“หลินเฟยลี่ เจ้าอย่าได้บังอาจ...”
“คนที่บังอาจน่าจะเป็นคนที่ไท่เฟยคอยปกป้องจนละเลยกฎระเบียบเหล่านี้มากกว่านะเพคะ ดูสิ แค่บีบน้ำตาจระเข้ไม่กี่หยดก็เรียกคะแนนสงสารจากพระองค์ได้ น่าสมเพชเสียจริง หากว่าจะอยู่กันด้วยกฎหมู่เช่นนี้ เห็นทีเรื่องนี้เมื่อท่านอ๋องเสด็จกลับมา หม่อมฉันคงต้องกราบทูล…”
“เจ้า…เจ้ากล้าหรือ??”
เฟยเย่รู้จุดอ่อนของนางแล้ว เช่นนี้นี่เอง นางเองก็คงเกรงกลัวอำนาจท่านอ๋องอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเรือนหลัง สาวใช้และบ่าวไพร่จะเป็นคนของนางเกือบทั้งหมด
แต่ทหารองครักษ์รอบ ๆ ตำหนักเป็นคนของท่านอ๋อง ที่ฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้น นางเข้าใจแล้วว่าจะเดินเกมไปในรูปแบบใด
“(ถงอิน นังดอกบัวขาว เจ้านี่น่าสนใจดีนะ)”
“เจ้าคิดจะทำอะไร มีอะไรก็เข้าไปคุยกันข้างใน”
“ได้เพคะ แต่ว่า…หลังจากที่ข้าสั่งลงโทษพวกนางก่อน”
“พระชายาเพคะ พวกนางเป็นสาวใช้ในตำหนักขอทรงโปรดปรานี…”
ถงอินเดินออกมาและคุกเข่าอีกครั้งเพื่อเรียกร้องความเห็นใจให้พระชายายอมปล่อยสาวใช้ โดยปกตินางก็มักจะใช้วิธีนี้ซื้อใจสาวใช้ระดับล่างให้เป็นพวกของนาง เฟยเย่หันมามองหน้านาง
“อ้อ ข้าเกือบลืมเจ้าไปเสียสนิท เจ้าเองก็เช่นกัน เจ้ามีหน้าที่ดูแลสาวใช้เป็นดั่งหัวหน้าพวกนางแต่กลับละเลย ทหาร!! โบยนางด้วยเช่นกัน”
“เจ้าอย่าได้บังอาจ!!…ถงอินเป็น…”
“นางเป็นสาวใช้!! หยงไท่เฟย พระองค์คงมิได้แก่จนเลอะเลือนลืมฐานะของนางไปใช่หรือไม่เพคะ ในเมื่อเป็นสาวใช้ที่ไร้กฎระเบียบ ก็ต้องถูกลงโทษด้วยเช่นกัน พวกเจ้ารออะไรอยู่นำตัวนางไปโบย!!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“ไม่นะ ไท่เฟยเพคะ ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
หยงไท่เฟยพูดไม่ออก ปากนางสั่นและเถียงพระชายาหลินไม่ได้เลยสักคำ เรื่องนี้หากจะพูดกันตามจริง สาวใช้ไม่ให้เกียรตินางถูกลงโทษก็ถือว่าถูกต้อง หากไม่ลงโทษก็จะถือเป็นความบกพร่องที่นางได้กล่าวออกมา
“ไท่เฟยเพคะ ช่วยด้วย ไท่เฟยเป็นลม”
ถงอินถือโอกาสนี้รีบวิ่งไปพยุงหยงไท่เฟยเพื่อหลีกหนีความผิด เฟยเย่หันไปมองทั้งคู่ที่หน้าลานตอนนี้สาวใช้และบ่าวไพร่ทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่หน้าตำหนักหน้ากันหมด
“แย่จริง....ดูเหมือนว่าไท่เฟยจะเป็นลมนะ”
“เพคะพระชายา ขอทรงโปรด…หม่อมฉันจะพยุงไท่เฟยเข้าไปพัก…”
“ไม่ต้อง ๆ อาจิงเจ้าช่วยไปพยุงไท่เฟยเข้าไปพักด้านใน เจ้าสองคนไปช่วยนางด้วย”
“เพคะพระชายา”
สาวใช้ที่ยืนอยู่รับคำสั่งพระชายาทันที ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าจะทำกิริยาหยาบคายกับพระชายาอีกแล้วเมื่อเห็นว่าสาวใช้สองคนนั้นถูกโบยและยังไม่ทราบชะตากรรมพวกนางหลังจากนี้
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลไท่เฟยมาโดยตลอด เกรงว่าคนอื่น ๆ จะไม่รู้พระทัย”
“เจ้าอย่าได้เป็นห่วง สาวใช้ของข้าอาจิงได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มานิดหน่อย นางพอจะมีความรู้เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ที่เจ้าพูดมาก็น่าคิดนะ เจ้าเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวที่ไท่เฟยไว้ใจดูท่าว่าข้าควรจะหาสาวใช้อีกคนมาช่วยแล้วละ หากว่าวันหนึ่งขาดเจ้าไปเกรงว่านางคงจะแย่”
“พระชายา พระองค์ทรงทำเกินไปหรือไม่เพคะ”
“เจ้าไม่พอใจสิ่งใดงั้นหรือ สายตานั่นจะบอกอะไรข้างั้นหรือ สายตาแข็งกร้าวหมัดนั่นกำแน่น เจ้าโกรธงั้นหรืออันถง หรือเจ้าลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นผู้ใดในตำหนักนี้เอาละพูดมากพอแล้ว ลากนางไปโบยส่วนนางสองคน โบยให้ครบแล้วส่งไปขายทันที อย่าให้ข้าเห็นนางสองคนที่นี่อีก”
“พระชายาเพคะ หน้าที่ดูแลสาวใช้เป็น…”
“เป็นหน้าที่ของพระชายาท่านอ๋องเช่นกันที่จะมาช่วยหยงไท่เฟยดูแล อันถงดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมไปอีกแล้วสินะ โบยนางสิบไม้แล้วส่งกลับไปที่ห้อง อ้อ ให้คนจัดตำหนักกลางข้าให้ด้วย ภายในครึ่งชั่วยามหากยังไม่เรียบร้อย อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าพวกเจ้า”
""พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
สาวใช้และบ่าวไพร่ในตำหนักรีบวิ่งไปทำหน้าที่กันอย่างรวดเร็วจนชนกันวุ่นวาย พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันเช่นนี้ วันที่มีคนที่เป็นใหญ่มากกว่าหยงไท่เฟยมาดูแลตำหนักท่านอ๋อง
เฟยเย่มองใบหน้าของอันถงที่ถูกโบยด้านล่าง สายตานางไม่ได้ยอมแพ้แม้ว่านางจะเจ็บแต่ก็แทบจะไม่ร้องออกมาเลยสักนิด
“น่าสนใจนี่ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย”
หลิน
เฟยเย่เดินกลับเข้าไปในตำหนักหน้าของไท่เฟยเพื่อดูอาการนาง ที่จริงนางรู้ว่าหยงไท่เฟยเพียงแค่แกล้งเป็นลมเพื่อจะช่วยอันถงและหลีกหนีความเสียหน้าเท่านั้นแต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกเฟยเย่ดัดหลังด้วยวิธีนี้และยังยืนกรานลงโทษอันถงอีกด้วย
“หยงไท่เฟยอาการดีขึ้นหรือยัง เจ้าส่งคนไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการหน่อย”
“ไม่ต้อง!!”
“อ้อ ดูแล้วอาการของพระองค์จะดีขึ้นแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยนะเพคะ”
“เจ้า…เจ้า…กล้าสั่งโบยคนของข้า”
“คนของพระองค์งั้นหรือ ไท่เฟยเพคะ บ่าวไพร่ในตำหนักล้วนเป็นคนของท่านอ๋อง และในเมื่อหม่อมฉันแต่งเข้ามาแล้วหน้าที่ดูแลตำหนักและเรือนหลังเวลาท่านอ๋องไม่อยู่ก็ต้องเป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน แม้ว่าก่อนหน้านี้พระองค์จะเป็นผู้ดูแลแต่ก็…อย่างที่เห็น”
“กฎระเบียบหละหลวมดูไม่เคร่งราวกับมิใช่ตำหนักอ๋อง บ่าวไพร่สาวใช้เหล่านี้ คงได้เวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นเมื่อไท่เฟยไม่ค่อยมีเวลาอีกทั้งสุขภาพก็ไม่ใคร่จะสู้ดีนัก หน้าที่นี้หม่อมฉันคงต้องจัดการดูแลเองแล้วละเพคะ”
“หยุดนะ!! เจ้าอย่าได้บังอาจตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีสิทธิ์!!”
“หยงไม่เฟยคงลืมเรื่องจดหมายที่เขียนไปหาหม่อมฉันแล้วสินะเพคะ หากว่าหม่อมฉันจะส่งจดหมายนั่นไปปรึกษาท่านอ๋องที่ชายแดนก่อนจะตัดสินใจน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะ….”
“ช้าก่อน เจ้า…เจ้าอย่าได้นำเรื่องร้อนพระทัยนี้ไป…รบกวนท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังรับศึกอยู่เรื่องภายในตำหนัก”
“หืม อย่างไรเพคะ”
หยงไท่เฟยไม่คิดว่านางกลับมาในครั้งนี้จะมาพร้อมกับท่าทีที่แตกต่างกันเช่นนี้ ราวกับมิใช่คนเดียวกันเช่นนี้ สายตานั่นทำให้นางเริ่มหวาดกลัว
นางพึ่งก้าวเข้ามาในตำหนักไม่ถึงสามเค่อก็สั่งโบยอันถงสาวใช้ข้างกายไท่เฟยที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าต่อว่าอีกทั้งในตอนนี้คนทั้งตำหนักต่างเห็นที่นางสั่งลงโทษล้วนเริ่มหวาดกลัวนางมากขึ้น
ตำหนักกลาง
“พระชายาเพคะ ทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างศัตรูหรือไม่เพคะ พระองค์ตรัสว่าการที่เรามาที่นี่เป้าหมายมีเพียงแค่….”
“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกนางก่อกองทัพในนี้งั้นหรือ ก่อนที่พวกนางจะทำเช่นนั้น มิสู้ข้าเร่งสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมาก่อนแล้วค่อยรวบกัดหัวกัดหางทีเดียวไม่ดีกว่างั้นหรือ เจ้าเอานี่ไป”
“นี่คือสิ่งใดหรือเพคะ”
“รายชื่อในนั้นคือสาวใช้ที่เป็นลูกน้องคนสนิทของอันถง พวกนางเป็นทั้งคนสนิทและเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่นางคอยเรียกใช้งาน เป็นคนที่เราต้องจัดการกลุ่มแรก
คนเหล่านี้กินเบี้ยหวัดท่านอ๋องกับสกุลหลินที่จ่ายให้แต่กลับทำงานรับใช้สวะอย่างอันถง ดูแล้วข้าก็ไม่ควรเก็บขยะเปียกพวกนี้เอาไว้ให้เกิดปัญหาทีหลัง”
“เกือบสิบคน นี่จะให้ทำอย่างไรกับพวกนางเพคะ หรือว่าพระองค์จะสั่งลงโทษเช่นเดิมอีก”
“ไม่ต้องทำอย่างไร เราแค่รอเวลาเท่านั้น น่าจะอีกไม่นานนี้หรอก"
“รอเวลาหรือเพคะ แล้วรอเวลาอันใด”
"รอหมูเข้าอวย แล้วจับเชือดทีเดียว”
“เพคะ”
เรือนพักอันถง“นังหลินเฟยอัน แค้นนี้ข้าต้องเอาคืนเป็นสิบเท่า”“พี่อันถง ไท่เฟยให้คนนำยานี่มาให้ท่านเจ้าค่ะ”“หึ ขนาดข้าถูกสั่งโบย นางยังแกล้งเป็นลมเพื่อหนีเหตุการณ์ ช่างเป็นผู้ที่มีความกรุณาเสียจริง”“พี่อันถง แต่ว่าไท่เฟย”“ข้ารู้ เจ้า..รีบ ๆ ทาให้ข้า นัง…พระชายา….นาง พักอยู่ที่ใด…”“พระชายาสั่งให้คนจัดห้องในตำหนักกลาง…”“เจ้าว่า…อย่างไรนะ ตำหนักกลาง…นั่นเป็น ตำหนักท่านอ๋อง นางกล้าดีเช่นไร…”“นะ..นางเอ่อ พระนางสั่งให้คนไปจัดห้องและสั่งทำความสะอาดตำหนักเจ้าค่ะ”“รอข้าหายเสียก่อนเถอะ หลินเฟยลี่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าอยู่ตำหนัก..นั้นกับ…ท่านอ๋องของข้า…แน่”คำสั่งขายสาวใช้สองคนออกจากตำหนักทำให้ชื่อเสียงความโหดร้ายของพระชายาหลินเป็นที่เลื่องลือในตำหนัก แม้แต่สาวใช้ที่เป็นลูกน้องของอันถงเองก็เริ่มเกรงกลัวและไม่กล้าที่จะแสดงกิริยาไม่เคารพต่อพระชายาเพราะแม้แต่อันถง สาวใช้ที่เหมือนกับคนสนิทที่โตมากับท่านอ๋องและอยู่กับไท่เฟยตั้งแต่เด็กก็ยังถูกพระชายาหลินสั่งโบยโดยที่ไท่เฟยโกรธจนเป็นลมแต่กลับช่วยนางไม่ได้ วันถัดมา“พระชายา ตื่นจากบรรทมแล้วหรือเพคะ”“เจ้าไปถามมาแล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หอบรรพชนของสกุลเ
“พระ…พระชายากล่าวได้ถูกต้อง หม่อมฉัน จะจดจำไว้เพคะ”หลินเฟยเย่ยิ้มนิดหน่อยก่อนจะหันมามองที่หยงไท่เฟยที่นั่งนิ่งราวรูปปั้นแกะสลัก อีกทั้งสาวใช้คนสนิทที่ยอมลุกมาปรนนิบัติอย่างไม่บกพร่องอย่างอันถงด้วย“หม่อมฉันให้คนไปทำความสะอาดตัดหญ้ารอบ ๆ หอบรรพชนและให้ทำความสะอาดสระบัวทั้งหมดเพื่อปรับภูมิทัศน์โดยรอบ หวังว่าไท่เฟยจะไม่ทรงขัดข้อง”“ข้าจะไปขัดข้องอย่างไรได้เล่า เจ้าอยากทำสิ่งใดก็ทำไปเถอะ”“ยังมีธุระที่ต้องสะสางอีกมาก หม่อมฉันขอทูลลา”“นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดอีก”หลินเฟยเย่หันมามองใบหน้าไท่เฟยที่เริ่มหวั่นวิตกอย่างปกปิดไม่มิด นางยิ้มออกมาเล็กน้อยและถามกลับไป“หน้าที่พระชายาท่านอ๋อง มีมากมายนะเพคะ ตำหนักนี้กว้างขวางแต่สาวใช้บ่าวไพร่ที่ดูแลโดย….(มองไปที่อันถง) คนของไท่เฟยดูเหมือนว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีนักบกพร่อง สะเพร่าอยู่หลายอย่างอีกทั้งบางคนยังเกียจคร้านไม่เอาการเอางานวัน ๆ คอยตามแต่พวกไร้ประโยชน์เพื่อทำสิ่งไร้ประโยชน์ คิดว่าน่าจะได้เวลาเก็บกวาดแล้ว ขอตัวเพคะ”พระชายาปรายตามามองซ่งฟางหรูที่พึ่งพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้และนั่งที่เก้าอี้ แต่เมื่อนางหันมามองอีกครั้ง ซ่งฟางหรูจึงต้องพยายามลุกข
หนึ่งวันก่อนท่านอ๋องกลับ“พระชายาเพคะ ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วเพคะ”“อืม ดีแล้ว ห้องของข้าเล่า”“คือว่า หากว่าพระองค์ย้ายในตอนนี้จะไม่เท่ากับว่า…เอ่อ…”“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็รอท่านอ๋องกลับมาก่อนก็แล้วกัน เจ้าจัดเตรียมห้องสำรองเอาไว้ อย่างไรข้าก็ไม่มีทางอยู่ร่วมห้องกับเขาได้หรอก”“เพคะ”“เจ้าบอกว่าทุกคนต่างล้วนรอคอยให้ท่านอ๋องผู้นี้กลับมา”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันได้ข่าวว่าแม่นางอันถงแม้ว่าจะเป็นสาวใช้ข้างกายไท่เฟยแต่ที่จริงแล้วนางเองก็เติบโตมาพร้อมกับท่านอ๋องและยัง…”“ข้าเข้าใจแล้ว นางชื่นชอบท่านอ๋องสินะ”“เพคะ พระชายาทรงปราดเปรื่อง”“ดูไม่ยากสักนิด ท่าทางของนางที่ปฏิบัติต่อไท่เฟย แม้ว่าจะดูภักดีแต่ลับหลังนางกลับสร้างบารมีกับสาวใช้ในตำหนัก นั่นก็เท่ากับหาพวกให้ตนเอง” “แม้ว่าต่อหน้าจะเอาใจไท่เฟยแต่ลับหลังนางเองก็ถือมีดเช่นกันอีกทั้งนิสัยของไท่เฟยความชอบและพฤติกรรมล้วนแต่อยู่ในสายตานาง เช่นนี้การจัดการไท่เฟยได้คนหนึ่งก็เท่ากับนางไม่ต่างกับนายหญิงของที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีอำนาจมากกว่าพระชายาอย่างท่านพี่เสียอีก นี่เป็นเหตุผลที่ท่านพี่ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้”“เป็นเช่นนี้เอง ดั
เฟยเย่พลิกตัวและจับเขาและเอามือของท่านอ๋องไพล่หลังเอาไว้ได้ เขาสลัดนางหลุดได้ในทันทีพร้อมกับดึงตัวนางเข้ามา แต่เฟยเย่ยังไม่ยอมแพ้ นางใช้ขาเตะไปที่หลังของเขาหมายจะใช้ศีรษะกระแทกเขา ท่านอ๋องจับได้และกดนางลงที่เตียง“อยู่เฉย ๆ เจ้าคิดว่าวิธีนี้จะจัดการข้าได้งั้นหรือ”“ออกไปนะเจ้าคนชั้นต่ำ เจ้าเป็นคนของใครนึกไม่ถึงว่าจะกล้าใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้จัดการกับข้า”เขาไม่เข้าใจที่นางพูดเลยสักนิด นี่นางกำลังหมายถึงสิ่งใด ที่นี่มีผู้ใดที่คิดจะทำร้ายนางกันแน่ ระหว่างที่เขาไม่อยู่เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดสตรีที่ดูอ่อนแอและไม่สู้คนในวันนั้นถึงได้เปลี่ยนราวกับคนละคนเช่นนี้“หลังจากนี้ค่อยคุยเถอะ อยู่นิ่ง ๆ”เขาไม่อยากเสียเวลา ยิ่งนางดิ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งปลุกสัญชาตญาณดิบของเขาออกมามากเท่านั้น เขาเริ่มล้วงลงไปด้านล่างแม้นางจะดิ้นแต่ก็น้อยลงกว่าเดิม“ออกไปนะเจ้าคนชั่ว ข้าไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ซ้ำสอง”“ซ้ำสองงั้นหรือ”เขาไม่ทันถามจบศีรษะของนางก็กระแทกมาที่หน้าผากเขาเต็มแรงจนเขามึนงง นางจับเขาได้ในที่สุดเพราะเขาประมาท หลินเฟยเย่คว้าสายม่านที่เตียงมารัดเขาเอาไว้และสกัดจุดไม่ให้เขาขยับตัวพร้อมกับดึงชุดมาสวม
เฟยเย่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความระแวง นางรู้สึกว่านอนหลับไปได้เพียงไม่นอนเมื่อหันไปมองข้าง ๆ กลับพบแค่ความว่างเปล่า ท่านอ๋องออกไปแล้วซึ่งไม่รู้ว่าเขาไปที่ใดแน่ แต่เขาคงออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง“ไปไหนกันนะ”หอบรรพชนสกุลเว่ยอ๋องเว่ยจื่อหานเดินเข้ามาที่หอบรรพชนหลังจากที่ตื่นนอนมา เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่มีผู้อื่นนอนร่วมเตียง แต่เมื่อตื่นขึ้นมาพบพระชายาของเขานอนซบอยู่ที่หน้าอกของเขาและขาของนางก็พาดกอดเขาราวกับเขาเป็นหมอนข้างของนางกลับทำให้หัวใจเขาอบอุ่นขึ้นได้อย่างน่าประหลาด “นางเป็นคนแปลกหน้าสำหรับข้าแท้ ๆ เหตุใดจึง….ช่างเถอะ”เขาค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงด้วยเสียงที่เบาที่สุดเกรงว่านางจะตื่น หากว่านางตื่นขึ้นมาพบเขากลัวว่านางจะทำอะไรไม่ถูก และเขาก็ยังไม่อยากถูกทำร้ายร่างกายเพิ่มหากว่านางตื่นมาแล้วจำไม่ได้ว่าเขาคือผู้ใด รอยยิ้มนึกขำผุดขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมกับขาที่ก้าวเข้ามาในหอบรรพชนสกุลเว่ย เมื่อเข้ามาถึงกลับแปลกตาไม่น้อยที่สถานที่ที่เกือบถูกลืมนี้สะอาดกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก“สะอาดถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋อง แม่นมลี่บอกว่าช่วงเวลาที่พระชายาอยู่ที่นี่พระนางเป็นคนสั่งสาวใช้ให้มาท
“เอาละ พระชายาเราไปกันเถอะ อันถงเจ้ารีบกลับไปแจ้งไท่เฟยว่าข้ากับพระชายาจะไปเข้าเฝ้า”อันถงลุกขึ้นด้วยความรู้สึกคับแค้นใจ นางไม่เคยถูกท่านอ๋องต่อว่าตรง ๆ เช่นนี้มาก่อนเลย พระชายาหลินใช้มารยาเพียงนิดหน่อยก็แย่งความโปรดปรานไป นางไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น“เพคะท่านอ๋อง”อันถงและสาวใช้เดินกลับไปแล้ว เฟยเย่ยืดตัวขึ้นลงเพื่อดูว่านางไปแล้วแน่ ๆ ท่านอ๋องหันมามองท่าทีของนาง เมื่อเห็นว่าอันถงไปพ้นสายตาแล้วนางจึงรีบปล่อยมือจากแขนของเขาทันที“เฮ้อ ไปได้เสียที”“นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใดพระชายาหลิน”“เอ่อ…เปล่านะเพคะเมื่อครู่นี้หม่อมฉันรู้สึกเจ็บที่แผลจริง ๆ แล้วก็..”“พอแล้ว เดินตามข้ามาดี ๆ ในเมื่อเจ้าเล่นละครไปแล้วว่าเดินไม่ไหว เช่นนั้นเจ้าก็เล่นให้จบ!!”“แต่ว่า…ท่านอ๋องเพคะ!!”“เรียกข้าว่าเสด็จพี่สิ เจ้าลืมบทบาทของตัวเองไปแล้วงั้นหรือ”“เมื่อครู่นี้เพียงแค่…”“มือ แขน เกาะที่เดิม หรือจะให้ข้าอุ้มเจ้าไป”“กอดแล้ว ๆ แบบนี้พอพระทัยหรือยัง ไปสิ เดินไปสิเพคะ”“กอดแน่น ๆ เจ้าไม่กลัวว่าผู้อื่นจะจับได้หรืออย่างไรว่าเจ้าแสร้งทำ”เฟยเย่กระชับแขนของนางกอดพลางซบไปที่แขนของเขาจนแนบสนิทเมื่อเขาพานางเดินออกมาจากหอบรร
“เจ้าว่าอย่างไรนะ พระชายา คุกเข่าเดี๋ยวนี้!!”เฟยเย่เพียงแค่หันไปมองหยงไท่เฟยที่สั่งให้นางคุกเข่า สมัยโบราณนี่เอะอะอะไรก็สั่งให้คุกเข่าสินะ น่าเบื่อจริง ๆ นางหันมามองอันถงที่ยังสะอึกสะอื้นพร้อมกับคว้าชายชุดท่านอ๋องอยู่ท่านอ๋องพยายามเบี่ยงตัวออกเพราะสายตาของพระชายาที่มองมาแต่ก็มิอาจหนีมือของอันถงที่เอื้อมมาจับชายผ้าเอาไว้“พระชายา นี่มันเรื่องอะไรกัน”เขากระซิบถามนางด้วยเสียงที่เบา “หม่อมฉันสั่งลงโทษโบยนางจริงเพคะ”“เจ้าสั่งโบยงั้นหรือ”“ไม่เพียงแต่นาง แต่ยังมีสาวใช้อีกสองคน ซึ่งหม่อมฉันสั่งขายพวกนางออกไปหลังจากที่สั่งลงโทษแล้วเพคะ”“ข้าอยากทราบเหตุผลว่าเหตุใดเจ้าจึงสั่งลงโทษพวกนางเช่นนี้”“เป็นเพราะพวกนางไม่เคารพหม่อมฉันที่เป็นพระชายาของพระองค์ ในเมื่อไม่ทราบว่ากินเบี้ยหวัดของผู้ใดก็ไม่ควรจะเลี้ยงเอาไว้ หม่อมฉันจึงสั่งลงโทษพวกนางเพคะ”ท่านอ๋องหันไปมองหยงไท่เฟย แม้ว่านางจะเป็นผู้ใหญ่ในตำหนักแต่ก็มิใช่พระมารดาของเขาซึ่งเขาเองก็มิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีเพราะนางเป็นเพียงชายารองของเสด็จพ่อเท่านั้น“ไท่เฟย ไม่ทราบว่าที่พระชายาเอ่ยมานั้น เท็จจริงประการใด”“นั่น…แต่ถึงอย่างไรนางก็ควรจะไว้หน้
เฟยเย่ตกใจเมื่อเขาเรียกนางว่า “เฟยลี่” นั่นเป็นชื่อที่เขาจำได้สินะ ใช่แล้วนางมาที่นี่ในนามของหลินเฟยลี่ มิใช่เฟยเย่ นางปาดน้ำตาออกไปอย่างลืมตัวพร้อมกับลุกขึ้นทันที“หม่อมฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย พระองค์ค่อย ๆ เสวยไปนะเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปพักสักครู่เพคะ”“ข้าพยุงเจ้าไป”“ไม่ต้องเพคะ หม่อมฉัน…อยากนอนพักเสียหน่อยเชิญท่านอ๋องตามสบายเถิดเพคะ”อาจิงพยุงพระชายาเดินออกไปแล้ว เขามองตามจนนางขึ้นไปพักด้านบนและหันมามองจางหย่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับแม่นมที่ยืนรออยู่“แม่นม ท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าใช่หรือไม่”“ท่านอ๋องเพคะ คือว่า…”“เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะ”“เพคะ”“จางหย่งเจ้าก็ตามมาด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสองเดินตามท่านอ๋องเข้าไปที่ห้องทรงอักษร แม่นมเริ่มเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่พระชายาอยู่ที่นี่ในตอนแรกและถูกไท่เฟยสั่งให้นางย้ายไปอยู่ที่เรือนคนใช้ด้านหลังจนนางป่วยและไท่เฟยสั่งให้คนสกุลหลินมารับ จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดรู้ข่าวของพระชายาเกือบสองเดือน มารู้อีกทีก็ตอนที่น้องสาวนางที่ถูกยาพิษเสียชีวิตในจวน หลังจากนั้นอีกสิบวันพระชายาก็กลับมาที่ตำหนักและเปลี่ยนท่าทีไปอย่างที่เห็น“พระชายาทรงสั่งจัดการรื้อและทำ
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ
“อันถง เจ้าบ้าไปแล้ว”“ข้าบ้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าการแอบรักคนคนหนึ่งมาตลอดเกือบยี่สิบปี เฝ้ามองเขาอยู่ข้าง ๆ เขาจนเขาเติบโตไปพร้อมกับข้า แต่จู่ ๆ เจ้าก็แย่งไป!!”“ข้าไม่ได้แย่งเจ้าไป หากว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเขาคงเลือกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ”“ไม่จริง!! หากไม่มีพวกเจ้าสองพี่น้องเข้ามา ท่านอ๋องต้องเลือกข้าอย่างแน่นอน ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ ท่าน….”ท่านอ๋องถึงกับทำสีพระพักตร์ไม่ถูกเมื่อเขามองอันถงชัด ๆ นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เปลี่ยนจากในตอนเด็กที่เป็นเด็กเรียบร้อยและมักตามเขาไปในที่ต่าง ๆ คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเวลาที่เขาฝึกหนัก แต่สายตาของนางในตอนนี้กลับมิใช่เด็กสาวที่ใสซื่อในวันนั้น“เหตุใดพระองค์มองหม่อมฉันเช่นนั้น พระองค์คงจะไม่…..”“อันถง ข้าไม่เคยคิดกับเจ้าเกินเลยไปกว่าคำว่าน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน ข้าบอกเจ้าทุกครั้งว่าเจ้าจะต้องพบกับบุรุษที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าและรักเจ้ามากในสักวัน แต่คนคนนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ข้าแน่นอน”“ไม่จริง!! พระองค์โกหก เป็นเพราะนาง นางเข้ามาแทรกระหว่างท่านกับข้า ท่านจึงได้หลงกลนางและลุ่มหลงนาง ท่านอ๋องทอดพระเนตรสิเพคะ นี่หม่อมฉันท
อันถงหันไปมองหน้าซ่งฟางหรูพร้อมกับบีบน้ำตา“ไท่เฟยเป็นดุจมารดาและญาติของข้าเพียงคนเดียว เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้”“ไม่ใช่ข้านะ!! ท่านอ๋องเพคะ เรื่องนี้ต้องมีคนปองร้ายหม่อมฉัน”“แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า”“แต่ผู้ที่ให้ยาไท่เฟยคือพระชายา ต่อให้ยานี่เป็นยาพิษก็ไม่ได้เกี่ยวกับหม่อมฉันนะเพคะ พระชายาเป็นคนร้ายตัวจริง!!”“เดิมทีคิดว่าเจ้าจะสำนึกได้ คิดไม่ถึงว่านอกจากจะไม่สำนึกยังกล่าวโทษข้าอีก ซ่งฟางหรูข้าจะบอกเจ้าฟังให้ชัด ๆ ยาที่เจ้าส่งให้ข้า ถูกข้าสลับยาจริง ๆ นั่นเพราะข้ารู้ว่ายาที่อยู่กับเจ้า คือยาพิษ”“อะไรนะ….”""เป็นไปไม่ได้""อันถงเผลอตัวอุทานออกมาพร้อมกับฟางหรู แม้ว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินแต่ท่านอ๋องได้ยินชัดเจน “ซ่งฟางหรูทางที่ดีเจ้ารับสารภาพมา ยานี่เจ้าไปเอามาจากที่ใด เจ้าคงไม่คิดว่าจะมีที่ที่สายตาข้าไปไม่ถึงใช่หรือไม่”ฟางหรูและอันถงเริ่มเข่าอ่อนไปพร้อม ๆ กันเมื่อท่านอ๋องกล่าวจบ แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่ แต่ก็น่ากลัวมากพอที่ทำให้ซ่งฟางหรูตัวสั่นจนเริ่มหันไปมองที่อันถง“หมะ…หม่อมฉัน….”“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ หากเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องขึ้นและต้องไต่สวน เกรงว่าจะไม่ใช่เจ้า
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าของซ่งฟางหรูที่มุ่งประเด็นไปยังพระชายาของเขาในทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกกับเฟยเย่ว่าแผนการที่นางคิดเอาไว้อาจจะมีช่องโหว่ให้อันถงและซ่งฟางหรูจับได้แต่นางกลับบอกว่า“พวกนางจะไม่สงสัยพระองค์เลย ขอเพียงแค่พระองค์ดีกับนางนิดหน่อย นางก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เห็นแล้วเพคะ”นึกไม่ถึงว่าพระชายาของเขาจะพูดได้ถูกต้อง พวกนางไม่เพียงสงสัยแต่กลับเดินเข้าไปในแผนของเฟยเย่โดยง่าย หรือว่านี่คือสิ่งที่มีเพียงสตรีด้วยกันเท่านั้นที่จะรู้ทันความคิดของกันและกัน เขานึกเลื่อมใสเฟยเย่เล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้านี้ก่อน“เร็วเข้ารีบไปพาตัวพระชายามาที่นี่ สั่งปิดประตูตำหนัก ห้ามคนเข้าออก”“พ่ะย่ะค่ะ”พวกเจ้ารีบไปเอาตัวอันถงมาที่นี่ด้วย หากว่า…เกิดเรื่องไม่คาดคิดพวกนางจะได้…."“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาช่างเหี้ยมโหดใจดำยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าทำร้ายไท่เฟยถึงในนี้ หากว่าหม่อมฉันยืนกรานมิให้นางป้อนยาให้ไท่เฟย คงไม่เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันผิดเองเพคะ”“อาการของไท่เฟยทรงตัวมานานไม่แน่ว่านางอาจจะทนพิษไม่ไหวก็เลย…”“แต่หากมิใช่ยาที่พระชายาให้ไท่เฟยคงไม่กำเริบรุนแรงและรวดเร็วเช่นนี้ นางต้องไ