"อาหลี?" ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างเตียง กลายเป็นจวินฉู่หลีไปแล้วและที่ทำให้กู้อวิ๋นซีแปลกใจขึ้นไปอีกก็คือ เมื่อคืนนางนอนหลับไปบนเก้าอี้ยาวชัดๆ เหตุใดพอตื่นขึ้นมา ตัวเองถึงมานอนอยู่บนเตียงได้กัน?ตรงนี้ เดิมทีควรจะเป็นที่นอนของจวินเย่เสวียนไม่ใช่เหรอ?"องค์ชายสี่ล่ะ?" นางรีบผุดลุกขึ้นมานั่งมองดูไปรอบๆ ในห้องนี้ นอกจากนางกับอาหลีแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีก"นี่เจ้าเรียกหาท่านพี่สี่ในห้องนอนของ "พวกเรา" เนี่ยนะ?" ราวกับจวินฉู่หลีกำลังยิ้มบางๆ อยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆอย่างน้อยกู้อวิ๋นซีก็ฟังออกว่า คำพูดนี้ของเขาไม่ได้มีความหมายต้องการที่จะกล่าวโทษนางแต่อย่างใด"เจ้ารู้ดีว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร" นางนวดที่หัวคิ้วเบาๆจวินฉู่หลีรีบพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงทันที "ไม่สบายเหรอ?""แค่รู้สึกล้านิดหน่อย" หมู่นี้ไม่ป่วยก็บาดเจ็บอยู่ตลอดมักรู้สึกว่า ทุกวันล้วนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร นางถึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง "...เขาล่ะ?""เมื่อคืนได้รับข่าวเรื่องกบฎ จึงออกนอกเมืองไปปราบกบฎตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"กู้อวิ๋นซีรู้สึกกังวลในใจทันที "เมื่อคืนเขาดื่มเหล้าเ
"ความจริงข้าเองก็อธิบายไม่ถูก แค่เพียงรู้สึกว่า พิษที่เจ้าโดนจะต้องไม่ใช่พิษธรรมดาแน่"แน่นอนว่าหากเป็นพิษธรรมดา ก็คงไม่ทำให้หมอทุกคนอับจนหนทางกันได้จนถึงทุกวันนี้หรอกเขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้มีฐานะสูงส่ง การรักษาที่เขาสามารถเข้าถึงได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อยู่แล้วแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงไม่มีใครสามารถช่วยถอนพิษให้เขาได้เห็นได้ชัดว่าพิษนี้มันร้ายแรงขนาดไหน"ข้าเคยศึกษาพิษร้ายแรงมานับไม่ถ้วน พิษในร่างกายของเจ้าไม่เข้ากับหมวดยาพิษไหนที่ข้าเคยศึกษามาเลย""เหตุใดเจ้าจึงต้องศึกษาพิษร้ายแรงด้วย?" สิ่งที่จวินฉู่หลีสนใจกลับเป็นคนละประเด็นกับนางเลยกู้อวิ๋นซีรู้สึกสมองเบลอ จ้องหน้าเขาเขม็ง "เราคุยประเด็นหลักกันได้ไหม?"จวินฉู่หลีกลับเพียงหัวเราะออกมาการได้พูดคุยกับซีเออร์น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็เป็นเรื่องที่เขาแค่กล้าคิดเท่านั้นคิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งมันสามารถเกิดขึ้นจริงๆ ได้แถมยังใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเองคุยกันด้วย เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ก็ทำให้จวินฉู่หลีรู้สึกว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความหวังแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดที่อยากจะอาการดีขึ้น สามารถมีชีว
กู้อวิ๋นซีรู้สึกว่าคำถามนี้เหนือความคาดหมายไปมากไม่ต้องการเขากับจวินเย่เสวียน?ทำไมมันฟังดูแปลกๆ ล่ะ?จวินฉู่หลีกลับไม่ปล่อยให้นางให้คิดอะไรอีก เขายืนขึ้นมา มองไปที่นาง "ในเมื่อตื่นแล้วก็ลุกขึ้นเถอะ ไปบอกลาท่านแม่ทัพอาวุโสซะ เราควรกลับบ้านกันได้แล้ว"กลับบ้าน...กู้อวิ๋นซีกลับรู้สึกอึดอัดในใจนางเพิ่งจะพูดไปว่า จวนเสวียนอ๋องไม่ใช่บ้านของนาง"อาหลี...""เรื่องในภายหลังก็ค่อยคุยภายหลังเถอะ ตอนนี้ที่จวนแม่ทัพยังคงค่อนข้างวุ่นวายอยู่ หากเจ้าออกจากจวนเสวียนอ๋องในตอนนี้ อาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้กับพวกเขาก็ได้"สายตาที่จวินฉู่หลีมองนาง ยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเดิมเพียงแต่ ดูเหมือนกำลังหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่างกู้อวิ๋นซีก็รู้ดีว่าในตอนนี้ ตัวนางไม่อาจเพิ่มความวุ่นวายอะไรให้กับจวนแม่ทัพอีกได้เรื่องที่พี่ใหญ่หายตัวไป ยังคงเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ หากมีลมพัดนิดเดียว อาจทำให้ฝ่าบาทเกิดความขุ่นเคืองพระทัยกับจวนแม่ทัพของพวกเข้าได้แต่เรื่องของนางกับจวินฉู่หลีและจวินเย่เสวียน ก็จำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเช่นกันแต่ว่า จะใช้วิธีการไหนที่จะทำให้ฝ่าบาทยินยอมให้นางกับจวินฉู่หลีหย่ากันไ
กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น "อาหลี..."จวินฉู่หลีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "หากข้าบอกว่า หนึ่งปีก่อนหน้าที่ได้พบกับเจ้าครั้งแรก ข้าก็ตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบเจ้ามาก เจ้าจะเชื่อหรือไม่?"กู้อวิ๋นซีสีหน้าเคร่งขรึม "แต่ข้ากับท่านพี่สี่ของเจ้าได้..."จวินฉู่หลีกลับยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะไม่ขัดขวางเรื่องที่เจ้าจะอยู่กับใคร? ขอเพียงเจ้ายังยินดีที่จะให้ข้าได้เห็นเจ้าบ่อยๆ"กู้อวิ๋นซีพบว่าตัวเองกับเขาไม่อาจสนทนากันต่อไปได้ไปเอาความรักยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรมาจากไหน?นี่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนอ่อง ไม่ค่อยไปไหน จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกับหญิงสาวในโลกภายนอกใช่หรือไม่ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าการที่ชอบใครสักคนอย่างจริงๆ เป็นความรู้สึกอย่างไร?การชอบใครสักคน จะยอมปล่อยให้นางไปอยู่กับคนอื่นได้อย่างไร แถมยังยอมให้เกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมอีกด้วยเนี่ยนะ?เขาเงียบสงบและปลีกวิเวกเกินไปแล้ว เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดจวินฉู่หลีหยิบเอาชุดคลุมที่พาดไว้บนฉากกั้นลม เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง แล้วช่วยหลุมให้นาง "สมควรกลับจวนได้แล้ว"กู้อวิ๋นซีกลั
"ซีเออร์ คุยเสร็จแล้วยัง?"จวินฉู่หลีกำลังเคาะประตูความคิดในใจของกู้อวิ๋นซีถูกทำลายลงในทันทีเมื่อกี้ เหมือนกับว่าคิดอะไรออกแล้วจริงๆ จุดสำคัญที่สุด กำลังแว๊บเข้ามาในหัวในตอนที่ความคิดบางอย่างกำลังจะปรากฎขึ้นมา ก็ดันถูกขัดจังหวะไปซะก่อนกู้อวิ๋นซีมองที่มู่เฟยหย่า "ไม่ว่าอย่างไร เจ้าเสียสละเพื่อพี่ใหญ่ของข้ามากมายเช่นนี้ พี่ใหญ่ของข้าไม่มีทางทำให้เจ้าเสียใจแน่"มู่เฟยหย่ากลับถอนหายใจออกมา แล้วพูดอย่างจนใจ "กลัวก็แค่ เขาจะไม่มีใจให้ข้าเท่านั้นแหละ""จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าดูออก...""ไม่เป็นไร ถึงยังไง ชาตินี้ทั้งชาติข้าก็จะติดตามเขานี่แหละ" มู่เฟยหย่าพูดแทรกนางขึ้นมา แล้วพูดอย่างยิ้มๆ "สามีของเจ้ามาตามเจ้าแล้ว รีบกลับบ้านไปกับเขาเถอะ"มีสามี มีบ้าน ความรู้สึกแบบนี้ ช่างดีเหลือเกินไม่รู้ว่าเมื่อไร นางถึงจะสามารถพูดกับกู้หนานฟงว่าพวกเรากลับบ้านกันเถอะได้โดยเป็นที่ถูกต้องตามครรลองได้บ้างถึงแม้ตอนนี้จะอาศัยอยู่ในเรือนของกู้หนานฟง แต่ก็มักมีความรู้สึกเหมือนจะถูกขับไล่ได้ตลอดเวลา...กู้อวิ๋นซีตบไปที่มือของนางเบาๆ เป็นการให้กำลังใจอย่างเงียบๆมู่เฟยหย่าพยักหน้า"ไม่ต้องห่วง ข้าไ
ดาบใหญ่ของกบฎนั่นไม่ได้ผ่าลงมาแต่กู้อวิ๋นซีกลับได้ยินเสียง สวบนี่มันคือเสียงอะไร?ราวกับใช้มีดหั่นผักมาหั่นเนื้อ แล้วก็เหมือนดาบใหญ่สับลงบนกระดูกแล้วก็คล้ายกับเป็นเสียงเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมารอบบริเวณเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องไม่หยุดหย่อนทุกคนต่างพากันหาที่ซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัวสุดขีดบางคนตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้นด้วยตัวสั่นเทาตกใจสุดขีด อยากจะส่งเสียงร้องออกมา แต่ในลำคอกลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ได้เลยสักนิดเห็นได้ชัดว่า หวาดกลัวมากสักเพียงไหนกู้อวิ๋นซีเพียงมองไปที่เงาร่างที่นั่งบนหลังม้านั้นอย่างเงียบๆบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด บ้างก็แห้งแล้ว บ้างก็ยังเป็นเลือดสดๆ ที่ยังเปียกโชกอยู่กระทั่งว่ามีหยดเลือดไหลลงมาตามเส้นผมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่นดินของเขาเสวียนอ๋องที่สวมชุดเกราะทั้งตัว ปรากฎตัวขึ้นด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยในมือถือดาบเล่มใหญ่ บนตัวดาบยังมีคราบเลือดหยดติ๋งๆในเวลานี้ ตัวเขานั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูงใหญ่ จ้องมองไปที่หญิงสาวซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่นองเลือดมีอะไรบางอย่างกระเด็นมาโดนใบหน้าของตัวเอง ทั้งอุ่นร้อน ทั้งเหนียวเหน
ไทเฮาต้องการตบรางวัลให้กู้อวิ๋นซี นี่เป็นจุดประสงค์หนึ่งในการจัดงานเลี้ยงในคืนนี้แต่ยังไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่สำคัญที่สุดคือ ไทเฮาได้ยินเรื่องที่พระสนมหรงต้องการคัดเลือดพระชายาให้เสวียนอ๋อง นางจึงเกิดความคิดขึ้นมาบ้างในงานเลี้ยงมีหญิงสาวรูปร่างหน้าตาแตกต่างหลากหลาย แบบไหนก็มีหมดในวังหนิงอันของไทเฮา คืนนี้มีหญิงสาวทุกรูปแบบนั่งอยู่จนเต็มในตำหนักหญิงสาวทุกคนที่ได้ส่งภาพวาดมา ไทเฮากับพระสนมหรงก็ได้ร่วมกันตั้งใจคัดเลือกมาแล้วคนไหนที่คิดพื้นเพว่าใช้ได้ ไทเฮาก็ไม่ปล่อยผ่านเลยถึงอย่างไรนิสัยของหลานชายนางคนนี้ก็คาดเดาได้ยากเหลือเกินเอามาหลากหลายแนวหน่อย ไม่แน่อาจจะมีหญิงสาวสักคนที่ตรงใจเขาก็ได้คืนนี้ขนาดพี่สาวสองคนของกู้อวิ๋นซีเองก็มาด้วยพี่หกกู้หรูเสวี่ย พี่เจ็ดกูเพียนหรานแต่พี่แปดกู้หรูชิวไม่ได้อยู่ นางไม่ได้ส่งแม้กระทั่งภาพวาดเข้ามาในตอนแรกพระสนมหรงไม่ยินดีที่จะให้คุณหนูสองคนนั้นในจวนแม่ทัพมาร่วมด้วยหรอก แต่ขวางไม้ได้เพราะไทเฮาชอบไทเฮาชอบกู้อวิ๋นซี ดังนั้นจึงรักรวมไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนางด้วย ขนาดกูเพียนหรานกับกู้หรูเสวี่ยก็ชอบ"เสด็จแม่เพคะ คุณหนูสองคนของจวน
คนลอบสังหารในคืนนั้น!แววตาของพระสนมหรงสั่นไหวเล็กน้อย กำลังจ้องมองไปที่ไทเฮาเช่นเดียวกันแต่ไทเฮากลับส่ายหน้า พูดว่า "ข้ารู้เพียงว่า คนที่ลอบสังหารข้าในคืนนั้นเป็นชายชุดดำที่คลุมผ้าปกปิดใบหน้า ส่วนอีกคน...""ยังมีอีกคนด้วยเหรอเพคะ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกเครียดเกร็งในใจเรื่องในคืนนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาทั้งๆ ที่นางเห็นกับตาตัวเองว่าจวินเย่เสวียนมาที่ห้องนอนของไทเฮา แต่ในตอนหลังกลับไม่เห็นแม้แต่เงาหรือว่า อีกคนหนึ่งจะเป็นเขา?"อีกคน" ไทเฮาคิดย้อนไปแล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง "ดูเหมือนจะมาช่วยข้า แต่ข้าเห็นไม่ชัดว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าตอนที่คนร้ายจะแทงเข้ามาอีกครั้ง ก็ถูกคนผู้นั้นซัดกระเด็นออกไปแล้ว""จากนั้นซีเออร์น้อยก็เข้ามา คนผู้นั้นก็ไล่ตามคนร้ายลอบสังหารออกไป"พระสนมหรงรีบถามต่ออย่างร้อนใจ "เสด็จแม่มองเห็นรูปร่างของทั้งสองคนนั้นไม่ชัดหรือเพคะ?"ไทเฮาส่ายหน้า "เขาเขาคนหนึ่งปิดหน้าปิดตา ส่วนตอนที่อีกคนบุกเข้ามา ข้าก็ล้มลงไปแล้วสายตาเลือนลางมองภาพไม่ชัดเจน"นางถอนหายใจ ก่อนจะพูดอย่างจนใจ "ถึงแม้ข้าจะอยู่ในวังหลัง แต่ก็รักสันโดด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปผิดใจกับใครตอนไหน ถ