหน้าน้อย ๆ พยักหน้าตอบรับแทนคำเอื้อนเอ่ย

เมื่อเห็นเด็กสาวตอบรับข้อเสนอรื่อหงจึงเอื้อมมือเข้าไปประคองเด็กสาวผู้นั้นให้ลุกขึ้น พลางถาม

“เจ้าชื่ออะไร”

“ข้าชื่อ เหมยกุ้ย

“อ่อ เหมยกุ้ย ที่แปลว่า ดอกกุหลาบ  อืม  ช่างเข้ากันกับหอหมู่ตานดีนัก”

ประโยคท้ายรื่อหงรำพึงกับตนเอง พลางชำเลืองมองเด็กสาวที่ยังคงตัวสั่นระริก เดินตามหล่อนไปยังหอหมู่ตาน

เด็กสาวเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนปนคราบเลือดแดงฉานเมื่อ 6 ปีก่อน  เติบโตกลายเป็นสาวสวยงามหยด ความงามของนางบานสะพรั่งราวกับกุหลาบแรกแย้ม ราชินีแห่งมวลดอกไม้ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วสารทิศ ความงามของนางเลื่องลือไปไกลถึงหมื่นลี้  หมู่ภมรน้อยใหญ่ล้นแสวงหาเพื่อให้ได้ยลโฉม จนเป็นที่กล่าวขานว่า ชายชาตรีใด มิได้เชย เหมยกุ้ยกุหลาบงามชายผู้นั้น  เสียชาติ กำเนิดมา

แม้เพียงได้ ยลโฉม ยอดบุปผาชายนั้นหนา ราวกับได้ ถึงสวรรค์เสียก่อนตาย

จากหอมู่ตานเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เพียงไม่กี่ปีก็ยกระดับกลายเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน  เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เพราะเหมยกุ้ยคนเดียวแท้ ๆ  ดังนั้น  เหมยกุ้ยจึงเป็นคนเดียวที่รื่อหงให้อภิสิทธิ์เหนือนางคณิกาคนใด 

เมื่อเสียงพิณแว่วหวานบรรเลงจบลง ผู้ที่เงี่ยหูฟังนอกห้องจึงเคาะประตูห้องกุหลาบแดงเบา ๆ

ก๊อก    ก๊อก   ก๊อก

แอ๊ดดดดดดดด

ช่องประตูบานไม้สลักสลวย ถูกแง้มออกเผยให้เห็นดวงหน้านวลของสาวงามที่อยู่ในห้อง ชุดที่สวมอยู่เป็นเพียงเกาะอกสีชมพูหวาน สวมเสื้อคลุมข้างนอก (Bei Zi) สีขาวบางเบา ปล่อยชายกรุยกราย ชุดธรรมดา ๆ ไม่อาจซ่อนความงามบาดตาของนางไว้ได้

รื่อหงเดินตามร่างอรชรเข้าไปข้างในห้องกุหลาบแดง

“ท่านแม่ มีอะไรให้ข้ารับใช้คะ ท่านถึงต้องลำบากมาเยือนข้าถึงห้อง”

ปากบางชมพูอิ่มเอื้อนเอ่ย ขณะที่รินน้ำชาต้อนรับผู้เป็นเจ้าของหอแห่งนี้

“เหมยกุ้ย เจ้าเป็นลูกที่ข้ารักมากที่สุด ข้ายอมรับว่า หอมู่ตานมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้า”

“ขอบคุณท่านแม่ที่ให้ความเมตตาข้าเสมอมา”

สาวงามโค้งศีรษะลงคำนับรื่อหง

“สองสามวันที่เจ้าพักผ่อนมานี่  สบายดีไหม?”

“เป็นเพราะท่านแม่เมตตาให้เหมยกุ้ยหยุดรับแขก ข้ารู้สึกหายเหนื่อยมากขึ้นแล้วค่ะ”

“อืม ดี  ดี  งั้นคืนนี้ เจ้าคงจะรับแขกได้แล้วสินะ”

เหมยกุ้ยมองสบตาผู้ควบคุมหอคณิกาแห่งนี้ แม้ถ้อยคำจะเป็นการหารือแต่นัยแห่งความหมายคือการสั่งให้รับแขก!

“ท่านแม่ค่ะ  ท่านแม่คงจะลืม เราตกลงกันแล้วว่า หากข้ายอมรับรองขุนนางผู้นั้นพร้อมกับคุณชายเหล่ยในคืนเดียวกัน  ท่านแม่จะอนุญาตให้ข้าพักได้หนึ่งอาทิตย์  บัดนี้ล่วงเวลามาเพียงสามคืนเท่านั้น”

เหมยกุ้ยพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ นางอยากจะพักกายให้ห่างจากความคาวของโลกีย์ เพราะเหนื่อยหน่ายกับการเป็นที่ระบายความใคร่ของบรรดาบุรุษเต็มทน  ยิ่งชายวัยไม้ใกล้ฝั่งนางยิ่งเอือมระอา

“ข้าจำได้”

รื่อหงเว้นจังหวะการพูด แล้วสบตาหญิงสาวที่หล่อนชุบเลี้ยง

“และข้าก็จำได้ว่า ข้าเป็นคนชุบเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็ก  วันที่เจ้าไม่มีที่ซุกหัวนอน ข้าไม่ใช่รึที่เอื้อเฟื้อที่หลับที่นอนให้แก่เจ้า”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status