แต่ว่า...ใครจะบอกได้ว่าฮองเฮาจะไม่มีส่วนกับเหล่าสามขุนนางหลักนี้กัน?จักรพรรดิซิงหลงถอนหายใจและพูดอย่างสงบ "ช่างเถอะ พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ข้าอยากจะคิดไตร่ตรองดู"“พวกเจ้าเรียกฮองเฮามาที่นี่”หลังจากพูดจบ เสนาบดีซ้ายและขวาก็รีบถอยออกไปและไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เหยียนเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ?”ไป๋เหยียนเฟยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“ฮองเฮา ไม่ต้องมากพิธี มานั่งข้างข้าเถอะ“จักรพรรดิซิงหลงสูดหายใจเข้าลึก และยิ้มออกมาไป๋เหยียเฟยพยักหน้า เดินไปหาจักรพรรดิซิงหลงและนั่งลง“ฮองเฮา เจ้าและข้ารักกันมานานหลายปีแล้ว เจ้าและข้าได้ขึ้นครองราชย์ด้วยกัน ข้าคือจักรพรรดิ์ เจ้าคือฮองเฮาคอยดูแลวังหลังให้ข้า”“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าทำงานหนักทุ่มเทกายใจไม่เคยทำให้ข้าต้องกังวลเลย ตอนนี้...ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ข้าอยากพูดอะไรกับเจ้าสักอย่าง”จักรพรรดิซิงหลงกล่าวอย่างจริงจัง จนไป๋เหยียเฟยตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสมาเลยเพคะ...”จักรพรรดิซิงหลงมองไป๋เหยียเฟยแล้วพูดทันทีว่า “ถ้าข้าจะให้องค์ชายห้าเป็นรัชทายาท เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้กล่าวถึงหย่
จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้พูดเล่น มันเป็นความจริง!ที่อดีตจักรพรรดิผู้ล่วงลับเลือกให้แต่งงานกับไป๋เหยียนเฟยก็เพราะเหตุนี้!ถ้าเป็นผู้ชาย ต้องเป็นคนมีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างแน่นอน!“ฝ่าบาท...หม่อมฉันจะทำได้อย่างไร...”ไป๋เหยียนเฟยรีบพูดด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากจักรพรรดิซิงหลงโบกมือ “ไม่ ฮองเฮา ข้าเชื่อเจ้า”เขาถอนหายใจ รู้สึกเศร้าใจจริง ๆใครจะคิดว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นแบบนี้ได้!หากหาสาเหตุของโรคไม่ได้ อาการเขาแย่ลงทุกวัน ฉะนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพื่อตำแหน่งของรัชทายาทในตอนนี้!“เอาล่ะ ให้พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเข้ามาเถอะ ข้าอยากจะปลอบนาง”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็ให้ไป๋เหยียนเฟยออกไปหลังจากนั้นไม่นาน พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเดินเข้ามาถวายพระพร ขณะที่นางกำลังจะถวายพระพรนั้น จักรพรรดิซิงหลงก็ยื่นมือไปหยุดนางไว้“พระสนม มานี่มา ไม่ต้องมากพิธี นั่งข้างข้า”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้าและนั่งข้างเขาทั้งน้ำตา“ข้ามีสนมมากมาย แต่เจ้าคือคนที่ข้าโปรดปราน เจ้ามอบลูกชายหย่งเอ๋อร์ให้แก่ข้า ข้าก
จักรพรรดิซิงหลงพูดได้แค่นี้ หากเขายังอยู่ เรื่องราววุ่นวายคงไม่เกิดขึ้นแต่ถ้าเขาตายไปแล้ว เกรงว่าตระกูลเซิ่งจะไม่อยู่เฉยแน่ส่วนตระกูลเซิ่งจะยอมฟังสิ่งที่เขาจะสื่อหรือไม่ เขาไม่กล้าตอบจริง ๆ“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้า และทำได้แค่เห็นด้วย“เอาเถอะ เจ้าไปเถอะ”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็รู้สึกหมดหนทางจากนั้นก็ร่างราชโองการแต่งตั้งให้องค์ชายห้าชางเอ๋อร์เป็นรัชทายาท และมีฮองเฮาเป็นผู้สำเร็จราชการทันทีที่ราชโองการนี้ออกมา ทั้งแผ่นดินต่างตกตะลึง!ให้สตรีเป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเรื่องผิดกฎจารีตประเพณีเป็นอย่างยิ่ง!เหล่าขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนรับไม่ได้ และยื่นฏีกาเรียกร้อง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เสนาบดีซ้ายและขวาต่างก็ไม่ยอม!พวกเขายินดีช่วยเหลือหย่งเอ๋อร์ แต่พวกเขาไม่อยากช่วยเหลือฮองเฮา!นี่เป็นความคิดที่หยั่งรากลึก!เปลี่ยนแปลงไม่ได้!“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”“เหตุใดฝ่าบาทจึงให้ฮองเฮามาควบคุมดูแลบริหารราชกิจ?”“การที่วังหลังมีส่วนร่วมในการเมืองจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ!”“ฝ่าบาททรงเลอะเลือนไปแล้วหรือ?”หลายคนพูดเช่นนี้เต็มไปด้วยค
หวังหยวนรู้สึกสะเทือนใจและเวทนาชะตากรรมอันน่าเศร้าของจักรพรรดิซิงหลงด้วย!ใครจะคิดว่าเขาจะมีวันที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ได้!“รอดูเถอะ...สถานการณ์ในเมืองหลวงกำลังจะลุกเป็นไฟ!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็มองไปทางทั้งสตรีทั้งสามและเตือนต้าหู่“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเร็ว ๆ นี้ เราต้องป้องกันตัวเอง บอกข่าวเกาเล่อ ถังหม่าง และลุงหานซานด้วย”หลังจากพูดเช่นนี้ ต้าหู่ก็รับคำสั่งทันทีและรีบไปแจ้งข่าวทันที“ท่านพี่...จะมีเรื่องวุ่นวายใหญ่หลวงเกิดขึ้นจริงหรือ?”แววตาหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยความกังวลหวังหยวนยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้มันจะวุ่นวาย แต่ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ และต้องสงบเสงี่ยมกันเอาไว้ ในท้ายที่สุด แล้วถ้าวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ ต้าเย่ก็จะหายไป”“ดังนั้นไม่ว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน ทุกอย่างก็จะอยู่ในขอบเขตของต้าเย่”ตระกูลเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาสุขสบายมาหลายชั่วอายุคน ในท้ายที่สุดก็ใช้งานแคว้นหวงและแคว้นหมางอย่างสุขสบายอยู่ดี!นั่นคงจะไม่ต่างการแกว่งเท้าหาเสี้ยน!ในเวลาเดียวกัน ตระกูลเซิ่งก็รู้ข่าวนี้ด้วย!เซิ่งฟางสี่รู้สึกรา
เซิ่งฟางสี่จิ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ที่พูดเป็นความจริง!ในโลกนี้ล้วนจังรักภักดีต่อจักรพรรดิ!ล้วนเป็นจักรพรรดิเท่านั้น!จะมีฮองเฮาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหยียนเฟยไม่คิดเป็นอย่างเซียวฉู่ฉู่ ที่เฉลียวฉลาด!การรักษาจิตใจให้มั่นคงเป็นเรื่องที่ยากมาก!และตระกูลเซิ่งของพวกเขาต้องมาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกเขาจะปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร!“เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิซิงหลงจะเลอะเลือนขนาดนี้!”เซิ่งฟางสี่พึมพำ ดวงตาของเขาดูเย็นชามาก“มันช่างเลอะเลือนจริง ๆ! ให้ผู้หญิงเป็นจักรพรรดิ!”“ช่างเป็นกษัตริย์ที่โง่เขลาเสียจริง!” ลูกคนรองก็รีบพูดขึ้นมาเช่นกันเซิ่งฟางสี่พูดอีกครั้ง “กษัตริย์ที่โง่เขลา? ก็กึ่งหนึ่ง”ทั้งสองคนยิ่งสับสนมากขึ้น “ท่านพ่อ จักรพรรดิซิงหลงทำเช่นนี้เพราะเขาคิดไม่ขาดเองมิใช่หรือ?”เซิ่งฟางสี่พยักหน้าแค่นหายใจออกมา "แน่นอน เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว และตัดสินใจเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาตัดสินใจอยู่นานเช่นกัน!"“รู้ไหม การปล่อยให้ผู้หญิงดูแลราชสำนักต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมาก!”“เหตุผลที่เขาทำสิ่งนี้ก็เพื่อต้าเย่!”“หลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้มามาก การตัด
หลังจากที่เซิ่งฟางสี่พูดจบ ทั้งเซิ่งตงรุ่ยและเซิ่งตงหลิงก็นึกได้ทันที!“ใช่แล้ว! ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลราชสำนัก หากหย่งเอ๋อร์เป็นรัชทายาทก็ต้องดำรงตำแหน่งชั่วคราว นางจะรอจนกว่าลูกชายของนางโตขึ้น และให้เข้ามาแทนที่!”“ถูกต้อง! หย่งเอ๋อร์และฮองเฮาต้องขัดแย้งกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมีการแทรกแซงจากตระกูลเซิ่งและตระกูลไป๋ ราชสำนักจะวุ่นวายอย่างแท้จริง!”ทั้งสองคนก็เข้าใจทันทีว่าทำไมจักรพรรดิซิงหลงจึงทำเช่นนี้!อันที่จริง พวกเขาคิดหาเหตุผลสารพัด แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้!“ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิซิงหลงกำลังคิดอะไรอยู่!”“เขาคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้สถานการณ์ในราชสำนักมั่นคงมีเสถียรภาพมากขึ้น เขาคิดถูกแล้ว ฮองเฮาเข้ามาเกี่ยวพันกับการเมือง พระโอรสจะเป็นรัชทายาทในอนาคต อย่างน้อยพวกเขาก็จะคิดไปในทิศทางเดียวกัน!”“หากเราลงมือ เราจะไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับฐานะของฮองเฮาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฐานะขององค์ชายน้อยด้วย ไม่มีทางที่มันจะวุ่นวายไปกว่านี้อีกแล้ว!”“อันที่จริง จักรพรรดิซิงหลงคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าหลังการสิ้นพระชนม์ของเขา ไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าต้าเย่จะไม่สั่นคลอน! ฉะนั้นตอนนี้เขาจึงม
“เมื่อถึงตอนนั้น หากสามตระกูลหลักอยู่ในกำมือเรา ตระกูลไป๋จะต้องตาย!”เซิ่งฟางสี่แสยะยิ้มเหี้ยม หลังจากพูดจบตระกูลเซิ่งก็เริ่มลงมือแล้วฮองเฮาเป็นผู้ดูแลราชสำนัก ตระกูลไป๋รู้ข่าวในทันที!ไป๋เฟยเฟยตกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้!และหัวหน้าตระกูลไป๋ ไป๋เจิ้นถังก็ยิ่งกังวลใจ!“ท่านพ่อ ท่านป้าการเป็นผู้สำเร็จราชการแล้ว ตระกูลไป๋ของเราเก็บซ่อนอยู่หลายปี ตอนนี้ควรออกมาปรากฏได้แล้วใช่ไหม?”ตระกูลไป๋อยู่นิ่งเฉยมาโดยตลอด ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลต่างก็รู้ และราชวงศ์ก็รู้เช่นกันแต่ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังตระกูลไป๋มีอำนาจมากแค่ไหนอย่างไรก็ตาม ไป่เจิ้นถังกลับกังวลเป็นอย่างยิ่ง!“แม้ว่าจักรพรรดิซิงหลงจะมีเจตนาดี แต่… ตระกูลไป๋ของเราก็ถูกผลักออกไปข้างหน้า!”“ตระกูลเซิ่งจะเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยเราไป ตระกูลไป๋จะไม่ยอมยกบัลลังก์นี้ให้ ตระกูลเซินได้ร่วมมือตระกูลเซิ่ง แม้ว่าตระกูลเหลียวจะสนิทกับเรา แต่สถานการณ์ปัจจุบันมันก็ยากที่จะคาดเดา!”สีหน้าไป๋เจิ้นถังดูเคร่งเครียดสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุดก็คือ จักรพรรดิซิงหลงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปี!แต่...เขารู้ว่าตระกูลเซิ่งได้ลงมือไปแล้
หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยได้ยินก็นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดถึง...หวังหยวน?”ไป๋เฟยเฟยไม่คาดคิดว่าพ่อจะให้นางไปคุยเรื่องเหล่านี้กับหวังหยวนไป๋เจิ้นถังพยักหน้า "ใช่ เฟยเอ๋อร์ เพื่อนของเจ้าคงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ฉะนั้น... ไปพบเขาเถอะ”แม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าหวังหยวนเป็นอัจฉริยะ ไป๋เจิ้นถังอยากฟังข้อมูลเชิงลึกของเขาจริง ๆ!“ได้สิท่านพ่อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ไป๋เฟยเฟยรู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วน จึงไม่ลังเล ดังนั้นหลังออกจากห้องทำงานของพ่อก็ขี่ม้าออกไปทันทีในเวลาเดียวกัน หลังจากประกาศราชโองการของจักรพรรดิซิงหลง ราชสำนักและประชาชนต่างก็ตกตะลึงจักรพรรดิซิงหลงลากสังขารเจ็บป่วยของเขามาที่ท้องพระโรงทันทีที่เขานั่งบนบัลลังก์มังกร เหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่างก็โวกเวกโวยวายขึ้นมาทันที“ฝ่าบาท! ให้ฮองเฮามาบริหารราชสำนักไม่ได้เด็ดขาด!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ! ถ้าให้ผู้หญิงมาดูแลราชสำนัก เป็นการทำลายแผ่นดินนะพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท! โปรดไตร่ตรองด้วย!”ทุกคนต่างต่อต้านกันอย่างมาก เมื่อเห็นฉากนี้ จักรพรรดิซิงหลงก็ไม่โกรธ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะโกรธมาก!แต่ตอนนี้เขาไ
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย