กู้อวิ๋นซีสีหน้าเคร่งขรึม "ท่านก็รู้ดีว่าท่านไม่..."แววตาของจวินเย่เสวียน เข้มขึ้นในบัดดลกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากไว้ ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีกจู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหานางกู้อวิ๋นซีคิดอยากจะหนีโดยสัญชาตญาณประตูห้องอยู่ตรงด้านหลังห่างจากนางไม่ไกล ในสวนด้านนอกประตู กู้หรูชิวเพิ่งจะเดินจากไป ไม่รู้ว่าเดินไปได้ไกลขนาดไหนแล้วในตอนนี้เวลานี้ การเข้าใกล้ของเขา ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวคิดอยากที่จะวิ่งออกไป แต่ก็กลัวจะถูกกู้หรูชิวเห็นเข้า จะทำให้ท่านพี่เป็นห่วงได้ในขณะที่คิดอยู่นั้น จวินเย่เสวียนก็ได้เดินมาถึงตรงหน้าของนางแล้วกู้อวิ๋นซีถอยไปจนถึงประตูด้านหลัง เมื่อเงยหน้าก็เห็นว่าเขากำลังก้มหน้าลงมามองนาง ด้วยท่าทีสูงส่งจู่ๆ นางก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเหตุใด ทุกคนจึงเดินกันมาถึงตรงจุดนี้ได้?"เจ้ากลัวข้าเหรอ?" ถึงแม้ จวินเย่เสวียนก็รู้ ว่าคำถามนี้ของเขามันโง่เง่าเพียงใด"หลังจากที่ท่านอ๋องกระทำเรื่องล่วงเดินข้าเหล่านั้นไป ท่านอ๋องคิดว่า ข้าไม่ควรกลัวเหรอ?""เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยกลัวข้าเลย"กู้อวิ๋นซีกลับกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "คนที่ข้าไม่กลัวก็คือฉู่หลี!"จวินเย
วันนั้นหลังจากที่กู้อวิ๋นซีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเรียบร้อย ก็ไปหาน้าเซวียที่เป็นคนดูแลนางมาตั้งแต่เด็กที่สวนไผ่น้าเซวียเป็นแม่แท้ๆ ของกู้หรูชิว นางมีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคนลูกชายคือคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพ ชื่อกู้อีฝาน ปีนี้อายุสิบเก้าปี ยังไม่แต่งงานแม่แท้ๆ ของกู้อวิ๋นซีป่วยตายไปตั้งแต่นางยังเด็กมากๆ ทิ้งไว้เพียงอวิ๋นซีกับพี่ใหญ่ของนางน้าเซวียดีกับพวกเขาสองพี่น้องมาก พี่ห้ากับพี่แปดเองก็ดีกับนางมาก เห็นนางเป็นเหมือนน้องแท้ๆ ของตัวเองต่อให้เป็นกู้อวิ๋นซีผู้ซึ่งข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวพวกเขาเป็นที่สุดจนถึงตอนนี้น้าเซวียพูดกับนางอย่างต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง "แต่งงานแล้วกับตอนเป็นหญิงสาวก็ไม่เหมือนกันแล้วนะ""โดยเฉพาะเจ้าที่แต่งเข้าราชวงศ์ ทุกการกระทำทุกคำพูดล้วนมีคนมากมายคอยจับจ้อง ตัวเองจะต้องระวังให้มาก""ต้องควบคุมตนเองและระมัดระวังในการกระทำ อย่าได้กระทำความผิดใดที่จะให้คนจับจุดอ่อนได้ โดยเฉพาะอย่าได้สนิทสนมใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นจนเกินไป""เป็นสะใภ้ของราชวงศ์มันไม่ง่าย ถึงแม้จะมีลาภยศเงินทองใช้ไม่ขาด แต่การอยู่ข้างกาย
จวินเย่เสวียนไม่รู้ว่าดื่มไปกี่จอกแล้วแต่สายตาของเขาค่อยๆ เริ่มเยิ้มและพร่ามัวขึ้นทุกทีท่านอะ...ท่านพี่ ท่านดื่มมากไปแล้ว "จอกสุดท้ายถูกกู้อวิ๋นซีห้ามไว้ได้"นางแย่งเอาจอกมาวางลง มองไปยังแม่ทัพอาวุโสกู้ที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง "ท่านอ๋องดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่ง ท่านปู่ คืนนี้พอแค่นี้ดีไหมเจ้าคะ?"แน่นอนว่าแม่ทัพอาวุโสเองก็ดูออกว่าหลานเขยของเขาคนนี้ดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งจริงๆแต่คืนนี้ ทุกคนกำลังมีความสุขกันนะ!แม่ทัพกู้เองก็พูดว่า "ไม่ง่ายที่ทุกคนจะมาอยู่รวมตัวกันได้...""สามีของข้า...ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง" กู้อวิ๋นซีพูดรีบพูดต่อทันทีเพิ่งจะพูดจบ ทุกคนก็เห็นว่าจู่ๆ จวินเย่เสวียนก็ก้มหน้า เอาหน้าของตัวเองซุกลงไปที่ลำคอของกู้อวิ๋นซีทันทีลมหายใจร้อน ปัดเป่าอยู่ที่ลำคอละเอียดอ่อนนุ่มของนาง ร้อนจนกู้อวิ๋นซีเกือบจะกระเด้งตัวขึ้นจากตักของเขาแต่เขากลับยิ่งกอดนางไว้แน่นขึ้น เสียงแหบพร่า ดังขึ้นที่ข้างหูของนาง "ภรรยาไม่ให้ข้าดื่ม ข้าไม่ดื่มก็ได้"ท่านอ๋องบอกแล้วว่าไม่ดื่ม ใครยังจะกล้ารินเหล้าให้อีก?ทุกคนรีบวางจอกลงทันทีแม่ทัพอาวุโสรีบพูดขึ้นทันที "ยกน้ำชามา!"บ่าวรับใช้รีบไปยกน้ำชากันข
