ปลายนิ้วของกู้อวิ๋นซีกำลังสั่นเทารอยยิ้มตรงมุมปากของจวินฉู่หลีเริ่มจางหายไปเล็กน้อยเขามองไปที่กู้อวิ๋นซีด้วยสีหน้าจริงจัง "ต้นกกเขียวขจีริมแม่น้ำ น้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงแข็งเป็นเกล็ด"กู้อวิ๋นซีรู้สึกสั่นคลอนในใจอย่างแรงนี่คือคืนที่นางกับฉู่หลีตกลงเรื่องความสัมพันธ์กัน พวกเขานั่งอยู่ในทุ่งดอกไม้ด้วยกันทั้งคืนเป็นกลอนที่เขาพูดขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไป!ความคลางแคลงสงสัยเล็กๆ ในใจของกู้อวิ๋นซี ในที่สุดก็หมดไป!"ฉู่หลี ต่อไป อย่าไปจากข้าอีกได้ไหม" นางจับฝ่ามือใหญ่ของเขาไว้แน่นจวินฉู่หลีไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงแค่มองนางนิ่งๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน "อย่าโกรธท่านพี่สี่เลย เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย"กู้อวิ๋นซีส่ายหน้า "ข้าจะโกรธหรือไม่ ก็คงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาหรอก""ไม่ สำหรับเขา มันมีความหมายมาก" จวินฉู่หลีพูดอย่างหนักแน่นกู้อวิ๋นซีขยับริมฝีปาก อยากจะพูดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีสุดท้าย นางก็ปล่อยจวินฉู่หลี แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า "ข้ากับองค์ชายสี่...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อเจ้า""ฉู่หลี...""พรุ่งนี้แม่ทัพกู้จะไปออกรบที่เมืองชิง เจ้าอยากไปหรือไม่?
กู้อวิ๋นซีมักรู้สึกว่า ประโยคนี้แปลกประหลาดนิดหน่อยแต่นางก็ไม่มีโอกาสจะได้คิดนานจวินฉู่หลีก้มศีรษะลง จูบไปบนริมฝีปากของนางมือที่ดันอยู่ตรงหน้าอกของเขา สำหรับเขามันไม่สามารถช่วยต้านทานอะไรไว้ได้เลยกู้อวิ๋นซีกลับยังอยากที่จะผลักเขาออกด้วยสัญชาตญาติอย่างหนึ่งนางรู้สึกว่าตัวเองงงไปหมดแล้ว ทำไมมักรู้สึกว่า จูบของฉู่หลี ถึงได้เหมือนกลิ่นอายขององค์ชายสี่ขนาดนั้นได้?จนนางไม่อาจแยกได้เลยราวกับว่า ขนาดจูบของฉู่หลีตอนแต่งงานเป็นความรู้สึกอย่างไร นางก็ลืมไปหมดแล้วในหัวสมองว่างเปล่าไปหมด"อยู่ใต้ร่างของข้า ยังกล้าเหล่อลอยอีกเหรอ?" จวินฉู่หลีหรี่ตาลง ฉับพลันก็จับตัวนางพลิกไปด้านหลังกู้อวิ๋นซีตื่นกลัวขึ้นฉันพลีน รีบพูดอย่างร้อนรนว่า "ฉู่หลี อย่าทำแบบนี้! ขะ ข้าอยากมองหน้าเจ้า!"ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กู้อวิ๋นซีในคืนนี้ ถึงได้ต่อต้านท่านี้เป็นพิเศษการต้องหันหลังให้เขา ทำให้มองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดตอนที่มองไม่เห็นอะไร นางกลัวว่าตัวเองจะคิดฟุ้งซ่าน!หมู่นี้หัวใจของนางค่อนข้างอ่อนแอขนาดตัวนางเองยังไม่รู้เลยว่า เหตุใดตัวเองจึงกลายเป็นเช่นนี้!เมื่อก่อนนาง กระทำสิ่งใดล้วนมีสติมั
เมื่อเห็นจวินฉู่หลีที่สวมชุดเกราะทั้งชุด ในมือถือดาบเล่มใหญ่เดินออกมา หัวใจของกู้อวิ๋นซีก็ราวกับมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง!นี่มัน องค์ชายสี่ชัดๆ!โดยเฉพาะ บนศีรษะเขาที่สวมเกราะหัว ทำให้แทบจะปกปิดใบหน้าไว้ได้อย่างมิดชิดมองไม่เห็นไฝเสน่ห์ที่หางตา ใบหน้าก็แทบจะมองไม่เห็นสวมชุดเกราะทั้งตัว แถมมีราศีเผด็จการ ดุดันที่รุนแรง หากไม่ใช่นางเห็นว่าจวินฉู่หลีสวมชุดเกราะเดินออกมาด้วยตัวเอง กู้อวิ๋นซีจะต้องเข้าใจว่า คนที่นางเห็นจะต้องเป็นจวินเย่เสวียนแน่นอนแต่งตัวเช่นนี้ หากบอกว่าเขาคือเสวียนอ๋อง ใครจะกล้าปฏิเสธบ้าง?จวินฉู่หลีโบกมือหนึ่งทีเยียนเป่ยก็ร้องตะโกนขึ้นเสียงดังทันควัน "เปลี่ยนธงแม่ทัพ!"ด้านหน้า ธงแม่ทัพที่มีอักษรกู้ ถูกเปลี่ยนเป็นอักษรคำว่า "เสวียน" ทันที!เสวียนอ๋องจะออกรบด้วยตัวเอง ยังมีอะไรที่เอากลับคืนมาไม่ได้อีก?กองทัพใหญ่ออกเดินทางจากเมืองฝาน เมื่อออกไป ทัพใหญ่ของอูฉงก็ถอนกำลังกลับไปนานแล้วความจริง ตั้งแต่วันที่กองทัพใหญ่ของเสวียนอ๋องมาถึง ก็มีร่องรอยว่ากองทัพใหญ่ของอูฉงค่อยๆ ถอนกำลังออกไปแล้วตอนหลัง เมื่อเสวียนอ๋องประกาศว่าจะยึดเมืองชิง กองทัพใหญ่ของอูฉง
ดาบใหญ่ของเขา ไม่เคยอนุญาตให้ใครได้แตะต้อง ขนาดฉู่หลีก็ไม่ได้...คำพูดประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของกู้อวิ๋นซีตลอดทั้งวันแต่เขาคือฉู่หลีชัดๆแต่ตอนนี้ในมือของเขาถือดาบจันทร์เสี้ยวไว้จริงๆ...นี่นางดูเหมือนจะสับสนอีกแล้วในใจรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกอยากที่จะไปหาจวินฉู่หลีเพื่อถามให้รู้เรื่อง แต่ตลอดสามวันสามคืนต่อมา นางก็ไม่มีโอกาสได้พบเจอกับฉู่หลีเลยตลอดสามวันมานี้ เป็นมู่เฟยหย่าที่คอยอยู่เป็นเพื่อนนางตลอดจวินฉู่หลีกับกู้หนานฟงอยู่ในกองทหารส่วนหน้า เมื่อถึงช่วงเที่ยงของวันที่สาม ทัพหน้าก็ไปถึงพื้นที่ที่ห่างจากเมืองชิงเพียงแค่ห้าลี้แล้วจากนั้นก็ตั้งค่าย พักผ่อนกู้อวิ๋นซีก็ยังคงไม่มีโอกาสได้เจอกับจวินฉู่หลีเช่นเคยเมื่อถึงช่วงกลางดึกของคืนนั้น มู่เฟยหย่าออกไปดูลาดเลาด้านนอก จากนั้นก็วิ่งกลับเข้ามาในกระโจมอย่างรวดเร็ว "พวกเขาเริ่มแล้ว!""หมายความว่ายังไง?" กู้อวิ๋นซีกู้อวิ๋นซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืนขึ้นฉันพลัน "เริ่มสู้กันแล้วเหรอ?""ทัพหน้าภายใต้การนำของเสวียนอ๋อง บุกเข้าไปในเมืองชิงแล้ว ส่วนพวกเรา อีกไม่นานก็คงต้องเคลื่อนกระโจมเพื่อออกเดินทางต่อ""แต่เจ้
เมืองชิงแตกแล้วทหารของอูฉงพ่ายแพ้ย่อยยับ บาดเจ็บสาหัสทหารตระกูลกู้อยู่ที่เมืองชิง กองทัพหลักเดินทางกลับเมืองฝานบนกำแพงเมืองของเมืองชิง ยังคงปักธงที่มีอักษรคำว่า "เสวียน" อยู่!เสวียนอ๋องไม่ได้อยู่ที่เมืองชิง แต่ตอนนี้เมืองชิงอยู่ในการคุ้มครองของเขาหากว่าต่อไปใครกล้ามารุกราน ธงผืนนี้ ก็จะไปปักอยู่บนกำแพงเมืองของคนผู้นั้น"ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าตีเมืองชิง จะใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น"กู้หนานฟงรับเอาผ้าขนหนูร้อนที่มู่เฟยหย่ายื่นให้มาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของตัวเองมองไปที่กู้อวิ๋นซี คิดถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบ จนถึงตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย"ดีที่ได้บารมีของเจ้านะซีเออร์ ถึงสามารถเชิญเสวียนอ๋องให้มาช่วยตีเมืองได้แบบนี้! ข้าเองก็ไม่เคยคิดเลย ว่าเมืองใหญ่เช่นนี้จะสามารถถูกตีแตกได้แค่เวลาภายในหนึ่งคืน!""ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ เสวียนอ๋องใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ก็สามารถตีประตูเมืองจนแตกได้! เหลือเชื่อจริงๆ!"ตอนนี้ความรู้สึกนับถือที่กู้หนานฟงมีต่อเสวียนอ๋อง มากมายจนพลั่งพลูออกมาไม่หมด!สมแล้วที่เสวียนอ๋องเป็นเทพสงครามแห่งหนานหลิ่ง ตอนที่สู้ราวกับเป็นเทพที่ลงม
ครั้งนี้กู้อวิ๋นซีไม่มีอาการตกใจหรือละอายใจนางหันกลับไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง"ได้ยินว่าดาบจันทร์เสี้ยวของเสวียนอ๋อง หนักตั้งห้าสิบกว่ากิโล มีเพียงท่านคนเดียวที่สามารถใช้ได้อย่างลื่นไหล"นางมีสีหน้าไร้อารมณ์ จนแทบจะพูดได้ว่า เย็นเยียบเลยทีเดียว"แต่เหตุใดข้าถึงเห็นฉู่หลีใช้ดาบจันทร์เสี้ยวของท่านในสนามรบได้อย่างสบายราวกับใช้อาวุธของของตัวเองมานานหลายปีกัน?""เจ้าเห็นเมื่อไรว่าฉู่หลีไปออกรบ?"จวินเย่เสวียนพูดอย่างเย็นชา "หรือว่า นี่เจ้าจำแม้กระทั่งผู้ชายของตัวเองไม่ได้เลยหรือยังไง?""ท่านหมายความว่ายังไง?" กู้อวิ๋นซีตกใจจนตัวแข็ง"คนที่ช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าตีเมืองเมื่อสิบวันก่อน เป็นข้าเอง ยัยผู้หญิงโง่!"จวินเย่เสวียนพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เจ้าคิดว่า สภาพร่างกายที่เพิ่งควบคุมพิษได้ของฉู่หลี ข้าจะยอมให้เขาไปออกรบหรือยังไง?""นี่ท่านพูด...จริงเหรอ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกตกตะลึง ในแววตาปรากฎร่อยรอยแห่งความดีใจแต่ไม่นาน ความดีใจนั้นก็ค่อยๆ มลายหายไป ในใจ ยังคงรู้สึกสงสัยไม่หายนางไม่กล้าที่จะคิดมากอีกแล้ว!จวินเย่เสวียนคร้านที่จะอธิบายกับนางอีก "ตอนนี้ ตามข้าเข้าว
จวินเย่เสวียนพานางไปยังตำหนักของพระสนมหรงเขาบอกว่า ตอนนี้ฉู่หลีอยู่ในตำหนักของพระสนมหรงนี่แหละดูก็รู้ว่าในใจของเขารู้สึกอึดอัดคับข้องใจถึงแม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ แต่กู้อวิ๋นซีก็รู้ได้ว่าเขากำลังโมโหอยู่เขาไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยหรือไงหรือว่า นางจะเป็นคนผิดจริงๆ?เรื่องมันง่ายแบบที่เขาบอกจริงๆ เหรอ?เขาไม่อยากให้ฉู่หลีไปออกรบ ดังนั้น เขาก็เลยไปออกรบแทนเป็นแบบนี้เหรอ?ในขณะที่ทั้งสองคนเดินผ่านภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ไม่ไกลนักก็มีเสียงพูดคุยเบาๆ ของคนสองคนดังมากู้อวิ๋นซีตกใจในวังหลังส่วนลึกมี...มีคนกล้านัดพบกันด้วยเหรอ?นี่เป็นโทษหนักถึงขึ้นประหารชีวิตเชียวนะ!ไม่รู้ว่าเป็นทหารองครักษ์กับนางกำนัลน้อยคนไหน ใจกล้าถึงเพียงนี้เมื่อมองไปที่จวินเย่เสวียนอีกครั้ง เขาเองก็ได้ยินแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังเดินเข้าไปอย่างมั่นคง ราวกับไม่คิดสนใจหรือว่าเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในวังหลวงกันนะ?กู้อวิ๋นซีกำลังจะเดินต่อ คิดไม่ถึงว่าสองคนที่อยู่ด้านหลังภูเขาจำลอง กลับพูดขึ้นว่า"เป็นอย่างไร? พระสนมอวี้ ข้าเก่งกว่าตาแก่นั่นเป็นไหนๆ เลยใช่หรือไม่?""นะ นั่นมันแน่
"กรี๊ดดด!"กู้อวิ๋นซีตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องของตัวเองเพิ่งฟื้นขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าที่ทำให้ตัวเองต้องหวาดกลัวสุดขีดอยู่ใกล้เพียงคืบนางตกใจจนใช้ฝ่ามือผลักเขาออกไป "อย่าแตะต้องตัวข้า!"ผู้ชายที่อยู่ข้างเตียงไม่ได้หลบหลีก ยอมรับฝ่ามือของนางทื่อๆ อย่างนั้นแต่ว่า วรยุทธ์ของนางตื้นเขิน ทำร้ายเขาไม่ได้เลยสักนิดเดียวเพียงแต่ท่าทางที่หวาดกลัวของนางเช่นนี้ ทำให้เขาเจ็บปวดใจอย่างมาก"ซีเออร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?""อย่าแตะต้องตัวข้า!" กู้อวิ๋นซีถลึงตามองเขา นิ้วมือยังคงสั่นเทา "อย่าเข้ามา! ท่านอย่าเข้ามานะ!""ซีเออร์ ข้าเองฉู่หลี!""ท่านไม่ใช่! ท่านคือจวินเย่เสวียน! ท่านไม่ใช่ฉู่หลี!"จวินฉู่หลีถอนหายใจออกมาหนึ่งที จ้องมองใบหน้าของนาง "ข้ารู้อยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้"กู้อวิ๋นซีไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไงเมื่อมองดูสายตาที่อบอุ่นของเขา ความรู้สึกหวาดกลัวในใจของนาง ก็ค่อยๆ สงบลงได้ในที่สุด"ฉู่...หลี?" กู้อวิ๋นซีจ้องเขาอย่างอึ้งๆที่หางตาของเขามีไฝเสน่ห์อยู่เม็ดหนึ่งจริงๆแต่เขากับจวินเย่เสวียน เหมือนกันขนาดนั้น นางแยกไม่ออกหรอก!หากว่าไฝเม็ดนี้ ใช้น้ำยาข
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี