เมื่อตะวันลับขอบฟ้า...... ความมืดมิดโรยตัวเข้าห่มพื้นปฐพี
เดือน.... ดาว.... ดารดาษกระจ่างฟ้า...
ชายหนุ่มรูปงามพร้อมด้วยบริวารซ้ายขวา .... รูปร่างสูงสง่าในชุดสีฟ้าขาว... ผ้าฝ้ายทอผสมทองคาดเอวสอบ... ห้อยตราหยกประจำตระกูลที่เอว... เพื่อบ่งบอกว่า... เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล “หวัง” ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองฉีซาน.... นามของเขา คือ “หวังเหล่ย”
มือเรียวสวยตามแบบฉบับคุณชายโบกพัดไปมาอย่างสำราญใจ.... ขณะที่เดินทอดน่องไปตามถนนเริงรมย์ยามค่ำคืน...
แม้อายุจะย่างเข้าสามสิบปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกแต่งหญิงใดเป็นภรรยาเพราะเขายังสนุกกับการหาความสำราญให้กับตนเอง
ถนนเริงรมย์.... ประดับประดาด้วยโคมไฟน้อยใหญ่ตระการตา...
ถนนที่เป็นศูนย์รวมแหล่งความสำราญของเมืองฉีซาน.... หัวเมืองใหญ่ก่อนเข้าสู่เมืองหลวง
บนถนนสายนี้..... มี “หอมู่ตาน” เป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งแห่งหัวเมืองแคว้นเหนือ
“หอมู่ตาน” เต็มไปด้วยบรรดาอิสตรีรูปงาม ล้วนแต่มีกิริยาอ่อนหวาน เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนให้บุรุษหลงใหล
จนมีเสียงเล่าลือกันว่า.... หากชายใดมาแคว้นเหนือแล้วไม่เคยแวะเวียน”หอมู่ตาน” ยากนักที่จะตายตาหลับ
เมื่อคุณชายหวังเหล่ยเดินมาถึงหน้าหอมู่ตาน.... บรรดาสาวงามวัยแรกแย้มต่างกรูกันออกมา.... เด็กสาวที่หน้าอกกำลังตั้งเต้าแข่งกันฉอเลาะ... โอบหน้า.. โอบหลัง... แขกพิเศษประจำหอมู่ตาน
แววตากรุ้มกริ่มของคุณชายเหล่ยมองเห็นเต้าตั้งน่าบีบ... มือก็โฉบล้วงเข้าไปในคอเสื้อของแต่ละนาง.... สัมผัสเคล้าคลึงสินค้าสำหรับโชว์ด้านนอกของหอมู่ตานเพื่อเป็นน้ำจิ้ม
“อ่า...คุณชายมือท่านวิเศษมาก”
หนึ่งในสาวงามครางออกมา
“อื้อ... ข้าอยากจะปี้กับท่านจังเลย...อ่า”
หญิงสาวด้านหน้าเบียดเข้าชิดด้านหน้าชายหนุ่มพร้อมกับส่ายสะโพกเสียดสีแก่นกายเขา... จนชายหนุ่มถึงกับครางออกมา
“ซี้ดดดด... อ่า”
“คิดถึงคุณชายเหล่ยจังเลย”
บรรดาเหล่าสาวงามต่างแย่งกันเอาใจเขาโดยเบียดอกอวบเข้ากับเนื้อตัวของชายหนุ่ม
“ซี้ดดด... พวกเจ้าแจ่มมาก... แจ่มมากสมแล้วที่อยู่หอมู่ตาน พวกเจ้าไปดูแลผู้ติดตามของข้าหน่อยก็แล้วกัน... เดี๋ยวข้าเข้าไปข้างใน”
คุณชายเหล่ยพยักพเยิดไปยังคนรับใช้หนุ่มสองคนที่คอยตามอารักขา.... บรรดาสาวงามยิ้มอย่างเอาใจอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยเขาให้เข้าไปในหอมู่ตาน และจัดเตรียมที่นั่งรอให้แก่ผู้ติดตามของคฤหาสน์ตระกูลหวังตามคำสั่ง
เมื่อคุณชายเหล่ยเดินเข้ามาในหอมู่ตาน... เสียงเพลงบรรเลงไม่ขาดสาย.....
เสียงพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกจากโต๊ะต่าง ๆ ของผู้มาสำเริงสำราญ ณ หอมู่ตานแห่งนี้
เหล่าสาวงามที่นุ่งผ้าบางเบามองทะลุจนเห็นสัดส่วนอวบอั๋นกลมกลึงกำลังเดินอวดโฉมอย่างเอียงอาย..... ยะยิ้มเย้ายวน.....
“อ่า.... สวรรค์บนดินชัด ๆ”
ชายหนุ่มอุทานออกมาขณะที่กำลังเดินชมรูปร่างสาวงามพร้อมกับใช้มือเรียวสวยของเขาบีบเคล้นเต้างามแต่ละเต้าอย่างสำราญใจ...
นางใดอกอวบอั๋นจนน่าดูด... มือเรียวก็ตวัดเอวคอดรั้งให้เข้าชิดใกล้พอที่จะโฉบปากร้ายลงบนหัวนมชมพู... ลิ้นร้ายของเขารัวหัวนมก่อนดูดและดึงอย่างกระหาย
จ๊วบ ๆ จ๊วบ ๆ
“อือ... อะ.. อ่าซ์ คุณชายคะ... อ่า”
นางคณิกาที่ถูกเขาดูดหัวนมอ่อนระทวยในอ้อมแขน.... มือสองข้างของนางโอบหัวของชายหนุ่มรัดไว้แน่นอย่างเสียวซ่าน
“นมเจ้าหวานที่สุด!”
ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นชมนาง.... แล้วก้มลงดูดอีกข้าง
จ๊วบบบบบบบบ
“ซี้ดดด”
“อะแฮ่ม! คุณชายเหล่ยขา”
สตรีวัยกลางคน.... สวมเสื้อสีม่วงแดงประดับดอกไม้ช่อโต... ใช้ผ้าเช็ดสีแดงฟาดลงที่ไหล่ชายหนุ่มพื่อสะกิดให้เขารู้ตัว
คนถูกเรียกชื่อปล่อยปากจากหัวนมอย่างแสนเสียดาย.... นางคณิกาอวบอึ๋มที่ถูกเขาดูดนมย่อกายลงอย่างเอียงอาย... ยกมือขึ้นปิดปาก... ยิ้มหยาดเยิ้มให้ท่าอีกครั้งก่อนเดินจากไป....
“แหม.... รื่อหง เจ้าจะให้ข้าสำราญอีกนิดไม่ได้หรือ”
คุณชายเหล่ยตัดพ้อ... ขณะที่ “รื่อหง”.... หรือแม่เล้าแห่งหอมู่ตานแตะลงที่สะโพกชายหนุ่มอย่างคุ้นเคยเพื่อให้เขาเดิมตามไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมให้พิเศษ
“โอ๋ ๆ คุณชาย เจ้าขา... ของดี ๆ ยังมีอีกเยอะแยะ คุณชายอย่าเพิ่งน้อยใจไปเจ้าค่ะ”
เจ้าของหอนางโลมอันดับหนึ่งยิ้มตอบ นางไม่อยากให้เด็ก ๆ ของนางบอบซ้ำก่อนได้ค่าตัว แต่คุณชายผู้นี้ก็จ่ายให้แก่หอมู่ตานหนักไม่ใช่เล่น เพราะฉะนั้นเมื่อหล่อนจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจเงินทองที่เขามี
เมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะที่จัดไว้เป็นพิเศษ.. รื่อหงจึงเรียกสาว ๆ ออกมา
“ไป๋หลาน หวงหลาน มาปรนนิบัติคุณชายเหล่ยหน่อยเร็ว”
“คร้า”
สองสาวย่อตัวลงรับคำพลางนั่งลงข้างซ้ายข้างขวาของชายหนุ่ม
นางหนึ่งรินสุรา.... อีกนางบรรจงบีบนวด... กลิ่นอายกายสาวหอมยิ่งกว่ารสสุราในจอก
ดวงตาซุกซนมองอกอวบที่ถูกผ้าบางเบาปิดไม่มิด.... ยามที่นางเคลื่อนไหวมองเห็นหัวนมชมพูระเรื่อวับ ๆ แวบ ๆ ชวนให้ใจระทึกมิใช่น้อย....
ในที่สุดคุณชายเหล่ยก็ทนไม่ไหว ล้วงมือเข้าไปในอกสาวน้อยเคล้นคลึงอกอวบเต็มมือ... จนนางผวาซบลงบนไหล่เขา
“อ่า.... ใช้ได้ ใช้ได้นมเจ้าสู้มือข้าดีจริง ๆ ใหญ่กว่านางเมื่อครู่สะอีก รื่อหงเจ้าช่างรู้ใจข้าจริง ๆ”
คุณชายเหล่ยชม.... ก่อนจะบดจูบปากบางของหญิงสาวข้างกาย...
“แหมๆ คุณชาย ท่านเป็นแขกพิเศษของที่นี่ มีหรือท่านชอบสิ่งใด ข้าจะไม่รู้”
“อือ”
คุณชายครางแนบเนื้อสองเต้าที่หน้าเขากำลังซุกไซ้
“ไป๋หลาน กับหวงหลานฝีมือเด็ดไม่แม้เหมยกุ้ยเลยนะ คืนนี้ท่านจะเปลี่ยนใจสักคืนไหม?”
แม่เล้ารื่อหงที่ยืนข้างโต๊ะเสนอ ชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อ “เหมยกุ้ย”
หากเปรียบสาวงามเหมือนมวลบุปผา....
“เหมยกุ้ย” ก็เปรียบเสมือนราชินีแห่งดอกไม้ เหมือนดังเช่นกุหลาบ..... งามเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล่า
“เหมยกุ้ย” หล่อนเป็นนางคณิกาชั้นสูงในหอมู่ตานแห่งนี้ เรียกว่า“อี้จี” หรือดาวเด่นประจำหอนางโลม “เหมยกุ้ย” นอกจากรูปโฉมของนางจะงดงามแล้ว... ยังฉลาด เก่งทั้งศิลปะและการดนตรี เหล่าบุรุษที่แวะเวียนมาที่หอมู่ตานแห่งนี้ต่างประทับใจในเสน่ห์อันตราตรึงจนปรนเปรอทรัพย์สินเงินทองและของมีค่าอย่างมากมาย
บุรุษบางคนหลงใหล “เหมยกุ้ย” จนยากจะถอนตัว
แต่หากนางไม่พึงพอใจแล้วไซร้... มีหรือนางจะยอมขายเรือนร่างให้ชายผู้นั้น
“เหมยกุ้ย”ชายหนุ่มพึมพำคล้ายละเมอ นั่นสินะสองสาวสุดเร่าร้อนนี้เกือบจะทำให้เขาลืมจุดมุ่งหมายที่เขามาในวันนี้เสียแล้ว...ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น“แล้วเหมยกุ้ยไปไหน? ข้าอุตาส่าห์มาถึงที่นี่ ถ้าไม่ได้เหมยกุ้ย ข้าจะกลับหละ”รื่อหงตวัดตาสั่งให้ไป๋หลาน กับหวงหลาน ทั้งสองนางให้รั้งชายหนุ่มเอาไว้ สองสาวยิ้มฉอเลาะ... เอาอกสล้างเข้าเบียดแขนชายหนุ่มพลางออดอ้อน“แหมคุณชาย.... ใจเย็น ๆ สิคะ อย่างไรเสียท่านพี่เหมยกุ้ยก็จะได้ปรนนิบัติคุณชายแน่นอนค่ะ”“นั่นสิคะ... นั่งลงดื่มสุราดับความร้อนรุ่มก่อนนะคะ”มือนุ่มของสองสาวสวยดึงให้เขานั่งลง....“อะ.... เอ่อ... เหมยกุ้ยกำลังเตรียมตัวพบคุณชาย.. อยากได้สาวงามอันดับหนึ่งคุณชายต้องใจเย็น ๆ นะคะ”รื่อหง.. แบ่งรับแบ่งสู้ หากว่าหล่อนไม่ใช้ให้เหมยกุ้ยต้อนรับคหบดีผู้ใหญ่จากทางใต้ หล่อนก็คงจะไม่วุ่นวายใจขนาดนี้ คนหนึ่งก็หนุ่มรูปงามมหาเศรษฐี อีกคนก็ขุนนางผู้ใหญ่ ล้วนแต่ต้องการเหมยกุ้ยทั้งสิ้น!!“ระหว่างที่รอนางแต่งตัว คุณชายก็สำราญกับไป๋หลานและหวงหลาน ไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะคะ วันนี้จัดให้คุณชายเป็นพิเศษคร่า”รื่อหงยิ้มเอาใจ... ชายหนุ่มมองสองสาวที่ทั้งขาวทั้งอว
เหมยกุ้ย! เหมยกุ้ย! เหมยกุ้ย!“อุ๊ย... คุณชายเหล่ยเบาเสียงลงหน่อยค่ะ เดี๋ยวแขกแตกตื่น”“คุณชายเหล่ย รอไป๋หลานด้วยค่ะ”ชายหนุ่มรูปงามวิ่งพรวดพราดขึ้นมาชั้นบนของหอมู่ตานอย่างคุ้นเคย... ตามด้วยสองนางคณิกาที่วิ่งตามมาพร้อมกับส่งเสียงห้ามเขาเป็นระยะ ๆ เขาจ่ายให้หอมู่ตานแต่ละคืนไม่ต่ำกว่าพันตำลึงทอง... ใครเลยจะกล้าขัด!คุณชายวิ่งโซซัดโซเซมาจนถึงห้องกุหลาบแดง ถ้าเขาไม่มัวแต่ร่ำสุรากับสองสาวงามข้างล่าง... ก็คงจะได้ขึ้นมาเชยชมนางฟ้าบนชั้นสองนานแล้ว...ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ“เหมยกุ้ย!” “เหมยกุ้ย!” “เหมยกุ้ย!” คุณชายรัวมือเคาะประตูไม่ยั้งห้องนี้ถือเป็นห้องต้องห้ามหากเป็นชายทั่วไปคงจะถูกจับโยนออกนอกหอไปเสียนานแล้ว.... แต่เพราะเขาเป็นแขกพิเศษที่เงินถึง สองนางคณิกาที่วิ่งตามเขามาได้มองตากันเลิ่กลั่ก......แอ้ด......“เข้ามาสิคะ”มือเรียวขาวผ่องแง้มประตูออกเพียงนิดก่อนกวักมือเรียกชายหนุ่มแค่เห็นปลายนิ้วทั้งห้ากรีดกรายออกมาที่รอยแยกประตูเพียงนิด... เขาก็รู้แล้วว่ามือนั้นนุ่มนวลเพียงใด...คุณชายผลักประตูเข้าไปในเข้ากุหลาบแดงตามคำเชื้อเชิญอันแสนอ่อนหวานเ
เขาแยกขาเรียวของนางให้แบะออกมากยิ่งขึ้น.... แล้วก้มลงเลียสุราตามกลีบหอย....แหย่ปลายลิ้นสากเข้าไปตามกลีบหอยสีแดงระเรื่อ....ก่อนจะแทงลิ้นเข้าไปที่ร่องสวาทแล้วกดลิ้นสากเลียขึ้นไปจนถึงตุ่มหอย... จนมันแข็งเป็นไต....“อร๊างงงงงงง คุณชาย... เสียวมากค่ะ”เหมยกุ้ยยกสะโพกขึ้นรับลิ้นร้ายของชายหนุ่ม...ลิ้นและปากของเขาขบเม้มที่ตุ่มไตหอยอีกระลอกจนร่างงามสะดุ้งเฮือกอย่างซ่านกระสัน... ความเสียวซ่านมันพุ่งกระจายไปทั่วร่าง“อะ.... อ้ายยยยย คุณชายยยยย”เหมยกุ้ยครวญครางร้องกระเส่าไม่เป็นภาษา ปากร้ายของชายหนุ่มทำให้ลมหายใจของนางขาดเป็นห้วง ๆจนหอยสีแดงสดของนางคายน้ำหวานออกมาแทนที่สุราที่ชายหนุ่มลามเลียจนเกลี้ยง“อ๊า...... ละ ลิ้นคุณชายร้ายกาจมาก....”จ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ จ๊วบบบบบบบบ จ๊วบบบบบคุณชายเหล่ยปรนเปรอความรัญจวน... เสียวซ่านให้นางด้วยลิ้นอย่างหื่นกระหาย เลียโอ้โลม... อย่างรู้จุดซ่านกระสันของหญิงสาวอย่างเชี่ยวชาญเหมยกุ้ยสะอื้นครางกระเส่า เนื้อตัวกระตุกเกร็งแข็ง ยกสะโพกขึ้นส่ายรับกับจังหวะลิ้นสากแสนร้ายกาจของชายหนุ่มจ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ “อะ.... อึก.... อร๊างงงงงง
เหมยกุ้ยตวัดขาเกี่ยวเอวสอบแกร่งของคุณชายแน่น... ขณะที่เขากระแทกลำมังกรเข้าออกเอวสอบ... สะโพกแกร่งของชายหนุ่มทั้งโยก ทั้งบด... เข้าไปในรูแน่น ๆ โพร่งอุ่นๆ แสนฉ่ำเยิ้มกลีบหอยแดงระเรื่อบวมเป่งเขมือบกลืนกินท่อนมังกร.....“อะ.... อ่า... อ่า”“อ้าววววว......”เหมยกุ้งแอ่นอกสล้าง.... หยัดสะโพกรับแรงกระเด้งเด้า... นมอวบๆ กระเด้งกระดอนตามแรงขย่มของพลังบุรุษวัยหนุ่มที่เต็มไปด้วยเพลิงสวาท.... “ระ.... แรงอีก... เร็วเข้า... อะ อ่า...”นางครางเว้าวอน... เมื่อจวนจะถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ชายหนุ่มจึงโหมกระหน่ำกระแทกสะโพกลงไม่ยั้งตับๆ ตับ ๆ ตับ ๆ “อะ.... อ่า... อ่า”แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กตับๆ ตับ ๆ ตับ ๆ “อะ.... อ่า... อ่า” คุณชายกระทุ้งรูหอยนางหนักหน่วง... ร่างอรชรบิดส่ายเกร็กกระตุก.... รูหอยบีบลำมังกรตอดตุบตุบ.. ทำให้เขาเสียวซ่านปลาบแปลบไปทั้งร่าง จนต้องครางชื่อนางออกมา“อ้ายยยยย เหมยกุ้ย”สะโพกแกร่งของชายหนุ่มยิ่งทวีแรงกระแทกลำมังกรเข้าออกตามเพลิงสวาทที่โหมกระหน่ำรูหอยของนางยิ่งรัดตอดตึบ ๆ ตึบ ๆ ยิ่งคายน้ำหวานออกมาจนแฉะไปทั่ว“อร๊างงงงง
มือแกร่งของเขาลูบไล้ขึ้นมาจากหน้าท้องจนถึงนมสองเต้าสล้างที่ห้อยโย้ลงมา.... มือสองข้างของเขากอบอุ้มมันเต็มมือ.... กดมือบีบลงเบา ๆ พร้อมกับใช้นิ้วคลึงหัวนมเล่น... จนมันแข็งเป็นไตความเสียวซ่านทำให้นางถึงกับแหงนหน้าปรือตาครางออกมา....“ซี้ดดดดดดด... อ่า...... คุณชาย... มือซุกซนจริง ๆ”จมูกคมของชายหนุ่มปักลงที่ซอกคอระหงซุกไซร้สูดกลิ่นกายสาวอย่างหิวกระหาย..... ทั้งมือก็บีบเต้า.... ทั้งกลิ่นที่สูดเข้าปอด.... มันกระตุ้นให้มังกรในรูหอยพองโตจนคับถ้ำ“อะ... อ่า....”ชายหนุ่มถึงกับครางกระเส่าเพราะความกระสันเสียว... เมื่อสะโพกงามของหญิงงามบิดส่าย... แล้วกดลงที่หน้าขาเขาหนักหน่วง... อย่างเร่งเร้าให้มังกรเขาเริ่มจู่โจมส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!“อร๊างงงงงงงง.....งง”สะโพกแกร่งขยับอัดดุ้นมังกรเข้าสู่ร่องหอยตามใจปรารถนา สองมือยังเคล้าคลึงสองเต้า บดบี้ส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!“อร๊างงงงงงงง.....งง”ส๊วบบบบบ! ส๊วบบบบบบ ส๊วบ!คุณชายเหล่ยกระแทกสะโพกเข้าออกซอยไม่ยั้ง..... จนเหมยกุ้ยครวญครางเจียนขาดใจ....ความสุขสมซ่านกระสันมันโผทะยานไปทั่วร่างน้อย ๆ ของนาง“อะ... อะ... อึก
“อ่อ ข้าบอกว่า เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก อืม เจ้าชื่ออะไร?”“ข้าชื่อ หลันฮวา”“อืม เจ้าช่างเป็นกล้วยไม้ป่าที่กำลังผลิดอกสวยงาม ใยไม่อยู่ประดับป่า”“ข้าอยากเห็นเมืองหลวงนี่คะ”“แล้วบิดา มารดาของเจ้าไม่ว่าเอารึ?”“พ่อกับแม่ข้าตายด้วยโรคไข้ป่า ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ตาเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก เมื่ออาทิตย์ก่อนตาออกไปล่าสัตว์ แล้วหายไป ข้ารอแล้วรอเล่า ตาก็ไม่กลับมา ข้าทั้งหิวทั้งกลัวจึงออกเดินมาเรื่อย ๆ กินผลไม้ป่าประทังชีวิต จนมาพบขบวนของใต้เท้า”เด็กสาวชาวป่า หมอบลงอีกครั้งร้องไห้ สาบคอเสื้อไหวตามแรงสะอึกสะอื้นเผยให้เห็นเต้าน้อยวับแวบ กระตุ้นมังกรของใต้เท้าฉีให้ลุกซู่จนแทบอยากจะดึงดรุณีน้อยที่โหยไห้มากอดไว้แนบอก“ฮือ ๆ ใต้เท้าโปรดเมตตาให้ข้าน้อยไปด้วยเถิด ข้าขอติดขบวนท่านไปจนกว่าจะถึงเมืองฉีซานเท่านั้น อะ ฮือ ๆ”“เจ้าช่างเป็นเด็กสาวกำพร้าที่น่าสงสาร น่าสงสาร ข้าเป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ หากปล่อยให้เจ้าเผชิญชะตากรรมในป่า ใครรู้เข้าก็จะติฉินนินทาเป็นแน่แท้ เฮ่อ”ใต้เท้าฉีเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจเสียงดังให้ได้ยินกันถ้วนหน้า“ข้าคิดว่า เจ้าเป็นเพียงดรุณีเล็ก ๆ ติดขบวนไปด้วยหนึ่งคนก็คงจะไม่ลำบากอะไร”“ขอบคุณใต
สิ้นเสียงปากหนาก็ประกบกลีบปากบางจนมิด ความร้อนระอุแผ่ซานไปทั่วจะปากอิ่มของดรุณีน้อยร่างบางของดรุณีป่าจะขยับห่าง มือหนาของใต้เท้าฉีจึงรัดแน่นเข้า มืออีกข้างกดลงที่ลำคอสวยออกแรงให้ปากอิ่มเผยอออก แล้วลิ้นร้อนก็สอดเข้าไปเกี้ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ครวญหาน้ำหวานป่าส่งความซ่านสยิวไปทั่วทั้งร่างบางความซ่านเสียวจากปลายลิ้นที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนมันจู่โจมร่างกายที่แข็งขืนเมื่อครู่ของดรุณีป่าอ่อนยวบลงราวกับไฟรน จนนางส่งเสียงครางออกมา“อือ”“และจุดต่อไปที่ต้องเปิดพลังคือคอขาว ๆ ของเจ้า”เมื่อร่างเล็กอ่อนระทวยลง ผู้คุมเกมจึงลากลิ้นร้อนไล้ลงมาที่ลำคอขาวผ่อง ลิ้มลองหยาดเหงื่อดรุณีป่าที่ค่อย ๆ ผุดออกมาเพราะหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงระส่ำ มือหนาของใต้เท้าฉีเคลื่อนออกจากศีรษะสาวน้อย เลื่อนลงมากระทุ้งผ้ามัดเอวบางให้หลุดออกทันทีที่ผ้ามัดเอวหลุดออกเสื้อขาวของเด็กสาวป่าก็เผยอเปิดออกจนเห็นเต้าน้อย ๆ ที่ตั้งชูราวกับดอกบัวตูม หัวนมน้อย ๆ สีชมพูหวานชูเด่นจนน่ากิน“ตะ ต้เท้าแก้ผ้าข้าทำไม”เสียงสั่นน้อยๆ ของหญิงสาว ทักท้วง“ปลดปล่อยพลังสวรรค์ของเจ้าออกจากทรวงอก อ่า ช่างงดงามยิ่งนัก”ลิ้นสากของใต้เท้าฉีลากไล้วนเวียน
ณ หอมู่ตานรื่อหง ผู้คุมอำนาจแห่ง หอมู่ตาน เดินนวยนาดมาที่ห้องกุหลาบแดงอย่างอารมณ์ดีเมื่อมาถึงที่หมายนางหยุดฟังเสียงพิณอันแสนไพเราะที่ผู้เป็นเจ้าของห้องมักจะบรรเลงอยู่เสมอ นางรู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่น้อยที่ได้ครอบครองเพชรเม็ดงามเม็ดนี้“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับหอมู่ตาน จนกลายเป็นหอสวรรค์อันดับหนึ่ง“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่สร้างเงินทองให้กับแม่เล้าอย่างรื่อหงให้มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ“เหมยกุ้ย” เพชรเม็ดงามที่รื่อหงเก็บมาจากซากโคลนตมท่ามกลางความแร้นแค้นหลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อ 6 ปีก่อนเมื่อ 6 ปีก่อน รื่อหง ได้สร้างหอมู่ตานขึ้นมาในปีแรก มีนางคณิกาในหอแห่งนี้แค่ไม่กี่คน ในช่วงนั้นผู้คนยังไม่นิยมใช้บริการสถานเริงรมย์เท่าใดนัก เนื่องด้วยเป็นยุคข้าวยากหมากแพงส่งผลให้เกิดโจรชุกชุม นอกจากชาวบ้านจะอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แล้วยังอยู่ด้วยความหวาดกลัว หอมู่ตานรอดพ้นจากการปล้นก็เพราะนางต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มโจรที่ทรงอิทธิพลที่สุด รายได้เพียงน้อยนิดของหอมู่ตานจึงถูกจ่ายให้กับค่าโจรเสียมากกว่า รื่อหงจึงพยายามคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ให้กับหอมู่ตานให้ได้มากที่สุดเ