ร่างกายเขาแข็งแรง แข็งแรงดีมากเลยล่ะ!ไม่เช่นนั้นจะทรมานนางจนเกือบตายได้ยังไงทุกครั้ง?แต่นางไม่อยากพูดถกเถียงปัญหาเรื่องนี้กับเขา!"จวินเย่เสวียน ปล่อย!" กู้อวิ๋นซีออกแรงผลักคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ไม่เคยถูกตัวเองผลักได้ ตอนนี้นางกลับสามารถผลักเขาออกจนล้มลงไปบนพื้นแรงๆ ได้!กู้อวิ๋นซีอึ้งไปรีบลุกจากเตียงขึ้นมานั่งในทันที ถึงได้เห็นจวินเย่เสวียนที่หน้างอง้ำปีนขึ้นมาจากพื้น"เจ้านี่มัน...เป็นผู้หญิงกำเริบนัก!" จวินเย่เสวียนจับขอบเตียงไว้จากนั้นก็พยุงตัวลุกขึ้นมา แถมร่างกายสูงใหญ่ของเขายังเสไปมาอีกด้วยยืนยังไม่ตรงเลย!เมาแล้วจริงๆ ด้วย!เมาขนาดนี้ยังจะสามารถอุ้มนางกลับห้องมาได้อีก ช่างน่าอัศจรรย์นักหากไม่ใช่ว่าเกลียดเขาจริงๆ กู้อวิ๋นซีคงจะต้องอดไม่ไหวหัวเราะออกมาแน่ไม่เคยเห็นเสวียนอ๋องผู้ที่แสนหยิ่งยโสในสภาพน่าอนาถเช่นนี้มาก่อนเลย ถึงกับถูกนางผลักให้ล้มลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นได้!ช่างน่าอับอายยิ่งนักจวินเย่เสวียนปีนกลับขึ้นมาได้แล้ว เขาจับแขนของนางไว้ แล้วกดนางลงไปอีกครั้งเพียงแต่ ครั้งนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ล้มลงไปด้วยแล้วทับลงไปบนตัวของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงกู้อวิ๋นซีรู
"อาหลี?" ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างเตียง กลายเป็นจวินฉู่หลีไปแล้วและที่ทำให้กู้อวิ๋นซีแปลกใจขึ้นไปอีกก็คือ เมื่อคืนนางนอนหลับไปบนเก้าอี้ยาวชัดๆ เหตุใดพอตื่นขึ้นมา ตัวเองถึงมานอนอยู่บนเตียงได้กัน?ตรงนี้ เดิมทีควรจะเป็นที่นอนของจวินเย่เสวียนไม่ใช่เหรอ?"องค์ชายสี่ล่ะ?" นางรีบผุดลุกขึ้นมานั่งมองดูไปรอบๆ ในห้องนี้ นอกจากนางกับอาหลีแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีก"นี่เจ้าเรียกหาท่านพี่สี่ในห้องนอนของ "พวกเรา" เนี่ยนะ?" ราวกับจวินฉู่หลีกำลังยิ้มบางๆ อยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆอย่างน้อยกู้อวิ๋นซีก็ฟังออกว่า คำพูดนี้ของเขาไม่ได้มีความหมายต้องการที่จะกล่าวโทษนางแต่อย่างใด"เจ้ารู้ดีว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร" นางนวดที่หัวคิ้วเบาๆจวินฉู่หลีรีบพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงทันที "ไม่สบายเหรอ?""แค่รู้สึกล้านิดหน่อย" หมู่นี้ไม่ป่วยก็บาดเจ็บอยู่ตลอดมักรู้สึกว่า ทุกวันล้วนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร นางถึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง "...เขาล่ะ?""เมื่อคืนได้รับข่าวเรื่องกบฎ จึงออกนอกเมืองไปปราบกบฎตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"กู้อวิ๋นซีรู้สึกกังวลในใจทันที "เมื่อคืนเขาดื่มเหล้าเ
"ความจริงข้าเองก็อธิบายไม่ถูก แค่เพียงรู้สึกว่า พิษที่เจ้าโดนจะต้องไม่ใช่พิษธรรมดาแน่"แน่นอนว่าหากเป็นพิษธรรมดา ก็คงไม่ทำให้หมอทุกคนอับจนหนทางกันได้จนถึงทุกวันนี้หรอกเขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้มีฐานะสูงส่ง การรักษาที่เขาสามารถเข้าถึงได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อยู่แล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงไม่มีใครสามารถช่วยถอนพิษให้เขาได้เห็นได้ชัดว่าพิษนี้มันร้ายแรงขนาดไหน"ข้าเคยศึกษาพิษร้ายแรงมานับไม่ถ้วน พิษในร่างกายของเจ้าไม่เข้ากับหมวดยาพิษไหนที่ข้าเคยศึกษามาเลย""เหตุใดเจ้าจึงต้องศึกษาพิษร้ายแรงด้วย?" สิ่งที่จวินฉู่หลีสนใจกลับเป็นคนละประเด็นกับนางเลยกู้อวิ๋นซีรู้สึกสมองเบลอ จ้องหน้าเขาเขม็ง "เราคุยประเด็นหลักกันได้ไหม?"จวินฉู่หลีกลับเพียงหัวเราะออกมาการได้พูดคุยกับซีเออร์น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็เป็นเรื่องที่เขาแค่กล้าคิดเท่านั้นคิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งมันสามารถเกิดขึ้นจริงๆ ได้แถมยังใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเองคุยกันด้วย เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ก็ทำให้จวินฉู่หลีรู้สึกว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความหวังแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดที่อยากจะอาการดีขึ้น สามารถมีชีว
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าคำถามนี้เหนือความคาดหมายไปมากไม่ต้องการเขากับจวินเย่เสวียน?ทำไมมันฟังดูแปลกๆ ล่ะ?จวินฉู่หลีกลับไม่ปล่อยให้นางให้คิดอะไรอีก เขายืนขึ้นมา มองไปที่นาง "ในเมื่อตื่นแล้วก็ลุกขึ้นเถอะ ไปบอกลาท่านแม่ทัพอาวุโสซะ เราควรกลับบ้านกันได้แล้ว"กลับบ้าน...กู้อวิ๋นซีกลับรู้สึกอึดอัดในใจนางเพิ่งจะพูดไปว่า จวนเสวียนอ๋องไม่ใช่บ้านของนาง"อาหลี...""เรื่องในภายหลังก็ค่อยคุยภายหลังเถอะ ตอนนี้ที่จวนแม่ทัพยังคงค่อนข้างวุ่นวายอยู่ หากเจ้าออกจากจวนเสวียนอ๋องในตอนนี้ อาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้กับพวกเขาก็ได้"สายตาที่จวินฉู่หลีมองนาง ยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเดิมเพียงแต่ ดูเหมือนกำลังหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่างกู้อวิ๋นซีก็รู้ดีว่าในตอนนี้ ตัวนางไม่อาจเพิ่มความวุ่นวายอะไรให้กับจวนแม่ทัพอีกได้เรื่องที่พี่ใหญ่หายตัวไป ยังคงเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ หากมีลมพัดนิดเดียว อาจทำให้ฝ่าบาทเกิดความขุ่นเคืองพระทัยกับจวนแม่ทัพของพวกเข้าได้แต่เรื่องของนางกับจวินฉู่หลีและจวินเย่เสวียน ก็จำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเช่นกันแต่ว่า จะใช้วิธีการไหนที่จะทำให้ฝ่าบาทยินยอมให้นางกับจวินฉู่หลีหย่ากันไ
กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น "อาหลี..."จวินฉู่หลีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "หากข้าบอกว่า หนึ่งปีก่อนหน้าที่ได้พบกับเจ้าครั้งแรก ข้าก็ตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบเจ้ามาก เจ้าจะเชื่อหรือไม่?"กู้อวิ๋นซีสีหน้าเคร่งขรึม "แต่ข้ากับท่านพี่สี่ของเจ้าได้..."จวินฉู่หลีกลับยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะไม่ขัดขวางเรื่องที่เจ้าจะอยู่กับใคร? ขอเพียงเจ้ายังยินดีที่จะให้ข้าได้เห็นเจ้าบ่อยๆ"กู้อวิ๋นซีพบว่าตัวเองกับเขาไม่อาจสนทนากันต่อไปได้ไปเอาความรักยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรมาจากไหน?นี่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนอ่อง ไม่ค่อยไปไหน จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกับหญิงสาวในโลกภายนอกใช่หรือไม่ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าการที่ชอบใครสักคนอย่างจริงๆ เป็นความรู้สึกอย่างไร?การชอบใครสักคน จะยอมปล่อยให้นางไปอยู่กับคนอื่นได้อย่างไร แถมยังยอมให้เกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมอีกด้วยเนี่ยนะ?เขาเงียบสงบและปลีกวิเวกเกินไปแล้ว เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดจวินฉู่หลีหยิบเอาชุดคลุมที่พาดไว้บนฉากกั้นลม เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง แล้วช่วยหลุมให้นาง "สมควรกลับจวนได้แล้ว"กู้อวิ๋นซีกลั