เกาเล่ออธิบายแผนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หวงเจียวเจียวและหวังหยวนก็กำลังเจรจาในห้องหนังสือเช่นกัน “สหายหวัง ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้ามามีเรื่องอันใดหรือ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่กระมัง?” หวงเจียวเจียวยิ้ม นางแตะริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้เจราเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องสำคัญ” หวังหยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เหตุใดไม่มีใครเฝ้าลานบ้านนี้ และมีเพียงเราสองคนเท่านั้น?” “เมื่อก่อนมักจะมีองครักษ์สองคนนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเสมอ” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าต้าหู่และถังหม่างกำลังทำอะไรอยู่ แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกาเล่อน่าจะทำตามที่แผนที่วางไว้แล้ว “พวกเขาสองคนมีเรื่องต้องทำ วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าสักหน่อย” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างไม่รีรอ ทว่าเมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สหายหวังต้องการสั่งอะไร เพียงแค่พูดมาเท่านั้น คำว่าขอความช่วยเหลือระหว่างท่านและข้าอาจดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก? ในเมื่อท่านและข้ายังมีการหมั้นห
แต่หวงเจียวเจียวมีเสน่ห์ และในขณะเดียวกันก็ขี้เล่นเล็กน้อย เดิมทีสองจุดนี้ขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหวงเจียวเจียว กล่าวได้ว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและรีบพูดว่า “คุณหนูหวง เจ้าไม่ควรทำสิ่งนี้ต่อหน้าข้าจะเป็นการดีกว่า ความอดทนของข้าไม่สูงนัก” เมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปิดปากและหัวเราะทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว เจอกันวันพรุ่งเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็เดินออกจากประตูไป ประจวบเหมาพอดี เกาเล่อทั้งสามคนเดินเข้ามา และเห็นหวงเจียวเจียวจากไปเช่นนี้ เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึง! ในทางกลับกัน เกาเล่อยิ้มเพียงเล็กน้อย หลังจากที่หวงเจียวเจียวจากไปแล้ว ต้าหู่และถังหม่างก็อุทานว่า “คุณพระ...เป็นเรื่องจริง! สหายเกา ท่านพูดไม่มีผิดเลย!” เกาเล่อพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เกาเล่อย่อมมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ!” ทว่าในเวลานี้ หวังหยวนออกมาจากห้องหนังสือและเห็นท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสามคนในพริบตา หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะพูด เกาเล่อก็ยกมือขึ้นทันที “สหายหวัง ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!” หวังหย
ทุกอย่างได้มีการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว คืนถัดมา หวังหยวนก็ปรากฏตัวที่ร้านอาหารอีผิ่นจวี! นอกจากหวังหยวนแล้ว ยังมีหวงเจียวเจียวและถังหม่าง ข้างหลังหวงเจียวเจียวมีสาวใช้ส่วนตัวติดตามมาด้วย ทั้งหมดต่างสั่งอาหารจานอร่อยมารับประทานในร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้เช่นกัน “กินข้าวก่อนแล้วค่อยลงมือหลังกินข้าว” หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และเริ่มรับประทานอาหาร ร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้สมกับเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหวงจริง ๆ และอาหารก็มีรสชาติต้นตำรับอย่างแท้จริง “ตกลง” หวงเจียวเจียวยิ้มและไม่พูดอะไร และนางก็กินอย่างมีความสุขมาก ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีคนเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง หวังหยวนยิ้มแล้วมองไปที่หวงเจียวเจียว “คนอยู่ที่นี่แล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็พยักหน้าทันทีก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะนี้ อาปู้ชาพาลูกน้องสองคนมาทานอาหารที่นี่ เขามาที่นี่ตลอดเวลาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเขาชอบอาหารที่อีผิ่นจวี แต่เป็นเพราะเขาในใจเขาสับสนมาก ท่านพ่อต้องการก่อกบฏ ทว่าเขามักจะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขารู้สึกกังวลในใ
“ลูกพี่ลูกน้อง ลืมไปเถอะ ลืมไปเถอะ!” หวงเจียวเจียวพูดอย่างร้อนรน แต่อาปู้ชาไม่สนใจที่จะฟังเลย เขาเตะประตูห้องออกในคราเดียว ก่อนที่คนจะมาถึง เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น! “หวังหยวน! เจ้ากล้าหาญยิ่งนัก!” จากนั้นอาปู้ชาเข้ามาทันที เมื่อเห็นหวังหยวนนั่งกินข้าวอยู่ เขาจึงโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อหวังหยวนเห็นสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันที “เจ้าเป็นใคร?” อาปู้ชาตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าเป็นบุตรชายของอ๋องเจิ้นตง อาปู้ชา ผู้กำกับการของทหารองครักษ์เมืองหวง!” เมื่อหวังหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันทีและพูดว่า “เจ้าคือผู้กำกับการที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่นี่เอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดไทเฮาจึงปล่อยให้เจ้ารับตำแหน่ง อนิจจา... ไทเฮาทรงเมตตาเกินไป จวนอ๋องเจิ้นตงของพวกเจ้า เดิมทีไม่ควรมีอยู่เลยด้วยซ้ำ” หวังหยวนไม่ปราณีเลย ซึ่งทำให้อาปู้ชาโกรธขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะอย่างแรง “เจ้ากำลังพูดถึงบ้าอะไร! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้า!” ความโกรธระเบิดออกมาจากดวงตาของอาปู้ชา เดิมทีเขาต้องการตำหนิหวังหยวนไม่กี่คำ และให้เขาปฏิบัติต่อหวงเจียวเจียวให้ดีสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าสารเลวคนนี้จะกล้าดูถูกจวนอ๋อง
หวังหยวนเหลือบมองอาปู้ชา ชายคนนี้เพิ่งถูกลอบสังหาร แต่ยังมีใจนึกถึงตัวเองอีก อย่างไรก็ตาม หวังหยวนก็ตั้งใจเช่นกัน ไม่อย่างนั้นนั้น คงไม่มีการลอบสังหารเช่นนี้! ถังหม่างได้รับบาดเจ็บตอนที่เขาอยู่ที่นี่ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด! ไม่ว่าอ๋องเจิ้นตงจะฉลาดแค่ไหน เขาก็คงคิดไม่ถึงเรื่องนี้! “อาปู้ชา ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำดีกับนาง” หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็พาพวกเขาจากไปทันที อาปู้ชาสูดหายใจเข้าลึก แต่เมื่อเขาเห็นหน้าต่างที่พัง เขาก็ไม่อาจซ่อนความโกรธได้ “ใต้เท้าขอรับ ดึกขนาดนี้แล้วมีคนลอบสังหารท่าน ท่านคิดว่าเป็นใครกันแน่?” องครักษ์ที่อยู่รอบตัวเขาพูดอย่างร้อนรนทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากที่อาปู้ชาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกและความหนาวเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “จะเป็นใครไปได้?” “หึ! นอกจากเขาแล้ว...ข้าก็คิดเป็นคนอื่นไม่ได้แล้ว!” เมื่อพูดอย่างนั้น อาปู้ชาจึงกลับไปที่จวนอ๋องเจิ้นตงด้วยความโกรธ และเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวันนี้ให้ท่านพ่อของเขาฟัง! อ๋องเจิ้นตงตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้! “เจ้าพูดอะไรนะ? วันนี้มีปรมาจารย์นักดาบลอบสั
หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงกล่าวคำเหล่านี้ อาปู้ชาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านพ่อ แต่เราได้ตัดสินใจที่จะลงมือกับไทเฮาแล้วนี่ เหตุใดนางถึงยังต้องทำเช่นนี้?” “ระหว่างลงมือและความแค้น ย่อมแตกต่างกันอยู่จริง ๆ บางทีการที่เราลงมืออาจจะมีช่องทางที่ยังเหลืออยู่ แต่ตอนนี้ ด้วยความแค้นที่ฆ่าบุตร ถือว่าแค้นมากถึงขั้นไม่อยากอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน ความโทสะของจวนอ๋องเจิ้นตงของข้าย่อมล้นหลามอย่างแน่นอน!” “แต่... ทั้งหมดนี้ก็เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่สอง นั่นคือหลังจากที่เจ้าตาย จวนอ๋องเจิ้นตงก็จะไม่มีผู้สืบทอด!” “มรดกของราชวงศ์ของเรานั้นเกี่ยวกับผู้สืบทอด เมื่อเจ้าตาย เชื้อสายของข้าก็จะตกต่ำ ถึงแม้ว่าเราจะชนะ แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?” “ทุกคนในราชสำนักต่างคอยจับตาดูอยู่ ข้าอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีใครอยู่ข้างหลังข้า ในทางกลับกัน อ๋องเซ่อเป่ยยมีทายาทมากมาย ในอนาคต ใต้หล้าก็จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว และผู้ที่มีปณิธานอันสูงส่งจะแห่มาหาข้าไม่หยุดหย่อน” “จะไม่มีใครแปรผันไปขออาศัยราชวงศ์ที่ถึงจุดจบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อาปู้ชาก็พยักหน้ารัว ๆ! ถูกต้อง! หากตัวเองตายไป จวนอ
หวังหยวนยิ้มและส่ายหัว เกาเล่อตกตะลึงทันทีที่เห็นฉากนี้ พร้อมกับความสับสนบนใบหน้าของเขา “เหตุใดเล่า ข้าพูดผิดหรือ?” หวังหยวนพยักหน้า “ใช่ นั่นไม่ถูกต้องเช่นกัน” เกาเล่อเริ่มสับสนเล็กน้อย “นี่หมายความว่าอย่างไร?” หวังหยวนกล่าวว่า “มันง่ายมาก ข้าโน้มน้าวให้เขายอมจำนน ส่วนเขาย่อมรู้สึกรังเกียจเป็นธรรมดา ท้ายที่สุดแล้ว เขาคืออ๋องแห่งเจิ้นตงเชียวนะ เขาโอหังเช่นนี้ แค่โน้มน้าวใจก็จะยอมตกลงได้อย่างไร” “เช่นนั้นแล้วท่านจะพูดอะไร?” ในเวลานี้ เกาเล่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูด “ไม่ต้องกังวล มนุษย์ภูเขาย่อมมีแผนอันชาญฉลาด!” หวังหยวนพูดแล้วหาว เขามองดูเวลา และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรออกไปข้างนอกแล้ว หวังหยวนตรงไปขึ้นรถม้า แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังที่จวนอ๋องเจิ้นตง! หลังจากลงมือไปมากมายแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาอันควรในการเจรจากับอ๋องเจิ้นตงผู้นี้แล้ว อ๋องเจิ้นตงและบุตรชายของเขายังคงอยู่ในห้อง พลางคิดว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จู่ ๆ ก็มีคนมารายงานจากข้างนอก! “ท่านอ๋อง ทูตของต้าเย่ หวังหยวนขอเข้าพบท่านขอรับ!” หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงและอาปู้ชาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะม
หวังหยวนไม่ได้สนใจเลย เขาเพียงคลี่ยิ้มเท่านั้น “นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่ดี ท่านอ๋องมีความภักดีต่อราชสำนัก ไทเฮาก็ทรงวางใจแล้ว” “เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะขออีกแล้ว แค่... หนึ่งล้านเหรียญทองอะไรแบบนั้นก็พอแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ไม่ถือสา ก็แค่หนึ่งล้านเหรียญทอง สิ่งนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำรับจวนอ๋องเจิ้นตงเลย “เรื่องเล็กน้อย คุณชายหวังช่วยชีวิตบุตรชายข้าไว้ เงินจำนวนเล็กน้อยนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” อ๋องเจิ้นตงยิ้มและพูดเสียงเบา หลังจากที่หวังหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านอ๋องร่ำรวยเทียบเท่าแคว้นแดนจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาเริ่มคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องเจิ้นตงก็เหลือบมองหวังหยวนด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย “ดี ไม่ทราบว่าคุณชายหวังหยวนมาเข้าพบวันนี้ มีเรื่องสำคัญอันใด” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หวังหยวนก็พูดอย่างใจเย็นว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องการลอบสังหาร ไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้แล้ว และสั่งให้ข้ามาปลอบขวัญ อันที่จริง หากข้าไม่มาก็ไม่สำคัญอะไร ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของอ๋องเจิ้นตง ไทเฮาคือเป้าหมายหลักของท่าน เจตนาของท่านคือเข้