Share

ตอนที่ 29

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-12 05:01:57

น้ำสอ สอด อันใดนะ หมิงเอ๋อร์” นางหูขมวดคิ้ว พยายามออกเสียงคำว่าซอสให้เหมือนกับที่หลานชายพูด แต่ดูแล้วลิ้นจะพันกันเสียให้ได้

"ท่านย่า ไม่ใช่สอดขอรับ ซอสขอรับ น้ำซอสก็คือน้ำที่มันขลุกขลิกเหลือนิดหน่อยในหมูพะโล้เช่นไรเล่าขอรับ ถ้าทำเสร็จแล้ว ข้าจะชี้ให้ท่านย่าดูขอรับ”

เช่นนั้นย่าต้องหมักเนื้อหมูก่อนเป็นอันดับแรกใช่หรือไม่”

ใช่แล้วขอรับ”

ตลอดการทำอาหารหลังจากนั้น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ นางหูและจางอี้เทาตั้งใจฟังพ่อครัวตัวน้อยกำกับการทำอาหารอย่างสนุกสนาน หลี่อ้ายที่นั่งเย็บผ้าอยู่เหลือบตามองเป็นระยะและยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่เห็นครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้ง

ท่านย่า รีบใส่เครื่องเทศได้แล้วขอรับ ก่อนกระเทียมจะไหม้”

หมิงเอ๋อร์ ต้องใส่อย่างละเท่าไรนะ”

ท่านแม่ โป้ยกั๊กห้าดอก กระวานหกลูก อบเชยสองแท่ง”

อาเทา เจ้าช่างความจำดีเยี่ยม สมแล้วที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือ”

ท่านย่า อย่าใส่เกลือเยอะขอรับ พอน้ำแห้งมันจะเค็มกว่านี้”

ท่านย่า คนและกลับเนื้อหมูหน่อยขอรับ หมูจะไหม้แล้ว”

ท่านย่า ใส่น้ำเปล่าได้แล้วขอรับ”

พ่อครัวตัวน้อยของบ้านจางกลายเป็นผู้กำกับการทำอาหารให้ท่านย่าของตนเองทำตามได้อย่างไหลลื่น บอกตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย หลังจากที่เคี่ยวหมูพะโล้จนน้ำงวดแห้งดีแล้ว กลิ่นหอมของเครื่องเทศลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบ้าน แม้หลี่อ้ายที่นั่งอยู่ไกลที่สุดของส่วนครัวยังสัมผัสถึงกลิ่นหอมได้เป็นอย่างดี

ท่านย่า ลองชิมดูสิขอรับ อย่าลืมเอาชิ้นหมูไปจิ้มซอสก่อนชิมนะขอรับ ตรงนี้เรียกว่าน้ำซอสขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยบอกท่านย่าของตนเองหลังจากที่บิดายกหม้อพะโล้ลงมาพักไว้แล้ว พร้อมกับชี้บอกว่าส่วนไหนคือน้ำซอสที่พูดถึง

อ๋อ อันนี้หรือน้ำสอดที่หมิงเอ๋อร์ว่า แต่ว่าจะดีหรือหมิงเอ๋อร์ ย่าเกรงว่า.....”

น้ำซอสขอรับ และก็ดีที่สุดขอรับ เพราะท่านย่าเคยกินพะโล้ของที่นี่แล้ว ท่านย่าย่อมรู้รสชาติเป็นอย่างดี ท่านย่าย่อมเปรียบเทียบรสชาติได้ดีที่สุดขอรับ”

ท่านแม่ เชื่อใจหมิงเอ๋อร์เถอะขอรับ ข้าว่ากลิ่นยังหอมขนาดนี้ รสชาติคงดีไม่น้อย” จางอี้เทาเอ่ยสมทบความคิดบุตรชาย ที่ผ่านมาเด็กน้อยก็แสดงให้เห็นหลายครั้งแล้วว่าอาหารที่ดูไม่น่าจะกินได้ เมื่อนำมาทำดี ๆ มันกลับกลายเป็นอาหารชั้นเลิศได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ได้” นางหูใช้ตะเกียบหยิบหมูมาชิ้นหนึ่งพร้อมกับนำไปคลุกเคล้าน้ำซอสตามที่หลานชายบอก สายตาเฉี่ยวมองพินิจชิ้นหมูคำโตก่อนจะนำเข้าปากเคี้ยวช้า ๆ

“.............”

ท่านย่า เป็นเช่นใดบ้างขอรับ” จางอี้หมิงรีบถาม “อย่านิ่งแบบนี้สิขอรับ ตกลงมันอร่อยไหมขอรับ”

เมื่อผู้เป็นย่านั่งนิ่งเงียบ เด็กน้อยก็เขย่าแขนเรียกนางหูไปสองสามที

หะ...ห๊ะ หมิงเอ๋อร์ เจ้าว่าอันใดนะ” นางหูสะดุ้ง เอ่ยตะกุกตะกักตอบหลานชาย

ข้าถามว่ามันเป็นยังไงบ้าง อร่อยหรือไม่ขอรับ”

ข้าว่า เจ้าลองชิมเอาเองเถอะ อาเทาด้วย ลองชิมดู”

ท่านย่า มันไม่อร่อยเช่นนั้นหรือขอรับ ข้าก็ทำตามสูตรทุกอย่างแล้วนะขอรับ ทำไมถึงไม่อร่อยเล่า” จางอี้หมิงพูดเบา ๆ กับตนเองด้วยความสงสัย เขาทำสูตรนี้มาหลายปี มั่นใจนักหนาว่าไม่พลาดแน่นอน หรือว่าสูตรมันผิดพลาดจากเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่แตกต่างกันบางชนิด

แต่คิดไปก็คงไม่ได้คำตอบ ลองกินดูให้มันรู้ไปเลยดีกว่า

จางอี้หมิงหยิบตะเกียบคีบหมูพะโล้ที่ฉ่ำไปด้วยซอสหญ้าหวานขึ้นมาชิม เขาละเมียดละไมลิ้มรส มันหวานกลมกล่อม ไม่มีอะไรผิดพลาดจากที่คาด

เอ๊ะ มันก็อร่อยนี่นา แล้วเหตุใดทุกคนถึงไม่ตอบข้าล่ะขอรับ” จางอี้หมิงเงยหน้าเอ่ยถามบิดากับท่านย่าด้วยความงุนงง

เพราะพะโล้แห้งที่หมิงเอ๋อร์ทำในตอนนี้ มันอร่อยมากต่างหากเล่า อีกอย่าง รสชาติของพะโล้ที่พ่อเคยกินมันไม่ได้มีรสชาติแบบนี้ ไม่ได้มีกลิ่นหอม มันแข็ง ๆ แห้ง ๆ เนื้อหมูไม่ได้นุ่มและฉ่ำซอสเช่นนี้” จางอี้เทาอธิบาย เขาหลุดจากภวังค์ความคิด

นี่หรืออาหารที่ท่านเทพประทานมา สมกับเป็นอาหารสวรรค์

บัณฑิตหนุ่มมั่นใจเหลือเกินว่าแม้แต่อาหารในวังก็ยังไม่อาจเทียบ

ใช่แล้วหมิงเอ๋อร์ ย่ายังไม่เคยได้กินหมูพะโล้ที่นุ่มและฉ่ำซอสเช่นนี้มาก่อน” นางหูเอ่ยอีกเสียง ในที่สุดนางก็ออกเสียงคำว่าซอสถูกเสียที

เพราะร้านอาหารเอาส่วนเนื้อแดง เนื้อล้วน ๆ มาทำอาหารขอรับ ท่านย่า ท่านพ่อ ลองชิมส่วนที่เป็นเนื้อแดงสิขอรับ มันจะแห้ง ๆ เหมือนกับที่ร้านอาหาร แต่ถ้าเลือกชิมส่วนที่เป็นสามชั้นจะนุ่มลิ้นและฉ่ำซอสขอรับ ความลับมันอยู่ที่ตรงนี้แหละขอรับ” เด็กชายบอกเสียงใส นางหูและจางอี้เทาจึงใช้ตะเกียบหยิบส่วนที่เป็นเนื้อแดงล้วนมาชิม รสชาติของมันเป็นดั่งที่จางอี้หมิงอธิบาย มันแข็งและแห้งมากกว่า

หมิงเอ๋อร์ รสสัมผัสต่างกันจริง ๆ ด้วย”

อืม” จางอี้เทาพยักหน้ารับกับคำพูดมารดา

แค่เปลี่ยนส่วน รสชาติและรสสัมผัสก็แตกต่างแม้จะถูกปรุงจากหม้อเดียวกัน

ท่านย่า ท่านพ่อ ร้านอาหารจะสนใจสูตรหมูพะโล้แห้งของบ้านเราไหมขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามขึ้น ในใจก็ลุ้นไปด้วย ถึงแม้ว่าจะมั่นใจกับคำตอบที่น่าจะได้รับมากก็ตาม

หลานของย่าเก่งเช่นนี้ อีกอย่าง อาหารสวรรค์ไม่มีใครปฏิเสธแน่ ย่าว่ามันต้องขายได้”

พ่อเห็นด้วย”

ถ้าเช่นนั้นในวันที่รถม้าเถ้าแก่หวังมารับน้ำตาลผัก พวกเราขอติดรถม้าเข้าไปในเมืองดีหรือไม่ท่านพ่อ” จางอี้หมิงยิ้มร่า รีบหันไปถามความเห็นบิดาทันที

ได้สิ พ่อจะไปด้วย”

ท่านย่า ตอนนี้เวลาเท่าใดแล้วขอรับ”

ย่าว่าน่าจะยามเว่ย (13.00 – 14.59) นะหมิงเอ๋อร์ มีอันใดหรือ”

พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะขอรับ เสร็จแล้วข้ากับท่านพ่อจะไปหาท่านลุงเย่ จะเอาพะโล้แห้งกับน้ำตาลปั้นไปให้บ้านซุนลองชิมดู และจะคืนเงินสิบอีแปะที่ท่านลุงเย่ให้มาเมื่อวานด้วยขอรับ” จางอี้หมิงจำได้ว่าท่านพ่อของเขาบอกแบบนั้น

เช่นนั้นพวกเราก็ไปกินข้าวกันเถอะ” นางหูเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ดูท่าว่าอาหารมื้อนี้คงจะเลิศรสที่สุด ต้องขอบคุณท่านเทพที่ประทานหนทางให้ตระกูลจางสายรองอย่างพวกเขาอีกครั้ง

หลี่อ้ายที่ได้ยินเช่นนั้นจึงวางมือจากการเย็บผ้าและเข้ามาช่วยกันยกข้าวกับหมูพะโล้แห้งไปนั่งกินกันพร้อมหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย พวกเขาพูดคุย แบ่งปันอาหารและเล่าเรื่องราวกันอย่างมีความสุข นี่เป็นอีกมื้ออาหารที่ครอบครัวบ้านจางกินกันอิ่มแปล้

ได้แต่หวังว่าต่อไปนี้จะไม่มีอุปสรรคใด

มาขัดขวางอีกแล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 30

    หลังจากที่บ้านจางกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกจึงพากันออกจากกระท่อมปลายนา พวกเขาถือพะโล้แห้งกับน้ำตาลปั้นสามไม้เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงตามประสาอย่างมีความสุข มุ่งไปทางบ้านผู้นำหมู่บ้านจางอี้หมิงถามนู่นถามนี่สารพัด แต่อี้เทาก็ตอบด้วยรอยยิ้ม พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดหมาย ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณยามเซิน (15.00 – 16.59) ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงเหมันต์ฤดู แต่อากาศช่วงนี้เริ่มเย็นลงบ้างแล้ว ทินกรทอแสงอัสดงเตรียมลับขอบฟ้า แต่ก็ยังมีเวลาเพียงพอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงได้เดินทางกลับบ้านโดยไม่ต้องใช้คบไฟส่องนำทาง ในยุคสมัยนี้ ชาวบ้านธรรมดามักใช้คบไฟในการส่องนำทางตอนกลางคืน พวกเขายังไม่มีตะเกียงใช้ ตอนกลางคืนก็ใช้ใต้ไฟในการจุดให้แสงสว่างภายในบ้าน ซึ่งข้อเสียของมันคือมีควันจำนวนมากดังนั้นชาวบ้านทั่วไปจึงเข้านอนแต่หัวค่ำตามตะวันที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจะไม่มีใครจุดใต้ไฟในตอนกลางคืน เทียนไขจะมีใช้แค่ตามบ้านของข้าราชสำนักหรือเศรษฐีมีเงินเพราะราคานั้นแพงมาก ชาวบ้านถือว่าเป็นของสิ้นเปลือง แต่สำหรับผู้มั่งมีแล้วไม่เดือดร้อน“ท่านพี่เย่ ท่านพี่เย่ อยู่บ้านหรือไม่ ข้าจางอี้เทากับหมิงเอ๋อ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 31

    “มะ ไม่ใช่เช่นนั้นหมิงหมิงน้อย ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า แต่ว่า......” ซุนซูลี่ทำตัวไม่ถูก นางไม่ได้ต้องการให้หมิงหมิงน้อยคิดเช่นนั้น เรียวปากสวยยังพูดไม่จบ จางอี้เทาจึงพูดขึ้นก่อน“ลี่เอ๋อร์ น้องอี้หมิงตั้งใจนำขนมมาฝากพวกเจ้าสองคนพี่น้องจริง ๆ ดูสิ” อี้เทาพยักหน้าไปทางขนมน้ำตาลปั้นในมือบุตรชาย “หมิงเอ๋อร์น่ะ เพื่อจะได้กินพร้อมกันกับพี่ ๆ เขาไม่ยอมกินในส่วนของตนเอง ทั้งที่อาซื้อมาตั้งแต่เมื่อวาน เช่นนั้นแล้ว ลี่เอ๋อร์กับเย่เอ๋อร์อย่าได้ปฏิเสธหมิงเอ๋อร์เลยนะ” ซุนซูลี่ได้ยินจางอี้เทากล่าวเช่นนั้นจึงได้หันไปขอความเห็นจากบิดา เมื่อเห็นซุนซูเย่พยักหน้า เด็กน้อยจึงยิ้มกว้างออกมา หันไปพูดกับจางอี้หมิงด้วยเสียงสดใส“หมิงหมิงน้อย ข้าขอบใจเจ้ามากนะ และข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี ไหนล่ะน้ำตาลปั้นของข้า” “พี่ซูลี่ไม่รังเกียจข้าจริง ๆ ใช่ไหม ขอบคุณมากขอรับ นี่น้ำตาลปั้นของพี่ซูลี่ ส่วนอันนี้ของพี่หมิงเย่ขอรับ”จางอี้หมิงสดใสขึ้นมาทันที ถ้าในสมัยก่อนคงถูกหาว่าเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้ไวมาก แต่ใครสนกันเล่า ตอนนี้เขาคือจางอี้หมิง เด็กน้อยอายุห้าขวบ ช่วงเป็นเด็กเขาจะทำอะไรก็ได้ ย

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 32

    ในที่สุด วันที่สำคัญก็มาถึง ยามเฉิน (07.00 – 08.59) ของวันนี้ บ้านจางมีนัดส่งน้ำตาลผักให้กับเถ้าแก่หวังและต้องไปพบชาวบ้านเพื่อฟังผลการแลกเปลี่ยนแรงงานในยามซื่อ (09.00 – 10.59) อีกทั้งหากได้รับคำตอบจากบ้านซุนว่าชื่นชอบพะโล้ที่ลองเอาไปให้ชิมแล้ว จางอี้เทากับจางอี้หมิงจะเข้าเมืองไปเสนอการทำอาหารให้กับเหลาทั้งหลายในวันพรุ่งนี้น้ำตาลผักทั้งหมดสำหรับวันนี้ได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วโดยฝีมือของหูไป๋หง จางอี้เทาและหลี่อ้าย ส่วนจางอี้หมิงไม่ได้ช่วยอันใด จางอี้เทาปล่อยให้บุตรชายได้พักผ่อนในการทำน้ำตาลผักนั้นไม่ใช่เรื่องยากอันใด นางหูสอนให้บุตรชายและสะใภ้ไม่กี่ครั้ง ทั้งสองคนก็เข้าใจและทำเองได้ ทั้งสามตื่นมาตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 – 06.59) แล้ว หูไป๋หงรับหน้าที่ทำข้าวต้มหมู หลี่อ้ายเย็บเสื้อผ้าและผ้าห่มที่ยังทำค้างไว้ ส่วนจางอี้เทาตรวจสอบความเรียบร้อยของน้ำตาลผักเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อถึงยามเฉิน (07.00 – 08.59) ไม่ขาดไม่เกิน รถม้าของเถ้าแก่หวังก็เดินทางมาถึงบ้านจาง“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ข้ามารับน้ำตาลผักตามที่นัดไว้ ไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้เตรียมสินค้าพร้อมแล้วหรือไม่” อาคุน คนขับรถม้าของเถ้าแ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 33

    “ดี ๆ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ขอบใจพวกเจ้ามากนะที่ไม่ใจร้ายมากนัก” ซุนถงเอ่ยขอบใจเหล่าชาวบ้านทุกคนที่มา“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน พวกข้าถึงแม้ว่าจะเป็นคนธรรมดาแต่พวกเราไม่ไร้น้ำใจ อีกอย่าง บ้านจางดูจะเสียเปรียบด้วยซ้ำ พวกข้าอยากให้บุตรหลานรู้หนังสือ แต่จะให้ส่งไปเรียนในเมืองคงเป็นไปไม่ได้ พวกเราต้องขอขอบคุณบ้านจางด้วยซ้ำที่ยินดีสอนหนังสือให้ หากบ้านจางต้องการสิ่งใดตอบแทนมากกว่านี้ พวกเราก็ยินดีทำให้”“พวกท่านกล่าวหนักไปแล้ว เอาเป็นว่าพวกเราต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ พึ่งพาซึ่งกันและกัน แบบนี้ถึงเรียกว่ารักกันดั่งครอบครัว ใช่หรือไม่” จางอี้เทาแย้มรอยยิ้ม เขาก้มหัวให้กับชาวบ้านทุกคน ซึ่งก็ได้รับการกระทำเช่นเดียวกันกลับมาหลังจากข้อแลกเปลี่ยนประสบความสำเร็จ ชาวบ้านจึงเริ่มเดินจากไป เหลือเพียงจางอี้เทาที่อยู่คุยกับบ้านซุนเรื่องพะโล้แห้งต่อ“ท่านลุงถง ท่านพี่เย่ ได้ชิมพะโล้แห้งสูตรบ้านข้าแล้ว เป็นเช่นใดบ้างขอรับ” เขาเอ่ยถาม“อาเทา ข้าก็นึกว่าเจ้าจะลืมไปแล้ว มันอร่อยมาก ข้าก็ไม่เคยได้กินพะโล้ที่เหลาอาหารในเมืองหรือที่ไหน ๆ ทำมาก่อน ข้าจึงเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ในความเห็นข้าคือ มันอร่อยมาก อร่อยกว่าน้ำแก

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 34

    จางอี้หมิงยกยิ้มตื่นตาตื่นใจ เขามองไปด้านหน้าที่เต็มไปด้วยต้นวัชพืชหลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีม่วง สีชมพู สีน้ำเงิน สีเขียว สีส้ม สีน้ำตาล พวกมันมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย สูงไม่ถึงหนึ่งเมตร สลับสูงต่ำลดหลั่นกันไปสุดลูกหูลูกตาจนมองไม่เห็นว่าสิ้นสุดตรงไหน ตามแหล่งทุ่งหญ้านั้นมีน้ำทะเลกว้างราวไม่เกินสองเมตรพาดผ่าน สวยสะดุดตาจนทำให้จางอี้หมิงถึงกับเกือบลืมหายใจ เขาไม่รอช้า วิ่งเข้าไปในดงทุ่งวัชพืชนั่น เด็ดใบที่มีลักษณะอวบน้ำและสีเขียวสดออกมาชิม แต่เมื่อขอบใบแค่สัมผัสปลายลิ้น เด็กน้อยก็ถ่มทิ้งอย่างรวดเร็ว“อี้ เค็มอิ๊บอ๊าย” จางอี้หมิงลืมตัวอุทานออกมาเป็นภาษาโลกเดิมซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่เมื่อเห็นจางอี้หมิงวิ่งเข้าไปที่ทุ่งหญ้าสายรุ้งก็แปลกใจ ทั้งสองตัดสินใจวิ่งตามเข้ามาด้วยและพอมาทันก็ได้ยินน้องชายคนใหม่อุทานภาษาประหลาดออกมา“หมิงหมิงน้อย เกิดอะไรขึ้น เหตุใจเจ้าจึงวิ่งเข้าทุ่งหญ้าสายรุ้งเช่นนี้” ซุนซูลี่เอ่ยถาม“ทุ่งหญ้าสายรุ้งหรือขอรับพี่ซูลี่”“ก็ใช่นะสิ หญ้าสายรุ้งสวยใช่ไหมล่ะ มันเป็นหญ้าที่ขึ้นเอง ไม่มีใครปลูก ชาวบ้านเห็นว่ามันสวยดี มีหลายสีคล้ายสายรุ้ง จึงเรียกกันว่าหญ้าสายรุ้ง ชาวบ้านก

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 35

    จางอี้หมิงเมื่อได้ยินซุนซูลี่ดุตนเองเช่นนั้นจึงตระหนักได้ว่าตนเองวู่วามไปจริง ๆ ติดเผลอตัวเล่นมากเกินไป ด้วยตัวเขาในชีวิตก่อน สมัยตอนเป็นเด็กนั้นไม่ได้มีโอกาสได้เล่นซนแบบนี้ เพราะเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า ไหนเลยจะได้มีโอกาสไปเที่ยวทะเล พอมีโอกาสได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง เขาจึงได้เผลอตัวไปจริง ๆ “พี่ซูลี่ พี่หมิงเย่ ข้าขอโทษขอรับที่ไม่ฟังคำเตือน ข้าผิดไปแล้ว พี่ ๆ ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงหน้าสลด ลดมือที่ถือปูตัวใหญ่ลง น้ำเสียงสำนึกผิดอย่างจริงใจทำให้ซุนซูลี่ถึงกับโกรธไม่ลง ว่าไปแล้วหมิงหมิงน้อยอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น จะเล่นซนไปบ้างก็ตามประสาเด็ก แต่คงต้องเตือนให้ระวังไว้จะดีที่สุด“ช่างมันเถอะ ต่อไปหมิงหมิงน้อยต้องสัญญาว่าจะเชื่อฟังพี่สาว ตกลงไหม หาไม่แล้วต่อไปพี่สาวจะไม่พามาเล่นที่นี่อีก”“ข้าสัญญาขอรับ” จางอี้หมิงเงยหน้าขึ้นรับปากด้วยรอยยิ้มกว้างเฮ้อ! ทำหน้าเช่นนี้แล้วพวกข้าจะโกรธลงได้อย่างไรซุนซูลี่และซุนหมิงเย่ได้แต่คิดในใจ ด้วยดวงตาใส รอยยิ้มน่ารัก พวกเขาจะโกรธเคืองเด็กคนนี้ได้อย่างไรเล่า“อาเย่ ไปบอกพี่ชิงชิงให้พี่สาวที พวกเราจะกลับบ้านกัน หมิงหมิงน้อยตัวเปียกทั้

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 36

    “ท่านพี่ ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ หมิงเอ๋อร์คงเป็นไข้แน่แล้ว ท่านพี่ไปตามท่านหมอผิงมาดูอาการหมิงเอ๋อร์หน่อยเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่รีบไปตอนนี้เถิด จะได้ทันเวลาค่ำ” เสียงของหลี่อ้ายดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน นางกำลังร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อหนึ่งเค่อก่อนตอนที่กำลังเย็บผ้าอยู่ นางได้ยินเสียงบุตรชายครางอืออาจึงรีบเดินมาดู หลังจากที่ใช้หลังมือแตะหน้าผากถึงได้รู้ว่าจางอี้หมิงตัวร้อนราวกับไฟ มารดาเช่นนางรีบจัดการเช็ดตัวให้เจ้าตัวเล็กด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่ดูเหมือนตอนนี้เด็กชายจะขัดขืนไม่หยุด ถึงแม้ว่าจะกำลังหลับอยู่ก็ตามที“หนาว ข้าหนาว” อี้หมิงครางออกมา “หมิงเอ๋อร์ อดทนอีกนิด บิดาของเจ้าไปตามทานหมอผิงแล้ว” หลี่อ้ายเอ่ยปลอบบุตรชายพลางเอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาดเช็ดไปตามใบหน้า ไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผากถึงซอกคอและลำตัวของบุตรชาย“เจ็บคอ...” เด็กน้อยไอออกมาเสียงแหบ อี้หมิงหลับตาทว่ายังขมวดคิ้ว คงจะคอแดงไม่น้อยจึงบ่นพึมพำออกมาเช่นนั้น ซึ่งนั้นทำให้หัวใจคนเป็นแม่ยิ่งวิตก “สะใภ้ หมิงเอ๋อร์เป็นเช่นใดบ้าง” นางหูที่นั่งอยู่ข้างนอกได้ยินบทสนทนาจึงเดินเข้ามาดูหลานชาย“คงเป็นไข้เจ้าค่ะ ข้ากำลังเช็ดตัวให้อยู่ ท่านแม่..

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 37

    “หมิงเอ๋อร์ กลั้นใจกินหน่อยนะ” หลี่อ้ายตักโจ๊กขึ้นมาพอดีคำ นางใช้ปากเป่าโจ๊กจนเย็นลงเล็กน้อย ป้อนโจ๊กหมูที่ต้มจนหอมกรุ่นจ่อไปที่ริมฝีปากของบุตรชายพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจ เกลี้ยกล่อมให้อี้หมิงยอมกินอาหารอีกสักหน่อยจางอี้หมิงอ้าปากรับโจ๊กเข้าไป ตอนนี้ลิ้นของเขาไม่รับรสใด ๆ แล้วนอกจากความขมอย่างเดียว ต่อให้เป็นโจ๊กหมูที่หอมกรุ่นแบบที่มารดาว่า เขาก็ไม่มีความอยากเลยสักนิด“อีกคำนะหมิงเอ๋อร์ แม่ขออีกคำ” หลี่อ้ายเอ่ยปากบอกบุตรชายหลังจากที่จางอี้หมิงกินโจ๊กไปได้แค่สิบคำเท่านั้น เด็กน้อยต้องกินอีกสักหน่อย ไม่เช่นนั้นนางก็กลัวว่าร่างกายจะยิ่งอ่อนแรง แต่นอกจากจะไม่อ้าปากแล้วเด็กชายยังเบือนหน้าหนี “แม่ขออีกคำเถอะนะ หมิงเอ๋อร์...” แต่ทว่าพอนางยิ่งคะยั้นคะยอ ลูกชายก็แบะปากทำท่าจะร้องไห้เสียแล้ว“พอเถอะน้องหญิง หมิงเอ๋อร์กินได้เยอะมากแล้ว อย่าบังคับลูกอีกเลย” เป็นจางอี้เทาที่ทนเห็นบุตรชายทรมานจากการกินข้าวไม่ได้จึงเอ่ยทัดทานภรรยาออกไป“กินข้าวแล้ว หมิงเอ๋อร์ของย่าต้องดื่มยาก่อนนะ จะได้หาย แล้วค่อยนอนพัก” หูไป๋หงยกถ้วยยาต้มสีน้ำตาลเข้มเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ หลานชาย“ท่านย่า มันขม ข้าไม่ชอบ”“ไม่ได้นะ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-12

Bab terbaru

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 63

    “ทางออกอันใดหรือเด็กน้อย” เฉินเจียเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขามองดูเด็กน้อยตรงหน้าอย่างพินิจ“ทางออกของเรื่องทั้งหมดนี้เช่นไรเล่าขอรับ ข้าขอเสนอให้พวกท่านทั้งสิบคนแลกเปลี่ยนนิลเง็กเซียนกับสามสหายท่องหล้า แบ่งปันกันชิมคนละคำสองคำ เช่นนี้แล้วพวกท่านทั้งหมดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยวิธีการปรุงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”“สำหรับค่าอาหารจากที่ท่านเฉินเจียกับท่านฉีหมิงต้องจ่ายคนละห้าสิบตำลึง สองจานรวมเป็นหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อแลกเปลี่ยนอาหารกันแล้ว พวกท่านเพียงจ่ายคนละสิบตำลึงเท่านั้น เช่นนี้แล้วพวกท่านทุกคนจึงเท่าเทียมเหมือนกันแล้วขอรับ”“ในอนาคต เหลาอาหารซิ่งฝูจะมีรายการอาหารชนิดใหม่ออกมาทุกเดือน เพื่อเป็นการตอบแทนท่านทั้งสิบคน เหลาอาหารซิ่งฝูยินดีที่จะให้ท่านเป็นลูกค้าพิเศษ เมื่อมีรายการอาหารชนิดใหม่ในแต่ละครั้ง เหลาซิ่งฝูจะทำการเชิญท่านทั้งสิบมาทำการลิ้มลองอาหารก่อนเป็นกลุ่มแรก เช่นนี้แล้ว ท่านลุง ท่านตาทั้งหลายพอใจหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายเสร็จแล้วจึงถอยหลังกลับไปยืนข้างท่านปู่ด้วยความสงบเรียบร้อย“ฮะ ฮะ ฮะ” ฉีหมิงหัวเราะออกมาและกล่าวชมเชยหลินไห่“เถ้าแก่หลิน หลานชายข

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 62

    “ข้าไม่เคยได้ชิมอาหารจานผักเช่นนี้มาก่อนเลย จะว่าเป็นน้ำแกงก็มีน้ำน้อยเกินไป จะว่าเป็นผักต้มแต่กลับมีกลิ่นของกระเทียม รสชาติกลมกล่อมเกินกว่าจะเป็นผักต้มได้ เถ้าแก่หลิน สามสหายท่องหล้าคืออาหารชนิดใดกันแน่ขอรับ” ชายคนแรกที่ตั้งข้อสงสัยถามเถ้าแก่หลินขึ้นมา“เรียนลูกค้า สามสหายท่องหล้าเป็นอาหารจานผัก ส่วนวิธีการปรุงนั้นทำมาจากการผัด” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยตอบด้วยท่าทางสุขุม“การผัดเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดกันเล่า ข้าอายุแก่จนปูนนี้แล้ว ยังมิเคยได้ยินว่ามีการปรุงอาหารด้วยการผัดมาก่อน พวกเจ้าเล่า เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่” ชายชราที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันไปถามผู้ที่ร่วมชิมสามสหายท่องหล้าด้วยกัน“ข้าไม่เคย”“ข้าก็ไม่เคย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน“ข้าคงมิสามารถตอบได้เนื่องจากว่าเป็นความลับของเหลาซิ่งฝู ขอลูกค้าอย่าได้ถามอีกเลย” หลินไห่ตอบกลับด้วยความสุภาพ“เจ้าว่าอันใดนะ สามสหายท่องหล้าของพวกเจ้า ปรุงขึ้นมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนั้นหรือ” ฉีหมิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขายินดียิ่งนักที่ได้เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งได้ชิมรายการอาหารชนิดใหม่ประเภทจ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 61

    หลินไห่เดินจูงมือจางอี้หมิงนำหน้าอู๋เจ๋อและอู๋หมินออกมา ที่มือของคนครัวทั้งคู่ถือถาดไม้บรรจุนิลเง็กเซียนส่งกลิ่นหอมฉุย พวกเขาเดินนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะของผู้ชนะการประมูลซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันเถ้าแก่หลินเป็นผู้อธิบายถึงรายการอาหารรสเลิศตรงหน้า ทั้งกลิ่นหอมกรุ่ม ทั้งควันที่ลอยออกมาบ่งบอกว่าเพิ่งผ่านการปรุงมาใหม่ ๆ รวมถึงการตกแต่งจานอาหารให้มีสีสันน่ากิน ประกอบกับล่วงเลยเวลาอาหารมื้อแรกของวันมานานพอสมควรแล้ว ยิ่งทำให้เมนูใหม่ดูน่าเย้ายวนลูกค้าที่แพ้การประมูลทั้งหลายเกือบจะกระโดดออกไปยึดเอาถาดไม้ใส่อาหารมาเป็นของตนเองอยู่รอมร่อ เพียงแต่พอมองหน้าเถ้าแก่หลินแล้ว พวกเขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน รออาหารอีกชนิดหนึ่งแทน ซึ่งพวกตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอันใดและจะมีกลิ่นหอมเหมือนกับอาหารของผู้ชนะหรือไม่“ท่านเฉินเจียและท่านฉีหมิง อาหารชนิดใหม่ตรงหน้าท่าน เป็นอาหารจานเนื้อ เรียกว่า นิลเง็กเซียน เนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้น ข้าขอแนะนำให้นำเนื้อจิ้มลงไปในน้ำแกงก่อนกิน แล้วตามด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ดอกไม้ซีหงซื่อและแตงกวาที่วางอยู่บนจาน พวกท่านสามารถนำมากินแก้อาการเลี่ยนได้ เชิญท่านทั้งสองลิ้มลองอา

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 60

    “พี่ชายหมิน รบกวนหยิบมะเขือเทศกับแตงกวามาให้ข้าที อย่าลืมล้างให้เรียบร้อยด้วยนะขอรับ มาทำตรงโต๊ะเตรียมวัตถุดิบนะขอรับ” จางอี้หมิงบอกแล้วจึงเดินไปรอที่โต๊ะกลางห้องอู๋หมินรีบหยิบผักออกมา เมื่อล้างแตงกวาและมะเขือเทศจนสะอาดแล้วจึงเดินมาสมทบกับอี้หมิงทันที เขาวางวัตถุดิบทั้งสองอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วยกตัวของเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ส่วน อู๋หมินยืนอยู่ข้าง ๆ อีกที“หมิงหมิงน้อยบอกว่าจะทำดอกไม้จากซีหงซื่อเช่นนั้นหรือ”“พี่ชายหมิน ต่อไปต้องเรียกมะเขือเทศนะขอรับ ห้ามเรียกซีหงซื่ออีก”“ดะ ได้ หมิงหมิงน้อยจะทำดอกไม้จากมะเขือเทศเช่นนั้นหรือ” อู๋หมินลนลานถามอีกครั้ง คำพวกนี้ระหว่างที่รอสองพ่อลูกบ้านจางไปขายผ้า พวกเขาก็ถูกเถ้าแก่บังคับให้ฝึกเรียกไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเถ้าแก่จะเห่อหลานชายคนใหม่ยิ่งนัก เพียงแต่ช่วงแรก ๆ เขาก็มีหลงลืมเผลอใช้คำที่คุ้นเคยเช่นเดิมไปบ้างเท่านั้น“ขอรับ ดอกไม้จากมะเขือเทศทำง่ายมาก เพียงพี่ชาย หมินเอามีดมาปอกเปลือกมะเขือเทศให้เป็นเส้นจากบนลงล่างโดยที่ไม่ให้เปลือกมะเขือเทศขาดออกจากกัน ความกว้างของเส้นเอาสักสองข้อมือข้านี่แหละขอรับ เสร็จแล้วม้วนเปลือกเข้าหากันมันจะ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 59

    “เด็กน้อย เหลาเฟิงฟู่ทำอาหารได้เลิศรสจริงอันนี้ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง แต่จะให้ข้า เฉินเจียผู้นี้กินอาหารแบบเดิม ๆ ทุกครั้ง เจ้าว่าข้าจะทำได้หรือไม่ นานแค่ไหนแล้วที่เหลาเฟิงฟู่ไม่มีรายการอาหารใหม่ ๆ ให้พวกข้าได้ลองชิมกัน” “วันนี้ในระหว่างที่ข้ากำลังจะมากินอาหารที่เหลาเฟิงฟู่ ระหว่างทางไปข้าเดินผ่านเหลาอาหารซิ่งฝู ข้าได้กลิ่นอาหารที่ หอมมาก หอมจนข้าอดใจไม่ไหวถึงได้เดินเข้ามาที่เหลาซิ่งฝูแห่งนี้ เสี่ยวเอ้อร์บอกเพียงว่าเขาเองก็ไม่รู้ จนเถ้าแก่หลินออกมาอธิบายให้พวกข้าฟังว่าเป็นอาหารชนิดใหม่ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เจ้ารับรู้ในตอนนี้”“อ๋อ เป็นเช่นนี้นั่นเอง แล้วพวกท่านก็เป็นเช่นท่านเฉินเจียเหมือนกันหรือขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปถามบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้า แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ในใจ พวกเขาทุกคนต่างพากันพยักหน้าถือเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี“ข้าไม่มีสิ่งใดสงสัยแล้วขอรับ เชิญท่านปู่ทำการประมูลต่อได้เลยขอรับ” อี้หมิงหันหน้ากลับมาบอกหลินไห่“พวกท่านพอใจกับราคาเปิดประมูลหรือไม่ หากคิดว่าราคาแพงไป ดังนั้นขอเชิญสั่งอาหารตามรายการที่ทางเหลาซิ่งฝูมีอยู่แล้วได้เลย” หลินไห่ถามย้ำอีกครั้ง เ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 58

    ทันทีที่เถ้าแก่หลินเดินออกมาจากห้องครัว เหล่าคหบดีที่นั่งรออยู่ก็พากันลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาต่างตั้งใจรอฟังว่าเจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หลินไห่แย้มรอยยิ้มกว้าง เขาใช้เสียงดังป่าวประกาศออกไป“ท่านลูกค้าทั้งหลาย เหลาอาหารซิ่งฝูต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในรายการอาหารชนิดใหม่มากถึงเพียงนี้ ตามที่ข้าได้แจ้งให้พวกท่านทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว อาหารที่เหลาซิ่งฝูทดลองทำมีปริมาณไม่เพียงพอกับทุกคน ในตอนนี้เหลาซิ่งฝูสามารถให้พวกท่านได้ทดลองชิมเพียงสองจานเท่านั้น แต่เท่าที่ข้านับได้ พวกท่านมีประมาณสิบคน ดังนั้นข้าจึงได้มีความคิดหนึ่ง หวังว่าพวกท่านจะเห็นด้วยกับความคิดนี้”คหบดีมากมายยืนนิ่งรอฟัง มีบ้างที่เกือบชักสีหน้าเมื่อรู้ว่าอาหารมีไม่เพียงพอ แต่เถ้าแก่หลินก็รีบกล่าวเสริมต่อ“ข้าจะเปิดประมูลอาหารสองจานนี้ ใครที่ให้ราคามากที่สุดจึงจะได้อาหารทั้งสองจานนี้ไปลิ้มลอง ค่าอาหารทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ ข้าหลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะนำไปบริจาคและช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน โดยแจ้งแก่พวกชาวบ้านว่าเป็นสินน้ำใจจากพวกท่านทั้งหลาย ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นเป็นเช่นใดบ้าง”“…”ห

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 57

    “นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ให้พวกนั้นตีกันแล้ว ยังได้เงินมาช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย เหล่าคหบดี ข้าราชสำนักพวกนั้นชอบให้คนยกยอตนเองอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากชิม ก็จ่ายเงินมา ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่ได้ชิม เหลาซิ่งฝูก็ไม่ต้องมากังวลว่าพะโล้จะไม่พอให้ชิม ต้องมาทำอะไรวุ่นวายไปหมด ที่ข้าชอบที่สุดเห็นจะเป็นเหลาอาหารซิ่งฝูยังได้กระจายข่าวรายการอาหารใหม่อีกสอง รายการโดยที่ไม่ต้องทำอันใด ลูกค้าพวกนั้นจะเป็นคนกระจายข่าวให้เหลาอาหารของพวกเราเอง” หลินไห่พึมพำถึงข้อดีของการแก้ปัญหานี้กับตนเอง ก่อนที่จะหันไปถามหัวหน้าพ่อครัวถึงอาหารที่มีตอนนี้“ว่าแต่อู๋เจ๋อ เจ้าลองตักใส่จานดูสิ พะโล้ในหม้อมีจำนวนกี่จาน” “รอสักครู่ขอรับ”อู๋เจ๋อรีบเดินไปตักพะโล้แห้งใส่จาน เขามองดูแล้วว่าได้ทั้งหมดเพียงสองจานเท่านั้น เสร็จแล้วชายวัยกลางคนจึงถือจานมาวางไว้บนโต๊ะที่เถ้าแก่หลินนั่งอยู่“มีเพียงสองจานเท่านี้เองหรือ ไม่เป็นไร ยิ่งมีน้อยความต้องการยิ่งสูงราคายิ่งแพงตามไปด้วย อู๋เจ๋อ เจ้าให้พ่อครัวเตรียมวัตถุดิบทำสามสหายท่องหล้าขึ้นมาสักสิบจาน ข้าจะเอาไว้ปลอบใจให้กับคนที่ประมูลพะโล้แห้งไม่ได้” เถ้าแก่หลินเอ่ยสั่งงานหัวหน้าพ่อครัวด้วยอารมณ์ที

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 56

    หลินไห่ จางอี้เทา จางอี้หมิง รวมทั้งซีฮันเข้ามายังห้องครัว เท้ายังไม่พ้นประตูดี อู๋เจ๋อที่รออยู่ข้างในครัวด้วยความกระวนกระวายถึงกับถลาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าตื่นตูม“หมิงหมิงน้อย เจ้ากลับมาแล้ว เถ้าแก่เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”ใครจะคิดว่าอาหารสูตรบ้านจางจะส่งอิทธิพลขนาดนั้น หลินไห่พยักหน้าตอบพ่อครัว เขากับจางอี้เทาเดินเลี่ยงไปนั่งตรงมุมพักผ่อนเช่นเดิม“ท่านลุงอู๋ พะโล้ได้ที่แล้วกระมังขอรับ รบกวนท่านลุงอู๋ชิมดูได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามหัวหน้าพ่อครัว “ลุงก็ไม่รู้ว่าพะโล้สุกได้ที่แล้วหรือไม่ เพราะหมิงหมิงน้อยเพียงแต่บอกให้ตุ๋นรอเจ้ากลับมา ลุงจะยกลงก็เกรงว่าจะผิดสูตร จึงได้แต่รอเจ้ากลับมานี่แหละ” อู๋เจ๋อเรียกสติของตนเองและตอบกลับ“ท่านลุงลองชิมพะโล้ดูก่อนขอรับ ถ้าเนื้อหมูนุ่ม ซอส เอ่อ น้ำแกงเหลือขลุกขลิก รสชาติใช้ได้แล้วก็ยกลงได้เลย ลองให้ท่านปู่หลินช่วยชิมดูอีกคนก็ได้ขอรับ” อู๋เจ๋อเดินไปที่เตาหม้อตุ๋นหมูพะโล้ เขาก้มลงดูอาหารด้านใน เมื่อเห็นว่าน้ำแกงแห้งขอด มีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยตามที่เด็กชายได้เอ่ยบอกไว้ เขาจึงหยิบจานใบเล็กมาตักหมูพะโล้วางลงไป แล้วจึงปิดฝาหม้อไว้เช่นเดิม

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 55

    หน้าเหลาอาหารซิ่งฝูในตอนนี้มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอย่างร้อนใจ ซีฮันชะเง้อคอมองหาสองพ่อลูกเจ้าของสูตรอาหาร และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินกลับมาแล้วจึงรีบปรี่เข้าไปหาโดยไม่รอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงเดินมาถึงหน้าเหลาอาหารเสียด้วยซ้ำ บุรุษบ้านจางต่างวัยขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความสงสัยเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนพ่อลูกไปขายผ้าปักเช่นนั้นหรือ“พี่อี้เทา หมิงหมิงน้อย พวกเจ้ากลับมาแล้ว รีบขึ้นไปหาเถ้าแก่และท่านลุงอู๋โดยเร็วเถอะ” ซีฮันไม่ปล่อยให้สองพ่อลูกเอ่ยถามอันใด เขารีบบอกออกไปทันที“อาฮัน เกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” อี้เทาถามออกไปด้วยความข้องใจ“เถ้าแก่น่ะสิ ร้อนใจอยากให้พวกเจ้ารีบกลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้วว่าพะโล้มันส่งกลิ่นรบกวนทุกคน ลูกค้าที่มากินอาหารที่เหลาโวยวายเสียงดังยกใหญ่” ซีฮันบอกด้วยเสียงเครียดขรึม“พะโล้ส่งกลิ่นรบกวนลูกค้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” อี้หมิงพึมพำกับตนเองเบา ๆหรือว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปรุง แต่เขาจำได้ว่าในการปรุงพะโล้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหมักไปจนถึงการตุ๋น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป มันไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดนี่นา“พวก

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status