แชร์

ตอนที่ 27

ผู้เขียน: มายารัตติกาล
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-12 04:59:15

หลี่อ้ายแยกตัวจากครอบครัวเพื่อนำผ้าที่สามีซื้อมาไปทำการตัดเย็บต่อไป ส่วนจางอี้เทาหลังจากที่จัดเก็บของเข้าที่แล้ว เขาจึงไปนั่งแทนมารดาเพื่อทำการเจียวน้ำมันหมู

หมิงเอ๋อร์ ย่าพร้อมแล้ว ต้องทำยังไงบ้าง” นางหูเอ่ยถามหลานชาย

ท่านย่าหุงข้าวก่อนขอรับ จากนั้นจึงทำไส้ทอด แล้วค่อยผัดผักบุ้งทีหลัง ท่านย่าพอจะมีน้ำมันหมูเก่าหรือไม่ขอรับ”

หมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะหมิงเอ๋อร์”

เช่นนั้นเอาน้ำมันที่เราเจียววันนี้ก็ได้ขอรับ ท่านย่าตั้งหม้อหุงข้าวไว้ เสร็จแล้วเราจะคลุกไส้หมูหมักกับเครื่องเทศรอระหว่างที่กำลังหุงข้าวนะขอรับ”

จางอี้หมิงจำได้ว่าเครื่องเทศที่บิดาซื้อมามีฮวาเจียวที่ให้รสเผ็ดชา ถึงแม้ไม่มีพริก แต่ก็สามารถใช้พริกฮวาเจียวแทนได้ อีกอย่างคือมีชวงเจีย (พริกหอม) รวมทั้งเครื่องเทศพื้นฐานอีกหลายชนิด

ท่านย่า คั่วเม็ดฮวาเจียว (พริกไทยหรือพริกหมาล่า) กับชวงเจีย (พริกหอม) ให้หอม แล้วนำมาตำให้ละเอียดนะขอรับ ใส่กระเทียมเล็กน้อย ขิงนิดหน่อย เกลือสักหยิบมือ อย่าลืมใบยี่หร่าด้วย ที่ขาดไม่ได้คือน้ำตาลผักอีกนิด อย่าลืมซีอิ้วนะขอรับ เสร็จแล้วนำไส้ที่ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงไปหมักสักสองเค่อก็ได้แล้วขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายขั้นตอน

จริงสิ...ท่านย่า ซีอิ้วใส่กับผัดผักบุ้งจะอร่อยมากยิ่งขึ้นนะขอรับ เมื่อวานพวกเรายังไม่มีเครื่องปรุง ข้าเลยไม่ได้บอกให้ท่านย่าใส่ลงไป แต่วันนี้เรามีเครื่องปรุงแล้วขอรับ ข้าขอโทษที่ข้าลืมซื้อน้ำตาล เพราะคิดว่าใช้น้ำตาลผักแทนได้ แต่ข้าลืมไปว่าอาหารบ้างอย่างใช้น้ำตาลทำจะเหมาะกว่าขอรับ”

นางหูทำตามที่หลานชายบอกทุกขั้นตอน นางหยิบนู่นจับนี้ออกมาสรรค์สร้างอาหาร พอเห็นไหซีอิ้วที่จะนำมาปรุง นางถึงกับอารมณ์ดีขึ้นมาก พอหมักไส้ได้ตามเวลาที่ต้องการ ข้าวก็สุกพอดี

ท่านย่า ต่อไปนี้เรียกว่าการทอดนะขอรับ การทอดคือการทำอาหารให้สุกด้วยน้ำมันที่ร้อน ใช้น้ำมันปริมาณมาก ซึ่งแตกต่างจากการผัด การผัดจะใช้น้ำมันเพียงนิดเดียวเท่านั้น จะทอดไส้อ่อนหรือทอดเนื้อสัตว์อันไหน ท่านย่าเพียงเติมน้ำมันหมูลงไปเยอะหน่อย พอกระทะร้อนก็นำไส้อ่อนที่หมักลงไปทอด ไม่ต้องพลิกไส้บ่อยนะขอรับ พอเริ่มสุกแล้วจึงพลิกอีกข้าง

การทอดต้องระวังน้ำมันกระเด็นใส่ตัวเราด้วยนะขอรับท่านย่า  พอไส้อ่อนหมูสุกเหลืองดีแล้ว ตักขึ้นพักไว้ขอรับ เสร็จแล้วท่านย่าก็ทำผัดผักบุ้งได้เลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ย เขาไม่ลืมตักเตือนเรื่องน้ำมันกระเด็นด้วย

ท่านพ่อเจียวน้ำมันหมูใกล้จะเสร็จหรือยังขอรับ อีกไม่นานท่านย่าก็ทำอาหารเสร็จแล้ว ข้าหิวจนไส้จะขาดแล้วขอรับ” เด็กน้อยหันไปถามบิดา ตอนนี้เย็นมากแล้ว อีกไม่นานอาหารทั้งหมดก็คงเสร็จ ถามพลางเอามือมาจับเอวตนเอง ทำท่าบิดตัวงอไปมา ดูแล้วน่าสงสาร ทั้งที่จางอี้เทากับหูไป๋หงรู้ว่าเด็กชายแกล้งทำให้ดูน่าสงสาร แต่ในสายตาพวกเขากลายเป็นว่าดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย

อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว หมิงเอ๋อร์ อดทนอีกนิด เมื่อท่านย่าทำอาหารเสร็จ พวกเราก็กินได้”

ท่านพ่อ ซาลาเปาสิบลูกที่พวกเราซื้อมา ข้าว่าเอาไว้อุ่นพรุ่งนี้ตอนเช้าดีหรือไม่ขอรับ วันนี้ข้าอยากกินไส้หมูทอดก่อน”

เมื่อเริ่มหิวก็นึกถึงของกินอย่างอื่นขึ้นได้ อี้หมิงจำได้ว่าท่านพ่อซื้อซาลาเปามาด้วย แต่เพราะวันนี้มัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้กินข้าวหุงวันแรก ทำให้เขาลืมมันไปเสียสนิท

ได้สิ พ่อตามใจเจ้า”

พวกเขาพูดคุยกันไม่นาน นางหูก็ทำอาหารทุกอย่างเสร็จ เช่นเดียวกับจางอี้เทาที่เจียวน้ำมันหมูจนได้ที่ เหลือเพียงหลี่อ้ายเท่านั้นที่ยังคงไม่เสร็จจากงานผ้า

อืม...ไส้อ่อนกรอบนอกนุ่มใน เผ็ดร้อน หวาน มัน เค็ม ได้ทุกรสชาติจริง ๆ เสียดายไม่มีเครื่องปรุงพอให้ทำน้ำจิ้ม”

จางอี้หมิงเป็นคนแรกที่ตักไส้ทอดเครื่องเทศขึ้นชิม เด็กชายหลับตาพริ้ม ซึมซับรสชาติของอาหาร ความเผ็ดที่เขาไม่ได้ลิ้มลองมานานทำให้มีความสุขจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย ทำไงได้ คนไทยชอบกินเผ็ด พอไม่มีพริกมันก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

นางหู จางอี้เทา และหลี่อ้าย ได้แต่มองเด็กชายตัวน้อยตาปริบ ๆ พวกเขายังไม่กล้าลองชิมไส้ทอดจานนี้ ถึงแม้ว่ามันจะมีกลิ่นหอมมาก แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดเอามาทอด

ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ลองชิมดูขอรับ ข้ารับรองว่าไม่เหม็นคาว มันอร่อยมากเลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยชวน เด็กน้อยหยิบเข้าปากอีกชิ้นและยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่คาว

มันไม่คาวจริงหรือหมิงเอ๋อร์” หลี่อ้ายถามย้ำ

ไม่คาวขอรับท่านแม่ ท่านแม่ลองชิมดู” จางอี้หมิงคีบไส้อ่อนทอดชิ้นเล็ก ๆ วางลงไปบนถ้วยของมารดาแล้วทำตาเป็นประกาย

หลี่อ้ายชั่งใจอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจคีบไส้อ่อนทอดเข้าปาก นางลิ้มรสและทำตาโต อุทานออกมาเสียงไม่เบามากนัก

อร่อยเจ้าค่ะ ท่านพี่ ท่านแม่ เป็นอย่างที่หมิงเอ๋อร์บอก ไม่คาว ไม่เหม็น มันอร่อยมาก แต่ว่ามีรสชาติเผ็ดหน่อยนะเจ้าคะ”

นางหูและจางอี้เทาเมื่อได้ยินคำยืนยันจากหลี่อ้ายจึงตัดสินใจลองชิมดู อี้เทาคีบไส้ทอดวางลงบนถ้วยมารดาก่อนแล้วจึงคีบให้ตนเอง สองแม่ลูกมองหน้ากันและส่งอาหารแปลกตาเข้าไปในปาก ค่อย ๆ เคี้ยวอย่างละเมียดละไม รสชาติไส้ทอดจานนี้ดีกว่าที่คิด นางหูถึงกับตาโตตามลูกสะใภ้

อร่อยจริงด้วย”

อร่อยมากหมิงเอ๋อร์ ลูกพ่อช่างเก่งจริง ๆ ผัดผักบุ้งว่าอร่อยแล้ว ไส้อ่อนหมูทอดเครื่องเทศก็ไม่น้อยหน้าเลย” จางอี้เทาชม

ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ต่อไปบ้านเราจะมีของอร่อยกินทุกวันเลยขอรับ” จางอี้หมิงให้คำมั่น เขายิ้มกว้างพร้อมกับคีบไส้ทอดเข้าปากตามด้วยข้าวคำโต

มื้อเย็นวันนั้นครอบครัวจางต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะพวกเขามีเงินเกือบสองตำลึง มีข้าวสาร เครื่องเทศ เนื้อสัตว์ ผ้าต่าง ๆ ตามต้องการแล้ว และถ้าการแลกเปลี่ยนแรงงานกับชาวบ้านประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จะมีบ้านใหม่ก่อนถึงฤดูหนาวนี้

ไม่แน่ว่าในอนาคต อาหารที่เด็กชายบ้านจางทำออกมาอาจจะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้เช่นกัน วันนี้ครอบครัวจางทุกคนจึงเข้านอนด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ตั้งแต่ที่ย้ายออกจากเมืองหลวงมา เห็นทีจะมีวันนี้ที่นางหูได้หลับอย่างมีความสุข จางอี้เทาและหลี่อ้ายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ชายหนุ่มจากต่างโลกในร่างเด็กน้อยยังแสนสุขใจ

และได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเช่นนี้ต่อไป...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 28

    เวลาแห่งความสุขในห้วงนิทรามักหมดไปอย่างรวดเร็ว สมาชิกครอบครัวจางตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนอย่างขันแข็ง นางหูอุ่นซาลาเปาที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ให้ทุกคนได้กินกันเป็นมื้อเช้า เรื่องการกินอาหารวันละสามมื้อเป็นเรื่องที่จางอี้หมิงเสนอขึ้นมา เพราะการกินครบสามมื้อจะถูกหลักโภชนาการมากกว่า ที่สำคัญคือ เขาต้องการขุนร่างนี้ให้อ้วนขึ้นอีกนิด เด็กวัยกำลังโตไม่ควรอดอาหาร ไม่เช่นนั้นเมื่อไหร่จะโตเสียทีเล่าอีกอย่าง เขาเป็นคนไทย คนไทยกินข้าววันละสามมื้อ ของหวานของคาวไม่เคยขาด อยู่ดี ๆ ให้มาอด ๆ อยาก ๆ เขาเองก็ไม่ชินในตอนแรกสมาชิกครอบครัวจางดูตกใจกับการทานอาหารมากมายขนาดนั้น แต่จางอี้หมิงบอกเพียงว่าเมืองสวรรค์ทำกันเช่นนี้ ท่านย่า ท่านพ่อ และท่านแม่จึงจำต้องเห็นด้วยอย่างไม่อิดออด เป็นความโชคดีที่หลี่อ้ายหายเป็นปกติ เหลือเพียงอาการอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางหูกับหลี่อ้ายจึงช่วยกันเย็บผ้าห่มและชุดใหม่สำหรับทุกคน ส่วนจางอี้เทาและบุตรชายขึ้นภูเขาเพื่อไปตัดหญ้าหวานมาทำน้ำตาลผักตามที่ได้รับใบสั่งซื้อมา“หมิงเอ๋อร์ เมื่อวานเจ้าบอกว่าจะทำพะโล้วันนี้ เมืองสวรรค์ก็มีพะโล้เช่นกันหรือ” จางอี้เทาเอ่ยถามบุตรชายข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 29

    “น้ำสอ สอด อันใดนะ หมิงเอ๋อร์” นางหูขมวดคิ้ว พยายามออกเสียงคำว่าซอสให้เหมือนกับที่หลานชายพูด แต่ดูแล้วลิ้นจะพันกันเสียให้ได้"ท่านย่า ไม่ใช่สอดขอรับ ซอสขอรับ น้ำซอสก็คือน้ำที่มันขลุกขลิกเหลือนิดหน่อยในหมูพะโล้เช่นไรเล่าขอรับ ถ้าทำเสร็จแล้ว ข้าจะชี้ให้ท่านย่าดูขอรับ”“เช่นนั้นย่าต้องหมักเนื้อหมูก่อนเป็นอันดับแรกใช่หรือไม่”“ใช่แล้วขอรับ” ตลอดการทำอาหารหลังจากนั้น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ นางหูและจางอี้เทาตั้งใจฟังพ่อครัวตัวน้อยกำกับการทำอาหารอย่างสนุกสนาน หลี่อ้ายที่นั่งเย็บผ้าอยู่เหลือบตามองเป็นระยะและยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่เห็นครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้ง“ท่านย่า รีบใส่เครื่องเทศได้แล้วขอรับ ก่อนกระเทียมจะไหม้”“หมิงเอ๋อร์ ต้องใส่อย่างละเท่าไรนะ”“ท่านแม่ โป้ยกั๊กห้าดอก กระวานหกลูก อบเชยสองแท่ง”“อาเทา เจ้าช่างความจำดีเยี่ยม สมแล้วที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือ”“ท่านย่า อย่าใส่เกลือเยอะขอรับ พอน้ำแห้งมันจะเค็มกว่านี้”“ท่านย่า คนและกลับเนื้อหมูหน่อยขอรับ หมูจะไหม้แล้ว”“ท่านย่า ใส่น้ำเปล่าได้แล้วขอรับ”พ่อครัวตัวน้อยของบ้านจางกลายเป็นผู้กำกับการทำอาหารให้ท่านย่าของตนเองทำตามได้อย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 30

    หลังจากที่บ้านจางกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกจึงพากันออกจากกระท่อมปลายนา พวกเขาถือพะโล้แห้งกับน้ำตาลปั้นสามไม้เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงตามประสาอย่างมีความสุข มุ่งไปทางบ้านผู้นำหมู่บ้านจางอี้หมิงถามนู่นถามนี่สารพัด แต่อี้เทาก็ตอบด้วยรอยยิ้ม พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณยามเซิน (15.00 – 16.59) ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงเหมันต์ฤดู แต่อากาศช่วงนี้เริ่มเย็นลงบ้างแล้ว ทินกรทอแสงอัสดงเตรียมลับขอบฟ้า แต่ก็ยังมีเวลาเพียงพอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงได้เดินทางกลับบ้านโดยไม่ต้องใช้คบไฟส่องนำทาง ในยุคสมัยนี้ ชาวบ้านธรรมดามักใช้คบไฟในการส่องนำทางตอนกลางคืน พวกเขายังไม่มีตะเกียงใช้ ตอนกลางคืนก็ใช้ใต้ไฟในการจุดให้แสงสว่างภายในบ้าน ซึ่งข้อเสียของมันคือมีควันจำนวนมากดังนั้นชาวบ้านทั่วไปจึงเข้านอนแต่หัวค่ำตามตะวันที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจะไม่มีใครจุดใต้ไฟในตอนกลางคืน เทียนไขจะมีใช้แค่ตามบ้านของข้าราชสำนักหรือเศรษฐีมีเงินเพราะราคานั้นแพงมาก ชาวบ้านถือว่าเป็นของสิ้นเปลือง แต่สำหรับผู้มั่งมีแล้วไม่เดือดร้อน“ท่านพี่เย่ ท่านพี่เย่ อยู่บ้านหรือไม่ ข้าจางอี้เทากับหมิงเอ๋อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 31

    “มะ ไม่ใช่เช่นนั้นหมิงหมิงน้อย ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า แต่ว่า......” ซุนซูลี่ทำตัวไม่ถูก นางไม่ได้ต้องการให้หมิงหมิงน้อยคิดเช่นนั้น เรียวปากสวยยังพูดไม่จบ จางอี้เทาจึงพูดขึ้นก่อน“ลี่เอ๋อร์ น้องอี้หมิงตั้งใจนำขนมมาฝากพวกเจ้าสองคนพี่น้องจริง ๆ ดูสิ” อี้เทาพยักหน้าไปทางขนมน้ำตาลปั้นในมือบุตรชาย “หมิงเอ๋อร์น่ะ เพื่อจะได้กินพร้อมกันกับพี่ ๆ เขาไม่ยอมกินในส่วนของตนเอง ทั้งที่อาซื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน เช่นนั้นแล้ว ลี่เอ๋อร์กับเย่เอ๋อร์อย่าได้ปฏิเสธหมิงเอ๋อร์เลยนะ” ซุนซูลี่ได้ยินจางอี้เทากล่าวเช่นนั้นจึงได้หันไปขอความเห็นจากบิดา เมื่อเห็นซุนซูเย่พยักหน้า เด็กน้อยจึงยิ้มกว้างออกมา หันไปพูดกับจางอี้หมิงด้วยเสียงสดใส“หมิงหมิงน้อย ข้าขอบใจเจ้ามากนะ และข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี ไหนล่ะน้ำตาลปั้นของข้า” “พี่ซูลี่ไม่รังเกียจข้าจริง ๆ ใช่ไหม ขอบคุณมากขอรับ นี่น้ำตาลปั้นของพี่ซูลี่ ส่วนอันนี้ของพี่หมิงเย่ขอรับ”จางอี้หมิงสดใสขึ้นมาทันที ถ้าในสมัยก่อนคงถูกหาว่าเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้ไวมาก แต่ใครสนกันเล่า ตอนนี้เขาคือจางอี้หมิง เด็กน้อยอายุห้าขวบ ช่วงเป็นเด็กเขาจะทำอะไรก็ได้ ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 32

    ในที่สุด วันที่สำคัญก็มาถึง ยามเฉิน (07.00 – 08.59) ของวันนี้ บ้านจางมีนัดส่งน้ำตาลผักให้กับเถ้าแก่หวังและต้องไปพบชาวบ้านเพื่อฟังผลการแลกเปลี่ยนแรงงานในยามซื่อ (09.00 – 10.59) อีกทั้งหากได้รับคำตอบจากบ้านซุนว่าชื่นชอบพะโล้ที่ลองเอาไปให้ชิมแล้ว จางอี้เทากับจางอี้หมิงจะเข้าเมืองไปเสนอการทำอาหารให้กับเหลาทั้งหลายในวันพรุ่งนี้น้ำตาลผักทั้งหมดสำหรับวันนี้ได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วโดยฝีมือของหูไป๋หง จางอี้เทาและหลี่อ้าย ส่วนจางอี้หมิงไม่ได้ช่วยอันใด จางอี้เทาปล่อยให้บุตรชายได้พักผ่อนในการทำน้ำตาลผักนั้นไม่ใช่เรื่องยากอันใด นางหูสอนให้บุตรชายและสะใภ้ไม่กี่ครั้ง ทั้งสองคนก็เข้าใจและทำเองได้ ทั้งสามตื่นมาตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 – 06.59) แล้ว หูไป๋หงรับหน้าที่ทำข้าวต้มหมู หลี่อ้ายเย็บเสื้อผ้าและผ้าห่มที่ยังทำค้างไว้ ส่วนจางอี้เทาตรวจสอบความเรียบร้อยของน้ำตาลผักเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อถึงยามเฉิน (07.00 – 08.59) ไม่ขาดไม่เกิน รถม้าของเถ้าแก่หวังก็เดินทางมาถึงบ้านจาง“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ข้ามารับน้ำตาลผักตามที่นัดไว้ ไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้เตรียมสินค้าพร้อมแล้วหรือไม่” อาคุน คนขับรถม้าของเถ้าแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 33

    “ดี ๆ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ขอบใจพวกเจ้ามากนะที่ไม่ใจร้ายมากนัก” ซุนถงเอ่ยขอบใจเหล่าชาวบ้านทุกคนที่มา“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน พวกข้าถึงแม้ว่าจะเป็นคนธรรมดาแต่พวกเราไม่ไร้น้ำใจ อีกอย่าง บ้านจางดูจะเสียเปรียบด้วยซ้ำ พวกข้าอยากให้บุตรหลานรู้หนังสือ แต่จะให้ส่งไปเรียนในเมืองคงเป็นไปไม่ได้ พวกเราต้องขอขอบคุณบ้านจางด้วยซ้ำที่ยินดีสอนหนังสือให้ หากบ้านจางต้องการสิ่งใดตอบแทนมากกว่านี้ พวกเราก็ยินดีทำให้”“พวกท่านกล่าวหนักไปแล้ว เอาเป็นว่าพวกเราต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ พึ่งพาซึ่งกันและกัน แบบนี้ถึงเรียกว่ารักกันดั่งครอบครัว ใช่หรือไม่” จางอี้เทาแย้มรอยยิ้ม เขาก้มหัวให้กับชาวบ้านทุกคน ซึ่งก็ได้รับการกระทำเช่นเดียวกันกลับมาหลังจากข้อแลกเปลี่ยนประสบความสำเร็จ ชาวบ้านจึงเริ่มเดินจากไป เหลือเพียงจางอี้เทาที่อยู่คุยกับบ้านซุนเรื่องพะโล้แห้งต่อ“ท่านลุงถง ท่านพี่เย่ ได้ชิมพะโล้แห้งสูตรบ้านข้าแล้ว เป็นเช่นใดบ้างขอรับ” เขาเอ่ยถาม“อาเทา ข้าก็นึกว่าเจ้าจะลืมไปแล้ว มันอร่อยมาก ข้าก็ไม่เคยได้กินพะโล้ที่เหลาอาหารในเมืองหรือที่ไหน ๆ ทำมาก่อน ข้าจึงเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ในความเห็นข้าคือ มันอร่อยมาก อร่อยกว่าน้ำแก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 34

    จางอี้หมิงยกยิ้มตื่นตาตื่นใจ เขามองไปด้านหน้าที่เต็มไปด้วยต้นวัชพืชหลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีม่วง สีชมพู สีน้ำเงิน สีเขียว สีส้ม สีน้ำตาล พวกมันมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย สูงไม่ถึงหนึ่งเมตร สลับสูงต่ำลดหลั่นกันไปสุดลูกหูลูกตาจนมองไม่เห็นว่าสิ้นสุดตรงไหน ตามแหล่งทุ่งหญ้านั้นมีน้ำทะเลกว้างราวไม่เกินสองเมตรพาดผ่าน สวยสะดุดตาจนทำให้จางอี้หมิงถึงกับเกือบลืมหายใจ เขาไม่รอช้า วิ่งเข้าไปในดงทุ่งวัชพืชนั่น เด็ดใบที่มีลักษณะอวบน้ำและสีเขียวสดออกมาชิม แต่เมื่อขอบใบแค่สัมผัสปลายลิ้น เด็กน้อยก็ถ่มทิ้งอย่างรวดเร็ว“อี้ เค็มอิ๊บอ๊าย” จางอี้หมิงลืมตัวอุทานออกมาเป็นภาษาโลกเดิมซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่เมื่อเห็นจางอี้หมิงวิ่งเข้าไปที่ทุ่งหญ้าสายรุ้งก็แปลกใจ ทั้งสองตัดสินใจวิ่งตามเข้ามาด้วยและพอมาทันก็ได้ยินน้องชายคนใหม่อุทานภาษาประหลาดออกมา“หมิงหมิงน้อย เกิดอะไรขึ้น เหตุใจเจ้าจึงวิ่งเข้าทุ่งหญ้าสายรุ้งเช่นนี้” ซุนซูลี่เอ่ยถาม“ทุ่งหญ้าสายรุ้งหรือขอรับพี่ซูลี่”“ก็ใช่นะสิ หญ้าสายรุ้งสวยใช่ไหมล่ะ มันเป็นหญ้าที่ขึ้นเอง ไม่มีใครปลูก ชาวบ้านเห็นว่ามันสวยดี มีหลายสีคล้ายสายรุ้ง จึงเรียกกันว่าหญ้าสายรุ้ง ชาวบ้านก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 35

    จางอี้หมิงเมื่อได้ยินซุนซูลี่ดุตนเองเช่นนั้นจึงตระหนักได้ว่าตนเองวู่วามไปจริง ๆ ติดเผลอตัวเล่นมากเกินไป ด้วยตัวเขาในชีวิตก่อน สมัยตอนเป็นเด็กนั้นไม่ได้มีโอกาสได้เล่นซนแบบนี้ เพราะเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า ไหนเลยจะได้มีโอกาสไปเที่ยวทะเล พอมีโอกาสได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง เขาจึงได้เผลอตัวไปจริง ๆ “พี่ซูลี่ พี่หมิงเย่ ข้าขอโทษขอรับที่ไม่ฟังคำเตือน ข้าผิดไปแล้ว พี่ ๆ ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงหน้าสลด ลดมือที่ถือปูตัวใหญ่ลง น้ำเสียงสำนึกผิดอย่างจริงใจทำให้ซุนซูลี่ถึงกับโกรธไม่ลง ว่าไปแล้วหมิงหมิงน้อยอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น จะเล่นซนไปบ้างก็ตามประสาเด็ก แต่คงต้องเตือนให้ระวังไว้จะดีที่สุด“ช่างมันเถอะ ต่อไปหมิงหมิงน้อยต้องสัญญาว่าจะเชื่อฟังพี่สาว ตกลงไหม หาไม่แล้วต่อไปพี่สาวจะไม่พามาเล่นที่นี่อีก”“ข้าสัญญาขอรับ” จางอี้หมิงเงยหน้าขึ้นรับปากด้วยรอยยิ้มกว้างเฮ้อ! ทำหน้าเช่นนี้แล้วพวกข้าจะโกรธลงได้อย่างไรซุนซูลี่และซุนหมิงเย่ได้แต่คิดในใจ ด้วยดวงตาใส รอยยิ้มน่ารัก พวกเขาจะโกรธเคืองเด็กคนนี้ได้อย่างไรเล่า“อาเย่ ไปบอกพี่ชิงชิงให้พี่สาวที พวกเราจะกลับบ้านกัน หมิงหมิงน้อยตัวเปียกทั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12

บทล่าสุด

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 63

    “ทางออกอันใดหรือเด็กน้อย” เฉินเจียเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขามองดูเด็กน้อยตรงหน้าอย่างพินิจ“ทางออกของเรื่องทั้งหมดนี้เช่นไรเล่าขอรับ ข้าขอเสนอให้พวกท่านทั้งสิบคนแลกเปลี่ยนนิลเง็กเซียนกับสามสหายท่องหล้า แบ่งปันกันชิมคนละคำสองคำ เช่นนี้แล้วพวกท่านทั้งหมดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยวิธีการปรุงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”“สำหรับค่าอาหารจากที่ท่านเฉินเจียกับท่านฉีหมิงต้องจ่ายคนละห้าสิบตำลึง สองจานรวมเป็นหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อแลกเปลี่ยนอาหารกันแล้ว พวกท่านเพียงจ่ายคนละสิบตำลึงเท่านั้น เช่นนี้แล้วพวกท่านทุกคนจึงเท่าเทียมเหมือนกันแล้วขอรับ”“ในอนาคต เหลาอาหารซิ่งฝูจะมีรายการอาหารชนิดใหม่ออกมาทุกเดือน เพื่อเป็นการตอบแทนท่านทั้งสิบคน เหลาอาหารซิ่งฝูยินดีที่จะให้ท่านเป็นลูกค้าพิเศษ เมื่อมีรายการอาหารชนิดใหม่ในแต่ละครั้ง เหลาซิ่งฝูจะทำการเชิญท่านทั้งสิบมาทำการลิ้มลองอาหารก่อนเป็นกลุ่มแรก เช่นนี้แล้ว ท่านลุง ท่านตาทั้งหลายพอใจหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายเสร็จแล้วจึงถอยหลังกลับไปยืนข้างท่านปู่ด้วยความสงบเรียบร้อย“ฮะ ฮะ ฮะ” ฉีหมิงหัวเราะออกมาและกล่าวชมเชยหลินไห่“เถ้าแก่หลิน หลานชายข

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 62

    “ข้าไม่เคยได้ชิมอาหารจานผักเช่นนี้มาก่อนเลย จะว่าเป็นน้ำแกงก็มีน้ำน้อยเกินไป จะว่าเป็นผักต้มแต่กลับมีกลิ่นของกระเทียม รสชาติกลมกล่อมเกินกว่าจะเป็นผักต้มได้ เถ้าแก่หลิน สามสหายท่องหล้าคืออาหารชนิดใดกันแน่ขอรับ” ชายคนแรกที่ตั้งข้อสงสัยถามเถ้าแก่หลินขึ้นมา“เรียนลูกค้า สามสหายท่องหล้าเป็นอาหารจานผัก ส่วนวิธีการปรุงนั้นทำมาจากการผัด” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยตอบด้วยท่าทางสุขุม“การผัดเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดกันเล่า ข้าอายุแก่จนปูนนี้แล้ว ยังมิเคยได้ยินว่ามีการปรุงอาหารด้วยการผัดมาก่อน พวกเจ้าเล่า เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่” ชายชราที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันไปถามผู้ที่ร่วมชิมสามสหายท่องหล้าด้วยกัน“ข้าไม่เคย”“ข้าก็ไม่เคย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน“ข้าคงมิสามารถตอบได้เนื่องจากว่าเป็นความลับของเหลาซิ่งฝู ขอลูกค้าอย่าได้ถามอีกเลย” หลินไห่ตอบกลับด้วยความสุภาพ“เจ้าว่าอันใดนะ สามสหายท่องหล้าของพวกเจ้า ปรุงขึ้นมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนั้นหรือ” ฉีหมิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขายินดียิ่งนักที่ได้เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งได้ชิมรายการอาหารชนิดใหม่ประเภทจ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 61

    หลินไห่เดินจูงมือจางอี้หมิงนำหน้าอู๋เจ๋อและอู๋หมินออกมา ที่มือของคนครัวทั้งคู่ถือถาดไม้บรรจุนิลเง็กเซียนส่งกลิ่นหอมฉุย พวกเขาเดินนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะของผู้ชนะการประมูลซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันเถ้าแก่หลินเป็นผู้อธิบายถึงรายการอาหารรสเลิศตรงหน้า ทั้งกลิ่นหอมกรุ่ม ทั้งควันที่ลอยออกมาบ่งบอกว่าเพิ่งผ่านการปรุงมาใหม่ ๆ รวมถึงการตกแต่งจานอาหารให้มีสีสันน่ากิน ประกอบกับล่วงเลยเวลาอาหารมื้อแรกของวันมานานพอสมควรแล้ว ยิ่งทำให้เมนูใหม่ดูน่าเย้ายวนลูกค้าที่แพ้การประมูลทั้งหลายเกือบจะกระโดดออกไปยึดเอาถาดไม้ใส่อาหารมาเป็นของตนเองอยู่รอมร่อ เพียงแต่พอมองหน้าเถ้าแก่หลินแล้ว พวกเขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน รออาหารอีกชนิดหนึ่งแทน ซึ่งพวกตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอันใดและจะมีกลิ่นหอมเหมือนกับอาหารของผู้ชนะหรือไม่“ท่านเฉินเจียและท่านฉีหมิง อาหารชนิดใหม่ตรงหน้าท่าน เป็นอาหารจานเนื้อ เรียกว่า นิลเง็กเซียน เนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้น ข้าขอแนะนำให้นำเนื้อจิ้มลงไปในน้ำแกงก่อนกิน แล้วตามด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ดอกไม้ซีหงซื่อและแตงกวาที่วางอยู่บนจาน พวกท่านสามารถนำมากินแก้อาการเลี่ยนได้ เชิญท่านทั้งสองลิ้มลองอา

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 60

    “พี่ชายหมิน รบกวนหยิบมะเขือเทศกับแตงกวามาให้ข้าที อย่าลืมล้างให้เรียบร้อยด้วยนะขอรับ มาทำตรงโต๊ะเตรียมวัตถุดิบนะขอรับ” จางอี้หมิงบอกแล้วจึงเดินไปรอที่โต๊ะกลางห้องอู๋หมินรีบหยิบผักออกมา เมื่อล้างแตงกวาและมะเขือเทศจนสะอาดแล้วจึงเดินมาสมทบกับอี้หมิงทันที เขาวางวัตถุดิบทั้งสองอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วยกตัวของเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ส่วน อู๋หมินยืนอยู่ข้าง ๆ อีกที“หมิงหมิงน้อยบอกว่าจะทำดอกไม้จากซีหงซื่อเช่นนั้นหรือ”“พี่ชายหมิน ต่อไปต้องเรียกมะเขือเทศนะขอรับ ห้ามเรียกซีหงซื่ออีก”“ดะ ได้ หมิงหมิงน้อยจะทำดอกไม้จากมะเขือเทศเช่นนั้นหรือ” อู๋หมินลนลานถามอีกครั้ง คำพวกนี้ระหว่างที่รอสองพ่อลูกบ้านจางไปขายผ้า พวกเขาก็ถูกเถ้าแก่บังคับให้ฝึกเรียกไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเถ้าแก่จะเห่อหลานชายคนใหม่ยิ่งนัก เพียงแต่ช่วงแรก ๆ เขาก็มีหลงลืมเผลอใช้คำที่คุ้นเคยเช่นเดิมไปบ้างเท่านั้น“ขอรับ ดอกไม้จากมะเขือเทศทำง่ายมาก เพียงพี่ชาย หมินเอามีดมาปอกเปลือกมะเขือเทศให้เป็นเส้นจากบนลงล่างโดยที่ไม่ให้เปลือกมะเขือเทศขาดออกจากกัน ความกว้างของเส้นเอาสักสองข้อมือข้านี่แหละขอรับ เสร็จแล้วม้วนเปลือกเข้าหากันมันจะ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 59

    “เด็กน้อย เหลาเฟิงฟู่ทำอาหารได้เลิศรสจริงอันนี้ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง แต่จะให้ข้า เฉินเจียผู้นี้กินอาหารแบบเดิม ๆ ทุกครั้ง เจ้าว่าข้าจะทำได้หรือไม่ นานแค่ไหนแล้วที่เหลาเฟิงฟู่ไม่มีรายการอาหารใหม่ ๆ ให้พวกข้าได้ลองชิมกัน” “วันนี้ในระหว่างที่ข้ากำลังจะมากินอาหารที่เหลาเฟิงฟู่ ระหว่างทางไปข้าเดินผ่านเหลาอาหารซิ่งฝู ข้าได้กลิ่นอาหารที่ หอมมาก หอมจนข้าอดใจไม่ไหวถึงได้เดินเข้ามาที่เหลาซิ่งฝูแห่งนี้ เสี่ยวเอ้อร์บอกเพียงว่าเขาเองก็ไม่รู้ จนเถ้าแก่หลินออกมาอธิบายให้พวกข้าฟังว่าเป็นอาหารชนิดใหม่ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เจ้ารับรู้ในตอนนี้”“อ๋อ เป็นเช่นนี้นั่นเอง แล้วพวกท่านก็เป็นเช่นท่านเฉินเจียเหมือนกันหรือขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปถามบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้า แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ในใจ พวกเขาทุกคนต่างพากันพยักหน้าถือเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี“ข้าไม่มีสิ่งใดสงสัยแล้วขอรับ เชิญท่านปู่ทำการประมูลต่อได้เลยขอรับ” อี้หมิงหันหน้ากลับมาบอกหลินไห่“พวกท่านพอใจกับราคาเปิดประมูลหรือไม่ หากคิดว่าราคาแพงไป ดังนั้นขอเชิญสั่งอาหารตามรายการที่ทางเหลาซิ่งฝูมีอยู่แล้วได้เลย” หลินไห่ถามย้ำอีกครั้ง เ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 58

    ทันทีที่เถ้าแก่หลินเดินออกมาจากห้องครัว เหล่าคหบดีที่นั่งรออยู่ก็พากันลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาต่างตั้งใจรอฟังว่าเจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หลินไห่แย้มรอยยิ้มกว้าง เขาใช้เสียงดังป่าวประกาศออกไป“ท่านลูกค้าทั้งหลาย เหลาอาหารซิ่งฝูต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในรายการอาหารชนิดใหม่มากถึงเพียงนี้ ตามที่ข้าได้แจ้งให้พวกท่านทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว อาหารที่เหลาซิ่งฝูทดลองทำมีปริมาณไม่เพียงพอกับทุกคน ในตอนนี้เหลาซิ่งฝูสามารถให้พวกท่านได้ทดลองชิมเพียงสองจานเท่านั้น แต่เท่าที่ข้านับได้ พวกท่านมีประมาณสิบคน ดังนั้นข้าจึงได้มีความคิดหนึ่ง หวังว่าพวกท่านจะเห็นด้วยกับความคิดนี้”คหบดีมากมายยืนนิ่งรอฟัง มีบ้างที่เกือบชักสีหน้าเมื่อรู้ว่าอาหารมีไม่เพียงพอ แต่เถ้าแก่หลินก็รีบกล่าวเสริมต่อ“ข้าจะเปิดประมูลอาหารสองจานนี้ ใครที่ให้ราคามากที่สุดจึงจะได้อาหารทั้งสองจานนี้ไปลิ้มลอง ค่าอาหารทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ ข้าหลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะนำไปบริจาคและช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน โดยแจ้งแก่พวกชาวบ้านว่าเป็นสินน้ำใจจากพวกท่านทั้งหลาย ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นเป็นเช่นใดบ้าง”“…”ห

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 57

    “นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ให้พวกนั้นตีกันแล้ว ยังได้เงินมาช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย เหล่าคหบดี ข้าราชสำนักพวกนั้นชอบให้คนยกยอตนเองอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากชิม ก็จ่ายเงินมา ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่ได้ชิม เหลาซิ่งฝูก็ไม่ต้องมากังวลว่าพะโล้จะไม่พอให้ชิม ต้องมาทำอะไรวุ่นวายไปหมด ที่ข้าชอบที่สุดเห็นจะเป็นเหลาอาหารซิ่งฝูยังได้กระจายข่าวรายการอาหารใหม่อีกสอง รายการโดยที่ไม่ต้องทำอันใด ลูกค้าพวกนั้นจะเป็นคนกระจายข่าวให้เหลาอาหารของพวกเราเอง” หลินไห่พึมพำถึงข้อดีของการแก้ปัญหานี้กับตนเอง ก่อนที่จะหันไปถามหัวหน้าพ่อครัวถึงอาหารที่มีตอนนี้“ว่าแต่อู๋เจ๋อ เจ้าลองตักใส่จานดูสิ พะโล้ในหม้อมีจำนวนกี่จาน” “รอสักครู่ขอรับ”อู๋เจ๋อรีบเดินไปตักพะโล้แห้งใส่จาน เขามองดูแล้วว่าได้ทั้งหมดเพียงสองจานเท่านั้น เสร็จแล้วชายวัยกลางคนจึงถือจานมาวางไว้บนโต๊ะที่เถ้าแก่หลินนั่งอยู่“มีเพียงสองจานเท่านี้เองหรือ ไม่เป็นไร ยิ่งมีน้อยความต้องการยิ่งสูงราคายิ่งแพงตามไปด้วย อู๋เจ๋อ เจ้าให้พ่อครัวเตรียมวัตถุดิบทำสามสหายท่องหล้าขึ้นมาสักสิบจาน ข้าจะเอาไว้ปลอบใจให้กับคนที่ประมูลพะโล้แห้งไม่ได้” เถ้าแก่หลินเอ่ยสั่งงานหัวหน้าพ่อครัวด้วยอารมณ์ที

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 56

    หลินไห่ จางอี้เทา จางอี้หมิง รวมทั้งซีฮันเข้ามายังห้องครัว เท้ายังไม่พ้นประตูดี อู๋เจ๋อที่รออยู่ข้างในครัวด้วยความกระวนกระวายถึงกับถลาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าตื่นตูม“หมิงหมิงน้อย เจ้ากลับมาแล้ว เถ้าแก่เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”ใครจะคิดว่าอาหารสูตรบ้านจางจะส่งอิทธิพลขนาดนั้น หลินไห่พยักหน้าตอบพ่อครัว เขากับจางอี้เทาเดินเลี่ยงไปนั่งตรงมุมพักผ่อนเช่นเดิม“ท่านลุงอู๋ พะโล้ได้ที่แล้วกระมังขอรับ รบกวนท่านลุงอู๋ชิมดูได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามหัวหน้าพ่อครัว “ลุงก็ไม่รู้ว่าพะโล้สุกได้ที่แล้วหรือไม่ เพราะหมิงหมิงน้อยเพียงแต่บอกให้ตุ๋นรอเจ้ากลับมา ลุงจะยกลงก็เกรงว่าจะผิดสูตร จึงได้แต่รอเจ้ากลับมานี่แหละ” อู๋เจ๋อเรียกสติของตนเองและตอบกลับ“ท่านลุงลองชิมพะโล้ดูก่อนขอรับ ถ้าเนื้อหมูนุ่ม ซอส เอ่อ น้ำแกงเหลือขลุกขลิก รสชาติใช้ได้แล้วก็ยกลงได้เลย ลองให้ท่านปู่หลินช่วยชิมดูอีกคนก็ได้ขอรับ” อู๋เจ๋อเดินไปที่เตาหม้อตุ๋นหมูพะโล้ เขาก้มลงดูอาหารด้านใน เมื่อเห็นว่าน้ำแกงแห้งขอด มีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยตามที่เด็กชายได้เอ่ยบอกไว้ เขาจึงหยิบจานใบเล็กมาตักหมูพะโล้วางลงไป แล้วจึงปิดฝาหม้อไว้เช่นเดิม

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 55

    หน้าเหลาอาหารซิ่งฝูในตอนนี้มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอย่างร้อนใจ ซีฮันชะเง้อคอมองหาสองพ่อลูกเจ้าของสูตรอาหาร และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินกลับมาแล้วจึงรีบปรี่เข้าไปหาโดยไม่รอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงเดินมาถึงหน้าเหลาอาหารเสียด้วยซ้ำ บุรุษบ้านจางต่างวัยขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความสงสัยเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนพ่อลูกไปขายผ้าปักเช่นนั้นหรือ“พี่อี้เทา หมิงหมิงน้อย พวกเจ้ากลับมาแล้ว รีบขึ้นไปหาเถ้าแก่และท่านลุงอู๋โดยเร็วเถอะ” ซีฮันไม่ปล่อยให้สองพ่อลูกเอ่ยถามอันใด เขารีบบอกออกไปทันที“อาฮัน เกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” อี้เทาถามออกไปด้วยความข้องใจ“เถ้าแก่น่ะสิ ร้อนใจอยากให้พวกเจ้ารีบกลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้วว่าพะโล้มันส่งกลิ่นรบกวนทุกคน ลูกค้าที่มากินอาหารที่เหลาโวยวายเสียงดังยกใหญ่” ซีฮันบอกด้วยเสียงเครียดขรึม“พะโล้ส่งกลิ่นรบกวนลูกค้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” อี้หมิงพึมพำกับตนเองเบา ๆหรือว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปรุง แต่เขาจำได้ว่าในการปรุงพะโล้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหมักไปจนถึงการตุ๋น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป มันไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดนี่นา“พวก

DMCA.com Protection Status