อย่างไรก็ตาม... เขาไม่ต้องการ! ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเองยังไม่บรรลุความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และไม่ยอมให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น! “ฝ่าบาท พระพลานามัยของพระองค์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เราค่อยเจรจาหารือเรื่องการสถาปนาองค์ชายรัชทายาทในวันหลังก็ได้เพคะ” ไป๋เหยียนเฟยกล่าวอย่างเร่งรีบ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสนมกุ้ยเฟยต่างก็ขมวดคิ้ว และไม่พูดอะไรอีก พวกเขาทุกคนมีโอกาส นอกจากนี้ โอรสของฮองเฮาเพิ่งประสูติเท่านั้น ดังนั้นโอกาสจึงมีน้อยมาก นางย่อมต้องการเวลาเป็นธรรมดา! แต่เมื่อฮองเฮาเอ่ยพูด พวกนางก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลไม่ยั้งคิด! ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นผู้ดูแลพระตำหนักฝ่ายใน! ฮ่องเต้ซิงหลงถอนหายใจและกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้ บัดนี้ยังไม่มีผู้ควบคุมกิจของแผ่นดิน ให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวาเข้ามา ส่วนที่เหลือก็ออกไปเถิด” หลังจากที่ฮ่องเต้ซิงหลงพูดจบ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จากนั้นทุกคนก็ถอยกลับไป ไม่นานหลังจากนั้น เสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางเฟิ่งกั๋ว และเสนาบดีฝ่ายขวาเป้าชิงสื่อทั้งสองคนก็เดินเข้ามา “ถวายบังคม ฝ่าบาท!” ทั้งสองรีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “ไม่ต้องมากพิธี ลุ
หลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวคำเหล่านี้ ฮ่องเต้ซิงหลงก็พยักหน้า “ข้าเองก็ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนเกี่ยวกับร่างกายของข้า ดังนั้นเจ้าก็ว่าตามที่ข้าไม่สามารถดูแลกิจของแผ่นดินเถอะ” แม้ว่าฮ่องเต้ซิงหลงไม่ต้องการพูดสิ่งนี้ แต่เขาก็มักจะอยู่ในอาการหมดสติ และวันหนึ่งเขาก็อาจจะสิ้นลมหายใจ! จะสอนองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร? หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแท้จริงอาจไม่ใช่องค์ชาย แต่เป็น... ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ฮ่องเต้ซิงหลงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าพูดถูก หากข้าประชวรหนัก ฮองเฮาก็จะได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด องค์ชายยังเด็ก และต้องการคำชี้แนะ ดังนั้นจึงต้องให้ฮองเฮารับหน้าที่เท่านั้น” ฮ่องเต้ซิงหลงเข้าใจ ว่าถึงแม้หย่งเอ๋อร์จะเฉลียวฉลาดมาก แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป! ในราชสำนัก เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวประชาชนได้ และต้องการใครสักคนมาช่วย และคนผู้นี้ย่อมต้องเป็นฮองเฮาโดยปริยาย ดังนั้นคงจะเป็นเสียนกุ้ยเฟยไม่ได้หรอกกระมัง? พระตำนักฝ่ายใน ฮองเฮาเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด หากเสียนกุ้ยเฟยเป็นผู้ตัดสินขั
แต่ว่า...ใครจะบอกได้ว่าฮองเฮาจะไม่มีส่วนกับเหล่าสามขุนนางหลักนี้กัน?จักรพรรดิซิงหลงถอนหายใจและพูดอย่างสงบ "ช่างเถอะ พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ข้าอยากจะคิดไตร่ตรองดู"“พวกเจ้าเรียกฮองเฮามาที่นี่”หลังจากพูดจบ เสนาบดีซ้ายและขวาก็รีบถอยออกไปและไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เหยียนเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ?”ไป๋เหยียนเฟยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“ฮองเฮา ไม่ต้องมากพิธี มานั่งข้างข้าเถอะ“จักรพรรดิซิงหลงสูดหายใจเข้าลึก และยิ้มออกมาไป๋เหยียเฟยพยักหน้า เดินไปหาจักรพรรดิซิงหลงและนั่งลง“ฮองเฮา เจ้าและข้ารักกันมานานหลายปีแล้ว เจ้าและข้าได้ขึ้นครองราชย์ด้วยกัน ข้าคือจักรพรรดิ์ เจ้าคือฮองเฮาคอยดูแลวังหลังให้ข้า”“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าทำงานหนักทุ่มเทกายใจไม่เคยทำให้ข้าต้องกังวลเลย ตอนนี้...ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ข้าอยากพูดอะไรกับเจ้าสักอย่าง”จักรพรรดิซิงหลงกล่าวอย่างจริงจัง จนไป๋เหยียเฟยตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสมาเลยเพคะ...”จักรพรรดิซิงหลงมองไป๋เหยียเฟยแล้วพูดทันทีว่า “ถ้าข้าจะให้องค์ชายห้าเป็นรัชทายาท เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้กล่าวถึงหย่
จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้พูดเล่น มันเป็นความจริง!ที่อดีตจักรพรรดิผู้ล่วงลับเลือกให้แต่งงานกับไป๋เหยียนเฟยก็เพราะเหตุนี้!ถ้าเป็นผู้ชาย ต้องเป็นคนมีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างแน่นอน!“ฝ่าบาท...หม่อมฉันจะทำได้อย่างไร...”ไป๋เหยียนเฟยรีบพูดด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากจักรพรรดิซิงหลงโบกมือ “ไม่ ฮองเฮา ข้าเชื่อเจ้า”เขาถอนหายใจ รู้สึกเศร้าใจจริง ๆใครจะคิดว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นแบบนี้ได้!หากหาสาเหตุของโรคไม่ได้ อาการเขาแย่ลงทุกวัน ฉะนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพื่อตำแหน่งของรัชทายาทในตอนนี้!“เอาล่ะ ให้พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเข้ามาเถอะ ข้าอยากจะปลอบนาง”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็ให้ไป๋เหยียนเฟยออกไปหลังจากนั้นไม่นาน พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเดินเข้ามาถวายพระพร ขณะที่นางกำลังจะถวายพระพรนั้น จักรพรรดิซิงหลงก็ยื่นมือไปหยุดนางไว้“พระสนม มานี่มา ไม่ต้องมากพิธี นั่งข้างข้า”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้าและนั่งข้างเขาทั้งน้ำตา“ข้ามีสนมมากมาย แต่เจ้าคือคนที่ข้าโปรดปราน เจ้ามอบลูกชายหย่งเอ๋อร์ให้แก่ข้า ข้าก
จักรพรรดิซิงหลงพูดได้แค่นี้ หากเขายังอยู่ เรื่องราววุ่นวายคงไม่เกิดขึ้นแต่ถ้าเขาตายไปแล้ว เกรงว่าตระกูลเซิ่งจะไม่อยู่เฉยแน่ส่วนตระกูลเซิ่งจะยอมฟังสิ่งที่เขาจะสื่อหรือไม่ เขาไม่กล้าตอบจริง ๆ“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้า และทำได้แค่เห็นด้วย“เอาเถอะ เจ้าไปเถอะ”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็รู้สึกหมดหนทางจากนั้นก็ร่างราชโองการแต่งตั้งให้องค์ชายห้าชางเอ๋อร์เป็นรัชทายาท และมีฮองเฮาเป็นผู้สำเร็จราชการทันทีที่ราชโองการนี้ออกมา ทั้งแผ่นดินต่างตกตะลึง!ให้สตรีเป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเรื่องผิดกฎจารีตประเพณีเป็นอย่างยิ่ง!เหล่าขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนรับไม่ได้ และยื่นฏีกาเรียกร้อง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เสนาบดีซ้ายและขวาต่างก็ไม่ยอม!พวกเขายินดีช่วยเหลือหย่งเอ๋อร์ แต่พวกเขาไม่อยากช่วยเหลือฮองเฮา!นี่เป็นความคิดที่หยั่งรากลึก!เปลี่ยนแปลงไม่ได้!“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”“เหตุใดฝ่าบาทจึงให้ฮองเฮามาควบคุมดูแลบริหารราชกิจ?”“การที่วังหลังมีส่วนร่วมในการเมืองจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ!”“ฝ่าบาททรงเลอะเลือนไปแล้วหรือ?”หลายคนพูดเช่นนี้เต็มไปด้วยค
หวังหยวนรู้สึกสะเทือนใจและเวทนาชะตากรรมอันน่าเศร้าของจักรพรรดิซิงหลงด้วย!ใครจะคิดว่าเขาจะมีวันที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ได้!“รอดูเถอะ...สถานการณ์ในเมืองหลวงกำลังจะลุกเป็นไฟ!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็มองไปทางทั้งสตรีทั้งสามและเตือนต้าหู่“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเร็ว ๆ นี้ เราต้องป้องกันตัวเอง บอกข่าวเกาเล่อ ถังหม่าง และลุงหานซานด้วย”หลังจากพูดเช่นนี้ ต้าหู่ก็รับคำสั่งทันทีและรีบไปแจ้งข่าวทันที“ท่านพี่...จะมีเรื่องวุ่นวายใหญ่หลวงเกิดขึ้นจริงหรือ?”แววตาหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยความกังวลหวังหยวนยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้มันจะวุ่นวาย แต่ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ และต้องสงบเสงี่ยมกันเอาไว้ ในท้ายที่สุด แล้วถ้าวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ ต้าเย่ก็จะหายไป”“ดังนั้นไม่ว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน ทุกอย่างก็จะอยู่ในขอบเขตของต้าเย่”ตระกูลเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาสุขสบายมาหลายชั่วอายุคน ในท้ายที่สุดก็ใช้งานแคว้นหวงและแคว้นหมางอย่างสุขสบายอยู่ดี!นั่นคงจะไม่ต่างการแกว่งเท้าหาเสี้ยน!ในเวลาเดียวกัน ตระกูลเซิ่งก็รู้ข่าวนี้ด้วย!เซิ่งฟางสี่รู้สึกรา
เซิ่งฟางสี่จิ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ที่พูดเป็นความจริง!ในโลกนี้ล้วนจังรักภักดีต่อจักรพรรดิ!ล้วนเป็นจักรพรรดิเท่านั้น!จะมีฮองเฮาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหยียนเฟยไม่คิดเป็นอย่างเซียวฉู่ฉู่ ที่เฉลียวฉลาด!การรักษาจิตใจให้มั่นคงเป็นเรื่องที่ยากมาก!และตระกูลเซิ่งของพวกเขาต้องมาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกเขาจะปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร!“เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิซิงหลงจะเลอะเลือนขนาดนี้!”เซิ่งฟางสี่พึมพำ ดวงตาของเขาดูเย็นชามาก“มันช่างเลอะเลือนจริง ๆ! ให้ผู้หญิงเป็นจักรพรรดิ!”“ช่างเป็นกษัตริย์ที่โง่เขลาเสียจริง!” ลูกคนรองก็รีบพูดขึ้นมาเช่นกันเซิ่งฟางสี่พูดอีกครั้ง “กษัตริย์ที่โง่เขลา? ก็กึ่งหนึ่ง”ทั้งสองคนยิ่งสับสนมากขึ้น “ท่านพ่อ จักรพรรดิซิงหลงทำเช่นนี้เพราะเขาคิดไม่ขาดเองมิใช่หรือ?”เซิ่งฟางสี่พยักหน้าแค่นหายใจออกมา "แน่นอน เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว และตัดสินใจเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาตัดสินใจอยู่นานเช่นกัน!"“รู้ไหม การปล่อยให้ผู้หญิงดูแลราชสำนักต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมาก!”“เหตุผลที่เขาทำสิ่งนี้ก็เพื่อต้าเย่!”“หลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้มามาก การตัด
หลังจากที่เซิ่งฟางสี่พูดจบ ทั้งเซิ่งตงรุ่ยและเซิ่งตงหลิงก็นึกได้ทันที!“ใช่แล้ว! ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลราชสำนัก หากหย่งเอ๋อร์เป็นรัชทายาทก็ต้องดำรงตำแหน่งชั่วคราว นางจะรอจนกว่าลูกชายของนางโตขึ้น และให้เข้ามาแทนที่!”“ถูกต้อง! หย่งเอ๋อร์และฮองเฮาต้องขัดแย้งกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมีการแทรกแซงจากตระกูลเซิ่งและตระกูลไป๋ ราชสำนักจะวุ่นวายอย่างแท้จริง!”ทั้งสองคนก็เข้าใจทันทีว่าทำไมจักรพรรดิซิงหลงจึงทำเช่นนี้!อันที่จริง พวกเขาคิดหาเหตุผลสารพัด แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้!“ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิซิงหลงกำลังคิดอะไรอยู่!”“เขาคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้สถานการณ์ในราชสำนักมั่นคงมีเสถียรภาพมากขึ้น เขาคิดถูกแล้ว ฮองเฮาเข้ามาเกี่ยวพันกับการเมือง พระโอรสจะเป็นรัชทายาทในอนาคต อย่างน้อยพวกเขาก็จะคิดไปในทิศทางเดียวกัน!”“หากเราลงมือ เราจะไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับฐานะของฮองเฮาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฐานะขององค์ชายน้อยด้วย ไม่มีทางที่มันจะวุ่นวายไปกว่านี้อีกแล้ว!”“อันที่จริง จักรพรรดิซิงหลงคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าหลังการสิ้นพระชนม์ของเขา ไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าต้าเย่จะไม่สั่นคลอน! ฉะนั้นตอนนี้เขาจึงม