สิบวันต่อมารถม้าที่สภาพทรุดโทรมหยุดจอดอยู่หน้าประตูของจวนเจียงเจียงหวานหว่านให้สือหลิ่วไปเคาะประตู อีกทั้งยังแจ้งฐานะของพวกนางด้วยเมื่อเด็กรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปยกใหญ่หลังจากที่มองพวกนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว "ปึง" เสียงปิดประตูดัง หันกลับวิ่งไปรายงานที่เรือนกลางทันทีเฉาหยูเฟิ่งกำลังถือช้อนชิมรังนกหิมะชั้นดีอยู่เมื่อได้ยินที่สาวใช้บอก ช้อนในมือก็ร่วงลงในชามทันที ทำให้เกิดเสียงแตกดังลั่นทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ นางส่งคนไปฆ่าแม่ลูกคู่นี้แล้วนี่นาคนยังไม่ตาย แถมยังปล่อยให้พวกนางวิ่งแจ่นมาจนถึงเมืองหลวงได้ในใจของเฉาหยูเฟิ่งรู้สึกเดือดปุดๆ จนแทบจะกัดฟันเงินจนแตกได้"นายหญิง คราวนี้จะทำยังไงดีเจ้าคะ""หึ! อะไรทำยังไง ก็เป็นแค่พวกคนยากจน ออกไปพบพร้อมกับข้าก็พอ!"เมื่อพูดจบ นางก็ลุกขึ้นเดินอย่างองอาจไปที่ประตูใหญ่พร้อมกับสาวใช้ทันทีประตูใหญ่ของจวนเจียงค่อยๆ เปิดออก เฉาหยูเฟิ่งเดินนำสาวใช้ออกมาร่างที่สวมใส่ชุดหรูหราราคาแพง ยืนอยู่ตรงหน้าคู่แม่ลูกหลิ่วซู่ด้วยความดูถูก จ้องไปที่พวกนางด้วยสายตาเย็นเยียบ"เป็นพวกเจ้าเองเหรอที่แอบอ้างตัวว่าเป็นนายหญิงกับบุตร
"หนิงเกอเออร์..."หลิ่วซู่มองไปที่ลูกชายที่อยู่ใกล้แค่คืบอย่างเหม่อลอย ร้องเรียกชื่อของเขาออกมาเจียงจิ่นหนิงชะงักไปครู่หนึ่งจ้องมองไปที่ผู้หญิงสูงวัยที่สวมใส่เสื้อผ้าโทรมๆ จนดูน่าอนาถเขาขมวดคิ้วมุ่น "เจ้าเป็นใคร บังอาจมาเรียกชื่อของข้า"ชัดเจน เขาจำหน้าตาของแม่ตัวเองไม่ได้แล้วหลิ่วซู่โซเซถอยหลังไปสองก้าว ถึงจะค่อยถูกสือหลิ่วช่วยประคองตัวเอาไว้ในใจก็อดที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจไม่ได้ น้ำตาเริ่มไหลลงมาอย่างช้าๆเจียงหวานหว่านที่เห็นว่าเขาทำร้ายแม่แบบนี้ ก็อดกลั้นความโกรธในใจต่อไปไม่ไหวแล้วแต่แล้วยังไม่ทันรอให้นางได้มีปฏิกริยาตอบสนองอะไร เฉาหยูเฟิ่งก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาก่อน"หนิงเกอเออร์ พวกมันสองคนแม่ลูกเป็นพวกหลอกลวง แอบอ้างว่าตัวเองเป็นแม่และน้องสาวของเจ้า เจ้ารีบมาช่วยแม่เร็วเข้า!"เสียงร้องของเฉาหยูเฟิ่งทำให้เจียงจิ่นหนิงได้สติกลับมามองไปที่บาดแผลบนใบหน้าของเฉาหยูเฟิ่ง ในใจของเขาก็คุกรุ่นขึ้นมา"ปล่อยแม่ของข้านะ!""เจียงจิ่นหนิง เจ้าเอาโจรมาเป็นแม่ ไม่สมควรจะเป็นคน!"พูดไป นางก็ใช้เท้าเหยียบลงไปแรงๆ อีกครั้งเฉาหยูเฟิ่งร้องโหยหวนเป็นหมูโดนเชือดออกมาเจียงจิ่นหน
เจียงหวานหว่านส่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง แล้วหยิบเอาหนังสือสมรสที่หลิ่วซู่พกติดตัวไว้ตลอดออกมา"หนังสือสมรสอยู่นี่ เจียงป๋อเหนียน รู้กฎหมายแต่ยังทำผิด"หนังสือสมรสตรงหน้า เป็นเหมือนหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนาเจียงป๋อเหนียนรู้สึกเหมือนพังทลาย ริมฝีปากสั่นน้อยๆ"ปลอมแปลงหนังสือสมรส นักต้มตุ๋นนี่มีชั้นเชิงไม่เบา ใครก็ได้ ไปเอาหนังสือสมรสมาให้ข้า!"เจียงป๋อเหนียนหรี่ตาลง ภรรยาเอกของเขาจะเป็นผู้หญิงบ้านนอกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะกันพอดีในจังหวะที่พวกคนใช้กำลังจะกรูกันเข้ามานั่นเองน้ำเสียงทุ้มหนามีเสน่ห์ก็ดังขึ้นมาก่อน"ฮูหยินเจียง มีเรื่องอันใดกันถึงได้คึกคักเพียงนี้"ตึก ตึก เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าชั้นดีสีขาวราวหิมะเข้ามาอย่างองอาจรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง เครื่องหน้าคมเข้มชัดเจนลึกล้ำดวงตาเรียวยาวรูปดอกท้อภายใต้คิ้วคมดุจกระบี่ มองทุกคนอย่างดูมีอำนาจชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่บังเอิญบุกเข้ามา ทำให้ร่างกายของเจียงหวานหว่านแข็งทื่อ ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นเมื่อเจียงป๋อเหนียนเห็นเป็นเขา ก็ใจกระตุก"คารวะอ๋องซี แค่ชาวบ้านก่อความวุ่นวาย เดี๋ยวข
สีหน้าของเจียงป๋อเหนียนดูไม่ได้ สองมือกำหมัดแน่นกำลังทหารครึ่งหนึ่งของแคว้นตงหลิงอยู่ในมือของหรงซีเขาไม่กล้าจะผิดใจกับหรงซีท่าทีของหรงซีในตอนนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจะช่วยหลิ่วซู่แม่ลูก เขาไม่อาจเอาอนาคตของตัวเองไปเสี่ยงได้หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเจียงป๋อเหนียนก็กัดฟันยอมรับ "ใช่ นางหลิ่วเป็นภรรยาเอกของข้าน้อยเองขอรับ""อ๋องซี ข้าน้อยแก่แล้วสายตาไม่ดี ไม่ได้พบฮูหยินมาหลายปี หน้าตาฮูหยินก็เปลี่ยนไป ก็เลยจำไม่ได้ในตอนแรก อีกทั้งยังเคยได้รับจดหมายบอกว่าฮูหยินกับลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดในวันนี้ได้"หรงซีมองไปที่เจียงหวานหว่าน "แม่นางเจียง ใต้เท้าเจียงบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าคิดว่ายังไง"เจียงป๋อเหนียนมองไปทางหลิ่วซู่ สายตาเหมือนมีความหมาย "ซู่เหนียง พวกลูกๆ ต่างก็คิดถึงเจ้ามาก เจ้ากลับมาได้ พวกเขาจะต้องดีใจกันมากแน่"เขากำลังเตือนหลิ่วซู่ว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ให้คิดถึงอนาคตของพวกลูกชายด้วยเจียงหวานหว่านมองไปที่เจียงป๋อเหนียนอย่างดูถูก รังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่งหลิ่วซู่ยังคงกัดริมฝีปากล่างอยู่อย่างนั้น ส่า
เจียงหวานหว่านจึงสั่งให้แม่เฒ่างานหยาบไปเอาอาหารมาแม่เฒ่างานหยาบรับคำสั่ง เอาอาหารมาวางไว้แล้วก็ออกไปกับข้าวสองอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่างชามที่ใช้ใส่ข้าว ขอบชามแตกเป็นรู ข้าวที่ให้มาก็เก่าสีออกเหลืองนิดๆ แล้ว แถมยังมีทรายเม็ดเล็กๆ ปะปนมาด้วยปลานึ่ง ดูเหมือนจะไม่เลว แต่กลับมีกลิ่นฉุนคลุ้งขึ้นจมูก แค่ได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียนแล้วหมูผัดซีอิ๊ว ดูไปแล้วก็ไม่มีเนื้อแดงเลยสักนิด เป็นมันหมูล้วนๆสือหลิ่วเบ้ปาก หยิบช้อนมาลองตักน้ำแกงที่ดูเหมือนปกติขึ้นมาชิมคำหนึ่งคิ้วขมวดแน่น หน้าตาเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้วินาทีต่อไปก็อาเจียนออกมา"คุณหนูคะ เมื่อครู่เหมือนข้าได้กินเยี่ยวเข้าไปเลยเจ้าค่ะ!"พูดจบก็บ้วนน้ำล้างปากไปหลายครั้งเจียงหวานหว่านสีหน้าแย่มาก บอกให้สือหลิ่วไปเรียกแม่นมหวังมาสือหลิ่วไปแล้วก่อนจะกลับมาอย่างรวดเร็ว"คุณหนูคะ แม่นมหวังบอกว่าตอนนี้นางต้องดูแลฮูหยินและคุณชายที่บาดเจ็บ ไม่สามารถมาได้ หากมีเรื่องอะไร รอให้นางเสร็จธุระก่อนค่อยว่ากันเจ้าค่ะ"หึ วางอำนาจเหรอ ไม่มีทางหรอกเจียงหวานหว่านให้หลิ่วซู่รอก่อน สั่งให้สือหลิ่วถืออาหารตามนางมา เพื่อไปหานางหวังนางหวังเป
แม่นมหวังถูกกรอกอาหารจนเต็มปาก ใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นรสที่อยู่ในปากทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนคิดอยากจะตะโกนร้องออกไป แต่ก็ร้องไม่ออก จึงได้แค่ส่งเสียงครวญครางอย่างน่าสงสารเซียงเออร์ที่แอบดูอยู่เห็นแล้วว่าแม่นมหวังถูกตบ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม จึงหมุนตัววิ่งกลับไปในเรือน"ฮูหยิน แย่แล้ว แม่นมหวังถูกตบเจ้าค่ะ""ใคร ใครกล้าตบแม่นมหวัง ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน!"เฉาหยูเฟิ่งโมโหจัดเซียงเออร์หอบหายใจแรง เม้มปากก่อนตอบว่า "เจียงหวานหว่านเจ้าค่ะ!"เฉาหยูเฟิ่งรีบพูด "นังแพศยาสมควรตายนัก! ไปจับตัวนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!""เจ้าค่ะ"เซียงเออร์ตะโกนเรียกสาวใช้ในเรือน แล้ววิ่งออกไปด้วยท่าทีขึงขังเฉาหยูเฟิ่งกัดฟันกรอด กำหมัดตีไปบนผ้านวมอย่างแรง แม่นมหวังเป็นแม่นมของนางตอนนี้พวกเจียงหวานหว่านเข้ามาอยู่ในจวน ตกอยู่ในกำมือของนางแล้วรอให้แผลนางหายดีก่อน จะไม่ยอมให้นังแพศยาสองคนนั่นอยู่อย่างมีความสุขแน่เมื่อเซียงเออร์พาคนออกมา เจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วกลับไปตั้งนานแล้วพวกสาวใช้ต่างรีบช่วยกันประคองแม่นมหวังเข้าไปข้างในเจียงหวานหว่านไม่ได้พาสือหลิ่วกลับไปเลย แต่อ้อมไปทางห้องครัวแม่เฒ่าที่ด
แม่เฒ่าอู๋กรอกตา ขนาดฮูหยินยังกล้าตี นางเป็นแค่คนใช้ ไม่หาเรื่องจะดีกว่าถุยน้ำลายลงพื้นทีหนึ่งอย่างแค้นใจ ก่อนจะโบกมือ"แยกย้ายๆ ไปทำงานไป"ถือซะว่านางซวยไป นังแพศยา ลงมือรุนแรงจริงเชียวเจียงหวานหว่านกับสือหลิ่วถืออาหารที่ทั้งหอมยั่วใจและหน้าตาน่ากินกลับไปหลิ่วซู่กำลังยืนรอพวกนางอยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นพวกนางกลับมา นางถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก"หวานเจี่ยเออร์" อย่าไปต่อกรกับพวกเขาโต้งๆ แบบนั้น แม่เป็นห่วงเจ้าเจียงหวานหว่านคล้องแขนของหลิ่วซู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปในเรือนด้วยกันอาหารอร่อยมาก ทั้งสามคนกินกันจนพุงกาง รู้สึกพอใจอย่างที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ หลิ่วซู่ก็เอาเงินทั้งหมดออกมา เหลือแค่มัดเดียวแล้วถอนหายใจยาว ถ้าไม่มีเงิน แล้วต่อไปพวกนางแม่ลูกจะอยู่กันยังไง"ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล เรื่องเงินให้เป็นหน้าที่ข้าเอง"หลิ่วซู่อ้าปากคล้ายกับว่าจะพูดอะไร เจียงหวานหว่านก็เร่งให้นางรีบเข้าไปพักผ่อนประตูเรือนถูกเคาะเสียงดัง สือหลิ่วเดินออกไปดู เพิ่งจะเปิดประตูออกสาวใช้กับแม่เฒ่ากลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาสือหลิ่วไม่อาจกันไว้ได้ จึงวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง "คุณหนู มีคนบุ
เจียงหวานหว่านนั่งลงไปบนเก้าอี้ ยกกาน้ำชาเพื่อรินชาจอกหนึ่งให้ตัวเองดื่ม"ชารสชาติไม่เลว"เฉาหยูเฟิ่งกัดฟันพูด "อย่าคิดนะว่าได้เข้ามาอยู่ในจวนเจียงแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่น ข้าต่างหากที่เป็นเจียงฮูหยิน!"เจียงหวานหว่านเลิกคิ้ว"อ่อ หรือเจ้าคิดว่าท่านพ่อจะยอมสละอนาคตขุนนางเพื่อเจ้ากัน!"เฉาหยูเฟิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ใจหายวาบ นายท่านให้ความสำคัญกับอำนาจและตำแหน่งของเขาเป็นที่สุด ไม่มีทางยอมเสียสละเพื่อใครแน่เจียงหวานหว่านหลุบตามองต่ำ บีบไปที่หัวคิ้วตัวเอง "แย่งครอบครัวของคนอื่น ผิดครรลองครองธรรม!""เจ้าต้องการอะไรกันแน่"เจียงหวานหว่านยกมุมปากขึ้น "เงินไง ดูแลจวนเจียงมาตั้งนานหลายปี ตักตวงผลประโยชน์ไปไม่รู้แล้วตั้งเท่าไร สมควรคายออกมาบ้างแล้ว""บังอาจ! พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า!"เจียงหวานหว่านใช้ฝาแก้วชาเขี่ยใบชาในถ้วยเล่น "หอหยางชุน ปีหนึ่งมีกำไรตั้งสองหมื่นสองเหลียง แต่เจ้าบอกกับท่านพ่อว่าปีหนึ่งได้กำไรเพียงแค่สามพันเหลียง!"เมื่อเฉาหยูเฟิ่งได้ยินที่เจียงหวานหว่านพูด สีหน้าก็ซีดเผือด"พูดจาเหลวไหล โกหกทั้งนั้น"นังแพศยาน้อยนี่รู้ได้ยังไงว่าหอหยางชุนเป็นกิจการของจวนเจียงนะ อี
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม