เมื่อขบวนเกี้ยวของใต้เท้าอันฉีเดินทางเข้าสู่เมืองฉีซาน ตะวันก็โพล้เพล้ แสงสีทองสาดส่องลงบนถนนในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เมืองฉีซานเป็นหัวเมืองสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของดินแดนทางเหนือ และเป็นเมืองประตูสู่ภาคกลาง เมืองนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนน
ถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้
เมื่อขบวนเกี้ยวใต้เท้าอันฉี ที่นำขบวนโดยบุรุษหนุ่มสง่างามควบม้าสีขาวพันธุ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ดวงตาคมกวาดไปรอบ ๆ เมือง บุรุษรูปงามผู้นี้ คือ “อันเหว่ย” บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยว
ใต้เท้าอันฉี หรือ ใต้เท้าฉี สอดมือเปิดม่านหน้าต่างข้างเกี้ยวขึ้นมองดูร้านร่วงข้างทาง แล้วดวงหน้าน้อย ๆ ของดรุณีก็เบียดขึ้นมาส่องอย่างอยากรู้อยากเห็นบ้าง
“โอ้ว ว้าว นี่เขาเรียกว่าเมืองรึ”
หลันฮวา ดรุณีวัยแรกที่ใต้เท้าฉีเก็บมาจากป่าบนภูเขา ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ใช่ แล้ว และคืนนี้ก็อนุญาตให้เจ้าเที่ยวชมเมืองได้อย่างอิสระ หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ก็ตามใจเจ้า หรือหากเจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้า เจ้าก็มากลับมา ข้าจะพักเมืองนี้สักคืน เมื่อรุ่งสางจึงจะออกเดินทางต่อ”
“ขอบคุณท่านมากใต้เท้าฉี”
หลันฮวาซุกหน้าน้อย ๆ ลงบนแผงอกหยุ่น ๆ เพราะความเหี่ยวย่นของผิววัยชรา
“ฮ่า ๆ ฮ่า”
ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจ การมีภริยาเด็ก ๆ มันดีแบบนี้นี่เอง
หยุด!
เสียงทุ้มร้องสั่งให้หยุดเกี้ยว สักครู่พ่อบ้านจึงวิ่งเข้ามาใกล้ ๆ แล้วบอกกับผู้เป็นนายว่า
“ใต้เท้าฉี ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับท่าน”
“อ่อ”
ใต้เท้าฉีก้าวลงมาจากเกี๊ยว ตามด้วยดรุณีน้อย เสื้อสีขาวของนางยับยู่ยี่ ที่กระโปรงมีรอยเปื้อนสีแดงเป็นดวง ๆ สายตาคมกริบของพ่อบ้านมองปราดเดียวก็รู้ว่า ผู้เป็นนายของจะเปิดพรหมจรรย์ของดรุณีป่าผู้นี้อย่างดุเดือดน่าดู
“โอ้โหหหหห ผู้คนเต็มไปหมดเลย”
หลันฮวาอุทานอย่างตื่นเต้น
“ในตลาดมีอะไรให้เจ้าชม และซื้อเยอะแยะ ข้าจะให้รางวัลเจ้าไปเที่ยวแล้วกัน พ่อบ้าน”
ประโยคสุดท้ายใต้เท้าฉีเรียกพ่อบ้านผู้รู้ใจ เพียงแค่สบตาผู้เป็นนาย พ่อบ้านก็ควักเงินออกมาห้าร้อยตำลึงให้แก่หลันฮวา
“เอาไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนนะ เจ้าอยากใช้อย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า นี่เป็นรางวัลที่เจ้าเล่นเกมชนะ ฮ่า ฮ่า”
ใต้เท้าฉีหันไปเอ่ยกับดรุณีป่าอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณใต้เท้ามาก ขอบคุณ”
ดรุณีป่ารับเงินแล้ว กระโดดโลดเต้นออกไปตามท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร่างน้อยๆ หายลับไปในฟูงชน
“นางไปแล้วรึท่านพ่อ”
ผู้เป็นลูกชายควบม้าเทียบข้างเกี้ยวเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวน้อยวิ่งหายลับตาไป
“นางจะไป นางจะมา ก็สุดแล้วแต่ใจนาง ฮึ ฮึ”
“เราจะพักกันที่นี่ พ่อบ้านช่วยจัดการที”
อันเหว่ย เอ่ยเข้าเรื่องทันที เขาไม่ชอบทำอะไรให้เสียการ และไม่ชอบการสนทนาเปล่าประโยชน์
“ขอรับคุณชาย”
พ่อบ้านรับคำแล้ววิ่งเข้าไปติดต่อห้องพักในโรงเตี๊ยม
“เจ้าก็เหมือนกันอันเหว่ย หัดปล่อยชีวิตไปตามสายลมบ้าง เจ้าเห็นไหม? คนไร้การศึกษาอย่างสาวชาวป่าอย่างหลันฮวายังรู้จักตักตวงความสุขใส่ตัว”
ใต้เท้าอันฉีลูบเคราเบา ๆ ขณะสนทนากับบุตรชาย
“ชีตข้าก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาความยุ่งยากอะไร”
“ฮ่าๆ สุขบนกรอบบรรทัดฐานที่แม่เจ้าวางไว้นะรึ ฮ่า ๆ”
“ข้าก็ว่ากรอบที่ท่านแม่วางไว้รอบคอบและมั่นคงดี เป็นท่านเสียอีกที่ทำตัวเหมือนอยู่ในกรอบ แต่พอได้โอกาสเมื่อไหร่ท่านก็โลดเต้นราวกับปลาได้น้ำ แบบนี้ไม่เหนื่อยกว่ารึท่านพ่อ”
“ฮ่า ๆ พอ ๆ คุยกับเจ้าแล้วปวดกบาล”
“แฮ่ ๆ ใต้เท้า คุณชาย ได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณชายพักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนคอกม้าอยู่ที่หลังโรงเตี๊ยมนี่เองขอรับ”
พ่อบ้านรีบวิ่งออกมาแจ้งข่าว เมื่อจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อย
“ดี”
อันเหว่ยร้องขึ้นคำเดียวแล้วกระทุ้งสีข้างเจ้าม้าคู่ใจให้มันวิ่งเข้าไปที่คอกม้าหลังโรงเตี๊ยม ทั้งวันเขาอยู่บนหลังม้ารู้สึกปวดเหมื่อยไปหมดอยากจะรีบนอนพักให้หายเหนื่อย แล้วตื่นขึ้นมาทบทวนตำราเพื่อเข้าสอบจองหงวน
เมื่อบุตรชายออกไปแล้ว ใต้เท้าฉีจึงกระซิบถามกับพ่อบ้านว่า
“เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยหรือไม่?”
“ข้าให้ม้าเร็วเดินทางมาจองบุปผางามไว้ให้เรียบร้อยแล้วขอรับ อิอิ”
พ่อบ้านเบาเสียงตอบอย่างรู้ใจนาย
“ดี ดีมาก เดี๋ยวข้าขึ้นไปอาบน้ำให้หอมฟุ้งเสียก่อน คืนนี้ข้าจะได้ฝันดี ปี้นางฟ้าทั้งคืน ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”
ใต้เท้าฉีหัวเราะจนเครากระเพื่อม
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า แสงดาวแสงเดือนสาดส่องประกายระยิบระยับที่แสงตะวัน ยามนี้ผู้คนต่างเข้าสู่เคหาบ้านเรือนจุดใต้จุดเทียนเพื่อไล่ความมืดมิด เห็นเป็นแสงวับแวมออกมาตามร่องประตูหน้าต่าง แต่บนถนนถนนใจกลางเมืองฉีซาน กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟโคมกระดาษที่ประดับประดาไปตามตึกสูงของหอมู่ตานนับร้อย ๆ ดวงหน้าประตูหอนางโลมอันดับหนึ่งประดับประดาด้วยบรรดามวลบุปผาแห่งหอมู่ตาน บรรดาสาวงามวัยแรกแย้มหัวร่อต่อกระซิกกันระหว่างยืนรอรับบรรดาบุรุษที่แสวงหาความรื่นรมย์ยามค่ำคืน
เสียงหัวเราะใส ๆ ของบรรดาสาวงามปนกับเสียงเพลงพิณไม่ขาดสาย ช่างเป็นเสียงที่เชิญชวนให้ชายทุกนามต้องมนต์เสน่หา ย่างกายเข้าสู่ดินแดนสวรรค์หอมู่ตานได้อย่างง่ายดาย
หยุดเกี้ยวววววววววว
เสียงร้องสั่งผลแบกเกี้ยวให้หยุดฝีเท้าดังขึ้น เมื่อเกี้ยวของใต้เท้าฉีเทียบที่หน้าประตูหอมู่ตาน เมื่อเกี้ยวหยุดสนิท พ่อบ้านประจำตระกูลอัน ก็เดินเร็ว ๆ เข้าใกล้เกี้ยว โคมไฟที่ถือนำทางแกว่งไกวตามแรงเดิน“ใต้เท้าขอรับ ถึงหอมู่ตานแล้ว ขอรับ”
สิ้นเสียงพ่อบ้าน มืออวบอ้วนก็เปิดม่านออกแล้วก้าวลงมา
ทันทีที่ร่างอวบอ้วนของใต้เท้าฉีปรากฏบรรดาสาว ๆ ต่างวิ่งถลาเข้าต้อนรับ พร้อมกับส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า
“อ้ายยยยย ใต้เท้า ยินดีต้อนรับคร่า”
“อุ๊ยใต้เท้า ท่านช่างมีสง่ามาก”
“ใต้เท้าคะ ท่านมาจากเมืองใด แล้วต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม”
ผู้ถูกสาวงามรุมล้อมหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพึงพอใจ ที่นางน้อย ๆ ใบหน้างาม ๆ หน้าอกนิ่ม ๆ เบียดแทรกตามเนื้อตัวให้เกิดความรู้สึกคึกเป็นพิเศษ
ใต้เท้าฉียกมือทั้งสองข้างโอบเอวบางของสาวงามซ้ายขาวแล้วปักจมูกลงบนหน้าอกอิ่มของสาวงามทั้งสองดังซูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟอด!ซูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟอด!แผล็บ! แผล็บ!“ชื่นใจจังเลย น่ากินไปหมดนะเนี่ยะ ฮ่า ๆ”นอกจากสูดดมกลิ่นกายสาวจนหนำใจแล้วลิ้นสากของใต้เท้าฉียังเลียแผล็บที่เนินอกขาวผ่อง สร้างความสยิวเล็ก ๆ ให้สาวงาม นางหัวเราะคิกแล้วใช้มือน้อย ๆ ทุบเบา ๆ ที่อกหยุ่น ๆ ของชายชรา“แหม ใต้เท้าชอบทำเป็นเล่นไป”“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ วันนี้ ข้ามีความสุขจริงๆ เลย ได้อยู่ท่ามกลางสาวสวยอย่างพวกเจ้า”“ขอบคุณค่ะใต้เท้า เชิญด้านไหนดีกว่านะคะ”แล้วสองนางซ้ายขวาก็พาใต้เท้าฉีเดินเข้าไป ในหอหมู่ตาน พ่อบ้านยืนมองนายจนหายลับเข้าไปข้างใน แล้วหันมาสั่งพลเกี้ยวให้พักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนตนของนั่งพักกับบรรดาสาว ๆ หน้าหอมู่ตาน หากผู้เป็นนายเสร็จกิจจะได้รับใช้ได้ทันการ ทันทีที่ใต้เท้าฉีก้าวเข้าไปภายในหอมู่ตาน ร่างสาวใหญ่ในอาภรณ์ระยิบยับก็ถลาเข้าหาพร้อมกับเสียงวี้ดว้าย“ตายแล้ววววววว ใต้เท้าฉี มาไวกว่าที่คิดไว้นะคะ เชิญใต้เท้าด้านนี้คร่า อุ้ย!”ประโยคสุดท้ายรื่อหงอุทานดังลั่น เมื่อมืออวบ ๆ ของใต้เท
สิ้นคำใต้เท้าฉีก็ก้มลงใช้จมูกบาน ๆ ดุนเกาะอกให้เลื่อนหลุด หัวนมสีชมพูชูชันเชิญชวนปากอวบก็ครอบลงดูดหัวนมสีชมพูระเรื่อ หัวนมแข็งเป็นไตถูกปากหนากลืนหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นซ่าน ปลายลิ้นใต้เท้าฉีกระดกสะกิดหัวนมในโพรงปากรัว ๆ แล้วดูดซ้ำซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดดเหมยกุ้ยแอ่นอก มือสองข้างสอดเข้าใต้เรือนผมสีเทาขย้ำกดศีรษะใต้เท้าฉีให้แนบชิดหน้าอกยิ่งขึ้นเมื่อร่างอรชรร้อนวูบวาบ ความเสียวซ่านปลาบแปลบแล่นจากหัวนมไปทั่วกายสาว“อ้ายยยยยยย”สาวงามแอ่นอกส่งเสียงครางออกมาเบา ๆซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดดใต้เท้าฉีเปลี่ยนมาดูดอีกข้างอย่างเท่าเทียม ร่างอรชรบิดส่าย ปากน้อย ๆ เผยอครางอย่างเร่าร้อน“อะ อ่า”ลิ้นของใต้เท้าฉีขยับปัดป่าย เลียวนไปรอบ ๆ หัวนมที่แข็งเด้งสู้ลิ้น ยิ่งสร้างความเมามันให้ใต้เท้าฉีสะกิดดูดดึงหัวนมรัว ๆ ซื้ดดดดดดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ ซื้ดดดดดดดดดดดด“อ้ายยยยยยยยยยยยยย”เหมยกุ้ยครางไม่เป็นศัพท์ เคลิ้มไปกับปลิ้นร้ายของตาเฒ่าขุนนางใหญ่ มือน้อย ๆ ผลักบ่าชายชราเบา ๆ เป็นเชิงขัดขืนให้พองาม“ตะ ใต้เท้า อย่าด่วนกินของหวานก่อนของคาวสิ”
ไป๋หลานตั้งใจรีดน้ำมังกรอย่างสุดฝีมือตามคำบอกของเหมยกุ้ย ทำให้มังกรของใต้เท้าฉีระเบิดน้ำออกมาเต็มปาก พร้อมกับเสียงครางดังลั่นห้อง“โอ้วววววววววววววววววว อ๊าซ์”สาวน้อยดูดกลืนน้ำหวานจนหมดลำมังกร แล้วค่อย ๆ ถอนเรียวปากออก อกของใต้เท้าฉีกระเพื่อมไหวตามแรงหอบหายใจ“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก จะ เจ้าสุดยอดมากเหมยกุ้ย”“สุดยอดแบบนี้ พอที่จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วยได้ไหม”เหมยกุ้ยตัวจริงที่อยู่หลังม่านออดอ้อนถาม“ทำไมจะไม่ได้หล่ะจ๊ะ ข้าจะพาเจ้าไปทุกที่เลย”ใต้เท้าฉีรับคำเพราะความเคลิบเคลิ้ม“งั้น ต้องให้รางวัลใต้เท้าฉีหนัก ๆ สักหน่อยหล่ะ”สิ้นเสียง เหมยกุ้ยพยักพยัดส่งสัญญาณให้ไป๋หลานจัดการเผด็จศึกมังกรเฒ่ามือเรียวเล็กของไป๋หลานลูบไล้มังกรที่เหี่ยวลงไปเพราะถูกรีดพิษออกเมื่อสักครู่ สัมผัสเล้าโลมของสาวน้อยทำให้มังกรเฒ่าร้อนฉ่าพองโตขึ้นอย่างทันใจ จนผู้เป็นเจ้าของถึงกับครางกระเส่าถาม“มะ เหมยกุ้ย เจ้าจะทำอะไร อ๊า อะ”“ตอบแทนที่ใต้เท้าจะพาข้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไง”“เอ๊าะ อ้าววววววววว”เมื่อมังกรเฒ่าผงาดจนตั้งขึ้น ไป๋หลานก็โขย่งตัวขึ้นคร่อม จนหัวมังกรอวบอ้วนมุดผ่านเข้ารูหอยอันคับแคบ จนนางถึงกับ
ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจ แม้แต่เขายังลุ่มหลงในตัวนาง มีหรือฮ่องเต้จะไม่ทรงโปรดขณะที่รื่อหงกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่กลางห้องโถงพร้อมกับบรรดาสาวสาวทั้งหลาย เหมยกุ้ยก็โอบประคองใต้เท้าฉีเดินลงมาถึงชั้นล่าง“ใต้เท้าฉี แหม แหมเมื่อคืนคงจะจัดจนฟ้าเหลืองสิท่า กว่าจะลุกจากห้องได้ก็ปาเอาตะวันสายโด่งเลยนะท่าน”รื่อหงส์จีบปากจีบคอแซวตามประสา เหมยกุ้ยยิ้มรับน้อย ๆ รับสมอ้างว่าปรนนิบัติใต้เท้าผู้นี้ทั้งคืนยันรุ่งฮ่า ฮ่า ฮ่าใต้เท้าฉีหัวเราะต้องชอบใจ ก่อนเอ่ยว่า“ขอบใจเจ้ามาก ที่เจ้าสามารถอบรมสั่งสอนให้เหมยกุ้ยเป็นสาวงามที่ชาญฉลาด เพียบพร้อมและปรนนิบัติข้าได้ถึงใจจริงๆ”“แหมะ ใต้เท้า ท่านก็ชมเกินไป”รื่อหงยิ้มหน้าระรื่นใต้เท้าฉีจึงเอ่ยต่อไปว่า“ข้าจึงอยากจะขอตัวนาง เพื่อนำไปถวายแด่ฮ่องเต้ เจ้าขัดข้องหรือไม่”รื่อหงหันขวับ ตาลุกวาว แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน“เมื่อกี้ท่านล้อข้าเล่นแน่ แน่”รื่อหงส่ายหน้าแสร้งหัวเราะแกน ๆ“ข้าไม่ได้ล้อเล่น”ใต้เท้าฉีเอ่ยขณะนั่งลงบนเก้าอี้ลงข้างรื่อหง เขาต้องคุยกับนางอย่างจริงจังแม่เล้าผู้มากประสบการณ์มองดูขุนนางผู้นี้ก็เข้าใจในท่าทีจึงพยักหน้าใ
“ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ คุณชายเหว่ยมายืนรอรับถึงหน้าที่พักแล้วขอรับ ข้าเกรงว่าท่านอาจต้องเตรียมคำอธิบายที่พาสาวงามจากหอคณิกาด้วย”ใต้เท้าฉีได้ยินเสียงกระซิบบอกของพ่อบ้านทุกถ้อยคำใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเดินโออ่าแผ่ศักดาที่หอมู่ตานเมื่อวาน มาวันนี้ถึงกับเป็นอันเหี่ยวเฉาลงทันทีใต้เท้าฉีมีสีหน้าหวั่นวิตกลงอย่างเห็นได้ชัดเหมยกุ้ยได้ยินทุกคำพูดที่พ่อบ้านเอ่ยเช่นกัน บวกกับหน้าซีดเซียวของใต้เท้าฉีจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า“ใต้เท้ามีเรื่องกังวลใจอันใดหรือ”“ข้าเกรงว่าลูกชายของข้าจะไม่เห็นด้วยที่ข้าพาเจ้าไปถวายตัวต่อองค์ฮ่องเต้ อันเหว่ยเป็นคนเถรตรงมาก และไม่นิยมชมชอบนางคณิกาเท่าไหร่นัก”“ท่านกลัวว่า บุตรชายของท่านจะรังเกียจข้าหรือ?”เหมยกุ้ยแสร้งทำสีหน้าเศร้าสร้อยใต้เท้าฉีจึงถือโอกาสโอบกอดสาวงามเพื่อปลอบประโลม“โอ้ ๆ เจ้าไม่ต้องเสียใจไป ข้าว่าไม่มีผู้ชายคนใดในโลกนี้ที่จะรังเกียจสาวงามเช่นเจ้าได้ลงคอ ข้าจะหาทางอธิบายเหตุผลกับลูกชายของข้าเอง”สิ้นคำใต้เท้าฉีจึงก้าวลงมาจากเกี้ยวใต้เท้าฉีรีบเดินเข้าไปหาบุตรชายก่อนที่เขาจะเป็นผู้เดินมาหา หากถึงเกี้ยวจะยิ่งวุ้นกันไปใหญ่“ท่านหายไปไหนมาทั้งคืน แล
ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจรับคำว่า“ได้ ได้ ไปสิเรากำลังจะออกเดินทาง”“ขอบคุณใต้เท้ามาก ท่านใจดีที่สุด!”เมื่อได้รับอนุญาตให้เดินทางไปด้วยได้ หลันฮวาก็ผุดเข้าไปนั่งในเกี้ยวก่อนใคร ๆ ตามด้วยใต้เท้าฉีเหมยกุ้ยเดินตามมาอย่างเงียบเงียบ เมื่อมองเข้าไปในเกี้ยวก็พบว่าไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับนางแล้ว นางจึงกล่าวแก่ใต้เท้าฉีว่า” ข้าคิดว่าหากท่านจะพาข้าไปถวายตัวต่อฮ่องเต้ในฐานะบุตรบุญธรรม แล้วให้นั่งในเกี้ยวคู่ไปพร้อมกับท่าน เกรงว่าจะไม่เหมาะ ฉะนั้นข้าขอเดินตามขบวนกับพ่อบ้านเห็นจะเหมาะกว่า”ใต้เท้าฉีส่งสายตาสุดแสนเสียดายมาที่เหมยกุ้ยเพราะเขาตั้งใจว่าจะนั่งเกี้ยวไปกับสองดรุณีสุดสวยทั้งคู่คงจะได้ขึ้นสวรรค์ไปถึงชั้นไหน ชั้นไหน แต่เมื่อนางออกความคิดเห็นเช่นนี้ก็ถูกต้อง อีกอย่างเมื่อคืนเขาเองก็อยู่กับเหมยกุ้ยทั้งคืนแล้ว งั้นเช้านี้เปลี่ยนรสชาติเป็นดรุณีป่า ก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้นใต้เท้าฉีจึงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างอยู่ในสายตาคมดุของบุรุษผู้หนึ่งเสมอ ระหว่างที่เดินออกจากเมืองซานฉีเหมยกุ้ยเองก็ลอบมองบุรุษสง่างามผู้ที่อยู่บนหลังม้าเช่นกัน นางสังเกตเห็นว่า เขาเองก็แอบลอบ
“แฮ่ก แฮ่ก คะ คุณชาย”เหมยกุ้ยดันตัวลุกขึ้น ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยจนหัวนมชมพูชูชันโผล่ออกมาอวดตระหง่านชูไสวตรงหน้าคุณชายเหว่ยพอดีมือแกร่งจึงกดร่างอรชรที่พยายามลุกขึ้น ให้อกสร่างแนบเข้ากับหน้าหล่อเหลา แล้วลิ้นร้อนของเขาก็ตวัดหัวนมเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม“อ้ายยยย คะ คุณชาย ซี้ดดดดด”เหมยกุ้ยกัดปากซี้ด นานแล้วที่หัวนมไม่เจอลิ้นหนุ่มกลัดมัน ลิ้นเขาทั้งร้อน ทั้งดูด ทั้งดึง ความเสียวซ่านมันวิ่งริ้ว ๆ เป็นระลอก ๆ ไม่ขาดสายจ๊วบบบบบบ จ๊วบบบบบบซื้ดดด จ๊วบ!“อะ อย่า ข้าเป็นนางคณิกาที่น่ารังเกียจ มิใช่รึ อื้อ”เหมยกุ้ยตัดพ้อเสียงกระเส่า ปากร้ายย้ายจากหัวนมข้างขวาไปสู่ข้างซ้ายอย่างเท่าเทียม ในสมองเขาอื้ออึงไปหมด รู้แค่ว่านางน่ากินไปทั้งเนื้อทั้งตัว“เจ้ารึน่ารังเกียจ? จ๊วบบบบบบ แผล็บ”“อือ อะ”เหมยกุ้ยแสร้งดันตัวขัดขืน ชายหนุ่มจึงพลิกร่างอรชรให้อยู่ใต้ร่างแกร่ง เมื่อร่างนั้นนอนหงายยิ่งทำให้นมสร้างคู่นั้นชูชันเย้ายวน มือแกร่งรวบมือบางกดลงกับพื้นหญ้าเพื่อเปิดทางให้ปากร้ายโฉบเข้าหัวนมอย่างหื่นกระหายจ๊วบบบบบบ แผล็บๆ ๆ ๆ ๆ “อ่าซ์ อะ ยะ หยุด นะ คนใจร้าย รังเกียจข้านักไม่ใช่หรือ อ้ายยย” เหม่ยกุ้ยเสีย
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า...... ความมืดมิดโรยตัวเข้าห่มพื้นปฐพีเดือน.... ดาว.... ดารดาษกระจ่างฟ้า...ชายหนุ่มรูปงามพร้อมด้วยบริวารซ้ายขวา .... รูปร่างสูงสง่าในชุดสีฟ้าขาว... ผ้าฝ้ายทอผสมทองคาดเอวสอบ... ห้อยตราหยกประจำตระกูลที่เอว... เพื่อบ่งบอกว่า... เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล “หวัง” ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองฉีซาน.... นามของเขา คือ “หวังเหล่ย”มือเรียวสวยตามแบบฉบับคุณชายโบกพัดไปมาอย่างสำราญใจ.... ขณะที่เดินทอดน่องไปตามถนนเริงรมย์ยามค่ำคืน...แม้อายุจะย่างเข้าสามสิบปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกแต่งหญิงใดเป็นภรรยาเพราะเขายังสนุกกับการหาความสำราญให้กับตนเองถนนเริงรมย์.... ประดับประดาด้วยโคมไฟน้อยใหญ่ตระการตา...ถนนที่เป็นศูนย์รวมแหล่งความสำราญของเมืองฉีซาน.... หัวเมืองใหญ่ก่อนเข้าสู่เมืองหลวงบนถนนสายนี้..... มี “หอมู่ตาน” เป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งหัวเมืองแคว้นเหนือ “หอมู่ตาน” เต็มไปด้วยบรรดาอิสตรีรูปงาม ล้วนแต่มีกิริยาอ่อนหวาน เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนให้บุรุษหลงใหลจนมีเสียงเล่าลือกันว่า.... หากชายใดมาแคว้นเหนือแล้วไม่เคยแวะเวียน”หอมู่ตาน” ยากนักที่จะตายตาหลับเมื่อ