จวินเย่เสวียนได้รับโองการด่วนจากฝ่าบาทเรียกตัวกลับตอนที่ก้าวขาเข้าไป ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่น เมื่อถอดเสื้อเกราะออกมา กลิ่นคาวเลือดก็พุ่งมาเตะจมูกในท้องพระโรง มีขุนนางฝ่ายบุ๋นอยู่มากกว่า เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดจากร่างกายของจวินเย่เสวียนลอยมาเข้าจมูก แต่ละคนก็ยิ่งหวาดกลัวกันเข้าไปใหญ่"เสด็จพ่อ"จวินเย่เสวียนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยคาวเลือดขันทีขั้นผู้น้อยพูดออกไปอย่างระมัดระวังว่า "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านอ๋องรีบเข้าพบโดยด่วยหลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง ท่านอ๋องยังไม่ทันได้ไปอาบน้ำ..."ฝ่าบาทโบกมือ ขันทีชั้นผู้น้อยคนนั้นก็ถอยร่นออกไปทันทีสายตาเย็นชาของจวินเย่เสวียน กวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงนี้วันนี้เจิ้งอ๋องไม่อยู่ คนพวกนี้ ช่างน่าสนใจเหลือเกิน แต่ละคนล้วนเป็นคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจิ้งอ๋องทั้งนั้นเขาหัวเราะเย้ยหยันออกมา "ทุกท่าน กำลังหาเรื่องอะไรข้าอยู่อย่างนั้นเหรอ?"ทุกคนต่างพากันก้มหน้างุด เมื่อครู่ยังแย่งกันพูดไม่หยุดอยู่เลย ตอนนี้ ไม่กล้าพูดกันสักคำเสวียนอ๋องมีกลิ่นเลือดเต็มตัว อีกทั้งท่าทีเย็นชาหยิ่งยโสนั่นอีก ช่
วันนี้กู้อวิ๋นซีติดตามพระสนมหรงเข้าวังไปตั้งแต่เช้าแล้ว ไปกินเจ สวดมนต์เป็นเพื่อนไทเฮาหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ พระสนมหรงก็พาจวินฉู่หลีกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก ส่วนไทเฮารั้งตัวของกู้อวิ๋นซีเอาไว้คนเดียว ลากนางให้มาศึกษาหนังสือสวดมนต์ด้วยกันศึกษาทีก็กินเวลาไปชั่วโมงกว่าเมื่อไทเฮารู้สึกเหนื่อยล้าก็ปล่อยตัวของกู้อวิ๋นซีออกมา ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาบ่ายแล้วเลยเวลาง่วงมาแล้ว ดังนั้นหลังจากที่กู้อวิ๋นซีพอไทเฮาเข้านอนเรียบร้อย นางก็ไปเดินเล่นในตำหนักของไทเฮาแทนรู้สึกหิวนิดหน่อย เดิมทีคิดอยากจะออกไปหาอะไรกิน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินพวกนางกำนัลและขันทีกำลังซุบซิบอะไรกันอยู่"ได้ยินว่าครั้งนี้เสวียนอ๋องบาดเจ็บกลับมาหนักมาก รอยแผลนั้น ขนาดฝ่าบาทยังตกใจเลย""ข้าเองก็ได้ยินมา ได้ยินว่าเสวียนอ๋องถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกกลางท้องพระโรง พวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นก็ต่างตกใจกันหมด""ภัยเกิดจากปาก ระวังคำพูดของเจ้าหน่อย" มีคนพูดเตือนขึ้นมาแต่เด็กคนนั้นกลับไม่พอใจ เห็นชัดว่ากำลังพูดอย่างโมโห"ข้าก็แค่พูดความจริง พวกเจ้าไม่รู้อะไร ข้าได้ยินพี่เสี่ยวชุนบอกว่า ก่อนที่เสวียนอ๋องจะเข้ามา แต่ละคนต่างก็กำลังพูด
กู้อวิ๋นซีให้เยียนเป่ยเอากล่องยามาให้ จากนั้นก็เริ่มลงมือจัดการบาดแผลให้กับจวินเย่เสวียนบนร่างกายของเขามีแต่บาดแผลเต็มไปหมด ทั้งแผลใหม่แผลเก่า ก่อนหน้านี้นางก็รู้ตั้งนานแล้ว เขามีบาดแผลเต็มไปหมดจนนับไม่หวาดไม่ไหวตอนนี้ มีแผลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้วไม่น้อยดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวซะเหลือเกินเยียนเป่ยตักน้ำอาบมา ครั้งนี้ เป็นความต้องการของกู้อวิ๋นซีเองที่ต้องการจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเขาเองไม่ใช่ว่านางอยากที่จะใกล้ชิดกับจวินเย่เสวียน แต่ว่า คนสารเลวนี่...จากที่กู้อวิ๋นซีรู้จักกับเขามา ถ้าให้เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง เกรงว่าเขาจะต้องก้าวลงไปในอ่างน้ำทั้งตัวเลยแน่ๆลงไปแช่ทั้งตัวโดยไม่สนใจว่าบาดแผลบนตัวว่าจะยังมีเลือดไหลอยู่หรือไม่ใต้หล้านี้ทำไมถึงมีคนที่หยาบกระด้างเช่นเขาอยู่ได้?"บาดแผลพวกนี้ตั้งหลายวันแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำแผล?"หลังจากที่อาบน้ำให้เขาเสร็จ กู้อวิ๋นซีก็บอกให้เขาพิงตัวไปกับหัวเตียง นางถือยาและเริ่มทำการล้างแผลให้กับเขา"ไม่มีคนทำให้" จวินเย่เสวียนตอบกลับอย่างเย็นชากู้อวิ๋นซีชะงักปลายนิ้วไปเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ "ขอเพียงเสวียนอ๋องพูดคำเดียว ผู้หญิงค
ในเวลานั้น แววตาของเขา มีเพียงความสิ้นหวังนางไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสิ้นหวังขนาดนี้!ราวกับมือถูกของร้อน นางรีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันระวัง ดันเผลอไปโดนแผลของเขาเข้าจวินเย่เสวียนหลับตาลง คิ้วขมวดมุ่นเจ็บ!เขาไม่ใช่ซากศพ เขาก็รู้สึกเจ็บเป็น!ต่อให้เจ็บจนชาไปแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่!"ขอโทษ" เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นมาบนใบหน้าของเขา กู้อวิ๋นซีก็รู้ได้เลยว่านางทำให้เขาเจ็บจวินเย่เสวียนยังคงปิดตาอยู่หากว่าไม่ใช่ที่ขมับกับใบหน้าของเขายังคงมีเหงื่อผุดซึมออกมาอยู่ กู้อวิ๋นซียังเข้าใจว่า เขาหลับไปแล้วซะอีกเขากำลังอดทนอยู่ราวกับว่าเขา กำลังอดทนอยู่ตลอดเวลา"ข้า...จะผ่าเปิดบาดแผลแล้วนะ" นางเปิดกระเป๋าที่พกติดตัวอยู่ตลอดออก หยิบเอาเครื่องมือที่ต้องการใช้ทั้งหมดออกมานางถือมีดผ่าตัดไว้ในมือแล้วมองเขา "หากว่าท่านกลัวเจ็บ ข้าจะช่วยหาวิธีเอายาชามาให้ท่าน...""เสด็จย่าจะนอนหลับเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น" เขาพูดเสียงเรียบกู้อวิ๋นซีถอนหายใจออกมาเบาๆเขายังคงคิดแทนนางเมื่อเสด็จย่าตื่น จะต้องมาหานางแน่วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ตอนบ่ายนางยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ไม่ม
สุดท้ายจวินเย่เสวียนก็หลับไปเป็นกู้อวิ๋นซีที่แอบใส่ยานอนหลับลงไปในยาที่ทาให้เขาเมื่อเจ็บปวดจนสติเลือนลาง เขาก็หลับไปเลยตอนที่เยียนเป่ยถืออ่างน้ำร้อนเข้ามา กู้อวิ๋นซียังคงเช็ดตัวให้จวินเย่เสวียนอยู่"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเป็นสภาพเช่นนี้มานานเท่าไรแล้ว?" นางถามเยียนเป่ยไม่ค่อยเข้าใจ "สภาพนี้...หมายความว่าอย่างไร?""ดูถูกตัวเอง ไม่ถนอมร่างกายของตัวเอง ถึงขนาด..."ปลายนิ้วของกู้อวิ๋นซีชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมามองเยียนเป่ยสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มีเพียงนางคนเดียวที่รู้ นางรู้สึกหนักอึ้งในใจ"ถึงขนาด คิดที่จะยอมทิ้งชีวิตของตัวเองในบางครั้ง..."เยียนเป่ยมือสั่น จนอ่างน้ำในมือเกือบที่จะร่วงหล่นลงบนพื้นโชคดีที่เขามือไวตาไวรีบถือให้มั่นคงหลังจากที่วางอ่างน้ำลง เยียนเป่ยถึงได้พูดว่า "ความจริง...ก็ไม่ได้ต่างจากในอดีตมาก ตอนที่ท่านอ๋องทำศึกก็เป็นแบบนี้ตลอด เพียงแต่ช่วงนี้ หลายวันนี้..."ในใจของเยียนเป่ยก็รู้สึกหนักอึ้งเช่นกันผ่านไปสักพักเขาถึงได้พูดว่า "การปราบกบฎหลายครั้งที่ผ่านมา ท่านอ๋องดูจะใจร้อนรีบบุกไปหน่อย ไม่สนผลที่ตามมา ยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อที่จะ
เมื่อหนึ่งปีก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?มือของกู้อวิ๋นซีเคลื่อนลงมาแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างเผลอไผลเกิดเรื่องอะไรขึ้นนางไม่รู้ นางรู้แค่ว่า ท้องของนางเริ่มเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกแล้วเดิมทีเยียนเป่ยยังมีคำพูดที่อยากจะพูดอีกมากมาย แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ตัวเองเพิ่งจะพูดไปเท่านี้ สีหน้าของพระชายาก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ขนาดนี้แล้วใบหน้าของนางขาวซีด คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่นราวกับกำลังเจ็บปวดอย่างมาก"พระชายา?" เยียนเป่ยตกใจมาก สายตามองตามมือของนาง มองไปที่บริเวณหน้าท้องของนาง"พระชายา ท่าน...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?"ให้ตายเถอะ! เขาไม่ควรพูดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจพระชายาพวกนี้เลย!หากว่าท่านอ๋องรู้เข้า ท่านอ๋องจะต้องแค้นเขามากแน่ๆ!"พระชายา กระหม่อม...กระหม่อมล่วงเกินท่านแล้ว! ขอพระชายาโปรดอภัย กระหม่อมไม่กล้าอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"แต่กู้อวิ๋นซีก็ยังคงกุมท้องอยู่อย่างนั้นด้วยใบหน้าซีดขาวบริเวณกระหม่อมค่อยๆ มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมาช้าๆท่าทางแบบนี้ดูก็รู้ว่าเจ็บปวดอย่างมากเยียนเป่ยตกใจจนรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รีบหมุนตัวจะเดินออกไป "พระชายา กระหม่อมจะไปเชิญหมอหลวงมาเดี๋ยวน
"องค์ชายสี่ ท่านไม่ควรจะนั่งตรงนี้นะเพคะ" กู้อวิ๋นซีพูดเตือนด้วยเสียงเบาๆเมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจ นางก็จะลุกขึ้นยืนทันทีแต่นางพบว่าตัวเองไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้หลังจากที่จวินเย่เสวียนนั่งลง เขาก็ใช้ขาของเขาเหยียบกระโปรงของนางเอาไว้นางขยับไม่ได้แล้ว!"องค์ชายสี่!" กู้อวิ๋นซีทั้งโมโหทั้งร้อนใจ!มีคนมองอยู่มากมายขนาดนี้ เขาไม่ระมัดระวังตัวหน่อยเลยเหรอ?ไม่รู้หรือไงว่ามีสายตากี่คู่กำลังจับตามองเขาอยู่?"เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคืนนี้ห้ามให้ข้าดื่มเหล้า?"จวินเย่เสวียนก้มหน้า จ้องมองไปยังใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังกระวนกระวายของนางเขาหรี่ตามอง สะบัดเสียงหนึ่งที "เจ้าอยากให้ข้าไปแล้วโดนคนพวกนั้นมอมเหล้าเหรอ?""ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว!" เขาบาดเจ็บหนักเกินไป หลังจากนอนกลางวันไปงีบหนึ่ง ตอนนี้สีหน้าก็ดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยแล้วคืนนี้ เขาห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด สุขภาพสำคัญที่สุดแต่ว่า ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มสิ เขาจะมาวุ่นวายกับนางเพื่ออะไร?"องค์ชายสี่ นี่เป็นโต๊ะของสาวในจวน ท่าน...""ข้าปวดหัว" จวินเย่เสวียนนั่งเท้าคางลงบนโต๊ะ ก้มหน้า ใช้นิ้วเรียวยาวประคองคางของตัวเองเอาไว้ท่าทางแบบนั้นดูแล้วราวกั
แต่นางกลับกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเสวียนอ๋อง!คนรอบตัว ในตอนแรกทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อมา เหล่าหญิงสาวก็พากันตื่นเต้น รอคอย!ต่างพากันรอดูเสวียนอ๋องโมโห ดุด่า จัดการผู้หญิงคนนี้!ที่สำคัญก็คือ พระชายาหลีอ๋องแห่งจวนเสวียนอ๋องคนนี้ หน้าตาสวยงามเกินไป!วันนี้เป็นงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ พวกคุณหนูลูกขุนนางทั้งหลาย ใครบ้างไม่แต่งตัวจัดเต็มกันมาร่วมงาน?แต่พระชายาหลีอ๋องคนนี้ กลับแต่งตัวชุดขาวเรียบง่าย บนศีรษะก็ไม่ได้มีเครื่องประดับผมที่งดงามอะไรเลยเรียบง่าย สะอาด สง่างาม ราวกับกำลังเยาะเย้ยพวกนางที่แต่งตัวจัดเต็มมาอย่างนั้นแหละ!แต่นาง ก็หน้าตาดีจัดอย่างน่าโมโห!ในใจใครจะพอใจบ้าง?หากว่าในเวลานี้เสวียนอ๋องจะลงโทษพระชายาหลีอ๋อง ภาพนั้นจะต้องน่าดูมากแน่ๆจวินเย่เสวียนกำลังถลึงตาจ้องมองกู้อวิ๋นซีอยู่จริงๆ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลยยัยผู้หญิงน่าโมโห! ตอนปฏิบัติกับฉู่หลี ไม่รู้ปฏิบัติด้วยท่าทีดีขนาดไหนตอนพูดกับฉู่หลี น้ำเสียงก็อ่อนโยนราวกับสายลมที่พัดโชยเข้ามาเป็นบางครั้งในยามค่ำคืนแต่พอพูดกับเขา กลับโหดแบบนี้!แถมยังกล้าวางชามลงมาแรงๆ ต่อหน้าเขา ด้วยท่า