แม้ว่าทุกคนจะคิดถึงวันนี้มาเป็นนานแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้! ทันใดนั้น จ้าวป๋อเซี่ยวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกถึงความกดดัน แต่สิ่งต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเขาคิด! หวังหยวนและคนอื่นต่างอยู่ที่นี่หนึ่งวัน จากนั้นกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังในวันรุ่งขึ้น ตลอดทางย่อมมีความปลอดภัยอย่างยิ่ง ขณะนี้ในเมืองซ่างจิง ณ พระราชวังของฮ่องเต้ซิงหลง พระองค์ทรงบรรทมอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พระวรกายของเขาแย่ลง และแย่กว่าเดิมยิ่งนัก ราวกับว่าถึงคราวไม้ใกล้ฝั่ง! “ฝ่าบาท ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?” ฮองเฮา เสียนกุ้ยเฟย และนางสนมคนอื่น ๆ ต่างกำลังรออยู่ที่นี่ ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความกังวล ทว่าสีหน้าของแต่ละคนต่างกันออกไป ต่างแฝงไว้ด้วยเจตนามิดีมิร้าย และไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่! สีหน้าของไป๋เหยียนเฟยฉายแววกังวล จู่ ๆ ฮ่องเต้ซิงหลงก็กลายเป็นเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ไหมว่ามันอาจเป็นอาการที่ตามมาหลังจากที่นางวางยาครั้งก่อน? ทำให้กระทบกระเทือนร่างกาย? ส่วนเสียนกุ้ยเฟยนั้น ในใจนางรู้สึกกังวลมาก! เพราะนี่คือ
อย่างไรก็ตาม... เขาไม่ต้องการ! ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเองยังไม่บรรลุความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และไม่ยอมให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น! “ฝ่าบาท พระพลานามัยของพระองค์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เราค่อยเจรจาหารือเรื่องการสถาปนาองค์ชายรัชทายาทในวันหลังก็ได้เพคะ” ไป๋เหยียนเฟยกล่าวอย่างเร่งรีบ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสนมกุ้ยเฟยต่างก็ขมวดคิ้ว และไม่พูดอะไรอีก พวกเขาทุกคนมีโอกาส นอกจากนี้ โอรสของฮองเฮาเพิ่งประสูติเท่านั้น ดังนั้นโอกาสจึงมีน้อยมาก นางย่อมต้องการเวลาเป็นธรรมดา! แต่เมื่อฮองเฮาเอ่ยพูด พวกนางก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลไม่ยั้งคิด! ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นผู้ดูแลพระตำหนักฝ่ายใน! ฮ่องเต้ซิงหลงถอนหายใจและกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้ บัดนี้ยังไม่มีผู้ควบคุมกิจของแผ่นดิน ให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวาเข้ามา ส่วนที่เหลือก็ออกไปเถิด” หลังจากที่ฮ่องเต้ซิงหลงพูดจบ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จากนั้นทุกคนก็ถอยกลับไป ไม่นานหลังจากนั้น เสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางเฟิ่งกั๋ว และเสนาบดีฝ่ายขวาเป้าชิงสื่อทั้งสองคนก็เดินเข้ามา “ถวายบังคม ฝ่าบาท!” ทั้งสองรีบคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “ไม่ต้องมากพิธี ลุ
หลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวคำเหล่านี้ ฮ่องเต้ซิงหลงก็พยักหน้า “ข้าเองก็ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนเกี่ยวกับร่างกายของข้า ดังนั้นเจ้าก็ว่าตามที่ข้าไม่สามารถดูแลกิจของแผ่นดินเถอะ” แม้ว่าฮ่องเต้ซิงหลงไม่ต้องการพูดสิ่งนี้ แต่เขาก็มักจะอยู่ในอาการหมดสติ และวันหนึ่งเขาก็อาจจะสิ้นลมหายใจ! จะสอนองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร? หยางเฟิ่งกั๋วกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแท้จริงอาจไม่ใช่องค์ชาย แต่เป็น... ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ฮ่องเต้ซิงหลงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าพูดถูก หากข้าประชวรหนัก ฮองเฮาก็จะได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด องค์ชายยังเด็ก และต้องการคำชี้แนะ ดังนั้นจึงต้องให้ฮองเฮารับหน้าที่เท่านั้น” ฮ่องเต้ซิงหลงเข้าใจ ว่าถึงแม้หย่งเอ๋อร์จะเฉลียวฉลาดมาก แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป! ในราชสำนัก เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวประชาชนได้ และต้องการใครสักคนมาช่วย และคนผู้นี้ย่อมต้องเป็นฮองเฮาโดยปริยาย ดังนั้นคงจะเป็นเสียนกุ้ยเฟยไม่ได้หรอกกระมัง? พระตำนักฝ่ายใน ฮองเฮาเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด หากเสียนกุ้ยเฟยเป็นผู้ตัดสินขั
แต่ว่า...ใครจะบอกได้ว่าฮองเฮาจะไม่มีส่วนกับเหล่าสามขุนนางหลักนี้กัน?จักรพรรดิซิงหลงถอนหายใจและพูดอย่างสงบ "ช่างเถอะ พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ข้าอยากจะคิดไตร่ตรองดู"“พวกเจ้าเรียกฮองเฮามาที่นี่”หลังจากพูดจบ เสนาบดีซ้ายและขวาก็รีบถอยออกไปและไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เหยียนเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ?”ไป๋เหยียนเฟยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“ฮองเฮา ไม่ต้องมากพิธี มานั่งข้างข้าเถอะ“จักรพรรดิซิงหลงสูดหายใจเข้าลึก และยิ้มออกมาไป๋เหยียเฟยพยักหน้า เดินไปหาจักรพรรดิซิงหลงและนั่งลง“ฮองเฮา เจ้าและข้ารักกันมานานหลายปีแล้ว เจ้าและข้าได้ขึ้นครองราชย์ด้วยกัน ข้าคือจักรพรรดิ์ เจ้าคือฮองเฮาคอยดูแลวังหลังให้ข้า”“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าทำงานหนักทุ่มเทกายใจไม่เคยทำให้ข้าต้องกังวลเลย ตอนนี้...ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ข้าอยากพูดอะไรกับเจ้าสักอย่าง”จักรพรรดิซิงหลงกล่าวอย่างจริงจัง จนไป๋เหยียเฟยตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง“ฝ่าบาท พระองค์ตรัสมาเลยเพคะ...”จักรพรรดิซิงหลงมองไป๋เหยียเฟยแล้วพูดทันทีว่า “ถ้าข้าจะให้องค์ชายห้าเป็นรัชทายาท เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้กล่าวถึงหย่
จักรพรรดิซิงหลงไม่ได้พูดเล่น มันเป็นความจริง!ที่อดีตจักรพรรดิผู้ล่วงลับเลือกให้แต่งงานกับไป๋เหยียนเฟยก็เพราะเหตุนี้!ถ้าเป็นผู้ชาย ต้องเป็นคนมีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างแน่นอน!“ฝ่าบาท...หม่อมฉันจะทำได้อย่างไร...”ไป๋เหยียนเฟยรีบพูดด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากจักรพรรดิซิงหลงโบกมือ “ไม่ ฮองเฮา ข้าเชื่อเจ้า”เขาถอนหายใจ รู้สึกเศร้าใจจริง ๆใครจะคิดว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นแบบนี้ได้!หากหาสาเหตุของโรคไม่ได้ อาการเขาแย่ลงทุกวัน ฉะนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพื่อตำแหน่งของรัชทายาทในตอนนี้!“เอาล่ะ ให้พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเข้ามาเถอะ ข้าอยากจะปลอบนาง”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็ให้ไป๋เหยียนเฟยออกไปหลังจากนั้นไม่นาน พระสนมเสียนกุ้ยเฟยก็เข้ามา“ฝ่าบาท ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยเดินเข้ามาถวายพระพร ขณะที่นางกำลังจะถวายพระพรนั้น จักรพรรดิซิงหลงก็ยื่นมือไปหยุดนางไว้“พระสนม มานี่มา ไม่ต้องมากพิธี นั่งข้างข้า”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้าและนั่งข้างเขาทั้งน้ำตา“ข้ามีสนมมากมาย แต่เจ้าคือคนที่ข้าโปรดปราน เจ้ามอบลูกชายหย่งเอ๋อร์ให้แก่ข้า ข้าก
จักรพรรดิซิงหลงพูดได้แค่นี้ หากเขายังอยู่ เรื่องราววุ่นวายคงไม่เกิดขึ้นแต่ถ้าเขาตายไปแล้ว เกรงว่าตระกูลเซิ่งจะไม่อยู่เฉยแน่ส่วนตระกูลเซิ่งจะยอมฟังสิ่งที่เขาจะสื่อหรือไม่ เขาไม่กล้าตอบจริง ๆ“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”พระสนมเสียนกุ้ยเฟยพยักหน้า และทำได้แค่เห็นด้วย“เอาเถอะ เจ้าไปเถอะ”หลังจากที่จักรพรรดิซิงหลงพูดจบ เขาก็รู้สึกหมดหนทางจากนั้นก็ร่างราชโองการแต่งตั้งให้องค์ชายห้าชางเอ๋อร์เป็นรัชทายาท และมีฮองเฮาเป็นผู้สำเร็จราชการทันทีที่ราชโองการนี้ออกมา ทั้งแผ่นดินต่างตกตะลึง!ให้สตรีเป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นเรื่องผิดกฎจารีตประเพณีเป็นอย่างยิ่ง!เหล่าขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนรับไม่ได้ และยื่นฏีกาเรียกร้อง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เสนาบดีซ้ายและขวาต่างก็ไม่ยอม!พวกเขายินดีช่วยเหลือหย่งเอ๋อร์ แต่พวกเขาไม่อยากช่วยเหลือฮองเฮา!นี่เป็นความคิดที่หยั่งรากลึก!เปลี่ยนแปลงไม่ได้!“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”“เหตุใดฝ่าบาทจึงให้ฮองเฮามาควบคุมดูแลบริหารราชกิจ?”“การที่วังหลังมีส่วนร่วมในการเมืองจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ!”“ฝ่าบาททรงเลอะเลือนไปแล้วหรือ?”หลายคนพูดเช่นนี้เต็มไปด้วยค
หวังหยวนรู้สึกสะเทือนใจและเวทนาชะตากรรมอันน่าเศร้าของจักรพรรดิซิงหลงด้วย!ใครจะคิดว่าเขาจะมีวันที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ได้!“รอดูเถอะ...สถานการณ์ในเมืองหลวงกำลังจะลุกเป็นไฟ!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็มองไปทางทั้งสตรีทั้งสามและเตือนต้าหู่“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเร็ว ๆ นี้ เราต้องป้องกันตัวเอง บอกข่าวเกาเล่อ ถังหม่าง และลุงหานซานด้วย”หลังจากพูดเช่นนี้ ต้าหู่ก็รับคำสั่งทันทีและรีบไปแจ้งข่าวทันที“ท่านพี่...จะมีเรื่องวุ่นวายใหญ่หลวงเกิดขึ้นจริงหรือ?”แววตาหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยความกังวลหวังหยวนยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้มันจะวุ่นวาย แต่ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ และต้องสงบเสงี่ยมกันเอาไว้ ในท้ายที่สุด แล้วถ้าวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ ต้าเย่ก็จะหายไป”“ดังนั้นไม่ว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน ทุกอย่างก็จะอยู่ในขอบเขตของต้าเย่”ตระกูลเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาสุขสบายมาหลายชั่วอายุคน ในท้ายที่สุดก็ใช้งานแคว้นหวงและแคว้นหมางอย่างสุขสบายอยู่ดี!นั่นคงจะไม่ต่างการแกว่งเท้าหาเสี้ยน!ในเวลาเดียวกัน ตระกูลเซิ่งก็รู้ข่าวนี้ด้วย!เซิ่งฟางสี่รู้สึกรา
เซิ่งฟางสี่จิ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ที่พูดเป็นความจริง!ในโลกนี้ล้วนจังรักภักดีต่อจักรพรรดิ!ล้วนเป็นจักรพรรดิเท่านั้น!จะมีฮองเฮาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหยียนเฟยไม่คิดเป็นอย่างเซียวฉู่ฉู่ ที่เฉลียวฉลาด!การรักษาจิตใจให้มั่นคงเป็นเรื่องที่ยากมาก!และตระกูลเซิ่งของพวกเขาต้องมาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกเขาจะปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร!“เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิซิงหลงจะเลอะเลือนขนาดนี้!”เซิ่งฟางสี่พึมพำ ดวงตาของเขาดูเย็นชามาก“มันช่างเลอะเลือนจริง ๆ! ให้ผู้หญิงเป็นจักรพรรดิ!”“ช่างเป็นกษัตริย์ที่โง่เขลาเสียจริง!” ลูกคนรองก็รีบพูดขึ้นมาเช่นกันเซิ่งฟางสี่พูดอีกครั้ง “กษัตริย์ที่โง่เขลา? ก็กึ่งหนึ่ง”ทั้งสองคนยิ่งสับสนมากขึ้น “ท่านพ่อ จักรพรรดิซิงหลงทำเช่นนี้เพราะเขาคิดไม่ขาดเองมิใช่หรือ?”เซิ่งฟางสี่พยักหน้าแค่นหายใจออกมา "แน่นอน เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว และตัดสินใจเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาตัดสินใจอยู่นานเช่นกัน!"“รู้ไหม การปล่อยให้ผู้หญิงดูแลราชสำนักต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมาก!”“เหตุผลที่เขาทำสิ่งนี้ก็เพื่อต้าเย่!”“หลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้มามาก การตัด
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย