“เจ้าว่าอย่างไรนะ พระชายา คุกเข่าเดี๋ยวนี้!!”เฟยเย่เพียงแค่หันไปมองหยงไท่เฟยที่สั่งให้นางคุกเข่า สมัยโบราณนี่เอะอะอะไรก็สั่งให้คุกเข่าสินะ น่าเบื่อจริง ๆ นางหันมามองอันถงที่ยังสะอึกสะอื้นพร้อมกับคว้าชายชุดท่านอ๋องอยู่ท่านอ๋องพยายามเบี่ยงตัวออกเพราะสายตาของพระชายาที่มองมาแต่ก็มิอาจหนีมือของอันถงที่เอื้อมมาจับชายผ้าเอาไว้“พระชายา นี่มันเรื่องอะไรกัน”เขากระซิบถามนางด้วยเสียงที่เบา “หม่อมฉันสั่งลงโทษโบยนางจริงเพคะ”“เจ้าสั่งโบยงั้นหรือ”“ไม่เพียงแต่นาง แต่ยังมีสาวใช้อีกสองคน ซึ่งหม่อมฉันสั่งขายพวกนางออกไปหลังจากที่สั่งลงโทษแล้วเพคะ”“ข้าอยากทราบเหตุผลว่าเหตุใดเจ้าจึงสั่งลงโทษพวกนางเช่นนี้”“เป็นเพราะพวกนางไม่เคารพหม่อมฉันที่เป็นพระชายาของพระองค์ ในเมื่อไม่ทราบว่ากินเบี้ยหวัดของผู้ใดก็ไม่ควรจะเลี้ยงเอาไว้ หม่อมฉันจึงสั่งลงโทษพวกนางเพคะ”ท่านอ๋องหันไปมองหยงไท่เฟย แม้ว่านางจะเป็นผู้ใหญ่ในตำหนักแต่ก็มิใช่พระมารดาของเขาซึ่งเขาเองก็มิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีเพราะนางเป็นเพียงชายารองของเสด็จพ่อเท่านั้น“ไท่เฟย ไม่ทราบว่าที่พระชายาเอ่ยมานั้น เท็จจริงประการใด”“นั่น…แต่ถึงอย่างไรนางก็ควรจะไว้หน้
เฟยเย่ตกใจเมื่อเขาเรียกนางว่า “เฟยลี่” นั่นเป็นชื่อที่เขาจำได้สินะ ใช่แล้วนางมาที่นี่ในนามของหลินเฟยลี่ มิใช่เฟยเย่ นางปาดน้ำตาออกไปอย่างลืมตัวพร้อมกับลุกขึ้นทันที“หม่อมฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย พระองค์ค่อย ๆ เสวยไปนะเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปพักสักครู่เพคะ”“ข้าพยุงเจ้าไป”“ไม่ต้องเพคะ หม่อมฉัน…อยากนอนพักเสียหน่อยเชิญท่านอ๋องตามสบายเถิดเพคะ”อาจิงพยุงพระชายาเดินออกไปแล้ว เขามองตามจนนางขึ้นไปพักด้านบนและหันมามองจางหย่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับแม่นมที่ยืนรออยู่“แม่นม ท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าใช่หรือไม่”“ท่านอ๋องเพคะ คือว่า…”“เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะ”“เพคะ”“จางหย่งเจ้าก็ตามมาด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสองเดินตามท่านอ๋องเข้าไปที่ห้องทรงอักษร แม่นมเริ่มเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่พระชายาอยู่ที่นี่ในตอนแรกและถูกไท่เฟยสั่งให้นางย้ายไปอยู่ที่เรือนคนใช้ด้านหลังจนนางป่วยและไท่เฟยสั่งให้คนสกุลหลินมารับ จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดรู้ข่าวของพระชายาเกือบสองเดือน มารู้อีกทีก็ตอนที่น้องสาวนางที่ถูกยาพิษเสียชีวิตในจวน หลังจากนั้นอีกสิบวันพระชายาก็กลับมาที่ตำหนักและเปลี่ยนท่าทีไปอย่างที่เห็น“พระชายาทรงสั่งจัดการรื้อและทำ
เฟยเย่หันไปมองด้วยความตกใจ นี่เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดกันนะเหตุใดนางจึงไม่รู้ตัวมาก่อน อันตรายเกินไปแล้ว เขาคงไม่ได้ยินที่นางพูดบ่นไปใช่หรือไม่“ท่านอ๋อง เหตุใดพระองค์จึงเข้ามาในนี้เพคะ”“เจ้าคงลืมไปอีกแล้วสินะว่านี่เป็นตำหนักข้า แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องข้าแต่ก็ยังอยู่ในตำหนัก ดูแล้ว…เจ้าคงใช้ที่นี่เป็นห้องแต่งตัวสินะพระชายา”“เพคะ คือว่าหม่อมฉันไม่ค่อยสะดวกที่จะ…”“ข้าเข้าใจเจ้ามิได้ว่าอะไร ดูเจ้าเบื่อ ๆ นะ”“ไม่ถึงขนาดนั้นเพคะ พระองค์มีธุระด่วนหรือเพคะ”“เปล่าหรอก ไม่มีแค่อยากจะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นน่ะ”“เดินเล่น พระองค์ทรงหมายถึงข้างนอกตำหนักในตลาด โรงน้ำชา โรงละครอะไรแบบนั้นหรือเพคะ”“เอ่อ…ก็…แบบนั้นแหละ ตกลงว่าเจ้าจะไปหรือไม่”“ไปสิเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ออกไปเที่ยวมาหลายเดือนแล้วอึดอัดจะตายอยู่แล้วเพคะ”ท่าทางดีใจของนางที่ปิดไม่มิดและรอยยิ้มที่จริงใจนั่นทำเอาเขาไม่กล้าปฏิเสธนางเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบการไปเดินเที่ยวเช่นนี้เลยก็ตาม“เอ่อ เช่นนั้นก็ไปเถอะ จะได้กลับมาไม่เย็นมาก”“เพคะ หม่อมฉันจะไปบอกอาจิง…”“ไม่ต้อง แค่ข้ากับเจ้า”“แต่ว่า พระองค์จะไปโดยที่ไม่มีองครักษ์หรือเพคะ”“เปล่าเพคะ
เฟยเย่กะพริบตาปริบ ๆ นางไม่เข้าใจที่เขาจะสื่อ ม้าตัวผู้ก็ดีสิ พละกำลังดีและแข็งแรงนางแค่จะกระซิบบอกเพื่อทำความคุ้นเคย แต่นางก็ลืมคิดไปว่าในสมัยโบราณวิธีเหล่านี้คงไม่ได้ถูกนำมาใช้นางจึงกลับขึ้นมาดังเดิม“ก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะไปแล้วนะ พระองค์จับให้แน่น ๆละเพคะ”“อืม จับแล้ว”เฟยเย่เริ่มบังคับม้าเสี่ยวเฮยและวิ่งไปตามทางที่นางจำได้ เมื่อพวกเขาเริ่มออกนอกชุมชน เฟยเย่จึงเร่งความเร็วขึ้นจนท่านอ๋องต้องเปลี่ยนจากจับเอวนางเป็นกอดนางเอาไว้แทน“ก็นับว่าไม่ขาดทุน”“ย่าส์ เสี่ยวเฮย เจ้ายอดมากเด็กดี”ท่านอ๋องลอบยิ้มอย่างพอพระทัย เขาเองก็นึกไม่ถึงว่านางจะบังคับม้าเก่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะเร่งความเร็วก็มิได้รู้สึกกลัวเลยสักนิดจนน่าทึ่งพวกเขาขี่จนมาถึงเนินเขาที่ว่านั่นพร้อมกับจูงเสี่ยวเฮยไปใกล้ลำธารเพื่อให้มันดื่มน้ำพักเหนื่อย“เป็นอย่างไรบ้าง”“ราวกับได้ปลดปล่อยเลยเพคะ”“เจ้าชอบก็ดีแล้ว”เฟยเย่หันไปมองเสี่ยวเฮยที่จิบน้ำอยู่ที่ลำธารสลับกับเล็มหญ้าข้าง ๆ ไปด้วย ท่านอ๋องเห็นว่านางจ้องม้าของเขามากเกินไปแล้วเขาจึงมานั่งข้าง ๆ นางเพื่อบดบังเอาไว้ให้เห็นเพียงใบหน้าเขาเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเฟยเย่จะมองไปเรื่อยเปื่
ห้องบรรทมพระชายา“พระชายาเพคะ เหตุใดพระองค์จึงมาบรรทมที่นี่เล่าเพคะ ทะเลาะกับท่านอ๋องมาหรือเพคะ”“อาจิง ข้าแค่ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเขาไปน่ะ แต่ข้าไม่ได้คิดระแวงเขาจริง ๆ นะ อยู่กับเขาหลายวันนี้ข้าก็พอดูออกว่าเขามิใช่คนเลวร้ายละโมบของผู้อื่น ข้าก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพวกแต่งงานเพราะเงินเสียหน่อย”“เช่นนั้นพระองค์ทั้งสองก็ไม่ควรต้องแยกห้องบรรทมเช่นนี้นะเพคะ แม่นมเคยพูดเอาไว้ว่าสามีภรรยา ยิ่งทะเลาะกัน ยิ่งไม่ควรแยกห้องมีสิ่งใดไม่เข้าใจกัน การนอนคุยกันมันดีกว่านั่งคุยเพคะ”“เจ้าจะบ้าหรือ เหตุใดจึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมาข้ากับเขายังไม่…”นั่นสิ ใช่แล้ว นางไม่ใช่หลินเฟยลี่เสียหน่อย และไม่ใช่หลินเฟยเย่อีกด้วย นางไม่ใช่ใครทั้งนั้นที่จะมีสิทธิ์อยู่ตรงนี้ในฐานะพระชายาท่านอ๋อง นางไม่มีสิทธิ์ขโมยความรักนี้ไปด้วยซ้ำไป นางมาที่นี่เพียงแก้แค้นแทนสองฝาแฝดที่ถูกฆ่าตายและตรวจสอบเงินที่ถูกยักยอกไปหลังจากนั้น ก็จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างอิสระอย่างที่ตั้งใจเอาไว้…“พระชายา ร้องไห้ทำไมเพคะ”“ข้า…อาจิง นี่ข้า…”นางคิดถึงคืนแรกที่ถูกเขากอดและจูบในห้องนั้นและหลายวันมานี้ที่เขาคอยช่วยเหลือทั้งที่หอบรรพชนและต่อหน้าหยงไท
ตำหนักไท่เฟย“นังพระชายานั่น แจกจ่ายอาหารให้ชาวบ้านงั้นหรือ”“ทูลไท่เฟย ใช่แล้วเพคะชาวบ้านต่างพากันสรรเสริญท่านอ๋องและพระชายาว่ามีคุณธรรมคิดถึงราษฎรในยามทุกข์ยากเพคะ”“บังอาจนัก เหตุใดนาง…จึงไม่เอ่ยถึงข้าที่เป็นไท่เฟยด้วย คิดจะเอาหน้ากับพวกชาวบ้านอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ”“ไท่เฟยเพคะเรื่องงานเลี้ยงค่ำนี้ของคุณหนูซ่ง…ยังต้องจัดการอยู่หรือไม่เพคะ”“แน่นอนว่าต้องจัดสิ เราจัดเป็นการภายในอย่าได้ให้คนภายนอกเข้ามาวุ่นวาย”“ทราบแล้วเพคะ”กว่าจะแจกจ่ายเสบียงอาหารจนเสร็จเรียบร้อยก็กินเวลาไปถึงช่วงบ่าย เฟยเย่เดินกลับเข้ามาในตำหนักพร้อมกับไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น แต่นางก็ผล็อยหลับไปในตอนบ่ายหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว “ถวายบังคมท่านอ๋อง”“ไม่ต้องปลุกนาง เจ้าออกไปเถอะ”“เพคะ”อาจิงเดินออกจากห้องไปแล้วเมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเดินเข้ามาในห้องบรรทมของพระชายา เขาเดินมานั่งที่ข้าง ๆ เตียงของเฟยเย่ที่หลับสนิทอยู่บนเตียง เขาวางบางอย่างเอาไว้ที่ข้างหัวเตียงของนาง เป็นยาสำหรับนวดเพื่อคลายความปวดเมื่อย เดิมทีคิดจะนำมาให้สาวใช้ของนางให้บีบนวดให้นาง แต่นึกไม่ถึงว่านางจะเหนื่อยจนหลับสนิทไปเช่นนี้“หมีน้อยมานี่นะ อย่
"หลินเฟยลี่เจ้าละเมออีกแล้ว ใครเป็นหมีน้อยของเจ้ากัน"เขานึกหงุดหงิดใจไม่น้อย แต่นางก็มักจะละเมอเรียกเขาเช่นนี้อยู่เสมอทุกคืน จนเขาเริ่มชินกับการถูกนางเรียกเช่นนี้ไปแล้ว เขารับรู้ว่าร่างกายของนางแผ่ความร้อนออกมาเพราะพิษไข้ หากเขายังนอนเบียดนางอยู่เช่นนี้นางคงไม่สบายตัวแน่ เขาค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและจัดท่านอนให้นางใหม่“ข้าจะไม่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้า….”เขามองใบหน้าที่ซีดแต่ริมฝีปากแดงจัดเพราะพิษไข้นั้นอย่างเหม่อลอย มือของเขาเอื้อมไปแตะที่ริมฝีปากบางนั่นอย่างลืมตัวเว่ยจื่อหานยังจำรสสัมผัสนั้นได้ ทั้งหวานและหอมจนเขาไม่อยากปล่อยนางไป แต่ในยามนี้เขาสัมผัสได้เพียงไอร้อนที่ออกมาจากจมูกนางเท่านั้น“ขอแค่ค่ากอดนิดหน่อยเท่านั้น เจ้าคงไม่ว่าข้าหรอกนะ”เขาก้มลงสูดกลิ่นแก้มของนางจนสุดลมหายใจ ไม่เพียงแค่หวานไปทั้งตัว แก้มนางยังหอมมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียอีกจนไม่อยากจะหยุด แก้มของนางเริ่มแดงขึ้นเพราะถูกเขากดจมูกลงไปหอมซ้ำแล้วซ้ำอีก “หายเร็ว ๆ นะพระชายาของข้า”เขาก้มลงจุมพิตไปที่หน้าผากของนางก่อนจะเปลี่ยนผ้าผืนใหม่ให้นางอีกครั้ง ท่านอ๋องเดินดูรอบ ๆห้องของนาง ทั้งตู้เตียงที่ถูกจัดเข้
“ไท่เฟยเพคะ”ซ่งฮูหยินเดินเข้ามาหาไท่เฟย นางเป็นญาติสนิทของไท่เฟยที่แต่งเข้าสกุลซ่ง ไท่เฟยเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะหาทางใหม่”“ขอบพระทัยไท่เฟย ทูลลาเพคะ”“ทูลลาเพคะ”“อืม ไปเถอะ กลับดี ๆ นะ”หยงไท่เฟยเดินกลับเข้าไปในตำหนักพร้อมกับความอับอายไม่น้อยเมื่อถูกท่านอ๋องหักหน้าอย่างไม่ไยดีเช่นนี้ นางทั้งโกรธทั้งโมโห แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะทำสิ่งใดท่านอ๋องก็ไม่เคยจะไม่ไว้หน้านางถึงเพียงนี้“เหตุที่ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้ คงไม่พ้นนังแพศยานั่นใช้มารยาแสร้งป่วยเพื่อดึงความสนใจอีกตามเคย”“ไท่เฟยเพคะ เห็นบอกว่าพระชายาพอทรงทราบว่าท่านอ๋องจะเสด็จมางานเลี้ยงของพระองค์ก็ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนของนางตั้งแต่แรกเพคะ”“มารยา คนชั้นต่ำย่อมใช้แผนการชั้นต่ำยิ่งนัก รอก่อนเถอะ อีกไม่นานข้าจะได้จัดการนางแน่ สืบข่าวหรือยัง รองแม่ทัพนั่นเมื่อใดจะเดินทางมาถึงเฉินโจว”“ทูลไท่เฟย อีกสิบวันเพคะ”“ดี ให้นางหลงระเริงไปก่อนเถอะ ข้าอยากจะรู้นักว่าหากว่าท่านอ๋องรู้ว่านางตั้งครรภ์บุตรของผู้อื่นจะยังจะรักและลุ่มหลงมันเช่นนี้หรือไม่”“ไท่เฟยเพคะ พระองค์…อยากให้คุณหนูซ่งผู้นั้น…”ไท่เฟยหั
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ
“อันถง เจ้าบ้าไปแล้ว”“ข้าบ้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าการแอบรักคนคนหนึ่งมาตลอดเกือบยี่สิบปี เฝ้ามองเขาอยู่ข้าง ๆ เขาจนเขาเติบโตไปพร้อมกับข้า แต่จู่ ๆ เจ้าก็แย่งไป!!”“ข้าไม่ได้แย่งเจ้าไป หากว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเขาคงเลือกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ”“ไม่จริง!! หากไม่มีพวกเจ้าสองพี่น้องเข้ามา ท่านอ๋องต้องเลือกข้าอย่างแน่นอน ท่านอ๋อง ใช่หรือไม่ ท่าน….”ท่านอ๋องถึงกับทำสีพระพักตร์ไม่ถูกเมื่อเขามองอันถงชัด ๆ นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เปลี่ยนจากในตอนเด็กที่เป็นเด็กเรียบร้อยและมักตามเขาไปในที่ต่าง ๆ คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเวลาที่เขาฝึกหนัก แต่สายตาของนางในตอนนี้กลับมิใช่เด็กสาวที่ใสซื่อในวันนั้น“เหตุใดพระองค์มองหม่อมฉันเช่นนั้น พระองค์คงจะไม่…..”“อันถง ข้าไม่เคยคิดกับเจ้าเกินเลยไปกว่าคำว่าน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน ข้าบอกเจ้าทุกครั้งว่าเจ้าจะต้องพบกับบุรุษที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าและรักเจ้ามากในสักวัน แต่คนคนนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ข้าแน่นอน”“ไม่จริง!! พระองค์โกหก เป็นเพราะนาง นางเข้ามาแทรกระหว่างท่านกับข้า ท่านจึงได้หลงกลนางและลุ่มหลงนาง ท่านอ๋องทอดพระเนตรสิเพคะ นี่หม่อมฉันท
อันถงหันไปมองหน้าซ่งฟางหรูพร้อมกับบีบน้ำตา“ไท่เฟยเป็นดุจมารดาและญาติของข้าเพียงคนเดียว เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้”“ไม่ใช่ข้านะ!! ท่านอ๋องเพคะ เรื่องนี้ต้องมีคนปองร้ายหม่อมฉัน”“แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า”“แต่ผู้ที่ให้ยาไท่เฟยคือพระชายา ต่อให้ยานี่เป็นยาพิษก็ไม่ได้เกี่ยวกับหม่อมฉันนะเพคะ พระชายาเป็นคนร้ายตัวจริง!!”“เดิมทีคิดว่าเจ้าจะสำนึกได้ คิดไม่ถึงว่านอกจากจะไม่สำนึกยังกล่าวโทษข้าอีก ซ่งฟางหรูข้าจะบอกเจ้าฟังให้ชัด ๆ ยาที่เจ้าส่งให้ข้า ถูกข้าสลับยาจริง ๆ นั่นเพราะข้ารู้ว่ายาที่อยู่กับเจ้า คือยาพิษ”“อะไรนะ….”""เป็นไปไม่ได้""อันถงเผลอตัวอุทานออกมาพร้อมกับฟางหรู แม้ว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินแต่ท่านอ๋องได้ยินชัดเจน “ซ่งฟางหรูทางที่ดีเจ้ารับสารภาพมา ยานี่เจ้าไปเอามาจากที่ใด เจ้าคงไม่คิดว่าจะมีที่ที่สายตาข้าไปไม่ถึงใช่หรือไม่”ฟางหรูและอันถงเริ่มเข่าอ่อนไปพร้อม ๆ กันเมื่อท่านอ๋องกล่าวจบ แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่ แต่ก็น่ากลัวมากพอที่ทำให้ซ่งฟางหรูตัวสั่นจนเริ่มหันไปมองที่อันถง“หมะ…หม่อมฉัน….”“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ หากเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องขึ้นและต้องไต่สวน เกรงว่าจะไม่ใช่เจ้า
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าของซ่งฟางหรูที่มุ่งประเด็นไปยังพระชายาของเขาในทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกกับเฟยเย่ว่าแผนการที่นางคิดเอาไว้อาจจะมีช่องโหว่ให้อันถงและซ่งฟางหรูจับได้แต่นางกลับบอกว่า“พวกนางจะไม่สงสัยพระองค์เลย ขอเพียงแค่พระองค์ดีกับนางนิดหน่อย นางก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เห็นแล้วเพคะ”นึกไม่ถึงว่าพระชายาของเขาจะพูดได้ถูกต้อง พวกนางไม่เพียงสงสัยแต่กลับเดินเข้าไปในแผนของเฟยเย่โดยง่าย หรือว่านี่คือสิ่งที่มีเพียงสตรีด้วยกันเท่านั้นที่จะรู้ทันความคิดของกันและกัน เขานึกเลื่อมใสเฟยเย่เล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบจัดการเรื่องตรงหน้านี้ก่อน“เร็วเข้ารีบไปพาตัวพระชายามาที่นี่ สั่งปิดประตูตำหนัก ห้ามคนเข้าออก”“พ่ะย่ะค่ะ”พวกเจ้ารีบไปเอาตัวอันถงมาที่นี่ด้วย หากว่า…เกิดเรื่องไม่คาดคิดพวกนางจะได้…."“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาช่างเหี้ยมโหดใจดำยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าทำร้ายไท่เฟยถึงในนี้ หากว่าหม่อมฉันยืนกรานมิให้นางป้อนยาให้ไท่เฟย คงไม่เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันผิดเองเพคะ”“อาการของไท่เฟยทรงตัวมานานไม่แน่ว่านางอาจจะทนพิษไม่ไหวก็เลย…”“แต่หากมิใช่ยาที่พระชายาให้ไท่เฟยคงไม่กำเริบรุนแรงและรวดเร็วเช่นนี้ นางต้องไ