หลังจากที่หยางอู่ตวนเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็โบกมือแล้วพูดกับหยางถิง “ไป เราไปพบหวังหยวนผู้นี้กันเถอะ!” หยางถิงเดินตามหยางอู่ตวน และตรงไปยังโรงเตี๊ยมที่หวังหยวนพักอยู่เพื่อไปเข้าพบ ต้าหู่เห็นทั้งสองคนจากระยะไกลและพูดอย่างตื่นเต้น “พี่หยวน พ่อลูกตระกูลหยางมาพบพวกเราจริง ๆ แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” หวังหยวนยิ้มเล็กน้อย เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!” ในไม่ช้า หยางอู่ตวนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยางถิง หวังหยวนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ในที่สุด หัวหน้าตระกูลหยางก็เต็มใจพบข้าเสียที” ใบหน้าของหยางอู่ตวนดูเคร่งขรึมและพูดอย่างเย็นชา “เจ้ารู้วิธีเล่นงานจริง ๆ และเป็นพ่อค้ากิจการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม” “ขอบคุณหัวหน้าตระกูลหยางที่ชม!” หวังหยวนหัวเราะและเชิญทั้งสองนั่งลง หลังจากรินน้ำชาแล้ว เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อหัวหน้าตระกูลหยางริเริ่มมาพบข้าก่อน เกรงว่าท่านต้องมาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับข้าใช่หรือไม่?” “รู้อยู่แก่ใจยังแกล้งถามอีก” หยางอู่ตวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ในเมื่อเจ้าถึงกับประกาศข่าวออกไปแล้ว ก็สมเหตุสมผลที่ตระกูลหยางขอ
หวังหยวนไม่รู้เรื่องนี้ และเขากำลังนำคนกลุ่มหนึ่งไปยังเมืองอันในขณะนี้ ขณะเดียวกัน ในค่ายหลิงหยุนแห่งเมืองอัน หงเยี่ยและเซี่ยซานหู่ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ที่นี่ และท่านอาจารย์จ้าวป๋อเซี่ยวก็นั่งอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน “ท่านหัวหน้า นายท่านรอง บัดนี้โจรทั้งหมดในเมืองอันถูกเรากวาดล้างหมดแล้ว เกรงว่าแม้แต่ท่านเสนาธิการทหารก็อาจคิดไม่ถึง!” เดิมทีทักษะการต่อสู้ของหงเยี่ยและคนอื่นต่างไม่ธรรมดาอยู่แล้ว บวกกับที่มีท่านอาจารย์อย่างจ้าวป๋อเซี่ยวอยู่ที่นี่ การกวาดล้างพวกโจรในเมืองอันจึงเป็นเรื่องง่ายโดยปริยาย! “เมื่อวานนี้ มีคนรายงานว่าท่านเสนาธิการทหารและคนอื่น ๆ กำลังมุ่งหน้ามายังเมืองอันแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะมาถึงในวันนี้” เซี่ยซานหู่พูดอย่างเร่งรีบพร้อมแสดงรอยยิ้ม พวกเขามีความสุข แต่คนที่มีความสุขที่สุดคือจ้าวป๋อเซี่ยว! ครั้งก่อนที่เขาเสนอแนะ เขาขอให้หวังหยวนก่อกบฏเพื่อประโยชน์ของใต้หล้า! ทว่าหวังหยวนปฏิเสธ และบอกข้อเท็จจริงเก้าตัวอักษรให้พวกเขาฟัง! สร้างกำแพงเมืองสูง สะสมทรัพยากรให้มาก และใช้เวลาของเขาก่อนที่จะได้รับตำแหน่งฮ่องเต้! ทว่าบัดนี้พวกเขาได้จับกลุ่มโจรจากเฉิงโจว เมือ
ภายในแผ่นดินต้าเย่ บ้านเมืองลุกเป็นไฟ บัดนี้หวังหยวนได้รับความอยุติธรรมมากมาย เขาจึงตัดสินใจว่ามีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่รักษาความมั่นคงสันติได้! ดังนั้น... แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังต้องเดินต่อไป! แต่สิ่งที่หวังหยวนโชคดีก็คือมีคนคอยสนับสนุนเขามากมาย และความรู้สึกนั้นทำให้เขาพอใจยิ่งนัก! “ท่านเสนาธิการทหาร พวกเราเข้าไปในค่ายหลิงหยุนกันเถอะ!” เซี่ยซานหู่หัวเราะเบา ๆ และรีบเอ่ยพูดพร้อมยกมือขึ้น กลุ่มคนเข้าไปในค่ายหลิงหยุนพร้อมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก มีเพียงหงเยี่ยเท่านั้นที่สังเกตเห็นหลี่ซื่อหาน และสตรีอีกสองคน เมื่อมองดูใบหน้าที่ราวกับนางฟ้าของพวกนาง ก็ไม่รู้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ในขณะนี้ ในห้องโถงจงอี้ หวังหยวนนั่งอยู่ที่แรก เซี่ยซานหู หงเยี่ย และจ้าวป๋อเซี่ยวต่างนั่งขนาบข้างทั้งสองด้านด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “ท่านเสนาธิการทหาร เราได้ดำเนินการลำดับแรกไปแล้ว ตราบใดที่ตะโกนดัง ๆ พวกเราก็จะมีกำลังการต่อสู้เพื่อโจมตีเมืองหลวงมากขึ้น!” จ้าวป๋อเซี่ยวเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น เขายังคงคิดที่จะรีบแกว่งดาบไปที่พระราชวังทันที! หวังหยวนหัวเราะท
ครั้งที่แล้วมีศาสตร์เก้าตัวอักษร แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าหวังหยวนยังวางแผนอะไรไว้ หวังหยวนมองดูพวกเขา และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมา “เป็นฮ่องเต้!” เขาพูดเพียงสองคำเท่านั้น! แต่เป็นสองคำที่หนักแน่นมาก และหลังจากที่พูดจบ พวกเขาก็สะดุ้งตกใจอยู่ในใจ! เป็นฮ่องเต้! ท่านเสนาธิการทหารจะดำเนินการขั้นนี้จริง ๆ! พวกเขาทั้งหมดตกใจมาก ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น! จ้าวป๋อเซี่ยวเหลือบมองที่เซี่ยซานหู่ และมองไปที่หงเยี่ยด้วย จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่พูดพล่าม “ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีน้อมฟังคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากพูดเช่นนี้ หวังหยวนยิ้มและรีบช่วยพยุงเขาลุกขึ้น “ท่านอาจารย์จ้าว ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นฮ่องเต้ ต้าเย่อยู่ในความสับสนวุ่นวาย สี่ตระกูลใหญ่กำลังนองเลือด ในเมืองซ่างจิงจะต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง แม้ว่าข้าพูดว่าอยากจะเป็นฮ่องเต้ก็ตาม ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา” จ้าวป๋อเซี่ยวเข้าใจคำพูดของหวังหยวน แม้ว่าพวกเขาจะมุ่งความสนใจไปที่เมืองซ่างจิงในขณะนี้ แต่เมื่อหวังหยวนรวบรวมกองกำลังทหารและยืนหยัดด้วยตัวเอง เกรงว่าฮ่องเต้ซิงหลงจะเป็นคนแรกที่ลงม
แม้ว่าทุกคนจะคิดถึงวันนี้มาเป็นนานแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้! ทันใดนั้น จ้าวป๋อเซี่ยวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกถึงความกดดัน แต่สิ่งต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเขาคิด! หวังหยวนและคนอื่นต่างอยู่ที่นี่หนึ่งวัน จากนั้นกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังในวันรุ่งขึ้น ตลอดทางย่อมมีความปลอดภัยอย่างยิ่ง ขณะนี้ในเมืองซ่างจิง ณ พระราชวังของฮ่องเต้ซิงหลง พระองค์ทรงบรรทมอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พระวรกายของเขาแย่ลง และแย่กว่าเดิมยิ่งนัก ราวกับว่าถึงคราวไม้ใกล้ฝั่ง! “ฝ่าบาท ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?” ฮองเฮา เสียนกุ้ยเฟย และนางสนมคนอื่น ๆ ต่างกำลังรออยู่ที่นี่ ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความกังวล ทว่าสีหน้าของแต่ละคนต่างกันออกไป ต่างแฝงไว้ด้วยเจตนามิดีมิร้าย และไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่! สีหน้าของไป๋เหยียนเฟยฉายแววกังวล จู่ ๆ ฮ่องเต้ซิงหลงก็กลายเป็นเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ไหมว่ามันอาจเป็นอาการที่ตามมาหลังจากที่นางวางยาครั้งก่อน? ทำให้กระทบกระเทือนร่างกาย? ส่วนเสียนกุ้ยเฟยนั้น ในใจนางรู้สึกกังวลมาก! เพราะนี่คือ
อย่างไรก็ตาม... เขาไม่ต้องการ! ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเองยังไม่บรรลุความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และไม่ยอมให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น! “ฝ่าบาท พระพลานามัยของพระองค์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เราค่อยเจรจาหารือเรื่องการสถาปนาองค์ชายรัชทายาทในวันหลังก็ได้เพคะ” ไป๋เหยียนเฟยกล่าวอย่างเร่งรีบ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสนมกุ้ยเฟยต่างก็ขมวดคิ้ว และไม่พูดอะไรอีก พวกเขาทุกคนมีโอกาส นอกจากนี้ โอรสของฮองเฮาเพิ่งประสูติเท่านั้น ดังนั้นโอกาสจึงมีน้อยมาก นางย่อมต้องการเวลาเป็นธรรมดา! แต่เมื่อฮองเฮาเอ่ยพูด พวกนางก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลไม่ยั้งคิด! ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นผู้ดูแลพระตำหนักฝ่ายใน! ฮ่องเต้ซิงหลงถอนหายใจและกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้ บัดนี้ยังไม่มีผู้ควบคุมกิจของแผ่นดิน ให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวาเข้ามา ส่วนที่เหลือก็ออกไปเถิด” หลังจากที่ฮ่องเต้ซิงหลงพูดจบ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จากนั้นทุกคนก็ถอยกลับไป ไม่นานหลังจากนั้น เสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางเฟิ่งกั๋ว และเสนาบดีฝ่ายขวาเป้าชิงสื่อทั้งสองคนก็เดินเข้ามา “ถวายบังคม ฝ่าบาท!” ทั้งสองรีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “ไม่ต้องมากพิธี ลุ
หลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวคำเหล่านี้ ฮ่องเต้ซิงหลงก็พยักหน้า “ข้าเองก็ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนเกี่ยวกับร่างกายของข้า ดังนั้นเจ้าก็ว่าตามที่ข้าไม่สามารถดูแลกิจของแผ่นดินเถอะ” แม้ว่าฮ่องเต้ซิงหลงไม่ต้องการพูดสิ่งนี้ แต่เขาก็มักจะอยู่ในอาการหมดสติ และวันหนึ่งเขาก็อาจจะสิ้นลมหายใจ! จะสอนองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร? หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแท้จริงอาจไม่ใช่องค์ชาย แต่เป็น... ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ฮ่องเต้ซิงหลงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าพูดถูก หากข้าประชวรหนัก ฮองเฮาก็จะได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด องค์ชายยังเด็ก และต้องการคำชี้แนะ ดังนั้นจึงต้องให้ฮองเฮารับหน้าที่เท่านั้น” ฮ่องเต้ซิงหลงเข้าใจ ว่าถึงแม้หย่งเอ๋อร์จะเฉลียวฉลาดมาก แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป! ในราชสำนัก เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวประชาชนได้ และต้องการใครสักคนมาช่วย และคนผู้นี้ย่อมต้องเป็นฮองเฮาโดยปริยาย ดังนั้นคงจะเป็นเสียนกุ้ยเฟยไม่ได้หรอกกระมัง? พระตำนักฝ่ายใน ฮองเฮาเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด หากเสียนกุ้ยเฟยเป็นผู้ตัดสินขั
แต่ว่า...ใครจะบอกได้ว่าฮองเฮาจะไม่มีส่วนกับเหล่าสามขุนนางหลักนี้กัน?จักรพรรดิซิงหลงถอนหายใจและพูดอย่างสงบ "ช่างเถอะ พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ข้าอยากจะคิดไตร่ตรองดู"“พวกเจ้าเรียกฮองเฮามาที่นี่”หลังจากพูดจบ เสนาบดีซ้ายและขวาก็รีบถอยออกไปและไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เหยียนเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ?”ไป๋เหยียนเฟยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“ฮองเฮา ไม่ต้องมากพิธี มานั่งข้างข้าเถอะ“จักรพรรดิซิงหลงสูดหายใจเข้าลึก และยิ้มออกมาไป๋เหยียเฟยพยักหน้า เดินไปหาจักรพรรดิซิงหลงและนั่งลง“ฮองเฮา เจ้าและข้ารักกันมานานหลายปีแล้ว เจ้าและข้าได้ขึ้นครองราชย์ด้วยกัน ข้าคือจักรพรรดิ์ เจ้าคือฮองเฮาคอยดูแลวังหลังให้ข้า”“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าทำงานหนักทุ่มเทกายใจไม่เคยทำให้ข้าต้องกังวลเลย ตอนนี้...ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ข้าอยากพูดอะไรกับเจ้าสักอย่าง”จักรพรรดิซิงหลงกล่าวอย่างจริงจัง จนไป๋เหยียเฟยตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสมาเลยเพคะ...”จักรพรรดิซิงหลงมองไป๋เหยียเฟยแล้วพูดทันทีว่า “ถ้าข้าจะให้องค์ชายห้าเป็นรัชทายาท เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้กล่าวถึงหย่
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห