เช้าวันใหม่มาถึงคณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างรีบเร่งออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ จุดหมายคือเขตป่าชั้นกลางของเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณ เนื่องจากบริเวณป่าชั้นนอกจะมีเพียงสัตว์อสูรทั่วไปหรือสัตว์อสูรปฐพีเท่านั้น หากเข้าสู่เขตป่าชั้นกลางเป็นต้นไปจึงจะพบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นต่ำหรือขั้นกลางและหากโชคดีมากพออาจได้พบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นสูงก็เป็นไปได้เช่นกัน
สำหรับสัตว์อสูรมายาขั้นต่ำเป็นต้นไป สัตว์อสูรเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความนึกคิด อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง สามารถใช้ปราณธาตุของตนโจมตีผู้บุกรุกในอาณาเขตของตน อาจพบเห็นได้บ้างตามแนวรอยต่อของป่าชั้นกลางติดกับเขตป่าชั้นในกระจัดกระจายกันไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ ระหว่างทางพวกเขาต่างพบเจอกับสัตว์อสูรไปไม่น้อย แต่เพราะยังมีอายุที่ไม่เหมาะสม อีกครั้งความสามารถยังเข้าไม่ได้กับวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาทั้งสอง เห็นได้ว่าการเสาะหากระดูกวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด อายุของสัตว์อสูรจะสังเกตได้จากสีของพลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมา จะเป็นสีเดียวกันกับพลังวิญญาณ แม้จะเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันแต่มีอายุต่างกันไม่กี่ร้อยปี ย่อมส่งผลให้มีช่องว่างของคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันลิบลับ ดังนั้นจึงควรระวังในการเลือกกระดูกวิญญาณเป็นพิเศษ สำหรับเป้าหมายในการตามล่าสัตว์อสูรที่เทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณครั้งนี้ เป็นเพียงการเสาะหากระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรนภาที่มีอายุไม่เกินสองพันปี ถือว่าเป็นการฝึกฝนสร้างประสบการณ์แก่เด็กหนุ่มทั้งสองคนในเส้นทางวิถีของผู้ฝึกตน ดังนั้นหวังฮุ่ยจึงเลือกที่จะไม่ถึงเขตพื้นที่ส่วนชั้นกลางของเทือกเขาก็เพียงพอแล้ว การดูดซับกระดูกวิญญาณเพื่อได้มาซึ่งความแข็งแกร่งและความสามารถของสัตว์อสูรย่อมมีกฎเกณฑ์ที่ผู้ฝึกตนต้องรับทราบและควรปฏิบัติตาม นั่นคือผู้ฝึกตนในแต่ละระดับขั้นพลังวิญญาณจะสามารถดูดซับกระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรในช่วงอายุที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากร่างกายและพลังวิญญาณสามารถรองรับได้เพียงเท่านี้ในขณะนั้น “สัตว์อสูรที่เราต้องการไม่ใช่สัตว์อสูรทั่วไประดับต่ำ โดยปกติแล้วการดูดซับกระดูกวิญญาณจะต้องผันแปรไปในทิศทางเดียวกันกับพลังวิญญาณ” “ดังนั้นด้วยระดับขุนนางวิญญาณของทั้งสอง จำเป็นต้องดูดซับกระดูกวิญญาณแรกนี้ที่มีอายุไม่เกินสองพันปี ยิ่งสัตว์อสูรใช้เวลาในการบำเพ็ญตบะยิ่งนาน พลังที่แท้จริงก็ยิ่งแข็งแกร่ง ความสามารถจากกระดูกวิญญาณก็จะยิ่งสมบูรณ์…” “แล้วความแข็งแกร่ง ความสามารถที่ผู้ฝึกตนได้รับจากกระดูกวิญญาณจะปรากฎให้เห็นเป็นอย่างไรหรือขอรับ?” หนิงอ้ายแม้จะศึกษาเรื่องราวเหล่านี้มาไม่น้อย แต่ยังมีบางจุดที่ยังสงสัยอยู่บ้าง “กระดูกวิญญาณสามารถเพิ่มคุณสมบัติหรือพิเศษของวิญญาณยุทธ์ให้แก่ผู้ฝึกตนได้ อย่างเช่นวิญญาณยุทธ์ของคุณชายเป็นพัดหยกมีดบินปราณธาตุน้ำ หากประสานเข้ากับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรปราณธาตุน้ำไป การควบคุมบัญชาการก็จะมั่นคงขึ้นโดยไม่สิ้นเปลืองพลังลมปราณอีกด้วย…” “ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร หากไม่นับรวมไปถึงความพิเศษที่สืบทอดผ่านสายเลือดหรือเผ่าพันธ์ แน่นอนว่าจำนวนปีที่สัตว์อสูรบำเพ็ญตบะที่แตกต่างกันย่อมส่งผลไปถึงความแข็งแกร่งทั้งสิ้น…” “กระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรสี่พันปี ย่อมมีความแข็งแกร่งที่มากกว่ากระดูกวิญญาณอายุสองพันปี อย่างเห็นได้ชัดแม้จะเป็นสัตว์อสูรเผ่าพันธ์เดียวกันนั่นเอง...” หวังฮุ่ยอธิบายให้ได้เข้าใจมากขึ้น “มากไปกว่านั้น สัตว์อสูรที่ถูกสังหารจิตสุดท้ายย่อมมีความรู้สึกโกรธแค้นไม่ยินยอม หากมีพลังมากพอมันย่อมสามารถเลือกที่จะปลิดชีพตนเองเพื่อไม่ให้ถูกช่วงชิงกระดูกวิญญาณไปได้…”“…”
“ดังนั้นในการดูดซับกระดูกวิญญาณประสานเข้ากับร่างกาย ผู้ฝึกตนจึงควรพร้อมไปด้วยสติและพลังวิญญาณที่มากพอ สิ่งที่พึงกระทำคือไม่ควรดูดซับกระดูกวิญญาณข้ามขั้นระดับของตน เพราะหากกระทำโดยไม่คิดผลที่ตามหลังเช่นนี้ ร่างกายของผู้ฝึกตนย่อมไม่อาจรองรับพลังของกระดูกวิญญาณ บทสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นไรสุดจะหยั่งรู้ได้…”
“เข้าใจแล้วขอรับ!!” หนิงอ้ายกับลู่ซีพยักหน้ารับคำของหวังฮุ่ย หวังฮุ่ยตั้งใจพาหนิงอ้ายกับลู่ซีเสาะหากระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรที่เหมาะสมกับทั้งสองคนมากที่สุด ด้วยระดับขุนนางวิญญาณของทั้งสองคนแล้วสัตว์อสูรที่เหมาะสมคืออสูรนภาขั้นกลางหรือขั้นสูงที่มีอายุไม่เกินสองพันปี เมื่อสังหารสัตว์อสูรแล้วกระดูกวิญญาณจะปรากฎขึ้นรอบ ๆ ร่างไร้วิญญาณ หากไม่ถูกดูดซับหรือนำไปใช้ประโยชน์สิ่งอื่นเมื่อครบกำหนดเวลาก็จะซ่านสลายหายไปหลอมรวมเข้ากับปราณฟ้าดินอีกครั้งเป็นวัฏจักรหมุนเวียนไม่จบสิ้น… การเดินทางยังคงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง หลังจากเดินเท้ามาได้เกือบหนึ่งชั่วยาม พวกเขาทั้งสี่คนได้เข้าสู่เขตป่าชั้นกลางของเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณแล้ว สังเกตได้ว่ามีความหนาแน่นของลมปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากเขตป่าชั้นนอกหลายเท่า ต้นไม้สูงใหญ่ที่คาดว่ามีอายุหลายร้อยปีต่างปรากฏให้เห็นไปสุดสายตา กลุ่มหมอกสีขาวฟุ้งลอยละล่องหยอกล้อไปกับเถาวัลย์ที่ห้อยระย้าลงมา ให้ความรู้สึกที่งดงามแต่ทว่ายังคงแปลกตาในความรู้สึก แต่ถึงอย่างไรด้วยสัญญาติญาณอันลึกล้ำของผู้ฝึกตนพวกเขาต่างเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ไม่อาจประมาทได้เลยแม้แต่น้อยหนิงอ้ายเก็บเกี่ยวสมุนไพรไปหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรระดับต้นที่เก็บได้ตั้งแต่เขตป่าชั้นนอกแล้ว ยังได้สมุนไพรระดับกลางรวมไปถึงสมุนไพรระดับสูงอีกจำนวนไม่น้อยที่ขึ้นอยู่มากมายในเขตป่าชั้นกลางเช่นกัน กล่าวได้ว่าเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณนอกจากจะเต็มไปด้วยสัตว์อสูรหลากหลายเผ่าพันธุ์แล้ว ยังมีความอุดมสมบูรณ์ที่ส่งผลให้มีสมุนไพรระดับต่าง ๆ ขึ้นอยู่อย่างมากมาย ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพรล้วนเป็นหนิงอ้ายคนเก่าที่ชื่นชอบในการศึกษาตำราที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ทั้งสิ้น
ในฐานะที่หนิงอ้ายครอบครองความสามารถประเภทจิตวิญญาณหยั่งรู้ที่หาได้ยากดังเช่นเนตรแห่งสวรรค์แล้ว ประสาทสัมผัสการรับรู้จึงมีความแข็งแกร่งในการสัมผัสถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากนัก เขาที่ฝึกหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้เพียงเพื่อใช้ประโยชน์วันนี้
ตู้ม!
โฮก!
เสียงของการต่อสู้และเสียงคำรามที่ดังขึ้นของสัตว์อสูรได้เรียกความสนใจของทุกคนในที่นี้ หวังฮุ่ยส่งสัญญาณให้รีบติดตามไปยังจุดดังกล่าวเนื่องจากว่าอยู่ไม่ไกลไปจากพวกเขามากนัก หนิงอ้ายรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังเดือดพล่านพร้อมกับสัญชาติญาณที่ถูกเร่งเร้าออกมาอย่างเต็มที่ พวกเขาทั้งหมดต่างเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปในทันที “ระวังตัวด้วย!!” หวังฮุ่ยเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง ด้วยเพราะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตรงหน้าเป็นเผ่าพันธ์ใด“วิญญาณยุทธ์จอมราชันย์หมาป่าเดียวดาย สถิตร่าง!!!”หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเรียกวิญญาณยุทธ์ของตนออกมา ปรากฎเป็นวงแหวนสีเขียวน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนปราณธาตุลม ก่อนจะปรากฎบางสิ่งที่ถูกเรียกออกมาที่มีรูปร่างคล้ายกับหมาป่าขนสีเทาเงินรูปร่างขนาดใหญ่สองถึงสามเมตร ก่อนที่ชั่วครู่จะหดตัวจนมีขนาดตามปกติ ดวงตาสีเขียวหม่นรับกับขนสีเทาดำสลับลวดลายที่เข้ากันอย่างน่าประหลาด จากนั้นกลิ่นอายของสัตว์อสูรได้แผ่ปกคลุมร่างของพวกเข้าทั้งสี่คนในที่สุด
“นี่คือวิญญาณยุทธ์ของข้า เป็นประเภทสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุลม คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างของมันคือการลบตัวตน…” “นำทางพวกข้าไปได้แล้ว!!” ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง หมาป่าขนสีเงินเทาตรงหน้าได้มุ่งตรงไปยังทิศทางของเสียงเมื่อครู่อย่างไม่รีรอเมื่อไปถึงก็เห็นเป็นราชสีห์สีน้ำตาลครามสองตัวที่มีขนาดสูงใหญ่ประมาณสองเมตร ลำตัวมีขนปกคลุมไปทั่ว ดวงตาสีดำขลับ พร้อมกับกรงเล็บที่แหลมคม เขี้ยวของสัตว์อสูรทั้งสองต่างโผล่พ้นจากปากกว้างที่เปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดง ก่อนที่จะส่งเสียงคำรามต่ำพร้อมกับกระทืบขาหลังอย่างแรง และกระโจนเข้าหาต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือด บริเวณโดยรอบในรัศมี1ลี้ล้วนถูกทำลายไปสิ้น
เนตรแห่งสวรรค์!
เพียงแค่บัญชาการในใจพร้อมกับถ่ายเทพลังวิญญาณไป ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรตรงหน้าล้วนปรากฏให้หนิงอ้ายรับรู้ทั้งสิ้น ในสภาวะการสัมผัสสองลี้ของเขา ทำให้ทุกสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ
“นี่คือสัตว์อสูรนภาขั้นกลางที่มีนามว่าราชสีห์สัตตะโลหิตสีคราม ขึ้นชื่อถึงความว่องไวในการโจมตีรวมไปถึงกรงเล็บที่แหลมคมไม่ต่างไปจากศาสตรวุธระดับสูง เส้นขนที่ปกคลุมตัวก็มีความทนทานเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วน่าจะมีอายุราว ๆ เกือบสองพันปีได้...”
“สังเกตจากร่องรอยของการต่อสู้นี้พอรู้ได้ว่านี่คงเป็นการแย่งชิงพื้นที่ปกครองของเป็นแน่ อสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามขึ้นชื่อในเรื่องการหวงถิ่นเป็นอย่างมาก อีกไม่นานการต่อสู้นี้คงจบลงด้วยผลที่ว่าสัตว์ทั้งสองล้วนตกตายไปทั้งคู่อย่างแน่นอน...” หวังฮุ่ยเอ่ยเสริมออกมาพรึบ! “ข้าจะช่วยให้เรื่องราวจบลงอย่างไม่ยุ่งยากเองขอรับ!!” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับทะยานตัวเข้าไปในการต่อสู้ของสัตว์อสูรทั้งสองในทันที “ผู้อาวุโสข้าขอไปช่วยคุณชายนะขอรับ!” ลู่ซีพูดออกมาพร้อมกับพุ่งทะยานตามหนิงอ้ายมาด้วยความรวดเร็วปัง!โฮก! ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยความรุนแรงมากกว่าห้าส่วนของลู่ซีได้ฟาดไปยังส่วนลำตัวของอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามอย่างแม่นยำจนมันร้องเสียงดังออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากการเสริมพลังปราณของลู่ซีเมื่อครู่จึงทำให้ฝ่ามือที่ฟาดไปเกิดเป็นการโจมตีที่แรงมาก แต่ถึงอย่างไรอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามก็หาใช่เป็นลูกพลับนิ่มที่สามารถบีบเล่นได้โดยง่าย ตรงลำตัวที่ถูกฝ่ามือฟาดไปนั้นเกิดเป็นรอยยุบลงไปพียงเล็กน้อยเห็นได้ว่าความทนทานของขนที่ปกคลุมตัวนั้นคือเรื่องจริง จากนั้นอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามตัวดังกล่าวได้พุ่งเข้าโจมตีกลับลู่ซีด้วยความรวดเร็วหลังจากที่ราชาราชสีห์พลาดการโจมตีไปถึงสองครั้งติดกัน ดูเหมือนว่ามันจะโกรธจัดเข้าเสียแล้ว ร่างกายใหญ่โตที่เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแก่รง พร้อมกับส่งการโจมตีออกไปอีกครั้ง เกิดเป็นลูกไฟสีขาวพุ่งตรงไปจุดที่ลู่ซียืนอยู่ด้วยความรวดเร็ว
หวังฮุ่ยแม้ว่าจะเป็นห่วงลู่ซีไม่น้อย แต่ทว่าประสบการณ์จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากคนผู้นั้นไม่ได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งการสังหารครั้งนี้ ด้วยเพราะเชื่อว่าด้วยพลังลมปราณของขุนนางวิญญาณระดับที่25 ย่อมไม่ตกเป็นรองอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามที่เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับนภาขั้นกลาง เพราะก่อนหน้ามันก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยลู่ซีใช้จังหวะนี้เคลื่อนไหวด้วยเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้เบี่ยงตัวหลบการโจมตีดังกล่าว ก่อนที่จะส่งพุ่งทะยานลักลอบเข้าฟาดช่วงลำคอจากทางด้านหลังทันที การโจมตีทีเผลอนี้ส่งผลให้ร่างใหญ่โตของมันกระแทกพื้นไปไกล แต่นั่นยังคงไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้ เมื่อตั้งตัวได้และเร่งเร้าความเร็วถึงขีดสุด มันก็พุ่งกระโจนเข้าโจมตีลู่ซีอีกครั้ง
โฮก!ตู้ม! หลังจากที่ลู่ซีได้ดึงความสนใจสัตว์อสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามให้เข้าโจมตีตัวเองแล้ว ทางฝั่งของหนิงอ้ายได้ตั้งท่ารับมือด้วยความไม่ประมาท เนตรแห่งสวรรค์ทำให้รู้ได้ว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้านเป็นอส๔รนภาขั้นกลางที่อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสูงแล้วด้วยพลังลมปราณขุนนางวิญญาณระดับที่29 ของหนิงอ้ายในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนขุนนางวิญญาณขั้นสูงคนหนึ่ง จึงไม่เกิดความเสียเปรียบใดกับอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามที่มีพลังเทียบเท่าระดับขุนนางวิญญาณขั้นสูงเช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ แม้ว่าบรรยากาศจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารอันเข้มข้นของสัตว์อสูรตรงหน้า แต่หนิงอ้ายยังจ้องมองอีกฝ่ายไร้ซึ่งความหวั่นไหว และมองดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายด้วยความสนใจ
โฮก!ฟิ้ว! อสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามไม่รอช้าพุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้ายด้วยความเร็ว แน่นอนว่าทุกการคลื่อนไหวทุกสรรพสิ่งในรัศมีสองลี้ล้วนตกอยู่ในการรับรู้ของหนิงอ้ายทั้งสิ้น เด็กหนุ่มสามารถหลบหลีกได้อย่างเชี่ยวชาญพร้อมกับส่งการโจมตีทางร่างกายกลับไปไม่น้อย เนตรแห่งสวรรค์ถูกเรียกใช้ออกมาด้วยความรวดเร็วด้วยความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณดวงตาสีฟ้าดุจอัญมณีในยามปกติได้แปรเปลี่ยนเป็นสีทองไปชั่ววูบ ก่อนที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตให้สูญเสียจังหวะ เพราะในตอนนี้เนตรแห่งสวรรค์ของเขาสามารถหยุดการเคลื่อนไหวหรือสิ่งมีชีวิตหรือไร้ชีวิตได้ หากว่าสิ่งนั้นมีพลังจิตที่อ่อนด้อยไปมากกว่าตน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้เพียงนิด
เพียงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ หนิงอ้ายสามารถช่วงชิงความได้เปรียบนี้มาอย่างง่ายดาย อาวุธลับเข็มเงินไร้เงาจำนวนทั้งหมดเก้าเล่มได้ถูกพลังลมปราณของหนิงอ้ายควบคุมให้เคลื่อนไหวไปทั่วด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะถูกบัญชาการพุ่งเข้าโจมตีสัตว์อสูรตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความปราณีโดยไม่ลืมแฝงปราณธาตุน้ำที่มีพิษไปด้วย เข็มเงินพิษทั้งเก้าได้พุ่งเข้าตรงจุดชีพจรสำคัญด้วยความแม่นยำก่อนจะทะลุร่างที่ถูกปกคลุมด้วยขนที่แข็งแรงทนทานไปได้อย่างง่ายดาย เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ได้รับถึงขีดสุดจะพรรณณา อสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามล้มตัวนอนดิ้นกับพื้นแต่ยังไม่ตายในทันที เพราะหนิงอ้ายใช้ปริมาณของพิษไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาสีแดงฉานของมันมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความโกรธเกรี้ยวที่อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวน้อยแต่กลับสามารถทำให้มันอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ หนิงอ้ายไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารเลยแม้แต่น้อย ในโลกยุทธภพทุกคนต่างล้วนทราบกันดีอยู่แล้วถึงกฎเกณฑ์ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ดังนั้นหนิงอ้ายจึงใช้โอกาสนี้ฟาดเข้าซ้ำตรงไปส่วนหัวของสัตว์อสูรจนในที่สุดก็แน่นิ่งไร้ซึ่งลมหายใจไปในที่สุด เหนือร่างไร้วิญญาณของอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามไร้ซึ่งวงแหวนวิญญาณปรากฎ นั่นหมายความว่าแม้สัตว์อสูรตัวนี้จะถึงระดับนภาขั้นกลางแล้วก็จริง แต่ไม่อาจมีความพิเศษจนสามารถมีวงแหวนวิญญาณได้ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายเคยได้ศึกษาเรียนรู้ในก่อนหน้า เพราะใช้ว่าการสังหารสัตว์อสูรทุกครั้งจะสามารถพบเจอวงแหวนวิญญาณได้ แต่ถึงอย่างไรแล้วก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อื่นเพิ่มเติมได้ เพราะร่างกายของสัตว์อสูรล้วนใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรตรงหน้าไร้ซึ่งกระดูกวิญญาณแล้ว หนิงอ้ายจึงเก็บซากร่างดังกล่าวไว้ในแหวนมิติของตนเนื่องจากสามารถนำไปให้เจียวซิ่นภายหลัง จากนั้นไม่ลืมเรียกเก็บเข็มเงินทั้งเก้าของตนที่พุ่งเข้าปักต้นไม้ด้านหลัง ก่อนที่จะใช้พลังวิญญาณสลายพิษที่แฝงอยู่ก่อนจะเก็บไว้ในช่องลับของตน ก่อนที่หนิงอ้ายจะกลับไปรวมตัวกับหวังฮุ่ยโดยไร้ซึ่งรอยบาดแผลใดทั้งสิ้น เห็นได้ว่าในเวลาไล่เลี่ยกันลู่ซีก็สามารถจัดการอสูรราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามได้ในที่สุด แต่นั่นก็แลกมาด้วยบาดแผลตามตัวเล็กน้อยเพราะลู่ซีถึงกับต้องเรียกใช้กระบี่ออกมาเลยทีเดียวในการสังหาร ท้ายที่สุดก็เป็นลู่ซีที่เป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้ ร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งได้ปรากฎเป็นกระดูกวิญญาณสีเขียวที่บ่งบอกได้ถึงอายุของกระดูกวิญญาณสองพันปีกระดูกวิญญาณเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยที่เป็นส่วนสำคัญในการเลื่อนระดับเขตขั้นต่อไปสำหรับผู้ฝึกตน แต่ถึงอย่างไรกระดูกวิญญาณบางชิ้นก็ไม่เหมาะสมที่จะดูดซับประสานเข้ากับร่างกาย มีเพียงกระดูกวิญาณที่มีความเข้ากันได้สูงกับวิญญาณยุทธ์ของผู้ฝึกตนแต่ละราชทินนามเท่านั้นที่จะสามารถดูดซับเพื่อให้ได้มาถึงทักษะความสามารถที่เพิ่มขึ้นในที่สุด
ความแข็งแกร่งของกระดูกวิญญาณขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่สัตว์อสูรได้ฝึกฝนมา ยิ่งกระดูกวิญญาณมีความล้ำค่าเท่าไหร่ ทักษะวิญญาณที่ผู้ฝึกตนได้มาจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
กระดูกวิญญาณสีเขียวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าย่อมเกิดจากสัตว์อสูรที่มีอายุไม่เกินสองพันปีเป็นแน่
“น่าเสียดายที่สัตว์อสูรที่คุณชายได้ไปไม่มีกระดูกวิญญาณนะขอรับ...” หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้น “แต่นับว่าการลงแรงครั้งนี้ไม่ไร้ประโยชน์ เพราะกระดูกวิญญาณยังปรากฏเหนือร่างสัตว์อสูรที่ลู่ซีสังหารนะขอรับ…” หนิงอ้ายตอบกลับไป “คุณชายได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดบ้างหรือไม่?” ลู่ซีที่เก็บกระดูกวิญญาณพร้อมกับร่างของสัตว์อสูรแล้ว จึงเดินเข้ามารวมกลุ่มพร้อมกับถามหนิงอ้ายไปด้วยความเป็นห่วง “เจ้าไม่ห่วงข้าหรอก ท่านลุงฮุ่ยมีโอสถรักษามาด้วยหรือไม่ขอรับ??” หนิงอ้ายตอบกลับลู่ซีไปพร้อมกับหันไปถามหวังฮุ่ย ก่อนที่อีกฝ่ายจะมอบโอสถให้กับลู่ซีทันที"ลู่ซีเจ้ารีบกินโอสถรักษานี้เสีย การต่อสู้เมื่อครู่รวมไปถึงกลิ่นคาวเลือดของสัตว์อสูรนภาเช่นนี้อาจจะเรียกสัตว์อสูรระดับสูงมาที่ได้ เจ้ารีบเก็บกระดูกวิญญาณนี้เสีย แล้วค่อยหาเวลาดูดซับประสานเข้ากับร่างกายอีกครั้ง" หวังฮุ่ยเอ่ยแนะนำขึ้น
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนจึงพุ่งทะยานออกไปจากบริเวณนี้ทันที ก่อนที่ผ่านไปหนึ่งชั่วยามจึงเลือกพักตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ติดลำธาร เพื่อให้ลู่ซีได้จัดการกับกระดูกวิญญาณที่ได้มาเสียที
"กระดูกวิญญาณของราชสีห์สัตตะโลหิตสีครามที่ลู่ซีได้มานั้นมีอายุราว ๆ เกือบสองพันปี และเป็นสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุลมที่แข็งแกร่งอีกเผ่าพันธ์หนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อประสานเข้ากับร่างกายแล้วจะเกิดเป็นทักษะวิญญาณแบบใด?" หวังฮุ่ยนั่งคุยกับหนิงอ้าย โดยที่ไม่ไกลไปนั้นลู่ซีกำลังจัดการกับกระดูกวิญญาณ
"หากได้รับทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วคงจะดีไม่น้อยนะขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไป ก่อนที่จะพูดคุยในเรื่องอื่น
เป็นเวลาเกือบสองชั่วยามที่ลู่ซีใช้ไปกับการดูดซับประสานกระดูกวิญญาณอายุสองพันปีนี้เข้ากับร่างกายของตน ทันใดนั้นกระดูกวิญญาณสีเขียวได้ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังของลู่ซี เป็นดั่งสัญลักษณ์ให้รับรู้ได้ว่าในตอนนี้เขาเป็นราชทินนามขุนนางวิญญาณ ที่มีกระดูกวิญญาณวงแรกอายุสองพันปีนั่นเอง
"สำเร็จแล้ว" หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นเบา ๆ ด้วยความโล่งใจ
"ขอบคุณทุกท่านในที่นี้ขอรับ..." ลู่ซีลืมตาขึ้นพร้อมกับประสานมือคำนับขอบคุณทุกคน หลังจากที่เขาได้ดูดซับกระดูกวิญญาณนี้ไปรู้สึกว่าร่างกายนี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก
"เจ้าได้ทักษะวิญญาณใดมาอย่างนั้นรึ?" หวังฮุ่ยถามกลับเด็กหนุ่มไป
ลู่ซีไม่ได้ตอบกลับคำถามนี้ ก่อนที่เขาจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ได้รับมาเมื่อครู่ กระดูกสีเขียวเรืองแสงเป็นประกายตรงด้านหลัง นับว่าเป็นภาพที่งดงามยิ่ง
"ทักษะวิญญาณที่หนึ่งของข้ามีนามว่า มหาวังวนราชสีห์คลั่ง ความสามารถคือทักษะวิญญาณนี้จะเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวยามใช้ทักษะนี้สองสามเท่า อีกทั้งยังส่งพายุกระบี่นับสิบเล่มเข้าโจมตีโดยพร้อมกันได้"
"ดูเหมือนว่าทักษะวิญญาณนี้ได้เสริมความรุนแรงในการโจมตีของเจ้าด้วยใช่หรือไม่?"
"เป็นเช่นนั้นขอรับผู้อาวุโส..." ลู่ซีตอบกลับไป
"เรายังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันในการเสาะหากระดูกวิญญาณให้กับคุณชาย เนื่องจากวันมะรืนนี้จะเป็นวันครบรอบสวมกวานแล้ว อีกหนึ่งชั่วยามพวกเราจะเดินทางต่อในทันที!!" หวังฮุ่ยเอ่ยย้ำอีกครั้ง ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยในความคิดนี้ก่อนที่จะแยกย้ายกันนั่งดูดซับปราณฟ้าดินเพื่อเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด...
การเสาะหากระดูกวิญญาณได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างเดินทางกันไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง แม้ว่าระหว่างทางจะพบเจอสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย แต่เพราะกลิ่นอายของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงที่หวังฮุ่ยปลดปล่อยออกมาในระยะสองลี้ย่อมไม่ต่างไปจากคำเตือนให้เหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำจงหลบหลีกไปเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงถือว่าการเสาะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจึงเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณล้านปีของอสรพิษเหมันต์บรรพกาล นอกจากกระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นทักษะวิญญาณยุทธ์ที่สามให้แก่เขาแล้ว ยังคงมีเงื่อนไขสำคัญคือการเสาะหากระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษดูดซับประสานเข้ากับร่างกายเพื่อให้กระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้มีความสมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะตามที่ควรจะเป็นหนิงอ้ายตั้งใจดูดซับกระดูกวิญญาณให้กับวิญญาณยุทธ์ที่สองอันเป็นปราณธาตุน้ำนี้เสียก่อน สำหรับวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟรวมไปถึงวิญญาณยุทธ์ที่สามเขาไม่จำเป็นต้องสังหารสัตว์อสูรเป็นจำนวนมากเพื่อเติมเต็มให้กระดูกวิญญาณของทั้งสามวิญญาณยุทธ์ในตอนนี้ เพราะนอกจากกระดูกวิญญาณล้าน
หนิงอ้ายหลับตาลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก พลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์โดยรอบที่ถูกชักนำโดยจี้หยกโลหิตส่งผลให้มวลลมปราณบริเวณนี้ต่างถูกชักนำเข้าตามจุดชีพจรไปทั่วทั้งร่างกายตามสุดยอดเคล็ดวิถี ลมปราณอันอบอุ่นวิ่งวนเข้าสู่จุดใจกลางตันเถียรไม่จบสิ้น พลังลมปราณในร่างกายที่ผ่านการเคี่ยวกรำนับสิบกว่ารอบต่างถูกอัดแน่นเป็นรากฐานบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันครบรอบอายุสิบห้าปีของจางหนิงอ้าย แน่นอนว่าทางฝั่งของนทีก็นับว่าเขาเองได้อาศัยอยู่ในร่างนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วเช่นกันหนิงอ้ายใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเอง วันนี้เขาเลือกใส่เสื้อตัวในสีขาวล้วนและเสื้อตัวนอกเป็นสีเขียวอ่อนที่ปักด้วยลวดลายใบไผ่สีเขียวมรกต เมื่อไปถึงบริเวณห้องโถงรับรองที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงหวังฮุ่ย ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูที่นั่งรออยู่ แม้จะไร้เงาบิดาสารเลวในงานเลี้ยงดังกล่าวนี้ เเต่หนิงอ้ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ที่เขาสนิทใจทั้งสิ้น''หนิงเอ๋อร์ปีนี้เจ้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ตามกฎของตระกูลจางที่ปฏิบัติสืบทอดก
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ร่างไร้วิญญาณที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงฉานมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยู่ไม่น้อยแก่ผู้พบเห็น แต่ด้วยทุกคนในที่นี้ต่างโลดแล่นอยู่ในเส้นทางของผู้ฝึกตนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นย่อมเคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่น่าแปลกใจคือหนิงอ้ายที่เป็นผู้ลงมือกระทำนั้นกลับไร้ความตกใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้นชินเสียอย่างนั้น''นักฆ่าเหล่านี้แม้จะเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วก็จริง แต่อย่างไรขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกตนย่อมมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในจุดชีพจรทั่วทั้งร่างกายที่ไม่แตกต่างไปจากสัตว์อสูร หากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้คงเสียเปล่าเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะนำร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านี้ให้กับเจียวซิ่นขอรับ...''แม้ว่าสิ่งที่หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นมาจะชวนให้ตกตะลึงในความรู้สึก เพราะการที่สัตว์อสูรในพันธะสามารถดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วยิ่งกับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนเช่นนี้ย่อมไม่เคยมีผู้ใดกระทำทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคำกล่าวของหนิงอ้ายก็ไม่มีผิดถูกเช่นกันหวังฮุ่ยได้สั่งการองครักษ์ทั้งสามให้แยกย้ายกันไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารที
ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้นแต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูลชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่ห
ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื
ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้
ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่
ระดับพลังวิญญาณ**พลังวิญญาณคือพลังลมปราณภายในร่างกายของผู้ฝึกตน เกี่ยวข้องกับความเหมาะสมในการประสานกระดูกวิญญาณเข้ากับร่างกายอีกด้วย ระดับพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนจะเเบ่งออกเป็นสิบห้าระดับ แต่ละระดับแบ่งเป็นสิบขั้นย่อย**แต่ละขั้นย่อยของระดับพลังวิญญาณจะปรากฏเป็นสัญลักษณ์ดังนี้ระดับ 1-3 ขั้นต้น หนึ่งวงแหวนเวทย์ระดับ 4-6 ขั้นกลาง สองวงแหวนเวทย์ระดับ 7-9 ขั้นสูง สามวงแหวนเวทย์1.ก่อเกิดวิญญาณระดับ1-10 ไม่มีวงแหวนเวทย์2.ขุนพลวิญญาณระดับ11-19 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีขาว-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 1,000 ปี3.ขุนนางวิญญาณระดับ20-29 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีเขียว-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 2,000 ปี4.จักรพรรดิวิญญาณระดับ30-39 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีเหลือง-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 4,000 ปี5.เทวะวิญญาณระดับ40-49 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีส้ม-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 8,000 ปี6.ราชันวิญญาณระดับ50-59 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีชมพู-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 10,000 ปี7.เทพยุทธ์วิญญาณระ
ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่
ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้
ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื
ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้นแต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูลชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่ห
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ร่างไร้วิญญาณที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงฉานมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยู่ไม่น้อยแก่ผู้พบเห็น แต่ด้วยทุกคนในที่นี้ต่างโลดแล่นอยู่ในเส้นทางของผู้ฝึกตนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นย่อมเคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่น่าแปลกใจคือหนิงอ้ายที่เป็นผู้ลงมือกระทำนั้นกลับไร้ความตกใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้นชินเสียอย่างนั้น''นักฆ่าเหล่านี้แม้จะเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วก็จริง แต่อย่างไรขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกตนย่อมมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในจุดชีพจรทั่วทั้งร่างกายที่ไม่แตกต่างไปจากสัตว์อสูร หากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้คงเสียเปล่าเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะนำร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านี้ให้กับเจียวซิ่นขอรับ...''แม้ว่าสิ่งที่หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นมาจะชวนให้ตกตะลึงในความรู้สึก เพราะการที่สัตว์อสูรในพันธะสามารถดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วยิ่งกับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนเช่นนี้ย่อมไม่เคยมีผู้ใดกระทำทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคำกล่าวของหนิงอ้ายก็ไม่มีผิดถูกเช่นกันหวังฮุ่ยได้สั่งการองครักษ์ทั้งสามให้แยกย้ายกันไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารที
หนิงอ้ายหลับตาลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก พลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์โดยรอบที่ถูกชักนำโดยจี้หยกโลหิตส่งผลให้มวลลมปราณบริเวณนี้ต่างถูกชักนำเข้าตามจุดชีพจรไปทั่วทั้งร่างกายตามสุดยอดเคล็ดวิถี ลมปราณอันอบอุ่นวิ่งวนเข้าสู่จุดใจกลางตันเถียรไม่จบสิ้น พลังลมปราณในร่างกายที่ผ่านการเคี่ยวกรำนับสิบกว่ารอบต่างถูกอัดแน่นเป็นรากฐานบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันครบรอบอายุสิบห้าปีของจางหนิงอ้าย แน่นอนว่าทางฝั่งของนทีก็นับว่าเขาเองได้อาศัยอยู่ในร่างนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วเช่นกันหนิงอ้ายใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเอง วันนี้เขาเลือกใส่เสื้อตัวในสีขาวล้วนและเสื้อตัวนอกเป็นสีเขียวอ่อนที่ปักด้วยลวดลายใบไผ่สีเขียวมรกต เมื่อไปถึงบริเวณห้องโถงรับรองที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงหวังฮุ่ย ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูที่นั่งรออยู่ แม้จะไร้เงาบิดาสารเลวในงานเลี้ยงดังกล่าวนี้ เเต่หนิงอ้ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ที่เขาสนิทใจทั้งสิ้น''หนิงเอ๋อร์ปีนี้เจ้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ตามกฎของตระกูลจางที่ปฏิบัติสืบทอดก
การเสาะหากระดูกวิญญาณได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างเดินทางกันไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง แม้ว่าระหว่างทางจะพบเจอสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย แต่เพราะกลิ่นอายของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงที่หวังฮุ่ยปลดปล่อยออกมาในระยะสองลี้ย่อมไม่ต่างไปจากคำเตือนให้เหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำจงหลบหลีกไปเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงถือว่าการเสาะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจึงเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณล้านปีของอสรพิษเหมันต์บรรพกาล นอกจากกระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นทักษะวิญญาณยุทธ์ที่สามให้แก่เขาแล้ว ยังคงมีเงื่อนไขสำคัญคือการเสาะหากระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษดูดซับประสานเข้ากับร่างกายเพื่อให้กระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้มีความสมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะตามที่ควรจะเป็นหนิงอ้ายตั้งใจดูดซับกระดูกวิญญาณให้กับวิญญาณยุทธ์ที่สองอันเป็นปราณธาตุน้ำนี้เสียก่อน สำหรับวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟรวมไปถึงวิญญาณยุทธ์ที่สามเขาไม่จำเป็นต้องสังหารสัตว์อสูรเป็นจำนวนมากเพื่อเติมเต็มให้กระดูกวิญญาณของทั้งสามวิญญาณยุทธ์ในตอนนี้ เพราะนอกจากกระดูกวิญญาณล้าน
เช้าวันใหม่มาถึงคณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างรีบเร่งออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ จุดหมายคือเขตป่าชั้นกลางของเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณ เนื่องจากบริเวณป่าชั้นนอกจะมีเพียงสัตว์อสูรทั่วไปหรือสัตว์อสูรปฐพีเท่านั้น หากเข้าสู่เขตป่าชั้นกลางเป็นต้นไปจึงจะพบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นต่ำหรือขั้นกลางและหากโชคดีมากพออาจได้พบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นสูงก็เป็นไปได้เช่นกัน สำหรับสัตว์อสูรมายาขั้นต่ำเป็นต้นไป สัตว์อสูรเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความนึกคิด อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง สามารถใช้ปราณธาตุของตนโจมตีผู้บุกรุกในอาณาเขตของตน อาจพบเห็นได้บ้างตามแนวรอยต่อของป่าชั้นกลางติดกับเขตป่าชั้นในกระจัดกระจายกันไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ ระหว่างทางพวกเขาต่างพบเจอกับสัตว์อสูรไปไม่น้อย แต่เพราะยังมีอายุที่ไม่เหมาะสม อีกครั้งความสามารถยังเข้าไม่ได้กับวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาทั้งสอง เห็นได้ว่าการเสาะหากระดูกวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด อายุของสัตว์อสูรจะสังเกตได้จากสีของพลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมา จะเป็นสีเดียวกันกับพลังวิญญาณ แม้จะเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันแต่มีอายุต่างก
เนตรแห่งสวรรค์ของหนิงอ้ายหลังจากได้รับแรงกระตุ้นจากการดูดซับกระดูกวิญญาณของอสรพิษเหมันต์บรรพกาลไป หนิงอ้ายพบว่าความสามารถในการมองเห็นและการรับรู้ของเขาในตอนนี้อยู่เหนือกว่าผู้ฝึกตนในเขตขั้นเดียวกันอย่างชัดเจน รายละเอียดเล็กน้อย ข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงทุกการเคลื่อนไหวในรัศมีหนึ่งลี้ไม่อาจถูกปกปิดจากสายตาหรือการรับรู้ของเขาได้ คล้ายกับว่าความสามารถทั้งหมดในโลกเดิมของเขาที่เคยใช้ได้จะถูกยกระดับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว“หนิงเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ที่จะเดินทางไปกับผู้อาวุโสหวังฮุ่ยไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณในครั้งนี้?” เยว่ซินถามหนิงอ้ายอีกครั้ง แม้นางจะรู้ดีว่าด้วยระดับขุนนางวิญญาณของเด็กหนุ่มย่อมสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไม่ยาก แต่นางยังรู้สึกเป็นกังวลเพราะอีกฝ่ายไม่เคยออกจากเขตพื้นที่เมืองหลวงนี้เสียด้วยซ้ำ“ขอรับท่านแม่ ข้ากับลู่ซีจะติดตามท่านลุงฮุ่ยไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณเพื่อฝึกฝนประสบการณ์และเสาะหากระดูกวิญญาณแรกด้วยขอรับ!!” หนิงอ้ายตอบไปด้วยความมั่นใจ“เช่นนั้นแล้วแต่เจ้า รบกวนผู้อาวุโสหวังฮุ่ยดูแลทั้งสองคนด้วยนะเจ้าคะ...” เยว่ซินพูดออกมา“คุณหนูอย่าได้กังวลข้าจะดูแลคุณชายหนิงอ้าย