"ข้าไม่ได้ท้องจริงๆ ก็แค่ท้องเสียเพราะกินของผิดสำแดง"กู้อวิ๋นซีดิ้นรนมาตลอดทาง แต่ ไม่มีใครสนใจนางเลยจวินเย่เสวียนวางนางลงบนเตียงเบาๆ หันหน้ากลับมาตะโกนพูดกับเยียนเป่ย "หมอล่ะ?"เยียนเป่ยไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังเข้าใจว่าพระชายาหลีอ๋องได้รับบาดเจ็บเมื่อถูกท่านอ๋องตะคอกใส่ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าลงกับพื้น "สะ สั่งคนไปตามแล้วพ่ะย่ะค่ะ...""เจ้าไปเอาตัวเขามาเองเลยไป!""พ่ะย่ะค่ะ!" ไม่บ่อยครั้งที่จะได้เห็นท่านอ๋องใจร้อนขนาดนี้ เยียนเป่ยตกใจจนรีบออกไปทันทีโชคดีที่หลานโจวมาถึงพอดีเยียนเป่ยรีบพาตัวหลานโจวเข้ามาทันที "ท่านอ๋อง หลานโจวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""รีบมา ตรวจชีพจรให้นาง!"จวินเย่เสวียนรอไม่ไหวแล้ว รีบเดินสาวเท้าเข้าไป คว้าคอเสื้อของหลานโจวมาจนถึงข้างเตียงจวินฉู่หลีก็รีบพูดอย่างร้อนใจ "หลานโจว เจ้าเร็วหน่อยสิ!"หลานโจวไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เมื่อถูกลากตัวมาถึงข้างเตียง ก็รีบยื่นมือออกไปจับข้อมือของกู้อวิ๋นซีทันทีถึงอย่างไรเขาก็เป็นหมอ ลากตัวเขามาก็คงเพื่อจะให้เขาตรวจชีพจรให้นี่แหละดูท่าทางแล้ว ถึงแม้สีหน้าของเสวียนอ๋องจะยังซีดขาวอยู่บ้าง ส่วนหลีอ๋องก็ยังไม่
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดที่สุดบนโลกใบนี้แล้วตอนนี้มันเป็นความสัมพันธ์อะไรกัน!นางแต่งงานเข้าจวนอ๋อง เป็นภรรยาของจวินฉู่หลีอย่างเป็นทางการ แต่กลับเป็นผู้หญิงของจวินเย่เสวียนเนี่ยนะ?พระสนมหรงล่ะ?พวกเขาเคยคิดกันบ้างไหม พระสนมหรงจะมองนางยังไง?พระสนมหรงไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์สุดแปลกแบบนี้ได้แน่ขนาดตัวนางเองยังรับไม่ได้เลย!"พระชายา ให้กระหม่อมจับชีพจรให้ท่านเถอะพ่ะย่ะค่ะ" จิตใจของหลานโจวในตอนนี้สับสนว้าวุ่นอย่างมากแต่กู้อวิ๋นซีกลับส่ายหน้าหลังจากที่เงียบอยู่สักพัก นางก็ผลักมือของจวินฉู่หลีออก แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่จำเป็น ข้าท้องจริงๆ นั่นแหละ"ภายในห้อง ตกอยู่ในความเงียบสนิททุกคนต่างมองมาที่นางอย่างระมัดระวังขนาดหายใจยังไม่กล้าหายใจแรงๆฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนสั่นน้อยๆ จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมกอด อยากจะกอดนางแรงๆ แต่ก็ไม่กล้าหลานโจวมองที่กู้อวิ๋นซี กู้อวิ๋นซีเองก็กำลังมองเขาอยู่หลานโจวเผยอปากออกคล้ายจะพูดอะไรแต่กู้อวิ๋นซีกลับพูดว่า "ชะตาลูกของข้า ข้าจะเป็นคนกำหนดเอง ท่านหมอหลาน ข้าขอเตือนว่าท่านอย่ายุ่งจะดีกว่า"ไม่ม
จวินเย่เสวียนไม่สบายจริงๆจนถึงตอนนี้ตัวเขายังร้อนมากอยู่เลยไม่ใช่กู้อวิ๋นซีจะไม่รู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากำลังหลบเลี่ยงคำถามของนาง แต่เขาไม่สบายขนาดนี้ ยังจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาอีกล่ะ?รอให้ไข้ลด อาการดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเถอะกู้อวิ๋นซีฝังเข็มให้เขา ขนาดยาจวินเย่เสวียนก็ยังไม่ยอมกิน กอดนางเอาไว้บอกว่าจะนอนพักตอนแรกกู้อวิ๋นซีก็ไม่ยอม แต่ก็จนใจด้วยตัวของเขาร้อนเหลือเกินหากไม่พักผ่อนดีๆ ไข้ก็คงจะไม่ลดแน่ขัดขืนอยู่ไม่นานนางก็ยอมนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา สุดท้ายก็หลับไปเพราะความเหนื่อยไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร ในช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกว่าที่บริเวณหน้าท้องมีสัมผัสแปลกๆกู้อวิ๋นซีลืมตาขึ้นมาดู ไม่นานก็พบว่า เสื้อผ้าของตัวเองถูกคนดึงให้แยกออกคนสารเลว!กำลังคิดจะผลักผู้ชายที่กดทับอยู่บนร่างของตัวเองออก แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อมองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้กดทับอยู่บนร่างของนาง แต่กำลังนอนเกยอยู่บนหน้าท้องของนางใบหน้าของเขาแนบชิดอยู่กับท้องน้อยของนาง เพียงแค่ชิดอยู่เบาๆ เท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะออกแรงกดทับลงไปสักนิดกู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้กระดุกก
เมื่อหนึ่งปีก่อน คนที่ช่วยนางก็คือจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซีใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ถึงค่อยทำใจของตัวเองให้สงบลงได้จวินฉู่หลียังคงรออยู่ด้านนอกกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเขา หลังจากที่บอกความจริงไป เขาก็ไม่กล้าเข้ามาอีกเลยราวกับเป็นเด็กที่ทำผิดตอนนี้กู้อวิ๋นซีเองก็ไม่มีอารมณ์จะไปปลอบใจเขาในจิตใจเต็มไปด้วยเงาของจวินเย่เสวียนเพื่อน้องชายที่กำลังจะตาย มาพบกับนางในฐานะของน้องชาย บางทีตั้งแต่เริ่มแรก จวินเย่เสวียนเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะชอบกู้อวิ๋นซีรู้จักกันมาหนึ่งปี นานวันเข้าก็เริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อกัน เขาหลงรักผู้หญิงที่น้องชายของตัวเองชอบเมื่อตอนที่คิดจะบอกความจริงออกไป หลานโจวกลับบอกว่า น้องชายของเขาเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นน้องชายจิตหนึ่งใจเดียวอยากจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ด้วยผีสางเทวดาองค์ไหนดลใจ ทำให้เขาใช้ชื่อของน้องชาย แต่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใครถูก ใครผิด?ใครจะบอกได้ชัดเจน?บางทีทุกคนอาจจะผิดกันหมดก็ได้แต่ตอนนี้ สถานการณ์มันไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้วช่วงพลบค่ำ หลานโจวก็มามองเห็นจวินฉู่หลีนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในศาลาไกลๆ ตอนที่หลานโจวเ
คืนนั้นจวินเย่เสวียนกลับมาช่วงกลางดึกตอนที่กลับมา ชุดเกราะบนร่างกายก็เต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นเคยแต่ว่าวันนี้ฝีเท้าของเขาเบาและว่องไวมาก ต่อให้ได้บาดเจ็บ ต่อให้ร่างกายยังคงรู้สึกเจ็บปวด แต่แววตาของเขาก็ยังเป็นประกาย ทั้งตัวเขาราวกับจะเรืองแสงได้กลัวว่าคราบเลือดบนร่างกายของตัวเองจะทำให้ผู้หญิงของเขาตกใจ ดังนั้น หลังจากที่จวินเย่เสวียนกลับมา อย่างแรกที่เขาทำก็คือกลับไปที่หอชมจันทร์เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจากนั้น เขาก็ไม่เสียเวลาเลยแม้แต่นาทีเดียว รีบไปที่หอหนิงซีทันทีแต่เขากลับเจอกับคนผู้หนึ่งที่หน้าประตูหอชมจันทร์ซะก่อนพระสนมหรง...ห้องลับในหออวิ๋นหลีได้ถูกย้ายออกไปแล้ว ตอนนี้ของทั้งหมดถูกย้ายไปไว้ที่ตำหนักหนิงเหอของพระสนมหรงแทนป้ายวิญญาณไร้ชื่ออันนั้น ยังคงวางอยู่อย่างสงบบนแท่นบูชาชั้นสูงจวินเย่เสวียนนั่งคุกเขาอยู่ในห้องโถง คุกเข่าตัวตรง"นางท้องลูกของเจ้าเหรอ?" ในงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์เมื่อคืน ฉู่หลีอุ้มกู้อวิ๋นซีออกจากงานจวินเย่เสวียนก็รีบตามออกไปด้วยเรื่องที่กู้อวิ๋นซีแพ้ท้อง นางทายได้จากคำพูดของพระชายาเจิ้งอ๋อง ในวัง มีความลับที่ไหนกัน?วันนี้หลังจากที
ตอนที่จวินเย่เสวียนออกจากหอหนิงอันก็เลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้วระหว่างทางที่เดินอยู่ในทางเล็กๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้เงาร่างของเขาลากยาว ยาวมากๆแรกเริ่ม ฝีเท้าของเขามันหนักอึ้งแต่ยิ่งเมื่อใกล้ถึงหอหนิงซี ฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นทั้งเบาและว่องไวแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนหน้าเขา สามารถเห็นได้ถึงความสุขสกาวบนใบหน้านั้นเขาไม่ต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่างน้อย เขาก็มีภรรยา มีลูก!กู้อวิ๋นซีหลับไปแล้ว จวินฉู่หลีก็กลับหออวิ๋นหลีของตัวเองไปเมื่อช่วงกลางดึกแล้วหอหนิงซีในตอนนี้ ช่างเงียบสงบ เป็นความสงบเงียบราวกับช่วงเวลาที่สงบสุขจวินเย่เสวียนไล่คนรับใช้ให้ถอยออกไป เขาผลักประตูห้องเข้าไปเบาๆ เดินไปจนถึงข้างเตียง มองดูเด็กสาวที่กำลังนอนหลับฝันอยู่สายตาก็อดที่จะเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าท้องของนางไม่ได้บนตัวของกู้อวิ๋นซีมีผ้าผืนบางห่มคลุมอยู่ ทำให้เขามองไม่เห็นหน้าท้องของนางอยากจะดึงเอาผ้าห่มที่คลุมไว้ออก แต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าสายลมเย็นๆ จะไปรบกวนการนอนของผู้หญิงและลูกของเขาแต่ในเวลานี้ สายลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็ได้ทำให้นางตกใจตื่นขึ้นแล้วกลิ่นอายบนตัวของผู้ชายท
ช่วงเวลาหลังจากนั้น จวินเย่เสวียนก็เหมือนกับสามีที่ออกจากบ้านไปทำงานเมื่อเลิกงานก็รีบกลับมาอยู่ข้างกายของภรรยาในทันที เพื่อทำหน้าที่ของสามี"วันนี้ตอนเช้าตรู่ ท่านอ๋องยังไปที่ห้องครัวด้วย"หลังจากฟ้าสาง จวินเย่เสวียนก็ออกจากบ้านไปอีกแล้ว ตอนที่อันเซี่ยมาปรนนิบัติกู้อวิ๋นซีตื่นตอน ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าให้ฟังกู้อวิ๋นซีประหลาดใจเล็กน้อย "เขาไปทำอะไรที่ห้องครัว?""ไปทำข้าวเช้าให้ท่านน่ะสิเจ้าคะ" อันเซี่ยคิดไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ทั้งจนใจ ทั้งตลก แต่ก็สงสารด้วย"หลายวันมานี้คุณหนูไม่ค่อยอยากอาหาร เสวียนอ๋องจำได้ตลอด ไม่รู้ว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนว่าขนมพุทราเปรี้ยวสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ เมื่อคืนตอนที่กลับมา ก็เอาพุทราเปรี้ยวสดๆ กลับมาเป็นถุงๆ""แต่ว่าตอนที่กลับมาก็ดึกแล้ว คุณหนูก็หลับไปแล้ว ท่านอ๋องให้ข้าเก็บรักษาพุทราเปรี้ยวไว้ให้ดี จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปพักผ่อนกับท่านแล้ว""ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะสั่งให้คนมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่ ให้ข้าเอาพุทราเปรี้ยวไปที่ห้องครัว"อันเซี่ยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างผ่า
จวินเย่เสวียนกลับมาในเวลากลางคืนอีกครั้งแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน กู้อวิ๋นซียังไม่นอนหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนเป็นชุดสะอาดชุดใหม่แล้วก็มาทันทีคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงของเขาจะยังนั่งรอเขาอยู่ที่ข้างโต๊ะ"ดึกขนาดนี้แล้วเหตุใดยังไม่พักผ่อน?" หลังจากจวินเย่เสวียนเข้าประตูไปก็อดพูดตำหนิไม่ได้ "เดี๋ยวก็เหนื่อยหรอก""ไม่เหนื่อย คืนนี้ ข้าอยากจะพูดคุยกับท่าน"กู้อวิ๋นซีมองไปที่เขา จนใจ นางได้กลิ่นคาวเลือดอีกแล้ว"นี่เสด็จพ่อกะจะให้ท่านสังหารศัตรูทั้งวันทั้งคืนเลยหรือยังไง?"ไม่รู้จักสงสารลูกชายของตัวเองบ้างเลยนางพูดอย่างไม่พอใจ "ทุกแคว้นไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งส่งสายลับเข้ามาสอดแนมเท่าไร หนานหลิงของเราเองก็เช่นกัน ก็ส่งสายลับออกไปทุกหนแห่งไม่ใช่เหรอ?"ดังนั้นสายลับพวกนี้ ไม่มีทางกำจัดหมดได้เขาไม่คิดจะพักบ้างเลยหรือยังไง?ร่างกายนี้ มีเลือดให้ไหลมากเท่าไรกันเชียว?ไม่รู้จักเหน็ดเนื่อยจริงๆ หรือยังไง?จวินเย่เสวียนเดินเข้ามาหยุดที่ข้างกายนาง ลากเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มนางมานั่งลงบนตักของตัวเอง"สงสารสามีของเจ้าเหรอ?"แต่กู้อวิ๋นซีกลับเบือนหน้าหนี สะบัดเสียงอย่างงอน
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี