เกาเล่ออธิบายแผนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หวงเจียวเจียวและหวังหยวนก็กำลังเจรจาในห้องหนังสือเช่นกัน “สหายหวัง ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้ามามีเรื่องอันใดหรือ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่กระมัง?” หวงเจียวเจียวยิ้ม นางแตะริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้เจราเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องสำคัญ” หวังหยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เหตุใดไม่มีใครเฝ้าลานบ้านนี้ และมีเพียงเราสองคนเท่านั้น?” “เมื่อก่อนมักจะมีองครักษ์สองคนนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเสมอ” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าต้าหู่และถังหม่างกำลังทำอะไรอยู่ แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกาเล่อน่าจะทำตามที่แผนที่วางไว้แล้ว “พวกเขาสองคนมีเรื่องต้องทำ วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าสักหน่อย” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างไม่รีรอ ทว่าเมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สหายหวังต้องการสั่งอะไร เพียงแค่พูดมาเท่านั้น คำว่าขอความช่วยเหลือระหว่างท่านและข้าอาจดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก? ในเมื่อท่านและข้ายังมีการหมั้นห
แต่หวงเจียวเจียวมีเสน่ห์ และในขณะเดียวกันก็ขี้เล่นเล็กน้อย เดิมทีสองจุดนี้ขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหวงเจียวเจียว กล่าวได้ว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและรีบพูดว่า “คุณหนูหวง เจ้าไม่ควรทำสิ่งนี้ต่อหน้าข้าจะเป็นการดีกว่า ความอดทนของข้าไม่สูงนัก” เมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปิดปากและหัวเราะทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว เจอกันวันพรุ่งเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็เดินออกจากประตูไป ประจวบเหมาพอดี เกาเล่อทั้งสามคนเดินเข้ามา และเห็นหวงเจียวเจียวจากไปเช่นนี้ เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึง! ในทางกลับกัน เกาเล่อยิ้มเพียงเล็กน้อย หลังจากที่หวงเจียวเจียวจากไปแล้ว ต้าหู่และถังหม่างก็อุทานว่า “คุณพระ...เป็นเรื่องจริง! สหายเกา ท่านพูดไม่มีผิดเลย!” เกาเล่อพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เกาเล่อย่อมมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ!” ทว่าในเวลานี้ หวังหยวนออกมาจากห้องหนังสือและเห็นท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสามคนในพริบตา หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะพูด เกาเล่อก็ยกมือขึ้นทันที “สหายหวัง ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!” หวังหย
ทุกอย่างได้มีการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว คืนถัดมา หวังหยวนก็ปรากฏตัวที่ร้านอาหารอีผิ่นจวี! นอกจากหวังหยวนแล้ว ยังมีหวงเจียวเจียวและถังหม่าง ข้างหลังหวงเจียวเจียวมีสาวใช้ส่วนตัวติดตามมาด้วย ทั้งหมดต่างสั่งอาหารจานอร่อยมารับประทานในร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้เช่นกัน “กินข้าวก่อนแล้วค่อยลงมือหลังกินข้าว” หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และเริ่มรับประทานอาหาร ร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้สมกับเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหวงจริง ๆ และอาหารก็มีรสชาติต้นตำรับอย่างแท้จริง “ตกลง” หวงเจียวเจียวยิ้มและไม่พูดอะไร และนางก็กินอย่างมีความสุขมาก ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีคนเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง หวังหยวนยิ้มแล้วมองไปที่หวงเจียวเจียว “คนอยู่ที่นี่แล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็พยักหน้าทันทีก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะนี้ อาปู้ชาพาลูกน้องสองคนมาทานอาหารที่นี่ เขามาที่นี่ตลอดเวลาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเขาชอบอาหารที่อีผิ่นจวี แต่เป็นเพราะเขาในใจเขาสับสนมาก ท่านพ่อต้องการก่อกบฏ ทว่าเขามักจะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขารู้สึกกังวลในใ
“ลูกพี่ลูกน้อง ลืมไปเถอะ ลืมไปเถอะ!” หวงเจียวเจียวพูดอย่างร้อนรน แต่อาปู้ชาไม่สนใจที่จะฟังเลย เขาเตะประตูห้องออกในคราเดียว ก่อนที่คนจะมาถึง เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น! “หวังหยวน! เจ้ากล้าหาญยิ่งนัก!” จากนั้นอาปู้ชาเข้ามาทันที เมื่อเห็นหวังหยวนนั่งกินข้าวอยู่ เขาจึงโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อหวังหยวนเห็นสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันที “เจ้าเป็นใคร?” อาปู้ชาตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าเป็นบุตรชายของอ๋องเจิ้นตง อาปู้ชา ผู้กำกับการของทหารองครักษ์เมืองหวง!” เมื่อหวังหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันทีและพูดว่า “เจ้าคือผู้กำกับการที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่นี่เอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดไทเฮาจึงปล่อยให้เจ้ารับตำแหน่ง อนิจจา... ไทเฮาทรงเมตตาเกินไป จวนอ๋องเจิ้นตงของพวกเจ้า เดิมทีไม่ควรมีอยู่เลยด้วยซ้ำ” หวังหยวนไม่ปราณีเลย ซึ่งทำให้อาปู้ชาโกรธขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะอย่างแรง “เจ้ากำลังพูดถึงบ้าอะไร! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้า!” ความโกรธระเบิดออกมาจากดวงตาของอาปู้ชา เดิมทีเขาต้องการตำหนิหวังหยวนไม่กี่คำ และให้เขาปฏิบัติต่อหวงเจียวเจียวให้ดีสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าสารเลวคนนี้จะกล้าดูถูกจวนอ๋อง
หวังหยวนเหลือบมองอาปู้ชา ชายคนนี้เพิ่งถูกลอบสังหาร แต่ยังมีใจนึกถึงตัวเองอีก อย่างไรก็ตาม หวังหยวนก็ตั้งใจเช่นกัน ไม่อย่างนั้นนั้น คงไม่มีการลอบสังหารเช่นนี้! ถังหม่างได้รับบาดเจ็บตอนที่เขาอยู่ที่นี่ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด! ไม่ว่าอ๋องเจิ้นตงจะฉลาดแค่ไหน เขาก็คงคิดไม่ถึงเรื่องนี้! “อาปู้ชา ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำดีกับนาง” หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็พาพวกเขาจากไปทันที อาปู้ชาสูดหายใจเข้าลึก แต่เมื่อเขาเห็นหน้าต่างที่พัง เขาก็ไม่อาจซ่อนความโกรธได้ “ใต้เท้าขอรับ ดึกขนาดนี้แล้วมีคนลอบสังหารท่าน ท่านคิดว่าเป็นใครกันแน่?” องครักษ์ที่อยู่รอบตัวเขาพูดอย่างร้อนรนทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากที่อาปู้ชาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกและความหนาวเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “จะเป็นใครไปได้?” “หึ! นอกจากเขาแล้ว...ข้าก็คิดเป็นคนอื่นไม่ได้แล้ว!” เมื่อพูดอย่างนั้น อาปู้ชาจึงกลับไปที่จวนอ๋องเจิ้นตงด้วยความโกรธ และเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวันนี้ให้ท่านพ่อของเขาฟัง! อ๋องเจิ้นตงตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้! “เจ้าพูดอะไรนะ? วันนี้มีปรมาจารย์นักดาบลอบสั
หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงกล่าวคำเหล่านี้ อาปู้ชาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านพ่อ แต่เราได้ตัดสินใจที่จะลงมือกับไทเฮาแล้วนี่ เหตุใดนางถึงยังต้องทำเช่นนี้?” “ระหว่างลงมือและความแค้น ย่อมแตกต่างกันอยู่จริง ๆ บางทีการที่เราลงมืออาจจะมีช่องทางที่ยังเหลืออยู่ แต่ตอนนี้ ด้วยความแค้นที่ฆ่าบุตร ถือว่าแค้นมากถึงขั้นไม่อยากอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน ความโทสะของจวนอ๋องเจิ้นตงของข้าย่อมล้นหลามอย่างแน่นอน!” “แต่... ทั้งหมดนี้ก็เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่สอง นั่นคือหลังจากที่เจ้าตาย จวนอ๋องเจิ้นตงก็จะไม่มีผู้สืบทอด!” “มรดกของราชวงศ์ของเรานั้นเกี่ยวกับผู้สืบทอด เมื่อเจ้าตาย เชื้อสายของข้าก็จะตกต่ำ ถึงแม้ว่าเราจะชนะ แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?” “ทุกคนในราชสำนักต่างคอยจับตาดูอยู่ ข้าอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีใครอยู่ข้างหลังข้า ในทางกลับกัน อ๋องเซ่อเป่ยยมีทายาทมากมาย ในอนาคต ใต้หล้าก็จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว และผู้ที่มีปณิธานอันสูงส่งจะแห่มาหาข้าไม่หยุดหย่อน” “จะไม่มีใครแปรผันไปขออาศัยราชวงศ์ที่ถึงจุดจบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อาปู้ชาก็พยักหน้ารัว ๆ! ถูกต้อง! หากตัวเองตายไป จวนอ
หวังหยวนยิ้มและส่ายหัว เกาเล่อตกตะลึงทันทีที่เห็นฉากนี้ พร้อมกับความสับสนบนใบหน้าของเขา “เหตุใดเล่า ข้าพูดผิดหรือ?” หวังหยวนพยักหน้า “ใช่ นั่นไม่ถูกต้องเช่นกัน” เกาเล่อเริ่มสับสนเล็กน้อย “นี่หมายความว่าอย่างไร?” หวังหยวนกล่าวว่า “มันง่ายมาก ข้าโน้มน้าวให้เขายอมจำนน ส่วนเขาย่อมรู้สึกรังเกียจเป็นธรรมดา ท้ายที่สุดแล้ว เขาคืออ๋องแห่งเจิ้นตงเชียวนะ เขาโอหังเช่นนี้ แค่โน้มน้าวใจก็จะยอมตกลงได้อย่างไร” “เช่นนั้นแล้วท่านจะพูดอะไร?” ในเวลานี้ เกาเล่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูด “ไม่ต้องกังวล มนุษย์ภูเขาย่อมมีแผนอันชาญฉลาด!” หวังหยวนพูดแล้วหาว เขามองดูเวลา และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรออกไปข้างนอกแล้ว หวังหยวนตรงไปขึ้นรถม้า แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังที่จวนอ๋องเจิ้นตง! หลังจากลงมือไปมากมายแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาอันควรในการเจรจากับอ๋องเจิ้นตงผู้นี้แล้ว อ๋องเจิ้นตงและบุตรชายของเขายังคงอยู่ในห้อง พลางคิดว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จู่ ๆ ก็มีคนมารายงานจากข้างนอก! “ท่านอ๋อง ทูตของต้าเย่ หวังหยวนขอเข้าพบท่านขอรับ!” หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงและอาปู้ชาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะม
หวังหยวนไม่ได้สนใจเลย เขาเพียงคลี่ยิ้มเท่านั้น “นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่ดี ท่านอ๋องมีความภักดีต่อราชสำนัก ไทเฮาก็ทรงวางใจแล้ว” “เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะขออีกแล้ว แค่... หนึ่งล้านเหรียญทองอะไรแบบนั้นก็พอแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ไม่ถือสา ก็แค่หนึ่งล้านเหรียญทอง สิ่งนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำรับจวนอ๋องเจิ้นตงเลย “เรื่องเล็กน้อย คุณชายหวังช่วยชีวิตบุตรชายข้าไว้ เงินจำนวนเล็กน้อยนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” อ๋องเจิ้นตงยิ้มและพูดเสียงเบา หลังจากที่หวังหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านอ๋องร่ำรวยเทียบเท่าแคว้นแดนจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาเริ่มคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงก็เหลือบมองหวังหยวนด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย “ดี ไม่ทราบว่าคุณชายหวังหยวนมาเข้าพบวันนี้ มีเรื่องสำคัญอันใด” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หวังหยวนก็พูดอย่างใจเย็นว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องการลอบสังหาร ไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้แล้ว และสั่งให้ข้ามาปลอบขวัญ อันที่จริง หากข้าไม่มาก็ไม่สำคัญอะไร ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของอ๋องเจิ้นตง ไทเฮาคือเป้าหมายหลักของท่าน เจตนาของท่านคือเข้
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต