"บังอาจ!" เมื่อมู่อันหนิงได้ฟังคำพูดของเยี่ยนอีก็โมโหจนต้องกัดฟันกรอด "เจ้าบังอาจใช้ท่าทางเช่นนี้ในการพูดกับข้าอย่างนั้นเหรอ!"เยี่ยนอีไม่ชอบพูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ชิ้ง เขาชักกระบี่เล่มยาวที่เหน็บเอวเอาไว้ออกมาชี้ปลายกระบี่ไปที่มู่อันหนิงมู่อันหนิงแทบจะถูกเขาทำให้โมโหตายแล้ว นี่เขาเอาจริงเหรอเนี่ย!"ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเย่เสวียนดีขนาดไหน พวกเจ้าไม่รู้หรือยังไง? ก่อนที่พระสนมหรงจะจากไป ก็พูดเองว่าให้ข้าดูแลเรื่องเล็กใหญ่ภายในจวน ข้า..."เยี่ยนอีเดินเข้ามาหานางมู่อันหนิงกุมไปที่ตำแหน่งหัวใจที่ถูกเข็มเงินของกู้อวิ๋นซีแทงจนได้รับบาดเจ็บ ถูกพลังปราณของเยี่ยนอี กดดันจนต้องถอยหลังไปสองก้าว!ไอ้คนสารเลว กล้าช่วยกู้อวิ๋นซีมารังแกนาง!แต่เมื่อครู่นางถูกกู้อวิ๋นซีทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังไม่สามารถรวบรวมพลับปราณกลับคืนมาได้การสู้กับเยี่ยนอีด้วยร่างกายที่แข็งแรง ตัวนางก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ แล้วยิ่งตอนนี้ได้รับบาดเจ็บด้วยอีก!คนฉลาดมักต้องรู้จักประเมิณสถานการณ์!"เจ้ารอก่อนเถอะ! รอให้เย่เสวียนฟื้นขึ้นมาก่อน ข้าจะให้เขาจัดการเจ้าแน่!"มู่อันหนิงทิ้งกระบี่ยาวลงอย่า
"เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?" เยี่ยนอีสีหน้าเคร่งขรึม เขาโกรธแล้ว!"ต่อให้พวกเจ้าจะทำร้ายท่านอ๋อง แต่คนข้างกายของท่านอ๋องเคยไปรังแกพวกเจ้าเมื่อไรกัน?"เยี่ยนอีพูดไปก็รู้สึกแย่ในใจไป!ก็เพราะว่าท่านอ๋องทั้งสองต่างพากันให้ความสำคัญกับกู้อวิ๋นซีขนาดนี้ พวกเขาถึงไม่กล้าทำอะไรเลย!ไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นคนอื่น กล้าทำร้ายท่านอ๋องขนาดนี้ คงจะโดนฆ่าไปตั้งนานแล้ว!ในเวลานี้ สองนายบ่าวนี่ยังจะกล้าพูดจาใส่ร้ายกันอีก!"ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลนะ"ในใจของอันเซี่ยเองก็โกรธ แต่นางรู้สึกน้อยใจ "ใต้เท้าเยี่ยนอี ข้ากับคุณหนูถูกขังอยู่ในหอหนิงซีมาโดยตลอด คุณหนูถูกวางยา แท้งลูก ไม่มีหมอ ไม่มียา เกือบจะตายไปอยู่แล้ว""นี่ก็ช่างเถอะ พวกท่านยังไม่ให้อาหารเลยแม้แต่นิดเดียว แถมไม่ให้พวกข้าออกไปข้างนอก นี่ไม่ใช่จงใจจะขังพวกข้าให้ตายอยู่ข้างในเหรอ?""ไม่มีเรื่องแบบนี้!" เยี่ยนอีจ้องนางเขม็งอันเซี่ยเองก็กำลังจ้องเขาเช่นกัน "มีหรือไม่ ใต้เท้าเยี่ยนอีไปสืบเองก็รู้แล้ว มันยากแค่ไหนเชียว?""เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อย ตอนนี้ข้าแค่เพียงอยากทำการค้ากับพวกเจ้าเท่านั้น"กู้อวิ๋นซีมองไปที่อันเซี่ยทีหนึ่ง อ
เยี่ยนอีกับเยียนเป่ยต่างพากันก็อึ้งไปถึงแม้ปากของเยียนเป่ยจะพูดว่ารังเกียจ แต่ความจริง ตอนที่ได้เห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกรอคอยอย่างประหลาดเพียงแต่กลัวว่าหลานโจวจะไม่ยอมรับแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลานโจวจะพูดมันออกมาเอง ขอให้พระชายาช่วยรักษาท่านอ๋องด้วยท่าทีที่จริงใจที่สุดเยี่ยนอีไม่ได้พูดอะไร เยียนเป่ยเองก็รีบเงียบปากในทันใดเกลียดกู้อวิ๋นซีเป็นเรื่องจริง แต่ก็เชื่อในการรักษาของนางอย่างแท้จริงเช่นกันกู้อวิ๋นซีไม่ได้มองหลานโจว นางเดินตรงไปนั่งลงที่ข้างเตียง ยกมือของจวินเย่เสวียนขึ้นมาจับชีพจรเพียงแต่ คิ้วของนางก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากันเยียนเป่ยรีบถามอย่างร้อนใจ "ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?"เยี่ยนอีเองก็ขยับเข้าไปใกล้ ถึงจะไม่ได้พูดออกไป แต่สายตาก็จับจ้องไปที่กู้อวิ๋นซี ไม่พลาดสีหน้าของนางเลยแม้แต่น้อยแน่นอนว่าหลานโจวก็ไม่กล้าพูดอะไร แต่ในเวลานี้ไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว เพียงมองดูกู้อวิ๋นซีอย่างจดจ่อกู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วเเน่นยิ่งขึ้นผ่านไปสักพักนางถึงได้พูดออกมา "อาการบาดเจ็บภายในของเขา...หายดีตั้งนานแล้ว"ร่างกายของจวินเย่เสวียนพิเศษกว่าคนทั่วไป ร่างกายที่ผ่านการทำศึกส
สุดท้ายเยี่ยนอีก็ยอมแต่ก็เพียงแค่ให้กู้อวิ๋นซีอยู่ในห้อง ส่วนเขาเฝ้าอยู่นอกประตู ไม่ยอมห่างไปไหนแม้เพียงครึ่งก้าวส่วนเยียนเป่ย กู้อวิ๋นซีไหว้วานให้เขาช่วยงานสักหน่อยถึงแม้จะไม่เต็มใจเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยอมไปทำให้หลานโจวเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกไปกู้อวิ๋นซีจงใจเหลือเขาไว้แต่หลานโจวกลับชิงพูดขึ้นก่อนที่กู้อวิ๋นซีจะได้พูดอะไร "พระชายาหลีอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านอยากจะพูดอะไร แต่คำตอบของข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น พระชายาไม่จำเป็นต้องถามแล้ว"แต่กู้อวิ๋นซีกลับเพียงมองเขาเฉยๆ ไม่พูดอะไรสายตาที่เรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ราวกับผิวน้ำที่เรียบสนิท ทำให้หลานโจวยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีกยังคงไม่ยอมสบสายตากับนางตรงๆ"ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร ข้าเพียงอยากถามสักประโยค ทุกคืนหมอหลานหลับสนิทดีหรือ?""พระชายา กระหม่อมไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ย่อมต้องหลับสนิทอยู่แล้วเป็นธรรมดา" หลานโจวพูดอย่างเย็นชาแต่กู้อวิ๋นซีกลับยกริมฝีปากบางขึ้น แล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ในเมื่อสามารถนอนหลับสนิท เหตุใดข้าเข้ามาตั้งนาน หมอหลานถึงไม่กล้าสบตากับข้าเลยสักครั้งล่ะ?""ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร" หลานโจวลุกขึ้นยืน ย่อตัวทำความเคารพ
อันเซี่ยถูกเสียงถีบประตูเข้ามาของเยียนเป่ยจนทำให้ตกใจ หันหน้ากลับไปมองเขา จนถึงตอนนี้นางก็ยังตั้งสติไม่ได้เศษข้าวต้ม ในปากยังไม่ทันจะได้กลืนลงไปดูแล้วก็น่าอนาจจริงๆ นั่นแหละ!"เจ้ากินอะไรอยู่?" เยียนเป่ยรีบเดินเข้าไป แย่งเอาหม้อในมือของอันเซี่ยออกมาแล้วเอามาใกล้จมูกเพื่อดมกลิ่น"ยัง ยังไม่เสีย" ถึงแม้อันเซี่ยจะดูน่าอนาจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องกินของที่บูดเน่าแล้วนางกระพริบตาปริบๆ หลังจากที่กลืนเศษข้าวต้มในปากลงไปได้อย่างยากลำบากแล้วก็พูดขึ้นว่า "เป็น...ของที่คุณหนูกินเหลือไว้เมื่อตอนค่ำ...""พระชายากินของนี่เป็นอาหารเย็นเนี่ยนะ?" ข้าวต้มสีขาวเปล่าๆ ไม่มีเนื้อเลยสักชิ้นเดียว!"เนื้อตากแห้งชิ้นสุดท้ายกินหมดไปกับข้าวต้มมื้อกลางวันแล้ว"ความจริงอาหารที่เหลืออยู่ในหอหนิงซีของพวกนางมีไม่เยอะแล้ว ตอนที่นางทำอาหารเย็นให้คุณหนู บอกคุณหนูไปว่านางกินแล้วความจริง ขนาดตอนมื้อเที่ยงนางยังกินเพียงแค่เศษข้าวต้มที่คุณหนูกินเหลือเพียงไม่กี่คำเท่านั้นตอนนี้ ทั้งบาดเจ็บ ทั้งถูกพิษ เรี่ยวแรงไม่มี จู่ๆ นางก็รู้สึกอยากที่จะเติมพลังขึ้นมานางหิวมากจริงๆ ไม่เช่นนั้น ตอนที่ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อยขน
"มู่อันหนิงทำร้ายเจ้าขนาดนี้เชียว!" แววตาของเยียนเป่ยเต็มไปด้วยโทสะเด็กอันเซี่ยว่าง่ายคล่องแคล่ว โดยปกติก็เป็นที่รักของคนที่พบเห็นวิชาตัวเบาของนางดีมาก เยียนเป่ยรู้ แต่วรยุทธ์ของนางอ่อนมาก!ต่อกรกับหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง มู่อันหนิงกลับกล้าลงมือขนาดนี้!ปากเล็กๆ ของอันเซี่ยเบะออกเล็กน้อย "หากไม่ใช่ใต้เท้าเยี่ยนอีมาทันเวลา คืนนี้ข้ากับคุณหนูก็คงจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว...""ไม่ต้องมาทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้า!" ตอนนี้เยียนเป่ยยังคงโกรธแค้นในตัวของกู้อวิ๋นซีอยู่!อันเซี่ยถลึงตามองเขา "ข้าไม่ได้ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าท่านสักหน่อย ข้าเพียงแค่พูดความจริง...ช่างเถอะ ไม่มีอะไรจะพูดกับท่าน เอายามาให้ข้า ข้าจะใส่ยาเอง"นี่เป็นยาที่คุณหนูบอกให้เขาเอามาให้ อันเซี่ยใช้ก็รู้สึกสบายใจนางไม่ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าเขาหรอก!คนๆ นี้เกลียดคุณหนู นางก็จะเกลียดเขาด้วย ไม่มีอะไรให้พูดกันอีก"ใต้เท้าเยียนเป่ย ท่านไปเถอะ ตรงนี้ไม่มีอะไรที่น่าดูหรอก"เยียนเป่ยรู้ว่านางมีอคติกับเขาแล้ว เขาเองก็อยากออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่แผลของเด็กคนนี้ มันรุนแรงเกินไป!"เรื่องนี้ รอให้ท่านอ๋องฟื้นขึ้นมาก่อน ข้าจะรายงานท่านอ๋องต
ตอนที่เยียนเป่ยกลับไปถึงหอชมจันทร์ ในใจรู้สึกว่างเปล่าอย่างประหลาด ไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไรเขาค้นดูทุกห้องในหอหนิงซีแล้ว ไม่มีของกินอยู่เลยจริงๆบ่าวรับใช้สักคนก็ไม่มีทหารองครักษ์สี่นางที่เฝ้าอยู่หน้าประตูหอเขาก็สอบถามมาแล้ววันนั้นมีทหารองครักษ์เข้ามาแจ้ง บอกว่าพระชายาหลีอ๋องทำร้ายทายาทของราชวงศ์ เป็นผู้ที่มีความผิด ต้องให้พวกเขาคอยเฝ้าประตูไว้ ไม่อนุญาตให้พระชายาและบ่าวรับใช้สองคนเข้าออกส่วนเรื่องบ่าวรับใช้คนอื่นๆ หลังจากวันนั้นที่เสวียนอ๋องหมดสติถูกนำตัวออกไป พวกเขาก็ถูกแยกย้ายแล้วเมื่อมาคิดดูในตอนนี้ เป็นทหารองครักษ์คนไหนพูด ทุกคนก็บอกไม่ได้แต่มีเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องจริง นั่นก็คือ หลังจากคืนนั้นที่ท่านอ๋องหมดสติไป หอหนิงซีก็ถูกกักบริเวณปิดตายด้านในมีเพียงกู้อวิ๋นซีและอันเซี่ยสองคนคืนนั้นสภาพของกู้อวิ๋นซีแย่มาก ก่อนที่เยียนเป่ยจะจากไป อย่างน้อยเขาได้มองพวกนางอยู่บ้างแท้งลูก ถูกพิษ มีไข้ร่างกายอ่อนแอ ล้วนเป็นเรื่องจริงไม่มียา ไม่มีหมอ ไม่มีอะไรสักอย่างส่วนอันเซี่ย ตอนนั้นก็ถูกท่านอ๋องทำร้ายจนบาดเจ็บ เป็นลมหมดสตินายบ่าวสองคนนี้ยังสามารถมีชีวิตรอดมาจ
"ใคร?" กู้อวิ๋นซีตกใจจนรีบหันหลับไปดู ฟึ่บ นางชักเอามีดที่เหน็บเอวไว้อยู่ออกมาไว้ด้านหน้าตัวเองเพื่อป้องกันตัวคนที่อยู่ด้านหลัง สวมชุดสีขาว ผมสีดำสนิทปลิวพลิ้วไหวไปตามสายลมความจริงนางมองไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาหรอก ตอนที่ได้เจอกันวันนั้นเขาก็นั่งอยู่ด้านหลังม่านแต่วันนี้เมื่อได้เจอ นางกลับสามารถจำเข้าได้ในทันที"คุณชายมู่?"กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วน้อยๆนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกันอย่างเป็นทางการ คุณชายมู่คนนี้มีหน้าตาไม่ธรรมดา ถือว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาเสวียนอ๋องหน้าตาหล่อแบบเพียบพร้อมทั้งบู้บุ๋น หลีอ๋องหล่อแบบสูงศักดิ์มีราศี ส่วนคุณชายมู่คนนี้ต่อให้ต้องยืนระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยหน้าตาดีขนาดไหน ก็พอจะรู้ได้แต่ว่าเมื่อได้เห็นคนหล่อไร้ที่ติอย่างจวินเย่เสวียนกับจวินฉู่หลีจนชินแล้ว ไม่ว่าจะมองผู้ชายคนไหนก็ไม่สามารถทำให้กู้อวิ๋นซีหลงไหลได้ดังนั้น นางก็เพียงแค่ตะลึงนิดหน่อยเท่านั้น จากนั้นก็สงบใจลงได้"เหตุใดคุณชายมู่ต้องใช้วิธีนี้ในการออกมาพบข้าด้วย?"เมื่อคิดไปถึงก่อนที่จวินเย่เสวียนจะหมดสติเขากำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่ กู้อวิ๋นซีก็ต