"ซีเออร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" จวินฉู่หลีตกใจมาก รีบช่วยตบหลังเบาๆ ให้นางทันทีจวินเย่เสวียนที่เดิมทีกำลังปวดหัวอยู่ก็รีบวางจอกน้ำลงแล้วหันไปมองใบหน้าขาวซีดของกู้อวิ๋นซีทันทีกู้อวิ๋นซีอยากจะพูดว่า "ไม่เป็นไร" แต่พออ้าปาก ก็รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียนอีกครั้งฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนประทับลงบนหลังของนาง กำลังภายในแข็งแกร่งก็ถูกถ่ายทอดเข้ามาทันทีกู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงอุ่นๆ ที่หลัง ไม่นาน ความอุ่นนี้ก็แผ่ขยายไปทั้งร่าง ขนาดท้องนางก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย"เกิดอะไรขึ้น?" ถึงแม้น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนจะยังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่คนที่ฟังก็รับรู้ได้ถึงกระแสความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ด้านใน"ข้าไม่เป็นไร ขอบพระทัยท่านพี่สี่ที่เป็นห่วง" กู้อวิ๋นซีคำนับให้เขาโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะพลักมือเขาออกจากแผ่นหลังของตัวเองอย่างแนบเนียนจวินเย่เสวียนสะบัดเสียงอย่างเย็นชา นิ้วเรียวยาวกลับมากดอยู่บริเวณขมับของตัวเอง เขาเริ่มปวดหัวอีกแล้วจวินฉีเจิ้งมองดูการกระทำของทั้งสามคน สายตาแหลมคมกำลังจะเริ่มพูดอะไรแต่พระชายาเจิ้งอ๋องที่อยู่ด้านหลังกลับพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อน "พระชายาหลีอ๋อง...คงจะไม่ได้แพ้ท้องหรอกนะ?"แพ้ท้
"ข้าไม่ได้ท้องจริงๆ ก็แค่ท้องเสียเพราะกินของผิดสำแดง"กู้อวิ๋นซีดิ้นรนมาตลอดทาง แต่ ไม่มีใครสนใจนางเลยจวินเย่เสวียนวางนางลงบนเตียงเบาๆ หันหน้ากลับมาตะโกนพูดกับเยียนเป่ย "หมอล่ะ?"เยียนเป่ยไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังเข้าใจว่าพระชายาหลีอ๋องได้รับบาดเจ็บเมื่อถูกท่านอ๋องตะคอกใส่ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าลงกับพื้น "สะ สั่งคนไปตามแล้วพ่ะย่ะค่ะ...""เจ้าไปเอาตัวเขามาเองเลยไป!""พ่ะย่ะค่ะ!" ไม่บ่อยครั้งที่จะได้เห็นท่านอ๋องใจร้อนขนาดนี้ เยียนเป่ยตกใจจนรีบออกไปทันทีโชคดีที่หลานโจวมาถึงพอดีเยียนเป่ยรีบพาตัวหลานโจวเข้ามาทันที "ท่านอ๋อง หลานโจวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""รีบมา ตรวจชีพจรให้นาง!"จวินเย่เสวียนรอไม่ไหวแล้ว รีบเดินสาวเท้าเข้าไป คว้าคอเสื้อของหลานโจวมาจนถึงข้างเตียงจวินฉู่หลีก็รีบพูดอย่างร้อนใจ "หลานโจว เจ้าเร็วหน่อยสิ!"หลานโจวไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เมื่อถูกลากตัวมาถึงข้างเตียง ก็รีบยื่นมือออกไปจับข้อมือของกู้อวิ๋นซีทันทีถึงอย่างไรเขาก็เป็นหมอ ลากตัวเขามาก็คงเพื่อจะให้เขาตรวจชีพจรให้นี่แหละดูท่าทางแล้ว ถึงแม้สีหน้าของเสวียนอ๋องจะยังซีดขาวอยู่บ้าง ส่วนหลีอ๋องก็ยังไม่
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดที่สุดบนโลกใบนี้แล้วตอนนี้มันเป็นความสัมพันธ์อะไรกัน!นางแต่งงานเข้าจวนอ๋อง เป็นภรรยาของจวินฉู่หลีอย่างเป็นทางการ แต่กลับเป็นผู้หญิงของจวินเย่เสวียนเนี่ยนะ?พระสนมหรงล่ะ?พวกเขาเคยคิดกันบ้างไหม พระสนมหรงจะมองนางยังไง?พระสนมหรงไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์สุดแปลกแบบนี้ได้แน่ขนาดตัวนางเองยังรับไม่ได้เลย!"พระชายา ให้กระหม่อมจับชีพจรให้ท่านเถอะพ่ะย่ะค่ะ" จิตใจของหลานโจวในตอนนี้สับสนว้าวุ่นอย่างมากแต่กู้อวิ๋นซีกลับส่ายหน้าหลังจากที่เงียบอยู่สักพัก นางก็ผลักมือของจวินฉู่หลีออก แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่จำเป็น ข้าท้องจริงๆ นั่นแหละ"ภายในห้อง ตกอยู่ในความเงียบสนิททุกคนต่างมองมาที่นางอย่างระมัดระวังขนาดหายใจยังไม่กล้าหายใจแรงๆฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนสั่นน้อยๆ จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมกอด อยากจะกอดนางแรงๆ แต่ก็ไม่กล้าหลานโจวมองที่กู้อวิ๋นซี กู้อวิ๋นซีเองก็กำลังมองเขาอยู่หลานโจวเผยอปากออกคล้ายจะพูดอะไรแต่กู้อวิ๋นซีกลับพูดว่า "ชะตาลูกของข้า ข้าจะเป็นคนกำหนดเอง ท่านหมอหลาน ข้าขอเตือนว่าท่านอย่ายุ่งจะดีกว่า"ไม่ม
จวินเย่เสวียนไม่สบายจริงๆจนถึงตอนนี้ตัวเขายังร้อนมากอยู่เลยไม่ใช่กู้อวิ๋นซีจะไม่รู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากำลังหลบเลี่ยงคำถามของนาง แต่เขาไม่สบายขนาดนี้ ยังจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาอีกล่ะ?รอให้ไข้ลด อาการดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเถอะกู้อวิ๋นซีฝังเข็มให้เขา ขนาดยาจวินเย่เสวียนก็ยังไม่ยอมกิน กอดนางเอาไว้บอกว่าจะนอนพักตอนแรกกู้อวิ๋นซีก็ไม่ยอม แต่ก็จนใจด้วยตัวของเขาร้อนเหลือเกินหากไม่พักผ่อนดีๆ ไข้ก็คงจะไม่ลดแน่ขัดขืนอยู่ไม่นานนางก็ยอมนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา สุดท้ายก็หลับไปเพราะความเหนื่อยไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร ในช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกว่าที่บริเวณหน้าท้องมีสัมผัสแปลกๆกู้อวิ๋นซีลืมตาขึ้นมาดู ไม่นานก็พบว่า เสื้อผ้าของตัวเองถูกคนดึงให้แยกออกคนสารเลว!กำลังคิดจะผลักผู้ชายที่กดทับอยู่บนร่างของตัวเองออก แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อมองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้กดทับอยู่บนร่างของนาง แต่กำลังนอนเกยอยู่บนหน้าท้องของนางใบหน้าของเขาแนบชิดอยู่กับท้องน้อยของนาง เพียงแค่ชิดอยู่เบาๆ เท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะออกแรงกดทับลงไปสักนิดกู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้กระดุกก
เมื่อหนึ่งปีก่อน คนที่ช่วยนางก็คือจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซีใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ถึงค่อยทำใจของตัวเองให้สงบลงได้จวินฉู่หลียังคงรออยู่ด้านนอกกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเขา หลังจากที่บอกความจริงไป เขาก็ไม่กล้าเข้ามาอีกเลยราวกับเป็นเด็กที่ทำผิดตอนนี้กู้อวิ๋นซีเองก็ไม่มีอารมณ์จะไปปลอบใจเขาในจิตใจเต็มไปด้วยเงาของจวินเย่เสวียนเพื่อน้องชายที่กำลังจะตาย มาพบกับนางในฐานะของน้องชาย บางทีตั้งแต่เริ่มแรก จวินเย่เสวียนเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะชอบกู้อวิ๋นซีรู้จักกันมาหนึ่งปี นานวันเข้าก็เริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อกัน เขาหลงรักผู้หญิงที่น้องชายของตัวเองชอบเมื่อตอนที่คิดจะบอกความจริงออกไป หลานโจวกลับบอกว่า น้องชายของเขาเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นน้องชายจิตหนึ่งใจเดียวอยากจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ด้วยผีสางเทวดาองค์ไหนดลใจ ทำให้เขาใช้ชื่อของน้องชาย แต่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใครถูก ใครผิด?ใครจะบอกได้ชัดเจน?บางทีทุกคนอาจจะผิดกันหมดก็ได้แต่ตอนนี้ สถานการณ์มันไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้วช่วงพลบค่ำ หลานโจวก็มามองเห็นจวินฉู่หลีนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในศาลาไกลๆ ตอนที่หลานโจวเ
คืนนั้นจวินเย่เสวียนกลับมาช่วงกลางดึกตอนที่กลับมา ชุดเกราะบนร่างกายก็เต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นเคยแต่ว่าวันนี้ฝีเท้าของเขาเบาและว่องไวมาก ต่อให้ได้บาดเจ็บ ต่อให้ร่างกายยังคงรู้สึกเจ็บปวด แต่แววตาของเขาก็ยังเป็นประกาย ทั้งตัวเขาราวกับจะเรืองแสงได้กลัวว่าคราบเลือดบนร่างกายของตัวเองจะทำให้ผู้หญิงของเขาตกใจ ดังนั้น หลังจากที่จวินเย่เสวียนกลับมา อย่างแรกที่เขาทำก็คือกลับไปที่หอชมจันทร์เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจากนั้น เขาก็ไม่เสียเวลาเลยแม้แต่นาทีเดียว รีบไปที่หอหนิงซีทันทีแต่เขากลับเจอกับคนผู้หนึ่งที่หน้าประตูหอชมจันทร์ซะก่อนพระสนมหรง...ห้องลับในหออวิ๋นหลีได้ถูกย้ายออกไปแล้ว ตอนนี้ของทั้งหมดถูกย้ายไปไว้ที่ตำหนักหนิงเหอของพระสนมหรงแทนป้ายวิญญาณไร้ชื่ออันนั้น ยังคงวางอยู่อย่างสงบบนแท่นบูชาชั้นสูงจวินเย่เสวียนนั่งคุกเขาอยู่ในห้องโถง คุกเข่าตัวตรง"นางท้องลูกของเจ้าเหรอ?" ในงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์เมื่อคืน ฉู่หลีอุ้มกู้อวิ๋นซีออกจากงานจวินเย่เสวียนก็รีบตามออกไปด้วยเรื่องที่กู้อวิ๋นซีแพ้ท้อง นางทายได้จากคำพูดของพระชายาเจิ้งอ๋อง ในวัง มีความลับที่ไหนกัน?วันนี้หลังจากที
ตอนที่จวินเย่เสวียนออกจากหอหนิงอันก็เลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้วระหว่างทางที่เดินอยู่ในทางเล็กๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้เงาร่างของเขาลากยาว ยาวมากๆแรกเริ่ม ฝีเท้าของเขามันหนักอึ้งแต่ยิ่งเมื่อใกล้ถึงหอหนิงซี ฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นทั้งเบาและว่องไวแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนหน้าเขา สามารถเห็นได้ถึงความสุขสกาวบนใบหน้านั้นเขาไม่ต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่างน้อย เขาก็มีภรรยา มีลูก!กู้อวิ๋นซีหลับไปแล้ว จวินฉู่หลีก็กลับหออวิ๋นหลีของตัวเองไปเมื่อช่วงกลางดึกแล้วหอหนิงซีในตอนนี้ ช่างเงียบสงบ เป็นความสงบเงียบราวกับช่วงเวลาที่สงบสุขจวินเย่เสวียนไล่คนรับใช้ให้ถอยออกไป เขาผลักประตูห้องเข้าไปเบาๆ เดินไปจนถึงข้างเตียง มองดูเด็กสาวที่กำลังนอนหลับฝันอยู่สายตาก็อดที่จะเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าท้องของนางไม่ได้บนตัวของกู้อวิ๋นซีมีผ้าผืนบางห่มคลุมอยู่ ทำให้เขามองไม่เห็นหน้าท้องของนางอยากจะดึงเอาผ้าห่มที่คลุมไว้ออก แต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าสายลมเย็นๆ จะไปรบกวนการนอนของผู้หญิงและลูกของเขาแต่ในเวลานี้ สายลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็ได้ทำให้นางตกใจตื่นขึ้นแล้วกลิ่นอายบนตัวของผู้ชายท
ช่วงเวลาหลังจากนั้น จวินเย่เสวียนก็เหมือนกับสามีที่ออกจากบ้านไปทำงานเมื่อเลิกงานก็รีบกลับมาอยู่ข้างกายของภรรยาในทันที เพื่อทำหน้าที่ของสามี"วันนี้ตอนเช้าตรู่ ท่านอ๋องยังไปที่ห้องครัวด้วย"หลังจากฟ้าสาง จวินเย่เสวียนก็ออกจากบ้านไปอีกแล้ว ตอนที่อันเซี่ยมาปรนนิบัติกู้อวิ๋นซีตื่นตอน ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าให้ฟังกู้อวิ๋นซีประหลาดใจเล็กน้อย "เขาไปทำอะไรที่ห้องครัว?""ไปทำข้าวเช้าให้ท่านน่ะสิเจ้าคะ" อันเซี่ยคิดไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ทั้งจนใจ ทั้งตลก แต่ก็สงสารด้วย"หลายวันมานี้คุณหนูไม่ค่อยอยากอาหาร เสวียนอ๋องจำได้ตลอด ไม่รู้ว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนว่าขนมพุทราเปรี้ยวสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ เมื่อคืนตอนที่กลับมา ก็เอาพุทราเปรี้ยวสดๆ กลับมาเป็นถุงๆ""แต่ว่าตอนที่กลับมาก็ดึกแล้ว คุณหนูก็หลับไปแล้ว ท่านอ๋องให้ข้าเก็บรักษาพุทราเปรี้ยวไว้ให้ดี จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปพักผ่อนกับท่านแล้ว""ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะสั่งให้คนมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่ ให้ข้าเอาพุทราเปรี้ยวไปที่ห้องครัว"อันเซี่ยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างผ่า