“ท่านหมอ!!”
“ขะ…ขอรับ”
“เอ่อ ข้าขอยืมเข็มเงินท่านหน่อยสิ”
“เอ่อ..คุณหนู ท่าน จะเอาเข็มเงินไปทำอะไรหรือขอรับ”
“รีดพิษ”
""หา""
ท่านหมอกับสาวใช้ที่เหลือถึงกับงงกับพฤติกรรมของคุณหนูรองที่เปลี่ยนไป แต่เขาก็ยอมยื่นเข็มเงินไปให้นางตามคำสั่ง เฟยเย่รับเข็มเงินจากท่านหมอและจับข้อมือตัวเองเอาไว้และทำสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
นางจิ้มเข็มเงินไปที่เส้นเลือดที่ปูดขึ้นเพราะแรงบีบจนมีเลือดสีดำพวยพุ่งออกมา
“คุณหนู นั่นท่านทำอะไรเจ้าคะ”
“เงียบหน่อย หยุดโวยวายแล้วหาผ้ามาให้ข้าเร็วเข้า”
“หน็อย คิดฆ่าคนด้วยวิธีนี้เหรอ กระจอกชะมัดพิษล้างตับนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก มันมียาแก้นานแล้ว”
“เอ่อ คุณหนู นี่ท่าน….”
“ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือท่านหมอ เอาไว้ข้าจัดการพิษนี่เสร็จแล้วจะเหลา เอ๊ย เล่าให้ท่านฟัง”
“ฮ้อ ๆ เอ่อ ขอรับ”
ท่านหมอนั่งมองดูเฟยเย่ที่ใช้เข็มจิ้มตามเส้นเลือดเพื่อขับเลือดพิษสีดำออกตามจุดชีพจรทั้งสี่ออกมาด้วยนึกเลื่อมใสเพราะเขาไม่เคยทราบมาก่อนว่าวิธีนี้สามารถขับพิษออกมาจากร่างกายได้
แต่สำหรับหลินเฟยเย่ที่มีจ้าวเฟยเฟย “แพทย์ทหาร” ที่ประจำอยู่สนามรบกลับคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี วิวัฒนาการแพทย์แผนปัจจุบันจากยุคที่นางจากมานั้นก้าวหน้าไปมากแล้วและนางเองก็เรียนรู้แพทย์สมุนไพรจีนควบคู่ไปด้วยเพราะคุณปู่ของจ้าวเฟยเฟยเองก็เป็นแพทย์แผนจีน
“คุณหนู น้ำแกงที่ท่านสั่งเจ้าค่ะ”
“อ้อ ขอบใจนะอาจิง แล้วก็ข้าต้องการยาพวกนี้ ข้าให้ท่านหมอจดให้แล้วเจ้าช่วยข้าไปหาซื้อมาทีนะ”
“เอ่อ…นี่มัน…”
“เป็นยาบำรุงและรักษาพิษน่ะ ข้าตรวจสอบแล้ว ปลอดภัยเจ้ารีบไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนไปซื้อให้เจ้าค่ะ”
เจ็ดวันถัดมา
หลินเฟยเย่มาอยู่ในร่างใหม่ได้ครบเจ็ดวันแล้ว นางและจวนคหบดีไม่เคยได้รับข่าวจากตำหนักอ๋องเลยว่าพี่สาวฝาแฝดที่แต่งเข้าไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีเพียงสาวใช้ที่เฟยเย่ส่งไปยัดเงินให้ทหารองครักษ์ที่ประตูหลังตำหนักคอยสืบข่าวให้พวกเขาแจ้งแค่ว่าพระชายายังสบายดีอยู่
“ยังสบายดีงั้นหรือ ถามไปสี่รอบก็ตอบแบบนี้ ไม่มีคำอื่นเลย นี่อาจิงเจ้าว่าพี่ใหญ่จะสบายดีจริง ๆ งั้นหรือ”
“คุณหนู ตั้งแต่ท่านฟื้นขึ้นมา เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่าน แปลก ๆ ไปนะเจ้าคะ”
“แปลกเหรอ อะฮึ่ม แปลกงั้นหรือ แปลกอย่างไรเล่า ปกติข้า…”
“แม้ว่าท่านจะสนใจเรื่องการฝึกวรยุทธ์มากกว่าคุณหนูใหญ่และมีความสามารถรอบด้านแต่ท่าน…เอ่อ…”
“ข้าทำไม”
“ท่านไม่ได้ช่างพูดเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“เจ้าจะพูดว่าข้าพูดมากงั้นหรืออาจิง”
“เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่าคุณหนูเป็นเช่นนี้ก็ดีมากกว่าแต่ก่อนเจ้าค่ะ ท่านที่เอาแต่ฝึกยุทธ์และขี้โมโห ก็น่าเป็นห่วงอยู่นะเจ้าคะ”
“เฮ้อ ภารกิจคือช่วยนางออกมาจากจวนอ๋อง แต่ในตอนนี้แม้แต่ข่าวคราวของนางก็ยังไม่รู้แล้วจะช่วยนางได้อย่างไรกันเล่า”
“คุณหนู เห็นว่าท่านอ๋องยังอยู่ที่กองทัพเมืองเสิ่น ยังไม่กลับเข้ามาเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าก็รู้มาเช่นนั้น เจ้าบอกข้าแล้วนี่ แต่งงานได้สองวันก็ไปออกรบพอได้เงินก็ซื้ออาวุธและเสบียงเพื่อเสริมกองทัพ เฮ้อ ที่จริงแค่มาขอความช่วยเหลือก็ได้ ทำไมต้องแต่งเข้าไปด้วยเสียทั้งเงินเสียทั้งตัวเสียเวลาด้วย”
“คุณหนู เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ท่านอ๋องผู้นั้นทั้งเก่งกาจและรูปงาม สาวงามทั่วเฉินโจวต่างก็อยากแต่งเข้าไปทั้งนั้นเจ้าค่ะ ขอแค่ตำแหน่งพระสนมเล็ก ๆ ก็ยอมแล้วเจ้าค่ะ”
“ยอมรับได้เหรอที่เขาต้องมีหลายเมียน่ะ คนพวกนี้บ้าไปแล้ว เหตุใดจึงคิดว่าผู้ชายที่แต่งชายาหลายคนนั่นน่าชื่นชมกันนะ ข้าไม่เอาด้วยคนหนึ่งละ”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ไม่ได้การ เรื่องนี้ดูท่าว่าข้าต้องลงมือเองแล้วล่ะ”
“คุณหนู แต่ว่าท่าน…”
“ไม่ต้องห่วง คุณหนูเจ้าเก่งกว่าที่เจ้าคิดนะ”
คืนนั้น
“แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ แต่การข้ามมายังอดีตเช่นนี้ ในนิยายบอกว่าต้องมีเครื่องมือหรือระบบคอยช่วยเหลือ แล้วข้าเล่าจะมีกับเขาบ้างหรือไม่ บอกไปแล้วว่าจะไป แต่แม้แต่แผนที่ในจวนอ๋องนั่นยังไม่มีเลย"
เกิดแสงสีฟ้าขึ้นในห้องของนางพร้อมกับสิ่งที่นางต้องการ เป็นแผนที่ที่ฉายด้วยลำแสงสีฟ้า ดูเหมือนว่าเครื่องมือเหล่านี้จะใช้ได้จริง ๆ เมื่อนางเพ่งมองเข้าไป
“สุดยอดเลย นี่สิข้ามมิติของแท้ ต้องมีอาวุธให้ข้าบ้าง ตอนนี้ร่างกายก็เข้าที่แล้ว พละกำลังจากร่างเดิมดูเหมือนจะใช้ได้กับร่างนี้ วิชาป้องกันตัวและศิลปะการต่อสู้ข้าเรียนมาทุกแขนง ไม่แพ้ชาวยุทธ์โบราณหรอกนะ เอาละ เริ่มกันเลย...”
ตำหนักท่านอ๋อง
“เรือนหลัง อยู่ตรงนั้นสินะ ทำไมมืดเสียจริง”
หลินเฟยเย่ค่อย ๆ ลอบเข้าตำหนักด้านหลัง แม้ว่าจะมีองครักษ์มากมายแต่ด้วยวิธีพรางตัวของนางก็สามารถหลบเลี่ยงพวกทหารองครักษ์เหล่านั้นได้ดี
“ก็ไม่ยากนี่ นี่เจ้าแผนที่ ช่วยตามหาพิกัดของนางให้ที”
จอสีฟ้าแสดงแผนที่และปรากฏจุดสีแดงเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อระบุตำแหน่งที่อยู่ตามคำสั่งทันที
“ห้องทางตะวันตกด้านหลัง ดูแล้วอย่างกับเรือนคนใช้ นี่นางมิได้แต่งเข้ามาเป็นเมียเอกหรือพระชายาหรอกหรือ แปลกจริง ๆ เอาละไปก่อนค่อยว่ากัน”
นางค่อย ๆ เดินมุ่งไปตามที่แผนที่นำทางจนมาหยุดตรงหน้าประตูซึ่งมีคนเฝ้าอยู่สองคน ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ที่พึ่งออกมาจากห้องของนางและกำลังเดินออกไป
เฟยเย่เดินอ้อมไปด้านหลังและค่อยๆเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็กด้านหลัง นางเข้ามาจึงพบว่าบุตรีคนโตของคหบดีหลินมิได้อยู่ดีกินดีเหมือนดั่งเช่นที่นางอยู่ที่จวนสกุลหลินเลยแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่”
“นั่น…นั่นผู้ใด”
“ข้าเอง หลินเฟยเย่”
“เย่เอ๋อร์ เจ้า…เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้า…”
นางค่อยๆเดินเข้าไปพร้อมกับตกตะลึงกับสตรีที่หันมามองนาง รูปร่างหน้าตาของนางสองคนเหมือนกันเสียจนแยกแทบจะไม่ออก แม้แต่เสียงก็ยังแทบไม่แตกต่าง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ดูแตกต่างกันในตอนนี้คงเป็นใบหน้าตอบ ๆ ราวกับอดนอน ผมเผ้าที่ขาดการดูแลและชุดที่เก่าจนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของพระชายาเอกท่านอ๋องเลยต่างหากที่ทำให้นางดูโทรมผิดกับตอนที่แต่งเข้ามาที่นี่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น อ๋องชั่วนั่น!!…”
“ไม่ ไม่ใช่เย่เอ๋อร์ ไม่ใช่เขา”
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน เหตุใดต้องแต่งงานมาแทนข้า เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้ บอกข้ามา ผู้ใดมันรังแกท่าน”
“ข้า..เย่เอ๋อร์ พวกเขาบอกว่าเจ้าถูกวางยาพิษจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้าพยายามจะขอกลับไปเยี่ยมเจ้าที่จวนแต่พวกเขาบอกว่าท่านอ๋องยังไม่กลับ ธรรมเนียมที่พระชายาต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมต้องเลื่อนไปจนกว่าท่านอ๋องจะกลับมา แต่ว่า เจ้าหายดีแล้วงั้นหรือ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าสบายดีนะ”
“พี่ใหญ่ ข้าสบายดี ท่านต่างหากที่….มันเกิดอะไรขึ้น”
สายตาของทั้งคู่สบตากัน เฟยเย่รู้ถึงความแตกต่างของพวกนางในทันที คนพี่นั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานและอ่อนแอจนทำให้คนกลั่นแกล้งได้โดยง่าย และนางก็คิดไม่ผิด
หยงไท่เฟยผู้ดูแลที่นี่สั่งให้นางมาอยู่เรือนหลังตั้งแต่ท่านอ๋องยกทัพออกจากเฉินโจว นางกับเขาพึ่งส่งตัวกันเพียงครึ่งคืนท่านอ๋องก็ต้องรับราชโองการสำคัญจัดทัพออกไปรับศึกข้างนอก
หลังจากนั้นด้วยข้ออ้างว่านางมิใช่บุตรขุนนาง หยงไท่เฟยจึงไม่ให้ความสำคัญ หลังรับทรัพย์สินที่จวนคหบดีจัดส่งให้ ก็ส่งเพียงอาหารสามมื้อมาให้และห้ามนางเดินเพ่นพ่านในตำหนัก
“นี่มันตำแหน่งพระชายาที่ไหน นี่มันคนใช้ชัด ๆ ยังมีสาวใช้ข้างกายนางแก่นั่นอีก”
“เย่เอ๋อร์ อย่าพูดเช่นนั้น ข้า….”
“พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยพาท่านกลับบ้านให้ได้”
“ตำหนักท่านอ๋องคุ้มกันแน่นหนา เราคงกลับไม่ได้หรอก”“ทำตามที่ข้าบอก ข้าจัดการวางแผนมาแล้ว”“เย่เอ๋อร์เจ้าคิดจะทำสิ่งใด”“ท่านยินยอมหรือไม่พี่ใหญ่”“ข้า….แต่ว่าแล้วหลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว...”“ข้าเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ขอเพียงท่านไว้ใจข้า พี่ใหญ่ข้าผิดเองที่ทำให้ท่านต้อง…..”“เย่เอ๋อร์อย่าพูดเช่นนั้น เราเป็นพี่น้องกัน ข้า…อุ๊บ…อุ๊…”“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไร”หลินเฟยลี่อาเจียนออกมา เฟยเย่พยายามหายามาให้นางตามที่นางบอก นางเป็นเช่นนี้มาร่วมเดือนแล้ว เฟยเย่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางจับชีพจรพี่สาวและต้องตกใจ“พี่ใหญ่ ท่าน!!….มีครรภ์กับท่านอ๋องงั้นหรือ”“เย่เอ๋อร์ อย่าพูดไปนะ ข้า…ยังไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ ข้า..”“ท่านต้องรีบกลับไปที่จวน พี่ใหญ่ท่านทำตามที่ข้าบอก พวกเขายอมให้ท่านกลับไปแน่ อีกสองวันข้าจะส่งคนมารับท่าน”“ข้า…ต้องทำเช่นไรงั้นหรือ”“ท่านฟังข้านะ ทำตามที่ข้าบอก”สองวันถัดมา“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”“อาจิง มาปลุกอะไรแต่เช้าฟ้าจะถล่มหรือหิมะในฤดูสารทหรืออย่างไรเกิดอะไรขึ้น ข้าพึ่งได้นอนไม่กี่ชั่วยามเองนะ”“เร็วเข้าเจ้าค่ะ เห็นองครักษ์ที่จวนอ๋องส่งจดหมายมาบอ
เฟยเย่และอาจิงหันไปมองหลินเฟยลี่ด้วยความงุนงงและตกใจเมื่อนางเอ่ยคำนี้ออกมา เฟยเย่ถึงกับหันไปอีกทางพร้อมกับนึกย้อนกลับไปว่ามีเรื่องใดที่เจ้าของร่างลืมบอกไปหรือไม่นี่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางจะเข้าใจได้ พี่สาวที่แต่งเข้าจวนอ๋องจู่ ๆ ก็ท้องและบอกว่าลูกในท้องของนางมิใช่บุตรของท่านอ๋อง“พี่ใหญ่ ท่านล้อเล่นไม่ได้นะเรื่องเช่นนี้….ท่านหมายความว่าอย่างไรแน่”“คือว่าเรื่องนี้…เย่เอ๋อร์ อาจิง พวกเจ้าเป็นพี่น้องของข้าที่ข้าไว้ใจมากที่สุด เย่เอ๋อร์…เด็กในครรภ์ข้าเป็นบุตรของรองแม่ทัพลั่ว”“เดี๋ยวนะ!! ท่านหมายถึง รองแม่ทัพลั่วมู่เฉินผู้นั้น!! Oh, my God! ” (พระเจ้าช่วย!!)“เย่เอ๋อร์ เจ้าจะกอดข้าทำไม ข้าในตอนนี้รู้สึกผิด…”“ไม่ใช่ ๆๆ โอยข้าอยากจะบ้าตาย อาจิงเจ้าดูแลพี่ใหญ่ไปก่อนนะ ข้าขอไปคิดทบทวนอะไรสักครู่”“คุณหนู ท่านจะไปที่ใด”“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ไปแล้วก็ได้ พี่ใหญ่ท่านกำลังบอกข้าว่าบุตรในครรภ์ของท่าน…เป็นลูกของผู้อื่น มิใช่ท่านอ๋อง”“ข้า…”“เรื่องเป็นเช่นไรกันแน่”“ในคืนส่งตัวนั้น ท่านอ๋องเพียงแค่เปิดหน้าเจ้าสาวและพูดคุยกับข้าเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นแล้วเขาก็ถูกเรียกออกจากห้องส่งตัวไป นึกไม่ถึ
หลินเฟยเย่รีบวิ่งสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงห้องของหลินเฟยลี่ เมื่อนางเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อคนที่อยู่ในห้องนั้น…“เย่เอ๋อร์ เหตุใดจึงวิ่งมาจนหอบเช่นนั้น เจ้าเป็นอะไร”“พี่…พี่ใหญ่ นี่ท่าน….เฮ้อ…เฮ้ออ….อาจิง รินน้ำ ให้ข้าที”“คุณหนู ท่านรีบวิ่งออกมาเช่นนี้ข้าตกใจหมด แฮก แฮก รอสักครู่นะเจ้าคะ”ทั้งนายและบ่าวพากันนั่งหอบเพราะความเหนื่อย เฟยเย่นั้นรีบหันไปมองพี่สาวฝาแฝด มองทีไรก็ดูเหมือนได้ส่องกระจกทุกครั้ง ยิ่งในตอนนี้ที่นางกลับมาอยู่ที่จวน นางทั้งสองคนก็ยิ่งเหมือนกันจนแม้แต่สาวใช้ของพวกนางก็แทบจะมองไม่ออก“เจ้าใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ดื่มเดี๋ยวสำลัก”“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านไล่สาวใช้ออกไปจนหมด ท่านให้อาจิงไปซื้อของแล้วทำไม…”“ข้าก็แค่อยากนอนพักเท่านั้น เจ้าเป็นอะไรไป”“ข้า…”นางคิดถึงฝันเมื่อครู่ เหตุใดนางจึงฝันเช่นนั้นกันนะ หรือว่านางกังวลมากเกินไปทั้ง ๆ ที่พวกนางก็มิใช่พี่น้องแท้ ๆ เสียหน่อยแต่ก็ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ คำพูดในฝันนั้นเหมือนจริงราวกับไม่ใช่ฝัน แต่คนที่ยิ้มให้นางตรงหน้านี่ก็ไม่ใช่ผีเสียหน่อย“เฮ้อ…ข้าคงวิตกเกินไปเจ้าค่ะ ข้า…”“เจ้าคงคิดมากเกินไป ข้าแค่อยากพักผ่อน เจ้าจะให้สาวใ
นางมองเท้าที่ห้อยอยู่ด้านบนศีรษะและค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ร่างนางสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าและไม่อยากคิดว่าภาพตรงหน้านั้นจะเป็นเรื่องจริง “ต้องไม่ใช่ ไม่ใช่นางแน่ นางเอาตุ๊กตามาหลอกข้า นาง….”หลินเฟยเย่ก้าวขาถอยออกมาและค่อย ๆ ส่งโคมขึ้นไปมองร่างนั้นชัด ๆ ผ้าแพรสีขาว ใบหน้าซีดเผือดหลับตาไม่สนิทและ….“ไม่นะ!!! กรี๊ดดด!!!!!!………..พี่ใหญ่!!!”เสียงของนางดังพอจะทำให้คนในจวนแตกตื่นและรีบวิ่งตามหาเสียง พวกบ่าวไพร่และสาวใช้รีบวิ่งมาที่หน้าห้องคุณหนูใหญ่ในทันที หลินเฟยเย่ที่ยังช็อกอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าพยายามไขว่คว้าบางอย่างที่นางมองไม่เห็น“ไม่นะ ไม่ใช่แบบนี้ ท่านจะตายได้อย่างไร ไม่นะพี่ใหญ่ ม่ายยยย!!!!!……”“คุณหนูรอง!! รีบพานางออกมาเร็วเข้า รีบไปแจ้งนายท่าน คุณหนูใหญ่!! ฮือออ…..”ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ กี่คนไม่รู้ที่เดินเข้ามาเพื่อตรวจอาการของหลินเฟยเย่ คหบดีหลินนั้นร่ำไห้จนเป็นลมไปแล้วเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวคนโตที่แขวนห้อยอยู่ในห้องทหารองครักษ์ในจวนพาร่างของหลินเฟยลี่ลงมา หลินเฟยเย่เองในตอนนี้แทบไม่ได้สติ“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ท่านหมอกวน นายท่านกับคุณหนูรอง…เป็นเช่นไรบ้าง”“เฮ้อ…”ท่านหมอกว
จวนไท่เฟย“ว่าอย่างไรนะ นางจะกลับไปที่ตำหนักงั้นหรือ แล้วโรคที่นางเป็นเล่า”“เห็นว่าท่านหมอหลวงที่ส่งไปตรวจสอบแล้ว พระชายาหายเป็นปกติแล้วเพคะ”“เช่นนั้นก็ดี แล้วเรื่องที่ส่งจดหมายให้นางไป นางตอบกลับมาหรือยัง”“ยังเลยเพคะ”“หึ ช่างเถอะ ข้าไปรอเอาคำตอบที่ตำหนักอ๋องก็ได้ ท่านอ๋องจะกลับมาเมื่อใดนะ”“ยังไม่มีข่าวเลยเพคะ”“นั่นยิ่งดีใหญ่ ข้าจะได้หาข้ออ้างจัดการนังโง่นั่นได้ หัวอ่อนเช่นนั้นคงอีกไม่นานหรอก ทรัพย์สินเหล่านั้นนางไม่อยากให้ก็ต้องให้”“ไท่เฟยปราดเปรื่องยิ่งนักเพคะ”“อันถง เจ้านี่รู้ใจข้าเสียจริง”“มิได้เพคะ ขอเพียงได้อยู่รับใช้ไท่เฟยและท่านอ๋อง…อันถงก็พร้อมถวายชีวิตให้ทั้งสองพระองค์”“ดี งั้นพวกเราก็คงได้เวลากลับไปรอต้อนรับพระชายากันแล้วละ สั่งให้คนเตรียมตัวกลับตำหนักได้แล้ว”“เพคะไท่เฟย”สามวันถัดมา “ลี่….ลี่เอ๋อร์ เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มากนะเข้าใจหรือไม่”“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะระวังตัวเจ้าค่ะ ครบกำหนดร้อยวันพี่…น้องรองเมื่อใดข้าจะกลับมาทันทีเจ้าค่ะ”“ไปเถอะ” เฟยเย่สูดหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับหันมายิ้มให้บิดาของนางก่อนจะเดินขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปยังตำหนักท่านอ๋อ
“หลินเฟยลี่ เจ้าอย่าได้บังอาจ...”“คนที่บังอาจน่าจะเป็นคนที่ไท่เฟยคอยปกป้องจนละเลยกฎระเบียบเหล่านี้มากกว่านะเพคะ ดูสิ แค่บีบน้ำตาจระเข้ไม่กี่หยดก็เรียกคะแนนสงสารจากพระองค์ได้ น่าสมเพชเสียจริง หากว่าจะอยู่กันด้วยกฎหมู่เช่นนี้ เห็นทีเรื่องนี้เมื่อท่านอ๋องเสด็จกลับมา หม่อมฉันคงต้องกราบทูล…”“เจ้า…เจ้ากล้าหรือ??”เฟยเย่รู้จุดอ่อนของนางแล้ว เช่นนี้นี่เอง นางเองก็คงเกรงกลัวอำนาจท่านอ๋องอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเรือนหลัง สาวใช้และบ่าวไพร่จะเป็นคนของนางเกือบทั้งหมดแต่ทหารองครักษ์รอบ ๆ ตำหนักเป็นคนของท่านอ๋อง ที่ฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้น นางเข้าใจแล้วว่าจะเดินเกมไปในรูปแบบใด“(ถงอิน นังดอกบัวขาว เจ้านี่น่าสนใจดีนะ)”“เจ้าคิดจะทำอะไร มีอะไรก็เข้าไปคุยกันข้างใน”“ได้เพคะ แต่ว่า…หลังจากที่ข้าสั่งลงโทษพวกนางก่อน”“พระชายาเพคะ พวกนางเป็นสาวใช้ในตำหนักขอทรงโปรดปรานี…”ถงอินเดินออกมาและคุกเข่าอีกครั้งเพื่อเรียกร้องความเห็นใจให้พระชายายอมปล่อยสาวใช้ โดยปกตินางก็มักจะใช้วิธีนี้ซื้อใจสาวใช้ระดับล่างให้เป็นพวกของนาง เฟยเย่หันมามองหน้านาง“อ้อ ข้าเกือบลืมเจ้าไปเสียสนิท เจ้าเองก็เช่นกัน เจ้ามีห
เรือนพักอันถง“นังหลินเฟยอัน แค้นนี้ข้าต้องเอาคืนเป็นสิบเท่า”“พี่อันถง ไท่เฟยให้คนนำยานี่มาให้ท่านเจ้าค่ะ”“หึ ขนาดข้าถูกสั่งโบย นางยังแกล้งเป็นลมเพื่อหนีเหตุการณ์ ช่างเป็นผู้ที่มีความกรุณาเสียจริง”“พี่อันถง แต่ว่าไท่เฟย”“ข้ารู้ เจ้า..รีบ ๆ ทาให้ข้า นัง…พระชายา….นาง พักอยู่ที่ใด…”“พระชายาสั่งให้คนจัดห้องในตำหนักกลาง…”“เจ้าว่า…อย่างไรนะ ตำหนักกลาง…นั่นเป็น ตำหนักท่านอ๋อง นางกล้าดีเช่นไร…”“นะ..นางเอ่อ พระนางสั่งให้คนไปจัดห้องและสั่งทำความสะอาดตำหนักเจ้าค่ะ”“รอข้าหายเสียก่อนเถอะ หลินเฟยลี่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าอยู่ตำหนัก..นั้นกับ…ท่านอ๋องของข้า…แน่”คำสั่งขายสาวใช้สองคนออกจากตำหนักทำให้ชื่อเสียงความโหดร้ายของพระชายาหลินเป็นที่เลื่องลือในตำหนัก แม้แต่สาวใช้ที่เป็นลูกน้องของอันถงเองก็เริ่มเกรงกลัวและไม่กล้าที่จะแสดงกิริยาไม่เคารพต่อพระชายาเพราะแม้แต่อันถง สาวใช้ที่เหมือนกับคนสนิทที่โตมากับท่านอ๋องและอยู่กับไท่เฟยตั้งแต่เด็กก็ยังถูกพระชายาหลินสั่งโบยโดยที่ไท่เฟยโกรธจนเป็นลมแต่กลับช่วยนางไม่ได้ วันถัดมา“พระชายา ตื่นจากบรรทมแล้วหรือเพคะ”“เจ้าไปถามมาแล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หอบรรพชนของสกุลเ
“พระ…พระชายากล่าวได้ถูกต้อง หม่อมฉัน จะจดจำไว้เพคะ”หลินเฟยเย่ยิ้มนิดหน่อยก่อนจะหันมามองที่หยงไท่เฟยที่นั่งนิ่งราวรูปปั้นแกะสลัก อีกทั้งสาวใช้คนสนิทที่ยอมลุกมาปรนนิบัติอย่างไม่บกพร่องอย่างอันถงด้วย“หม่อมฉันให้คนไปทำความสะอาดตัดหญ้ารอบ ๆ หอบรรพชนและให้ทำความสะอาดสระบัวทั้งหมดเพื่อปรับภูมิทัศน์โดยรอบ หวังว่าไท่เฟยจะไม่ทรงขัดข้อง”“ข้าจะไปขัดข้องอย่างไรได้เล่า เจ้าอยากทำสิ่งใดก็ทำไปเถอะ”“ยังมีธุระที่ต้องสะสางอีกมาก หม่อมฉันขอทูลลา”“นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดอีก”หลินเฟยเย่หันมามองใบหน้าไท่เฟยที่เริ่มหวั่นวิตกอย่างปกปิดไม่มิด นางยิ้มออกมาเล็กน้อยและถามกลับไป“หน้าที่พระชายาท่านอ๋อง มีมากมายนะเพคะ ตำหนักนี้กว้างขวางแต่สาวใช้บ่าวไพร่ที่ดูแลโดย….(มองไปที่อันถง) คนของไท่เฟยดูเหมือนว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีนักบกพร่อง สะเพร่าอยู่หลายอย่างอีกทั้งบางคนยังเกียจคร้านไม่เอาการเอางานวัน ๆ คอยตามแต่พวกไร้ประโยชน์เพื่อทำสิ่งไร้ประโยชน์ คิดว่าน่าจะได้เวลาเก็บกวาดแล้ว ขอตัวเพคะ”พระชายาปรายตามามองซ่งฟางหรูที่พึ่งพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้และนั่งที่เก้าอี้ แต่เมื่อนางหันมามองอีกครั้ง ซ่งฟางหรูจึงต้องพยายามลุกข
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ
“อันถง เจ้าบ้าไปแล้ว”“ข้าบ้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าการแอบรักคนคนหนึ่งมาตลอดเกือบยี่สิบปี เฝ้ามองเขาอยู่ข้าง ๆ เขาจนเขาเติบโตไปพร้อมกับข้า แต่จู่ ๆ เจ้าก็แย่งไป!!”“ข้าไม่ได้แย่งเจ้าไป หากว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเขาคงเลือกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ”“ไม่จริง!! หากไม่มีพวกเจ้าสองพี่น้องเข้ามา ท่านอ๋องต้องเลือกข้าอย่างแน่นอน ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ ท่าน….”ท่านอ๋องถึงกับทำสีพระพักตร์ไม่ถูกเมื่อเขามองอันถงชัด ๆ นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เปลี่ยนจากในตอนเด็กที่เป็นเด็กเรียบร้อยและมักตามเขาไปในที่ต่าง ๆ คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเวลาที่เขาฝึกหนัก แต่สายตาของนางในตอนนี้กลับมิใช่เด็กสาวที่ใสซื่อในวันนั้น“เหตุใดพระองค์มองหม่อมฉันเช่นนั้น พระองค์คงจะไม่…..”“อันถง ข้าไม่เคยคิดกับเจ้าเกินเลยไปกว่าคำว่าน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน ข้าบอกเจ้าทุกครั้งว่าเจ้าจะต้องพบกับบุรุษที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าและรักเจ้ามากในสักวัน แต่คนคนนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ข้าแน่นอน”“ไม่จริง!! พระองค์โกหก เป็นเพราะนาง นางเข้ามาแทรกระหว่างท่านกับข้า ท่านจึงได้หลงกลนางและลุ่มหลงนาง ท่านอ๋องทอดพระเนตรสิเพคะ นี่หม่อมฉันท
อันถงหันไปมองหน้าซ่งฟางหรูพร้อมกับบีบน้ำตา“ไท่เฟยเป็นดุจมารดาและญาติของข้าเพียงคนเดียว เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้”“ไม่ใช่ข้านะ!! ท่านอ๋องเพคะ เรื่องนี้ต้องมีคนปองร้ายหม่อมฉัน”“แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า”“แต่ผู้ที่ให้ยาไท่เฟยคือพระชายา ต่อให้ยานี่เป็นยาพิษก็ไม่ได้เกี่ยวกับหม่อมฉันนะเพคะ พระชายาเป็นคนร้ายตัวจริง!!”“เดิมทีคิดว่าเจ้าจะสำนึกได้ คิดไม่ถึงว่านอกจากจะไม่สำนึกยังกล่าวโทษข้าอีก ซ่งฟางหรูข้าจะบอกเจ้าฟังให้ชัด ๆ ยาที่เจ้าส่งให้ข้า ถูกข้าสลับยาจริง ๆ นั่นเพราะข้ารู้ว่ายาที่อยู่กับเจ้า คือยาพิษ”“อะไรนะ….”""เป็นไปไม่ได้""อันถงเผลอตัวอุทานออกมาพร้อมกับฟางหรู แม้ว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินแต่ท่านอ๋องได้ยินชัดเจน “ซ่งฟางหรูทางที่ดีเจ้ารับสารภาพมา ยานี่เจ้าไปเอามาจากที่ใด เจ้าคงไม่คิดว่าจะมีที่ที่สายตาข้าไปไม่ถึงใช่หรือไม่”ฟางหรูและอันถงเริ่มเข่าอ่อนไปพร้อม ๆ กันเมื่อท่านอ๋องกล่าวจบ แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่ แต่ก็น่ากลัวมากพอที่ทำให้ซ่งฟางหรูตัวสั่นจนเริ่มหันไปมองที่อันถง“หมะ…หม่อมฉัน….”“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ หากเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องขึ้นและต้องไต่สวน เกรงว่าจะไม่ใช่เจ้า
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าของซ่งฟางหรูที่มุ่งประเด็นไปยังพระชายาของเขาในทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกกับเฟยเย่ว่าแผนการที่นางคิดเอาไว้อาจจะมีช่องโหว่ให้อันถงและซ่งฟางหรูจับได้แต่นางกลับบอกว่า“พวกนางจะไม่สงสัยพระองค์เลย ขอเพียงแค่พระองค์ดีกับนางนิดหน่อย นางก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เห็นแล้วเพคะ”นึกไม่ถึงว่าพระชายาของเขาจะพูดได้ถูกต้อง พวกนางไม่เพียงสงสัยแต่กลับเดินเข้าไปในแผนของเฟยเย่โดยง่าย หรือว่านี่คือสิ่งที่มีเพียงสตรีด้วยกันเท่านั้นที่จะรู้ทันความคิดของกันและกัน เขานึกเลื่อมใสเฟยเย่เล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้านี้ก่อน“เร็วเข้ารีบไปพาตัวพระชายามาที่นี่ สั่งปิดประตูตำหนัก ห้ามคนเข้าออก”“พ่ะย่ะค่ะ”พวกเจ้ารีบไปเอาตัวอันถงมาที่นี่ด้วย หากว่า…เกิดเรื่องไม่คาดคิดพวกนางจะได้…."“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาช่างเหี้ยมโหดใจดำยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าทำร้ายไท่เฟยถึงในนี้ หากว่าหม่อมฉันยืนกรานมิให้นางป้อนยาให้ไท่เฟย คงไม่เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันผิดเองเพคะ”“อาการของไท่เฟยทรงตัวมานานไม่แน่ว่านางอาจจะทนพิษไม่ไหวก็เลย…”“แต่หากมิใช่ยาที่พระชายาให้ไท่เฟยคงไม่กำเริบรุนแรงและรวดเร็วเช่นนี้ นางต้องไ