Share

ตอนที่ 13.   หยุด

เมื่อขบวนเกี้ยวของใต้เท้าอันฉีเดินทางเข้าสู่เมืองฉีซาน ตะวันก็โพล้เพล้ แสงสีทองสาดส่องลงบนถนนในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เมืองฉีซานเป็นหัวเมืองสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของดินแดนทางเหนือ และเป็นเมืองประตูสู่ภาคกลาง เมืองนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนน

ถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้

เมื่อขบวนเกี้ยวใต้เท้าอันฉี ที่นำขบวนโดยบุรุษหนุ่มสง่างามควบม้าสีขาวพันธุ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ดวงตาคมกวาดไปรอบ ๆ เมือง บุรุษรูปงามผู้นี้ คือ “อันเหว่ย” บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยว

ใต้เท้าอันฉี หรือ ใต้เท้าฉี สอดมือเปิดม่านหน้าต่างข้างเกี้ยวขึ้นมองดูร้านร่วงข้างทาง แล้วดวงหน้าน้อย ๆ ของดรุณีก็เบียดขึ้นมาส่องอย่างอยากรู้อยากเห็นบ้าง

“โอ้ว ว้าว นี่เขาเรียกว่าเมืองรึ”

หลันฮวา ดรุณีวัยแรกที่ใต้เท้าฉีเก็บมาจากป่าบนภูเขา ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

“ใช่ แล้ว และคืนนี้ก็อนุญาตให้เจ้าเที่ยวชมเมืองได้อย่างอิสระ หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ก็ตามใจเจ้า หรือหากเจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้า เจ้าก็มากลับมา ข้าจะพักเมืองนี้สักคืน เมื่อรุ่งสางจึงจะออกเดินทางต่อ”

“ขอบคุณท่านมากใต้เท้าฉี”

หลันฮวาซุกหน้าน้อย ๆ ลงบนแผงอกหยุ่น ๆ เพราะความเหี่ยวย่นของผิววัยชรา

“ฮ่า ๆ ฮ่า”

ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจ การมีภริยาเด็ก ๆ มันดีแบบนี้นี่เอง

หยุด!

เสียงทุ้มร้องสั่งให้หยุดเกี้ยว สักครู่พ่อบ้านจึงวิ่งเข้ามาใกล้ ๆ แล้วบอกกับผู้เป็นนายว่า

“ใต้เท้าฉี ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับท่าน”

“อ่อ”

ใต้เท้าฉีก้าวลงมาจากเกี๊ยว ตามด้วยดรุณีน้อย เสื้อสีขาวของนางยับยู่ยี่ ที่กระโปรงมีรอยเปื้อนสีแดงเป็นดวง ๆ สายตาคมกริบของพ่อบ้านมองปราดเดียวก็รู้ว่า ผู้เป็นนายของจะเปิดพรหมจรรย์ของดรุณีป่าผู้นี้อย่างดุเดือดน่าดู

“โอ้โหหหหห ผู้คนเต็มไปหมดเลย”

หลันฮวาอุทานอย่างตื่นเต้น

“ในตลาดมีอะไรให้เจ้าชม และซื้อเยอะแยะ ข้าจะให้รางวัลเจ้าไปเที่ยวแล้วกัน พ่อบ้าน”

ประโยคสุดท้ายใต้เท้าฉีเรียกพ่อบ้านผู้รู้ใจ เพียงแค่สบตาผู้เป็นนาย พ่อบ้านก็ควักเงินออกมาห้าร้อยตำลึงให้แก่หลันฮวา

“เอาไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนนะ เจ้าอยากใช้อย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า นี่เป็นรางวัลที่เจ้าเล่นเกมชนะ ฮ่า ฮ่า”

ใต้เท้าฉีหันไปเอ่ยกับดรุณีป่าอย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณใต้เท้ามาก ขอบคุณ”

ดรุณีป่ารับเงินแล้ว กระโดดโลดเต้นออกไปตามท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร่างน้อยๆ หายลับไปในฟูงชน

“นางไปแล้วรึท่านพ่อ”

ผู้เป็นลูกชายควบม้าเทียบข้างเกี้ยวเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวน้อยวิ่งหายลับตาไป

“นางจะไป นางจะมา ก็สุดแล้วแต่ใจนาง ฮึ ฮึ”

“เราจะพักกันที่นี่ พ่อบ้านช่วยจัดการที”

อันเหว่ย เอ่ยเข้าเรื่องทันที เขาไม่ชอบทำอะไรให้เสียการ และไม่ชอบการสนทนาเปล่าประโยชน์

“ขอรับคุณชาย”

พ่อบ้านรับคำแล้ววิ่งเข้าไปติดต่อห้องพักในโรงเตี๊ยม

“เจ้าก็เหมือนกันอันเหว่ย หัดปล่อยชีวิตไปตามสายลมบ้าง เจ้าเห็นไหม? คนไร้การศึกษาอย่างสาวชาวป่าอย่างหลันฮวายังรู้จักตักตวงความสุขใส่ตัว”

ใต้เท้าอันฉีลูบเคราเบา ๆ ขณะสนทนากับบุตรชาย

“ชีตข้าก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาความยุ่งยากอะไร”

“ฮ่าๆ สุขบนกรอบบรรทัดฐานที่แม่เจ้าวางไว้นะรึ ฮ่า ๆ”

“ข้าก็ว่ากรอบที่ท่านแม่วางไว้รอบคอบและมั่นคงดี เป็นท่านเสียอีกที่ทำตัวเหมือนอยู่ในกรอบ แต่พอได้โอกาสเมื่อไหร่ท่านก็โลดเต้นราวกับปลาได้น้ำ แบบนี้ไม่เหนื่อยกว่ารึท่านพ่อ”

“ฮ่า ๆ พอ ๆ คุยกับเจ้าแล้วปวดกบาล”

“แฮ่ ๆ ใต้เท้า คุณชาย ได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณชายพักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนคอกม้าอยู่ที่หลังโรงเตี๊ยมนี่เองขอรับ”

พ่อบ้านรีบวิ่งออกมาแจ้งข่าว เมื่อจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อย

“ดี”

อันเหว่ยร้องขึ้นคำเดียวแล้วกระทุ้งสีข้างเจ้าม้าคู่ใจให้มันวิ่งเข้าไปที่คอกม้าหลังโรงเตี๊ยม ทั้งวันเขาอยู่บนหลังม้ารู้สึกปวดเหมื่อยไปหมดอยากจะรีบนอนพักให้หายเหนื่อย แล้วตื่นขึ้นมาทบทวนตำราเพื่อเข้าสอบจองหงวน

เมื่อบุตรชายออกไปแล้ว ใต้เท้าฉีจึงกระซิบถามกับพ่อบ้านว่า

“เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยหรือไม่?”

“ข้าให้ม้าเร็วเดินทางมาจองบุปผางามไว้ให้เรียบร้อยแล้วขอรับ อิอิ”

พ่อบ้านเบาเสียงตอบอย่างรู้ใจนาย

“ดี ดีมาก เดี๋ยวข้าขึ้นไปอาบน้ำให้หอมฟุ้งเสียก่อน คืนนี้ข้าจะได้ฝันดี ปี้นางฟ้าทั้งคืน ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”

ใต้เท้าฉีหัวเราะจนเครากระเพื่อม

เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า  แสงดาวแสงเดือนสาดส่องประกายระยิบระยับที่แสงตะวัน  ยามนี้ผู้คนต่างเข้าสู่เคหาบ้านเรือนจุดใต้จุดเทียนเพื่อไล่ความมืดมิด  เห็นเป็นแสงวับแวมออกมาตามร่องประตูหน้าต่าง แต่บนถนนถนนใจกลางเมืองฉีซาน กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟโคมกระดาษที่ประดับประดาไปตามตึกสูงของหอมู่ตานนับร้อย ๆ ดวง

หน้าประตูหอนางโลมอันดับหนึ่งประดับประดาด้วยบรรดามวลบุปผาแห่งหอมู่ตาน บรรดาสาวงามวัยแรกแย้มหัวร่อต่อกระซิกกันระหว่างยืนรอรับบรรดาบุรุษที่แสวงหาความรื่นรมย์ยามค่ำคืน

เสียงหัวเราะใส ๆ ของบรรดาสาวงามปนกับเสียงเพลงพิณไม่ขาดสาย ช่างเป็นเสียงที่เชิญชวนให้ชายทุกนามต้องมนต์เสน่หา ย่างกายเข้าสู่ดินแดนสวรรค์หอมู่ตานได้อย่างง่ายดาย

หยุดเกี้ยวววววววววว

เสียงร้องสั่งผลแบกเกี้ยวให้หยุดฝีเท้าดังขึ้น  เมื่อเกี้ยวของใต้เท้าฉีเทียบที่หน้าประตูหอมู่ตาน เมื่อเกี้ยวหยุดสนิท พ่อบ้านประจำตระกูลอัน ก็เดินเร็ว ๆ เข้าใกล้เกี้ยว โคมไฟที่ถือนำทางแกว่งไกวตามแรงเดิน

“ใต้เท้าขอรับ ถึงหอมู่ตานแล้ว ขอรับ”

สิ้นเสียงพ่อบ้าน  มืออวบอ้วนก็เปิดม่านออกแล้วก้าวลงมา 

ทันทีที่ร่างอวบอ้วนของใต้เท้าฉีปรากฏบรรดาสาว ๆ ต่างวิ่งถลาเข้าต้อนรับ พร้อมกับส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า

“อ้ายยยยย ใต้เท้า ยินดีต้อนรับคร่า”

“อุ๊ยใต้เท้า ท่านช่างมีสง่ามาก”

“ใต้เท้าคะ ท่านมาจากเมืองใด แล้วต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม”

ผู้ถูกสาวงามรุมล้อมหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพึงพอใจ ที่นางน้อย ๆ ใบหน้างาม ๆ หน้าอกนิ่ม ๆ เบียดแทรกตามเนื้อตัวให้เกิดความรู้สึกคึกเป็นพิเศษ 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status