แต่นางกลับกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเสวียนอ๋อง!คนรอบตัว ในตอนแรกทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อมา เหล่าหญิงสาวก็พากันตื่นเต้น รอคอย!ต่างพากันรอดูเสวียนอ๋องโมโห ดุด่า จัดการผู้หญิงคนนี้!ที่สำคัญก็คือ พระชายาหลีอ๋องแห่งจวนเสวียนอ๋องคนนี้ หน้าตาสวยงามเกินไป!วันนี้เป็นงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ พวกคุณหนูลูกขุนนางทั้งหลาย ใครบ้างไม่แต่งตัวจัดเต็มกันมาร่วมงาน?แต่พระชายาหลีอ๋องคนนี้ กลับแต่งตัวชุดขาวเรียบง่าย บนศีรษะก็ไม่ได้มีเครื่องประดับผมที่งดงามอะไรเลยเรียบง่าย สะอาด สง่างาม ราวกับกำลังเยาะเย้ยพวกนางที่แต่งตัวจัดเต็มมาอย่างนั้นแหละ!แต่นาง ก็หน้าตาดีจัดอย่างน่าโมโห!ในใจใครจะพอใจบ้าง?หากว่าในเวลานี้เสวียนอ๋องจะลงโทษพระชายาหลีอ๋อง ภาพนั้นจะต้องน่าดูมากแน่ๆจวินเย่เสวียนกำลังถลึงตาจ้องมองกู้อวิ๋นซีอยู่จริงๆ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลยยัยผู้หญิงน่าโมโห! ตอนปฏิบัติกับฉู่หลี ไม่รู้ปฏิบัติด้วยท่าทีดีขนาดไหนตอนพูดกับฉู่หลี น้ำเสียงก็อ่อนโยนราวกับสายลมที่พัดโชยเข้ามาเป็นบางครั้งในยามค่ำคืนแต่พอพูดกับเขา กลับโหดแบบนี้!แถมยังกล้าวางชามลงมาแรงๆ ต่อหน้าเขา ด้วยท่า
"ครอบครัวของน้องสี่น้องห้า ดูจะเข้ากันได้ดีเลยนะ"คนที่นั่งอยู่เยื้องๆ กับเจิ้งอ๋องก็คือน้องสามจวินอวิ๋นจีหรืออวิ๋นอ๋องข้างๆ อวิ๋นอ๋องว่างอยู่สองที่นั่งเดิมทีสมควรจะเป็นที่นั่งของจวินเย่เสวียนกับจวินฉู่หลีแต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับไปนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับพระชายาของน้องห้ากันหมด ไม่สนใจตำแหน่งที่จัดไว้เฉพาะท่านอ๋องแบบพวกเขาเลยองค์ชายรองจวินหนานถิงพูดอย่างยิ้มๆ "เดิมทีข้ายังกลัวว่าด้วยนิสัยของน้องสี่ พระชายาของน้องห้าอยู่ในจวนคงจะต้องลำบากไม่น้อย"เขาเบนหน้าไปมองแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ "นี่มัน...คิดไม่ถึงจริงๆ!"ขนาดคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างองค์ชายหกจวินห้าวหราน กับองค์ชายเจ็ดจวินหงเหยียน ก็อดที่จะหันไปมองทางนั้นไม่ได้จริงดังว่า คิดไม่ถึงจริงๆตอนนี้สุดยอดคนโหดในบ้านของท่านพี่ห้าที่นั่งอยู่ข้างกายนางจะกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มอยู่ในตอนนี้บางครั้งก็หันไปมองพระชายาหลีอ๋องบ้าง ไม่รู้ว่าบ่นอะไรจากนั้นพระชายาหลีอ๋องก็จะคีบอาหารให้เขา จากนั้นท่านพี่สี่ก็ไม่สนอะไร พระชายาหลีอ๋องคีบอะไรให้เขาก็กินอันนั้นไม่ปฏิเสธเลย!นี่ไม่เหมือนนิสัยของท่านพี่สี่เลย!อีกอย
ตอนที่จวินฉีเจิ้งกับพระชายาเจิ้งอ๋องเดินเข้ามา จวินเย่เสวียนเพิ่งจะกินแอปเปิ้ลคำสุดท้ายหมดเขาโยนแกนแอปเปิ้ลทิ้งไป จากนั้นก็หันไปค้อนกู้อวิ๋นซี "ข้าปวดหัว""เดี๋ยวกลับไปจะต้มยาให้ รอให้ไข้ลดก็ไม่ปวดหัวแล้ว"ตอนนี้กู้อวิ๋นซีรู้แล้ว ที่องค์ชายสี่บอกว่าปวดหัวเขาไม่ได้ล้อเล่นเขาไข้สูงมากแต่งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ จำเป็นต้องอยู่กับฮ่องเต้และไทเฮาจนจบงาน ถึงจะกลับไปกินยาได้"ตอนนี้ อดทนไปก่อนนะ" น้ำเสียงของกู้อวิ๋นซีอ่อนโยนขึ้นกว่าเมื่อกี้นี้มากแต่จวินเย่เสวียนก็ยังไม่สนใจ คนป่วยยิ่งใหญ่ที่สุด เขาพูดเสียงแหบพร่า "ถ้าทนอีก ข้าก็คงปวดหัวจนตายแล้ว!"กู้อวิ๋นซีอยากจะกรอกตาบนใส่เขาเหลือเกิน เขาที่เป็นเสวียนอ๋องอ่อนแอถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?เขาไม่ใช่คนแข็งแกร่งขนาดที่มีดฟันลงมาบนร่างยังไม่กระพริบตาเลยเหรอ?คืนนี้ ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้งอแงนักแต่กู้อวิ๋นซีก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยอุณหภูมิร่างกายของเขาในตอนนี้ เกรงว่าน่าจะสูงประมาณสักสี่สิบองศาแล้วถือซะว่าไข้ที่สูงทำให้ก้านสมองของเขาไหม้ไปละกัน ในเวลานี้ทำได้เพียงปลอบใจเท่านั้น"อดทนอีกหน่อยนะ เดี๋ยวพองานเลี้ยงจบ ขึ้นไปบนรถม้าแล้วข้าจะฝังเข็ม
"ซีเออร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" จวินฉู่หลีตกใจมาก รีบช่วยตบหลังเบาๆ ให้นางทันทีจวินเย่เสวียนที่เดิมทีกำลังปวดหัวอยู่ก็รีบวางจอกน้ำลงแล้วหันไปมองใบหน้าขาวซีดของกู้อวิ๋นซีทันทีกู้อวิ๋นซีอยากจะพูดว่า "ไม่เป็นไร" แต่พออ้าปาก ก็รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียนอีกครั้งฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนประทับลงบนหลังของนาง กำลังภายในแข็งแกร่งก็ถูกถ่ายทอดเข้ามาทันทีกู้อวิ๋นซีรู้สึกเพียงอุ่นๆ ที่หลัง ไม่นาน ความอุ่นนี้ก็แผ่ขยายไปทั้งร่าง ขนาดท้องนางก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย"เกิดอะไรขึ้น?" ถึงแม้น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนจะยังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่คนที่ฟังก็รับรู้ได้ถึงกระแสความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ด้านใน"ข้าไม่เป็นไร ขอบพระทัยท่านพี่สี่ที่เป็นห่วง" กู้อวิ๋นซีคำนับให้เขาโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะพลักมือเขาออกจากแผ่นหลังของตัวเองอย่างแนบเนียนจวินเย่เสวียนสะบัดเสียงอย่างเย็นชา นิ้วเรียวยาวกลับมากดอยู่บริเวณขมับของตัวเอง เขาเริ่มปวดหัวอีกแล้วจวินฉีเจิ้งมองดูการกระทำของทั้งสามคน สายตาแหลมคมกำลังจะเริ่มพูดอะไรแต่พระชายาเจิ้งอ๋องที่อยู่ด้านหลังกลับพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อน "พระชายาหลีอ๋อง...คงจะไม่ได้แพ้ท้องหรอกนะ?"แพ้ท้
"ข้าไม่ได้ท้องจริงๆ ก็แค่ท้องเสียเพราะกินของผิดสำแดง"กู้อวิ๋นซีดิ้นรนมาตลอดทาง แต่ ไม่มีใครสนใจนางเลยจวินเย่เสวียนวางนางลงบนเตียงเบาๆ หันหน้ากลับมาตะโกนพูดกับเยียนเป่ย "หมอล่ะ?"เยียนเป่ยไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังเข้าใจว่าพระชายาหลีอ๋องได้รับบาดเจ็บเมื่อถูกท่านอ๋องตะคอกใส่ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าลงกับพื้น "สะ สั่งคนไปตามแล้วพ่ะย่ะค่ะ...""เจ้าไปเอาตัวเขามาเองเลยไป!""พ่ะย่ะค่ะ!" ไม่บ่อยครั้งที่จะได้เห็นท่านอ๋องใจร้อนขนาดนี้ เยียนเป่ยตกใจจนรีบออกไปทันทีโชคดีที่หลานโจวมาถึงพอดีเยียนเป่ยรีบพาตัวหลานโจวเข้ามาทันที "ท่านอ๋อง หลานโจวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!""รีบมา ตรวจชีพจรให้นาง!"จวินเย่เสวียนรอไม่ไหวแล้ว รีบเดินสาวเท้าเข้าไป คว้าคอเสื้อของหลานโจวมาจนถึงข้างเตียงจวินฉู่หลีก็รีบพูดอย่างร้อนใจ "หลานโจว เจ้าเร็วหน่อยสิ!"หลานโจวไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เมื่อถูกลากตัวมาถึงข้างเตียง ก็รีบยื่นมือออกไปจับข้อมือของกู้อวิ๋นซีทันทีถึงอย่างไรเขาก็เป็นหมอ ลากตัวเขามาก็คงเพื่อจะให้เขาตรวจชีพจรให้นี่แหละดูท่าทางแล้ว ถึงแม้สีหน้าของเสวียนอ๋องจะยังซีดขาวอยู่บ้าง ส่วนหลีอ๋องก็ยังไม่
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดที่สุดบนโลกใบนี้แล้วตอนนี้มันเป็นความสัมพันธ์อะไรกัน!นางแต่งงานเข้าจวนอ๋อง เป็นภรรยาของจวินฉู่หลีอย่างเป็นทางการ แต่กลับเป็นผู้หญิงของจวินเย่เสวียนเนี่ยนะ?พระสนมหรงล่ะ?พวกเขาเคยคิดกันบ้างไหม พระสนมหรงจะมองนางยังไง?พระสนมหรงไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์สุดแปลกแบบนี้ได้แน่ขนาดตัวนางเองยังรับไม่ได้เลย!"พระชายา ให้กระหม่อมจับชีพจรให้ท่านเถอะพ่ะย่ะค่ะ" จิตใจของหลานโจวในตอนนี้สับสนว้าวุ่นอย่างมากแต่กู้อวิ๋นซีกลับส่ายหน้าหลังจากที่เงียบอยู่สักพัก นางก็ผลักมือของจวินฉู่หลีออก แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่จำเป็น ข้าท้องจริงๆ นั่นแหละ"ภายในห้อง ตกอยู่ในความเงียบสนิททุกคนต่างมองมาที่นางอย่างระมัดระวังขนาดหายใจยังไม่กล้าหายใจแรงๆฝ่ามือใหญ่ของจวินเย่เสวียนสั่นน้อยๆ จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวในอ้อมกอด อยากจะกอดนางแรงๆ แต่ก็ไม่กล้าหลานโจวมองที่กู้อวิ๋นซี กู้อวิ๋นซีเองก็กำลังมองเขาอยู่หลานโจวเผยอปากออกคล้ายจะพูดอะไรแต่กู้อวิ๋นซีกลับพูดว่า "ชะตาลูกของข้า ข้าจะเป็นคนกำหนดเอง ท่านหมอหลาน ข้าขอเตือนว่าท่านอย่ายุ่งจะดีกว่า"ไม่ม
จวินเย่เสวียนไม่สบายจริงๆจนถึงตอนนี้ตัวเขายังร้อนมากอยู่เลยไม่ใช่กู้อวิ๋นซีจะไม่รู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากำลังหลบเลี่ยงคำถามของนาง แต่เขาไม่สบายขนาดนี้ ยังจะไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาอีกล่ะ?รอให้ไข้ลด อาการดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเถอะกู้อวิ๋นซีฝังเข็มให้เขา ขนาดยาจวินเย่เสวียนก็ยังไม่ยอมกิน กอดนางเอาไว้บอกว่าจะนอนพักตอนแรกกู้อวิ๋นซีก็ไม่ยอม แต่ก็จนใจด้วยตัวของเขาร้อนเหลือเกินหากไม่พักผ่อนดีๆ ไข้ก็คงจะไม่ลดแน่ขัดขืนอยู่ไม่นานนางก็ยอมนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา สุดท้ายก็หลับไปเพราะความเหนื่อยไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร ในช่วงที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกว่าที่บริเวณหน้าท้องมีสัมผัสแปลกๆกู้อวิ๋นซีลืมตาขึ้นมาดู ไม่นานก็พบว่า เสื้อผ้าของตัวเองถูกคนดึงให้แยกออกคนสารเลว!กำลังคิดจะผลักผู้ชายที่กดทับอยู่บนร่างของตัวเองออก แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อมองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้กดทับอยู่บนร่างของนาง แต่กำลังนอนเกยอยู่บนหน้าท้องของนางใบหน้าของเขาแนบชิดอยู่กับท้องน้อยของนาง เพียงแค่ชิดอยู่เบาๆ เท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะออกแรงกดทับลงไปสักนิดกู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้กระดุกก
เมื่อหนึ่งปีก่อน คนที่ช่วยนางก็คือจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซีใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ถึงค่อยทำใจของตัวเองให้สงบลงได้จวินฉู่หลียังคงรออยู่ด้านนอกกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยตัวเขา หลังจากที่บอกความจริงไป เขาก็ไม่กล้าเข้ามาอีกเลยราวกับเป็นเด็กที่ทำผิดตอนนี้กู้อวิ๋นซีเองก็ไม่มีอารมณ์จะไปปลอบใจเขาในจิตใจเต็มไปด้วยเงาของจวินเย่เสวียนเพื่อน้องชายที่กำลังจะตาย มาพบกับนางในฐานะของน้องชาย บางทีตั้งแต่เริ่มแรก จวินเย่เสวียนเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะชอบกู้อวิ๋นซีรู้จักกันมาหนึ่งปี นานวันเข้าก็เริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อกัน เขาหลงรักผู้หญิงที่น้องชายของตัวเองชอบเมื่อตอนที่คิดจะบอกความจริงออกไป หลานโจวกลับบอกว่า น้องชายของเขาเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นน้องชายจิตหนึ่งใจเดียวอยากจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ด้วยผีสางเทวดาองค์ไหนดลใจ ทำให้เขาใช้ชื่อของน้องชาย แต่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใครถูก ใครผิด?ใครจะบอกได้ชัดเจน?บางทีทุกคนอาจจะผิดกันหมดก็ได้แต่ตอนนี้ สถานการณ์มันไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้วช่วงพลบค่ำ หลานโจวก็มามองเห็นจวินฉู่หลีนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในศาลาไกลๆ ตอนที่หลานโจวเ