กู้อวิ๋นซีสีหน้าเคร่งขรึม "ท่านก็รู้ดีว่าท่านไม่..."แววตาของจวินเย่เสวียน เข้มขึ้นในบัดดลกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากไว้ ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีกจู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหานางกู้อวิ๋นซีคิดอยากจะหนีโดยสัญชาตญาณประตูห้องอยู่ตรงด้านหลังห่างจากนางไม่ไกล ในสวนด้านนอกประตู กู้หรูชิวเพิ่งจะเดินจากไป ไม่รู้ว่าเดินไปได้ไกลขนาดไหนแล้วในตอนนี้เวลานี้ การเข้าใกล้ของเขา ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวคิดอยากที่จะวิ่งออกไป แต่ก็กลัวจะถูกกู้หรูชิวเห็นเข้า จะทำให้ท่านพี่เป็นห่วงได้ในขณะที่คิดอยู่นั้น จวินเย่เสวียนก็ได้เดินมาถึงตรงหน้าของนางแล้วกู้อวิ๋นซีถอยไปจนถึงประตูด้านหลัง เมื่อเงยหน้าก็เห็นว่าเขากำลังก้มหน้าลงมามองนาง ด้วยท่าทีสูงส่งจู่ๆ นางก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเหตุใด ทุกคนจึงเดินกันมาถึงตรงจุดนี้ได้?"เจ้ากลัวข้าเหรอ?" ถึงแม้ จวินเย่เสวียนก็รู้ ว่าคำถามนี้ของเขามันโง่เง่าเพียงใด"หลังจากที่ท่านอ๋องกระทำเรื่องล่วงเดินข้าเหล่านั้นไป ท่านอ๋องคิดว่า ข้าไม่ควรกลัวเหรอ?""เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยกลัวข้าเลย"กู้อวิ๋นซีกลับกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "คนที่ข้าไม่กลัวก็คือฉู่หลี!"จวินเย
วันนั้นหลังจากที่กู้อวิ๋นซีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเรียบร้อย ก็ไปหาน้าเซวียที่เป็นคนดูแลนางมาตั้งแต่เด็กที่สวนไผ่น้าเซวียเป็นแม่แท้ๆ ของกู้หรูชิว นางมีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคนลูกชายคือคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพ ชื่อกู้อีฝาน ปีนี้อายุสิบเก้าปี ยังไม่แต่งงานแม่แท้ๆ ของกู้อวิ๋นซีป่วยตายไปตั้งแต่นางยังเด็กมากๆ ทิ้งไว้เพียงอวิ๋นซีกับพี่ใหญ่ของนางน้าเซวียดีกับพวกเขาสองพี่น้องมาก พี่ห้ากับพี่แปดเองก็ดีกับนางมาก เห็นนางเป็นเหมือนน้องแท้ๆ ของตัวเองต่อให้เป็นกู้อวิ๋นซีผู้ซึ่งข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวพวกเขาเป็นที่สุดจนถึงตอนนี้น้าเซวียพูดกับนางอย่างต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง "แต่งงานแล้วกับตอนเป็นหญิงสาวก็ไม่เหมือนกันแล้วนะ""โดยเฉพาะเจ้าที่แต่งเข้าราชวงศ์ ทุกการกระทำทุกคำพูดล้วนมีคนมากมายคอยจับจ้อง ตัวเองจะต้องระวังให้มาก""ต้องควบคุมตนเองและระมัดระวังในการกระทำ อย่าได้กระทำความผิดใดที่จะให้คนจับจุดอ่อนได้ โดยเฉพาะอย่าได้สนิทสนมใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นจนเกินไป""เป็นสะใภ้ของราชวงศ์มันไม่ง่าย ถึงแม้จะมีลาภยศเงินทองใช้ไม่ขาด แต่การอยู่ข้างกาย
จวินเย่เสวียนไม่รู้ว่าดื่มไปกี่จอกแล้วแต่สายตาของเขาค่อยๆ เริ่มเยิ้มและพร่ามัวขึ้นทุกทีท่านอะ...ท่านพี่ ท่านดื่มมากไปแล้ว "จอกสุดท้ายถูกกู้อวิ๋นซีห้ามไว้ได้"นางแย่งเอาจอกมาวางลง มองไปยังแม่ทัพอาวุโสกู้ที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง "ท่านอ๋องดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่ง ท่านปู่ คืนนี้พอแค่นี้ดีไหมเจ้าคะ?"แน่นอนว่าแม่ทัพอาวุโสเองก็ดูออกว่าหลานเขยของเขาคนนี้ดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งจริงๆแต่คืนนี้ ทุกคนกำลังมีความสุขกันนะ!แม่ทัพกู้เองก็พูดว่า "ไม่ง่ายที่ทุกคนจะมาอยู่รวมตัวกันได้...""สามีของข้า...ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง" กู้อวิ๋นซีพูดรีบพูดต่อทันทีเพิ่งจะพูดจบ ทุกคนก็เห็นว่าจู่ๆ จวินเย่เสวียนก็ก้มหน้า เอาหน้าของตัวเองซุกลงไปที่ลำคอของกู้อวิ๋นซีทันทีลมหายใจร้อน ปัดเป่าอยู่ที่ลำคอละเอียดอ่อนนุ่มของนาง ร้อนจนกู้อวิ๋นซีเกือบจะกระเด้งตัวขึ้นจากตักของเขาแต่เขากลับยิ่งกอดนางไว้แน่นขึ้น เสียงแหบพร่า ดังขึ้นที่ข้างหูของนาง "ภรรยาไม่ให้ข้าดื่ม ข้าไม่ดื่มก็ได้"ท่านอ๋องบอกแล้วว่าไม่ดื่ม ใครยังจะกล้ารินเหล้าให้อีก?ทุกคนรีบวางจอกลงทันทีแม่ทัพอาวุโสรีบพูดขึ้นทันที "ยกน้ำชามา!"บ่าวรับใช้รีบไปยกน้ำชากันข
ร่างกายเขาแข็งแรง แข็งแรงดีมากเลยล่ะ!ไม่เช่นนั้นจะทรมานนางจนเกือบตายได้ยังไงทุกครั้ง?แต่นางไม่อยากพูดถกเถียงปัญหาเรื่องนี้กับเขา!"จวินเย่เสวียน ปล่อย!" กู้อวิ๋นซีออกแรงผลักคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ไม่เคยถูกตัวเองผลักได้ ตอนนี้นางกลับสามารถผลักเขาออกจนล้มลงไปบนพื้นแรงๆ ได้!กู้อวิ๋นซีอึ้งไปรีบลุกจากเตียงขึ้นมานั่งในทันที ถึงได้เห็นจวินเย่เสวียนที่หน้างอง้ำปีนขึ้นมาจากพื้น"เจ้านี่มัน...เป็นผู้หญิงกำเริบนัก!" จวินเย่เสวียนจับขอบเตียงไว้จากนั้นก็พยุงตัวลุกขึ้นมา แถมร่างกายสูงใหญ่ของเขายังเสไปมาอีกด้วยยืนยังไม่ตรงเลย!เมาแล้วจริงๆ ด้วย!เมาขนาดนี้ยังจะสามารถอุ้มนางกลับห้องมาได้อีก ช่างน่าอัศจรรย์นักหากไม่ใช่ว่าเกลียดเขาจริงๆ กู้อวิ๋นซีคงจะต้องอดไม่ไหวหัวเราะออกมาแน่ไม่เคยเห็นเสวียนอ๋องผู้ที่แสนหยิ่งยโสในสภาพน่าอนาถเช่นนี้มาก่อนเลย ถึงกับถูกนางผลักให้ล้มลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นได้!ช่างน่าอับอายยิ่งนักจวินเย่เสวียนปีนกลับขึ้นมาได้แล้ว เขาจับแขนของนางไว้ แล้วกดนางลงไปอีกครั้งเพียงแต่ ครั้งนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ล้มลงไปด้วยแล้วทับลงไปบนตัวของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงกู้อวิ๋นซีรู
"อาหลี?" ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างเตียง กลายเป็นจวินฉู่หลีไปแล้วและที่ทำให้กู้อวิ๋นซีแปลกใจขึ้นไปอีกก็คือ เมื่อคืนนางนอนหลับไปบนเก้าอี้ยาวชัดๆ เหตุใดพอตื่นขึ้นมา ตัวเองถึงมานอนอยู่บนเตียงได้กัน?ตรงนี้ เดิมทีควรจะเป็นที่นอนของจวินเย่เสวียนไม่ใช่เหรอ?"องค์ชายสี่ล่ะ?" นางรีบผุดลุกขึ้นมานั่งมองดูไปรอบๆ ในห้องนี้ นอกจากนางกับอาหลีแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีก"นี่เจ้าเรียกหาท่านพี่สี่ในห้องนอนของ "พวกเรา" เนี่ยนะ?" ราวกับจวินฉู่หลีกำลังยิ้มบางๆ อยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆอย่างน้อยกู้อวิ๋นซีก็ฟังออกว่า คำพูดนี้ของเขาไม่ได้มีความหมายต้องการที่จะกล่าวโทษนางแต่อย่างใด"เจ้ารู้ดีว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร" นางนวดที่หัวคิ้วเบาๆจวินฉู่หลีรีบพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงทันที "ไม่สบายเหรอ?""แค่รู้สึกล้านิดหน่อย" หมู่นี้ไม่ป่วยก็บาดเจ็บอยู่ตลอดมักรู้สึกว่า ทุกวันล้วนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร นางถึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง "...เขาล่ะ?""เมื่อคืนได้รับข่าวเรื่องกบฎ จึงออกนอกเมืองไปปราบกบฎตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"กู้อวิ๋นซีรู้สึกกังวลในใจทันที "เมื่อคืนเขาดื่มเหล้าเ
"ความจริงข้าเองก็อธิบายไม่ถูก แค่เพียงรู้สึกว่า พิษที่เจ้าโดนจะต้องไม่ใช่พิษธรรมดาแน่"แน่นอนว่าหากเป็นพิษธรรมดา ก็คงไม่ทำให้หมอทุกคนอับจนหนทางกันได้จนถึงทุกวันนี้หรอกเขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้มีฐานะสูงส่ง การรักษาที่เขาสามารถเข้าถึงได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อยู่แล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงไม่มีใครสามารถช่วยถอนพิษให้เขาได้เห็นได้ชัดว่าพิษนี้มันร้ายแรงขนาดไหน"ข้าเคยศึกษาพิษร้ายแรงมานับไม่ถ้วน พิษในร่างกายของเจ้าไม่เข้ากับหมวดยาพิษไหนที่ข้าเคยศึกษามาเลย""เหตุใดเจ้าจึงต้องศึกษาพิษร้ายแรงด้วย?" สิ่งที่จวินฉู่หลีสนใจกลับเป็นคนละประเด็นกับนางเลยกู้อวิ๋นซีรู้สึกสมองเบลอ จ้องหน้าเขาเขม็ง "เราคุยประเด็นหลักกันได้ไหม?"จวินฉู่หลีกลับเพียงหัวเราะออกมาการได้พูดคุยกับซีเออร์น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็เป็นเรื่องที่เขาแค่กล้าคิดเท่านั้นคิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งมันสามารถเกิดขึ้นจริงๆ ได้แถมยังใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเองคุยกันด้วย เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ก็ทำให้จวินฉู่หลีรู้สึกว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความหวังแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดที่อยากจะอาการดีขึ้น สามารถมีชีว
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าคำถามนี้เหนือความคาดหมายไปมากไม่ต้องการเขากับจวินเย่เสวียน?ทำไมมันฟังดูแปลกๆ ล่ะ?จวินฉู่หลีกลับไม่ปล่อยให้นางให้คิดอะไรอีก เขายืนขึ้นมา มองไปที่นาง "ในเมื่อตื่นแล้วก็ลุกขึ้นเถอะ ไปบอกลาท่านแม่ทัพอาวุโสซะ เราควรกลับบ้านกันได้แล้ว"กลับบ้าน...กู้อวิ๋นซีกลับรู้สึกอึดอัดในใจนางเพิ่งจะพูดไปว่า จวนเสวียนอ๋องไม่ใช่บ้านของนาง"อาหลี...""เรื่องในภายหลังก็ค่อยคุยภายหลังเถอะ ตอนนี้ที่จวนแม่ทัพยังคงค่อนข้างวุ่นวายอยู่ หากเจ้าออกจากจวนเสวียนอ๋องในตอนนี้ อาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้กับพวกเขาก็ได้"สายตาที่จวินฉู่หลีมองนาง ยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเดิมเพียงแต่ ดูเหมือนกำลังหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่างกู้อวิ๋นซีก็รู้ดีว่าในตอนนี้ ตัวนางไม่อาจเพิ่มความวุ่นวายอะไรให้กับจวนแม่ทัพอีกได้เรื่องที่พี่ใหญ่หายตัวไป ยังคงเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ หากมีลมพัดนิดเดียว อาจทำให้ฝ่าบาทเกิดความขุ่นเคืองพระทัยกับจวนแม่ทัพของพวกเข้าได้แต่เรื่องของนางกับจวินฉู่หลีและจวินเย่เสวียน ก็จำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเช่นกันแต่ว่า จะใช้วิธีการไหนที่จะทำให้ฝ่าบาทยินยอมให้นางกับจวินฉู่หลีหย่ากันไ
กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น "อาหลี..."จวินฉู่หลีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "หากข้าบอกว่า หนึ่งปีก่อนหน้าที่ได้พบกับเจ้าครั้งแรก ข้าก็ตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบเจ้ามาก เจ้าจะเชื่อหรือไม่?"กู้อวิ๋นซีสีหน้าเคร่งขรึม "แต่ข้ากับท่านพี่สี่ของเจ้าได้..."จวินฉู่หลีกลับยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะไม่ขัดขวางเรื่องที่เจ้าจะอยู่กับใคร? ขอเพียงเจ้ายังยินดีที่จะให้ข้าได้เห็นเจ้าบ่อยๆ"กู้อวิ๋นซีพบว่าตัวเองกับเขาไม่อาจสนทนากันต่อไปได้ไปเอาความรักยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรมาจากไหน?นี่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนอ่อง ไม่ค่อยไปไหน จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกับหญิงสาวในโลกภายนอกใช่หรือไม่ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าการที่ชอบใครสักคนอย่างจริงๆ เป็นความรู้สึกอย่างไร?การชอบใครสักคน จะยอมปล่อยให้นางไปอยู่กับคนอื่นได้อย่างไร แถมยังยอมให้เกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมอีกด้วยเนี่ยนะ?เขาเงียบสงบและปลีกวิเวกเกินไปแล้ว เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดจวินฉู่หลีหยิบเอาชุดคลุมที่พาดไว้บนฉากกั้นลม เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง แล้วช่วยหลุมให้นาง "สมควรกลับจวนได้แล้ว"กู้อวิ๋นซีกลั
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี