Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่​16 โชคชะตา ฟ้าลิขิต

Share

บทที่​16 โชคชะตา ฟ้าลิขิต

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ร่างไร้วิญญาณที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงฉานมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยู่ไม่น้อยแก่ผู้พบเห็น แต่ด้วยทุกคนในที่นี้ต่างโลดแล่นอยู่ในเส้นทางของผู้ฝึกตนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นย่อมเคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่น่าแปลกใจคือหนิงอ้ายที่เป็นผู้ลงมือกระทำนั้นกลับไร้ความตกใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้นชินเสียอย่างนั้น

''นักฆ่าเหล่านี้แม้จะเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วก็จริง แต่อย่างไรขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกตนย่อมมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในจุดชีพจรทั่วทั้งร่างกายที่ไม่แตกต่างไปจากสัตว์อสูร หากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้คงเสียเปล่าเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะนำร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านี้ให้กับเจียวซิ่นขอรับ...''

แม้ว่าสิ่งที่หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นมาจะชวนให้ตกตะลึงในความรู้สึก เพราะการที่สัตว์อสูรในพันธะสามารถดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วยิ่งกับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนเช่นนี้ย่อมไม่เคยมีผู้ใดกระทำทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคำกล่าวของหนิงอ้ายก็ไม่มีผิดถูกเช่นกัน

หวังฮุ่ยได้สั่งการองครักษ์ทั้งสามให้แยกย้ายกันไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารที่นับดูแล้วมีจำนวนมากถึงสิบร่างเลยทีเดียวก่อนที่จะรวบรวมไว้ตรงบริเวณด้านข้างของเรือน บ่าวรับใช้ที่เหลือต่างรีบเร่งทำความสะอาดและสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะล่วงเลยเวลามามากแล้ว

''คุณชายจะจัดการร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารเหล่านี้อย่างไรดีขอรับ?'' ลู่ซีถามออกมา

วูบ!

มหาพฤกษารัตนะทมิฬสัตว์อสูรในพันธะของหนิงอ้ายได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ด้วยตอนนี้หนิงอ้ายเป็นถึงราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญแล้ว ดังนั้นเจียวซิ่นที่เป็นสัตว์อสูรในพันธะจึงถือได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่นับว่าเป็นการพัฒนาก้าวกระโดดเลยทีเดียว รูปลักษณ์จำแลงของอีกฝ่ายตอนนี้ไม่ต่างไปจากต้นไม้โบราณที่ยังคงไร้ซึ่งใบเช่นเดิมเพียงแต่มีลวดลายสีแดงคล้ำสีเขียวเข้มสลับไปมา เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่ได้พบเจอกันในตอนนี้ผิวส่วนเปลือกด้านนอกเป็นสีน้ำตาลดำสนิทหาได้เหมือนตอนนี้ไม่

''จัดการได้เลยนะเจียวซิ่น...''

สิ้นเสียงของหนิงอ้าย บริเวณโดยรอบส่วนโคนต้นของอสูรมหาพฤกษารัตนะทมิฬได้ปรากฏเป็นกับดักบุปผามรณะสีแดงเลือดนี้มีรูปลักษณ์คล้ายกับแจกันทรงสูงมีฝาปิด รยางค์สีเขียวเข้มยืดยาวทำหน้าที่ไม่ต่างแขนขาที่จับร่างไร้วิญญาณเข้าไปยังส่วนด้านในที่มีของเหลวไว้สำหรับดูดซึมโดยเฉพาะ ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างไร้วิญญาณนับสิบร่างได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยไร้ซึ่งเสียงใดให้รับรู้ราวกับเป็นความตายอันสงบยิ่ง ไม่คาดคิดว่าอสูรสังกัดปราณธาตุไม้ที่เกิดการกลายพันธ์จะสามารถทำเช่นนี้ได้

''ขอบใจมากนะเจียวซิ่น เจ้ากลับเข้าไปพักผ่อนเสียเถอะ!'' หนิงอ้ายลูบอีกฝ่ายไปเบา ๆ ก่อนที่ร่างจำแลงนี้จะหายเข้าไปในมิติจิต

วูบ!

''ข้าว่าคุณชายกลับเข้าเรือนไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนดีกว่าขอรับ นี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว...''

''เช่นนั้นรบกวนท่านลุงฮุ่ยเฝ้าระวังในคืนนี้ด้วยนะขอรับ เผื่อพวกมันอีกกลุ่มจะย้อนกลับมา'' หนิงอ้ายหันหน้าบอกกับหวังฮุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนที่จะเดินตามลู่ซีกลับเข้าไปในเรือนไปในทันที...

แสงแดดสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ สายลมอ่อนพัดเฉื่อยตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาชนิด เสียงนกและแมลงตัวเล็ก ๆ ต่างขับขานเป็นท่วงทำนองไพเราะเสนาะหู เขาสัมผัสได้ว่าเยว่ซินผู้เป็นมารดามีเรื่องราวอึดอัดอยู่ภายในใจเป็นอย่างมากเเต่นางเลือกที่จะไม่เอ่ยอันใดออกมา หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จสิ้นหนิงอ้ายจึงชวนลู่ซีไปยังลานฝึกตรงป่าไผ่หลังเรือน ด้วยเพราะรับรู้ได้ว่ามารดาคงมีเรื่องพูดคุยปรึกษาที่เขาไม่อาจอยู่รับฟังได้ตอนนี้

หนิงอ้ายมุ่งตรงไปยังบริเวณส่วนด้านของหลังเรือนเล็ก ที่ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นลานกว้างสำหรับฝึกฝนวรยุทธ ด้วยสภาพโดยรอบโอบล้อมไปด้วยป่าไผ่เรียงรายเป็นซุ้มสวยงามร่มรื่น อากาศเต็มไปด้วยพลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์ไหลเวียนหนาแน่นกว่าบริเวณอื่นในจวนตระกูลจางด้วยเพราะแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตที่หนิงอ้ายสวมใส่อยู่ตลอดเวลานั่นเอง

นอกจากนี้หนิงอ้ายยังทำที่ออกกำลังเองโดยเลียนแบบจากโลกเดิม ทางซ้ายมือของลานฝึกเขาได้จัดการขุดหลุมฝังเสาไม้ที่มีความสูงลดหลั่นกันมาวางเรียงเป็นทางยาว ด้านบนพาดด้วยไม้เนื้อดียาวไปตามแนวเสา ทางขวางได้วางไม้ลักษณะคล้ายกับบันไดไว้สำหรับการออกกำลังแขนคล้ายกับบาร์โหนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่น อีกด้านหนึ่งได้ทำการปักเสาขนาดใหญ่ข้างลานฝึกด้านขวาหลายต้นโดยด้านบนจะถูกเจาะรูเพื่อเสียบไม้เนื้อดีทนทานและแขวนถุงผ้าที่ห่อหุ้มหนาหลายชั้นด้านในถูกยัดนุ่นของแต่ละชั้นผ้าเช่นเดียวกันซึ่งเขาเอาไว้สำหรับการซ้อมท่าทางมวยไทยตามที่เขาได้ฝึกมาก่อนหน้านี้

ตรงกลางของลานฝึกได้ปรับหน้าดินให้เรียบไว้สำหรับฝึกฝนการต่อสู้โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ทั้งเขาและลู่ซีมักจะทำการประลองกันในทุกสามวันอยู่เสมอ เพื่อทดสอบฝีมือรวมไปถึงการใช้บทเวทย์ต่างเพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้มากที่สุดยามที่ต้องลงการประลอง โดยแต่ละครั้งจะมีกฎข้อห้ามในการประลองฝีมือซึ่งจะเปลี่ยนไปในทุกครั้งไม่เหมือนเดิม บางครั้งใช้ได้เพียงแค่วรยุทธ์ บางครั้งงดใช้ปราณธาตุในการต่อสู้ บางครั้งห้ามใช้บทเวทย์หรือแม้กระทั่งมีการกำหนดพื้นที่เล็ก ๆ หากถูกผลักออกจากเขตดังกล่าวก็จะเป็นผู้แพ้ไป ข้อดีของการฝึกแบบนี้ก็คือยิ่งมีข้อจำกัดหรือกฎข้อห้ามในการประลองเท่าใดก็จะยิ่งท้าทายความสามารถมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

สำหรับหนิงอ้ายแล้วต่อให้เขาออกกำลังและฝึกฝนวรยุทธ์ได้คล่องแคล่ว รวมไปถึงการใช้บทเวทย์ในการต่อสู้หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ร่างกายของหนิงอ้ายในตอนนี้ก็ยังคงรูปลักษณ์บอบบางเช่นเดิมแทบไม่เปลี่ยน มีเพียงความสูงเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้รูปร่างของเขาจะดูสูงโปร่งกว่าสตรีในวัยเดียวกันหรือกับท่านแม่แล้วด้วยความสูงถึงร้อยเจ็ดสิบห้า แต่เมื่อเทียบกับบุรุษทั่วไปหนิงอ้ายก็ยังสูงน้อยกว่าถึงครึ่งศรีษะ

บรรดาพี่น้องร่วมบิดาที่เป็นบุรุษอีกสองคนต่างมีร่างกายที่สูงใหญ่แม้จะอายุน้อยกว่าเขาก็ตาม หนิงอ้ายได้แต่ปลอบใจว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่อายุสิบห้าปีเท่านั้นยังมีเวลาให้ร่างกายได้เติบโตมากกว่านี้อีก แต่ถึงอย่างไรก็ตามพละกำลังของเขานั้นพูดได้ว่าเกือบเทียบเท่ากับร่างเดิมในโลกเก่าของเขาเสียด้วยซ้ำ เมื่อชั่งใจดูและหาเหตุผลปลอบใจได้แล้วเขาก็พอทำใจยอมรับได้อยู่บ้าง

''ตอนนี้เจียวซิ่นเป็นอย่างไรบ้างขอรับหลังจากกินร่างไร้วิญญาณของพวกนักฆ่าเมื่อคืนที่ผ่านมามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ขอรับ?'' ลู่ซีเอ่ยถามขึ้น จริงอยู่ที่ว่าสัตว์อสูรของหนิงอ้ายสามารถจะดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรเพื่อยกระดับพลังวิญญาณ เเต่กับร่างของผู้ฝึกตนนั้นทั้งเขาและคุณชายต่างไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าจะเกิดผลดีหรือผลเสียต่อมันเท่าใดเมื่อคิดอย่างนี้จึงเป็นกังวลใจอยู่บ้างด้วยความเป็นห่วง

''ข้าลองเรียกเเล้วเเต่เจียวซิ่นไม่มีการตอบกลับ คงต้องใช้เวลาในการปรับสมดุลอยู่เป็นแน่เพราะเหล่าบรรดาร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านั้นต่างมีระดับสูงไม่น้อย...'' หนิงอ้ายเอ่ยตอบกลับลู่ซีไป เเต่เขาเชื่อว่าสิ่งนี้ย่อมส่งผลดีแก่เจียวซิ่นมากกว่าผลเสีย เพราะหากสามารถดูดซับพลังปราณจากร่างของสัตว์อสูรได้แล้ว สำหรับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนก็คงให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่าง

''คุณชายอยู่คนเดียวได้ใช่หรือไม่? ข้าต้องขอตัวไปจัดการความเรียบร้อยที่เรือนช่วยบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ขอรับ''

''เจ้าไปเถอะไม่ต้องห่วงข้า อย่างไรโดยรอบนี้ต่างอยู่ในเขตแดนที่ท่านลุงฮุ่ยได้เสริมความแข็งแกร่งแล้ว อีกทั้งบรรดาองครักษ์ก็อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้อีกด้วย...'' เมื่อลู่ซีเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณชายของตนได้กล่าว เขาจึงสบายใจขึ้นไม่น้อยก่อนที่จะแยกตัวกลับไปทางเรือนพัก

สองเท้าของหนิงอ้ายก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังบริเวณส่วนกลางป่าไผ่อันเป็นที่ประจำในการดูดซับลมปราณฟ้าดิน สถานที่ลับแห่งนั้นเต็มไปด้วยความสงบร่มรื่น เวลาที่ลมพัดมาบรรดาต้นไผ่สีเขียวสบายตาต่างเอนไปตามเเรงลมส่งเสียงเสียงเบา ๆ ราวกับต้องการปลอบประโลม เมื่อไปถึงใจกลางของป่าไผ่เเล้วหนิงอ้ายจึงทรุดตัวนั่งลงครุ่นคิดในบางสิ่ง

กลางคืนที่ผ่านมาหนิงอ้ายรู้สึกตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวของเขานั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งสรรพสิ่งหันมองไปทางใดมีเเต่ความมืดมิดสุดลูกหูลูกตา…

'นี่มันที่ใดกัน?' หนิงอ้ายเอ่ยพร้อมมองไปโดยรอบสังเกตทุกอย่างอย่างระมัดระวัง

วูบ!

ขณะที่หนิงอ้ายเดินสำรวจไปพื้นที่โดยรอบนั้นพลันปรากฏเเสงสีขาวรัศมีเจิดจ้าขึ้นบริเวณตรงหน้า เมื่อรัศมีเเสงสีขาวหายไปจึงปรากฏเป็นเงาร่างบางเบา ใบหน้างามนั้นประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมโตสีดำบริสุทธิ์ชวนให้หลงไหล เส้นผมสีปีกกายาวสยายไปถึงกลางหลังที่ถูกมัดเพียงครึ่ง ปิ่นหยกแกะสลักเนื้องามที่ปักอยู่ดูคุ้นตายิ่ง ไม่ต้องเรียกใช้เนตรแห่งสวรรค์ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเงาของร่างกายดังกล่าวที่มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับเขาราวกับแกะแตกต่างกันเพียงสีผม หนิงอ้ายมั่นใจว่าร่างที่ปรากฏตรงหน้าจางหนิงอ้ายเจ้าของร่างตัวจริง

'เจ้าต้องการร่างกายของเจ้าคืนใช่หรือไม่? จางหนิงอ้าย...' หนิงอ้ายถามออกไปอย่างคาดเดา

'ในที่สุดเราก็เจอกันเสียทีนะขอรับ...พี่ชาย' ร่างวิญญาณของเด็กหนุ่มไม่เลือกที่จะตอบคำถาม

'พี่ชาย? เจ้าหมายถึงอย่างไรกัน...' นทีถามกลับไปด้วยความสงสัย

'ความจริงแล้วท่านแม่เยว่ซินได้ให้กำเนิดบุตรชายถึงสองคนในคืนนั้น แต่ด้วยเพราะโชคชะตาสวรรค์ลิขิตท่านจึงได้จากโลกใบนี้ไปอย่างน่าเสียดายและได้เกิดใหม่ในโลกที่ท่านจากมา...'

'เมื่อถึงคราวที่ข้าสิ้นวาสนาแล้ว ประจวบเหมาะกับท่านในโลกนั้นได้สิ้นใจเช่นกัน ด้วยสายใยแห่งพันธะที่พันผูกจึงได้หนุนนำให้ท่านเข้ามาอยู่ในร่างกายของข้าเช่นนี้ขอรับ...'

'เจ้ามาพบข้าเพื่ออะไรหรือต้องการเอาร่างนี้คืนใช่หรือไม่?'

'ไม่เลยขอรับเวลาของข้าได้หมดลงแล้ว... '

'เช่นนี้ไม่ต่างไปจากข้าเป็นฝ่ายที่แย่งร่างกายของเจ้าคงไม่ผิดไปนัก'

'หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ข้ายังไม่อาจบอกท่านได้ในตอนนี้ แต่อยากให้ท่านระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้นขอรับ...'

'ข้าก็ได้เเค่คิดอยู่เช่นกันว่าจะได้เจอเจ้าบ้างหรือไม่ แล้วที่นี่เป็นที่ใดโลกแห่งวิญญาณอย่างนั้นรึ?' นทีเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมกับสังเกตไปโดยรอบ

'ใช้คำนั้นได้เช่นกันขอรับ สถานที่เเห่งนี้มีเพียงจิตวิญญาณที่ได้รับการยอมรับเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้…' ร่างโปร่งเเสงของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย

'เจ้าเสียใจหรือไม่?' หนิงอ้ายถามกลับไป

'เสียใจ? ข้าเพียงเสียใจที่หลังจากนี้จะไม่ได้รับการโอบกอดจากท่านแม่แล้วเพียงเท่านั้น อย่างไรข้าฝากท่านดูเเลมารดาของเราให้ดีที่สุดและขอฝากลู่ซีบ่าวรับใช้คนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างข้าเสมอด้วยนะขอรับ...' หนิงอ้ายรู้สึกราวกับว่าถูกฝากฝังสิ่งที่สำคัญที่สุดของอีกฝ่ายไว้ สิ่งที่วิญญาณเด็กหนุ่มเรียกร้องนั้นไม่ได้หนักหนาเลยสักนิด แม้เขาจะอยู่ในร่างนี้ได้ไม่นานเเต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ตนได้รับจากมารดาและการดูเเลที่ได้รับโดยเฉพาะลู่ซีนั้นไม่ใช่เป็นเเค่บ่าวคนสนิทเเต่เป็นเพื่อนสนิทคนเเรกในโลกนี้ของเขาเสียด้วยซ้ำ

'จากนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลสิ่งใด สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดไว้ใจข้าได้อย่างแน่นอน...' หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง เป็นดั่งคำสัตย์สัญญาระหว่างทั้งสอง

'ถึงเวลาที่ข้าต้องไปในที่ที่สมควรเเล้ว หวังว่าซักวันหนึ่งเราทั้งสองจะได้พบกันอีกนะขอรับ...' ทันทีที่กล่าวจบ ใบหน้างดงามเผยยิ้มออกมาราวกับว่าได้ปลดค้างสิ่งที่อยู่ในใจไปเสียสิ้น

'จากนี้ไปร่างกายนี้เป็นของท่านแล้วอย่างสมบูรณ์...' เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นก่อนที่สติของหนิงอ้ายจะดับวูบไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ร่างวิญญาณของเด็กหนุ่มได้สลายกลายเป็นรัศมีแสงสีขาวนวลเลือนรางเป็นกลุ่มหมอกควันลอยไปทั่วบริเวณ บางส่วนล่องลอยโอบล้อมไปทั่วทั้งตัวของหนิงอ้ายและร่างวิญญาณของเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่ถึงชั่วจิบชาก็พลันเลือนหายไปสิ้น บริเวณพื้นดังกล่าวเหลือเพียงเเต่สถานที่อันมืดมิดสุดสายตาไร้ที่สิ้นสุดราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่เกิดขึ้น ต่อไปนับจากนี้ หนทางจะเป็นอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับว่าหนิงอ้ายผู้นี้จะขีดเขียนเส้นทางเดินใหม่อย่างไร?

Related chapters

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​17 หย่า

    ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้นแต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูลชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่ห

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​18 สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้

    ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​19 ลอบสังหาร

    ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่20 ตระกูลหวัง

    ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ข้อมูลเบื้องต้น

    ระดับพลังวิญญาณ**พลังวิญญาณคือพลังลมปราณภายในร่างกายของผู้ฝึกตน เกี่ยวข้องกับความเหมาะสมในการประสานกระดูกวิญญาณเข้ากับร่างกายอีกด้วย ระดับพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนจะเเบ่งออกเป็นสิบห้าระดับ แต่ละระดับแบ่งเป็นสิบขั้นย่อย**แต่ละขั้นย่อยของระดับพลังวิญญาณจะปรากฏเป็นสัญลักษณ์ดังนี้ระดับ 1-3 ขั้นต้น หนึ่งวงแหวนเวทย์ระดับ 4-6 ขั้นกลาง สองวงแหวนเวทย์ระดับ 7-9 ขั้นสูง สามวงแหวนเวทย์1.ก่อเกิดวิญญาณระดับ1-10 ไม่มีวงแหวนเวทย์2.ขุนพลวิญญาณระดับ11-19 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีขาว-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 1,000 ปี3.ขุนนางวิญญาณระดับ20-29 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีเขียว-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 2,000 ปี4.จักรพรรดิวิญญาณระดับ30-39 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีเหลือง-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 4,000 ปี5.เทวะวิญญาณระดับ40-49 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีส้ม-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 8,000 ปี6.ราชันวิญญาณระดับ50-59 สัญลักษณ์แทนวงแหวนเวทย์สีชมพู-กระดูกวิญญาณที่เหมาะสมในการดูดซับอายุไม่เกิน 10,000 ปี7.เทพยุทธ์วิญญาณระ

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทนำ

    หากมีการจัดอันดับนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่อายุไม่เกิน30ปี เชื่อว่าต้องมี นที พัชรวงศ์เศวต อยู่ในรายชื่อเหล่านี้อย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่มีความคิดนอกกรอบในการแก้ปัญหา ทั้งความเป็นผู้นำของอีกฝ่ายที่ฉายชัดออกมาแม้อายุยังน้อยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีความแตกต่างจากนักธุรกิจคนอื่นในช่วงวัยใกล้เคียงกันเป็นอย่างมากสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลให้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีชื่อของเขาได้กลายเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จที่โดดเด่นและน่าจับตามองเป็นอย่างมากคนหนึ่งที่ไม่เพียงได้รับการยอมรับจากพันธมิตรแวดวงนักธุรกิจเพราะทางด้านเทคโนโลยีชายหนุ่มก็สามารถพัฒนาระบบความมั่นคงของรัฐให้มีความเสถียรภาพมากขึ้นจนกลายเป็นแม่แบบโปรแกรมจนถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงผลงานในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อผู้คนหลายล้านชีวิตล้วนได้สร้างชื่อเสียงของเขาให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นหลายเท่านอกจากนั้นแล้วนทียังเป็นชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์น่าดึงดูดและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ร่างกายสูงโปร่งสวมชุดสูทตัดเย็บอย่างดีเน้นให้เห็นรูปร่างท่าทางที่แสดงออกถึงความมั่นใจ ดวงตาเฉียบค

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่1 ชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไป

    สัมผัสแรกที่รู้สึกคือความเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายในสัญชาตญาณการรับรู้ แต่ก่อนที่นทีจะตั้งสติมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูจนต้องฝืนลืมตาขึ้นด้วยความลำบาก เมื่อปรับสายตาให้มองเห็นชัดแล้วจึงเห็นเป็นสตรีผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่เขานอนอยู่ สายตาของนางที่มองมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายชวนให้รู้สึกอุ่นใจและคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย“หนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์ ได้ยินเสียงของมารดาหรือไม่?” เสียงของสตรีเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเด็กหนุ่มสลบไปไม่ได้สติถึงเจ็ดวันเต็ม“ท่านแม่...” นทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไปตามความคิดแรกที่ปรากฎขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความมึนงง เมื่อเห็นเช่นนั้นสตรีคนดังกล่าวจึงรีบป้อนน้ำให้กับเขาในทันที“หนิงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นเสียที...” สตรีคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลพร้อมกับขยับเข้าใกล้มองสำรวจด้วยความเป็นห่วง นางใช้หลังมือลูบไล้ใบหน้าและลำคอของเด็กหนุ่มด้วยความกังวลที่ลดลงไปบ้างเล็กน้อยแม้ว่าภายนอกของเด็กหนุ่มในตอนนี้ดูเหมือนปกติแล้วก็จริงแต่นางยังคงไม่วางใจสักเท่าไหร่ เพราะเดิมทีแล้วร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแรงมาก ในระยะหลังม

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ    บทที่2 สวะตระกูลจาง

    ใครจะไปเชื่อว่าหลังจากตายแล้วแทนที่จะต้องไปชดใช้กรรมหรือข้ามสะพานไหน่เหอกินน้ำแกงยายเมิ่งเพื่อเกิดใหม่ เเต่กลายเป็นว่าวิญญาณของเขากลับเข้ามาอยู่ในร่างของจางหนิงอ้ายวัยสิบสี่ปี บุตรชายคนโตของจางเลี่ยงหวงที่ปัจจุบันเป็นประมุขตระกูลจางหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นหงส์แดง มีฮูหยินเอกคือหวังเยว่ซินมารดาของหนิงอ้ายและยังมีฮูหยินรองรวมไปถึงอนุอีกสามคน สำหรับบรรดาพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันของหนิงอ้ายต่างมีอายุลดหลั่นกันไปเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น หากจะเรียกว่าพี่น้องก็ไม่เต็มปากเพราะแทบไม่ผูกพันธ์รักใคร่กันเท่าใดนัก พี่น้องเหล่านั้นต่างพูดจาดูแคลนไร้ซึ่งความเคารพใดแต่เจ้าของร่างนี้ไม่เคยตอบกลับทั้งสิ้นบรรดาพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันประกอบไปด้วย...คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายคุณชายรองจางเหยากวงคุณหนูสามจางฝูเยว่คุณหนูสี่จางลี่เหมยคุณชายห้าจางหมิงหวังคุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดเป็นแฝดหญิงคนพี่จางเหมยกุ้ยคนน้องจางเหมยฮวาพี่น้องร่วมบิดาทั้งหกคนเมื่ออายุครบเจ็ดปีก็สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ ในตอนนี้ทุกคนต่างเข้าศึกษาในสำนักผิงอานกันทั้งสิ้น มีเพียงจางหนิงอ้ายที่ไม่สามารถเข้าศึกษาในสำนักเนื่องด้วยไม่สามารถปลุ

    Last Updated : 2025-02-07

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่20 ตระกูลหวัง

    ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​19 ลอบสังหาร

    ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​18 สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้

    ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​17 หย่า

    ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้นแต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูลชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่ห

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​16 โชคชะตา ฟ้าลิขิต

    กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ร่างไร้วิญญาณที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงฉานมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยู่ไม่น้อยแก่ผู้พบเห็น แต่ด้วยทุกคนในที่นี้ต่างโลดแล่นอยู่ในเส้นทางของผู้ฝึกตนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นย่อมเคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่น่าแปลกใจคือหนิงอ้ายที่เป็นผู้ลงมือกระทำนั้นกลับไร้ความตกใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้นชินเสียอย่างนั้น''นักฆ่าเหล่านี้แม้จะเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วก็จริง แต่อย่างไรขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกตนย่อมมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในจุดชีพจรทั่วทั้งร่างกายที่ไม่แตกต่างไปจากสัตว์อสูร หากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้คงเสียเปล่าเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะนำร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านี้ให้กับเจียวซิ่นขอรับ...''แม้ว่าสิ่งที่หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นมาจะชวนให้ตกตะลึงในความรู้สึก เพราะการที่สัตว์อสูรในพันธะสามารถดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วยิ่งกับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนเช่นนี้ย่อมไม่เคยมีผู้ใดกระทำทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคำกล่าวของหนิงอ้ายก็ไม่มีผิดถูกเช่นกันหวังฮุ่ยได้สั่งการองครักษ์ทั้งสามให้แยกย้ายกันไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารที

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​15 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

    หนิงอ้ายหลับตาลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก พลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์โดยรอบที่ถูกชักนำโดยจี้หยกโลหิตส่งผลให้มวลลมปราณบริเวณนี้ต่างถูกชักนำเข้าตามจุดชีพจรไปทั่วทั้งร่างกายตามสุดยอดเคล็ดวิถี ลมปราณอันอบอุ่นวิ่งวนเข้าสู่จุดใจกลางตันเถียรไม่จบสิ้น พลังลมปราณในร่างกายที่ผ่านการเคี่ยวกรำนับสิบกว่ารอบต่างถูกอัดแน่นเป็นรากฐานบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันครบรอบอายุสิบห้าปีของจางหนิงอ้าย แน่นอนว่าทางฝั่งของนทีก็นับว่าเขาเองได้อาศัยอยู่ในร่างนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วเช่นกันหนิงอ้ายใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเอง วันนี้เขาเลือกใส่เสื้อตัวในสีขาวล้วนและเสื้อตัวนอกเป็นสีเขียวอ่อนที่ปักด้วยลวดลายใบไผ่สีเขียวมรกต เมื่อไปถึงบริเวณห้องโถงรับรองที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงหวังฮุ่ย ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูที่นั่งรออยู่ แม้จะไร้เงาบิดาสารเลวในงานเลี้ยงดังกล่าวนี้ เเต่หนิงอ้ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ที่เขาสนิทใจทั้งสิ้น''หนิงเอ๋อร์ปีนี้เจ้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ตามกฎของตระกูลจางที่ปฏิบัติสืบทอดก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​14 อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช

    การเสาะหากระดูกวิญญาณได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างเดินทางกันไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง แม้ว่าระหว่างทางจะพบเจอสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย แต่เพราะกลิ่นอายของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงที่หวังฮุ่ยปลดปล่อยออกมาในระยะสองลี้ย่อมไม่ต่างไปจากคำเตือนให้เหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำจงหลบหลีกไปเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงถือว่าการเสาะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจึงเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณล้านปีของอสรพิษเหมันต์บรรพกาล นอกจากกระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นทักษะวิญญาณยุทธ์ที่สามให้แก่เขาแล้ว ยังคงมีเงื่อนไขสำคัญคือการเสาะหากระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษดูดซับประสานเข้ากับร่างกายเพื่อให้กระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้มีความสมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะตามที่ควรจะเป็นหนิงอ้ายตั้งใจดูดซับกระดูกวิญญาณให้กับวิญญาณยุทธ์ที่สองอันเป็นปราณธาตุน้ำนี้เสียก่อน สำหรับวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟรวมไปถึงวิญญาณยุทธ์ที่สามเขาไม่จำเป็นต้องสังหารสัตว์อสูรเป็นจำนวนมากเพื่อเติมเต็มให้กระดูกวิญญาณของทั้งสามวิญญาณยุทธ์ในตอนนี้ เพราะนอกจากกระดูกวิญญาณล้าน

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่13 ปะทะราชสีห์สัตตะโลหิตสีคราม

    เช้าวันใหม่มาถึงคณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างรีบเร่งออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ จุดหมายคือเขตป่าชั้นกลางของเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณ เนื่องจากบริเวณป่าชั้นนอกจะมีเพียงสัตว์อสูรทั่วไปหรือสัตว์อสูรปฐพีเท่านั้น หากเข้าสู่เขตป่าชั้นกลางเป็นต้นไปจึงจะพบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นต่ำหรือขั้นกลางและหากโชคดีมากพออาจได้พบเจอสัตว์อสูรนภาขั้นสูงก็เป็นไปได้เช่นกัน สำหรับสัตว์อสูรมายาขั้นต่ำเป็นต้นไป สัตว์อสูรเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความนึกคิด อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง สามารถใช้ปราณธาตุของตนโจมตีผู้บุกรุกในอาณาเขตของตน อาจพบเห็นได้บ้างตามแนวรอยต่อของป่าชั้นกลางติดกับเขตป่าชั้นในกระจัดกระจายกันไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ ระหว่างทางพวกเขาต่างพบเจอกับสัตว์อสูรไปไม่น้อย แต่เพราะยังมีอายุที่ไม่เหมาะสม อีกครั้งความสามารถยังเข้าไม่ได้กับวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาทั้งสอง เห็นได้ว่าการเสาะหากระดูกวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด อายุของสัตว์อสูรจะสังเกตได้จากสีของพลังวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมา จะเป็นสีเดียวกันกับพลังวิญญาณ แม้จะเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันแต่มีอายุต่างก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​12 ออกเดินทางล่าสัตว์อสูร

    เนตรแห่งสวรรค์ของหนิงอ้ายหลังจากได้รับแรงกระตุ้นจากการดูดซับกระดูกวิญญาณของอสรพิษเหมันต์บรรพกาลไป หนิงอ้ายพบว่าความสามารถในการมองเห็นและการรับรู้ของเขาในตอนนี้อยู่เหนือกว่าผู้ฝึกตนในเขตขั้นเดียวกันอย่างชัดเจน รายละเอียดเล็กน้อย ข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงทุกการเคลื่อนไหวในรัศมีหนึ่งลี้ไม่อาจถูกปกปิดจากสายตาหรือการรับรู้ของเขาได้ คล้ายกับว่าความสามารถทั้งหมดในโลกเดิมของเขาที่เคยใช้ได้จะถูกยกระดับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว“หนิงเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ที่จะเดินทางไปกับผู้อาวุโสหวังฮุ่ยไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณในครั้งนี้?” เยว่ซินถามหนิงอ้ายอีกครั้ง แม้นางจะรู้ดีว่าด้วยระดับขุนนางวิญญาณของเด็กหนุ่มย่อมสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไม่ยาก แต่นางยังรู้สึกเป็นกังวลเพราะอีกฝ่ายไม่เคยออกจากเขตพื้นที่เมืองหลวงนี้เสียด้วยซ้ำ“ขอรับท่านแม่ ข้ากับลู่ซีจะติดตามท่านลุงฮุ่ยไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณเพื่อฝึกฝนประสบการณ์และเสาะหากระดูกวิญญาณแรกด้วยขอรับ!!” หนิงอ้ายตอบไปด้วยความมั่นใจ“เช่นนั้นแล้วแต่เจ้า รบกวนผู้อาวุโสหวังฮุ่ยดูแลทั้งสองคนด้วยนะเจ้าคะ...” เยว่ซินพูดออกมา“คุณหนูอย่าได้กังวลข้าจะดูแลคุณชายหนิงอ้าย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status