หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อ๋องเซ่อเป่ยก็คลี่ยิ้มทันที“ปรากฏว่าท่านมีความคิดจะแบ่งเมืองหวงนี้ออกเป็นสี่ส่วน และเราแต่ละคนก็จะครองแต่ละส่วน”“แม้ว่าความคิดของท่านจะดี แต่ก็มีช่องว่างระหว่างฐานะของคนในเมืองหวงแห่งนี้ใหญ่มาก ใครจะไปครองพื้นที่ทุรกันดาร? แล้วใครจะได้ครอบครองสถานที่สำคัญอย่างเมืองหลวง?”นี่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน!เพราะกลุ่มคนหลายเผ่า ที่อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงของเมืองหวงนั้นร่ำรวยมาก แต่เผ่าอื่น ๆ ก็ยากจนข้นแค้นและล้าหลังมากหากได้ครอบครองดินแดนของเผ่าที่ยากจน ก็อย่าได้ครองเลยดีกว่า!มันคงจะง่ายกว่าที่จะเป็นอ๋องในเมืองหลวงแห่งนี้!ความจริงแล้ว แม้แต่อ๋องเจิ้นตงก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย! แต่เขาก็พูดต่อไป“แม้ว่าเรื่องนี้จะจัดการยากสักหน่อย แต่ก็ยังสามารถพูดคุยกันได้ หากเจรจาไม่ได้ผลก็แค่จับสลาก!”“แต่ตอนนี้ พวกท่านไม่อยากโค่นล้มไทเฮาจริงหรือ? อ๋องเซ่อเป่ย ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่!”“ทหารองครักษ์เมืองหวงของข้าไม่ดีอีกต่อไป ท่านคิดว่าอำนาจของท่านจะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นในใจของข้า ท่านเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดที่จะสั่งการ!”“แต่อย่าลืมว่าตอนนี้พวกท่านทุกคนกำล
อ๋องเจิ้นตงหน้าบึ้งตึง แต่เขาพูดอะไรไม่ออก!เพราะตอนนี้เขาไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ ที่จะแข่งขันกับอ๋องเซ่อเป่ย เพื่อสิ่งที่เรียกว่าเมืองหลวง!แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจจะยอมแพ้ แต่เขาไม่มีทางเลือก!“ได้! เช่นนั้นข้าจะมอบเมืองหลวงให้ท่าน!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ เขาก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรามาคุยกันดี ๆ เพื่อหาวิธีวางแผนกบฏได้แล้วใช่หรือไม่?”อ๋องหลงซีส่ายหน้า “ข้าจะไม่มีส่วนร่วมในการกบฏใด ๆ ในวันที่พวกท่านลงมือทำ ข้าจะปิดประตูบ้าน ไม่ออกไปข้างนอก”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา อ๋องเซ่อเป่ยและอ๋องเจิ้นตงต่างก็ยิ้มอ่อน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ดีว่าจะเป็นเช่นนี้เพราะอ๋องหลงซีไม่เคยสนใจร่วมแบ่งผลประโยชน์ในราชสำนักเช่นนี้!แต่พวกเขาก็ไม่สนใจเช่นกัน คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนที่ไร้ซุ่มเสียง!อ๋องเจิ้นตงยิ้มเล็กน้อย และหลังจากกลับมา ดวงตาของเขายังมีความภาคภูมิใจอีกด้วย!แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หวังหยวนย่อมรู้ข่าวทันทีหากต้องการยุติสงครามครั้งนี้ ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมาก นั่นคือยุยงให้ฝ่ายหนึ่งที่กบฏจัดการอีกฝ่ายเอง!แต่หวังหยวนคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าเขาต้องเลือกมาหนึ่งคน
ต้าหู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และยังคงสับสน“ใช่แล้ว เป็นสหายผู้รู้ใจ!”“เอ่อ... พี่หยวน คนผู้นี้เป็นใครหรือ?”ต้าหู่อยากรู้อยากเห็นมาก เพราะในสายตาของต้าหู่ พี่หยวนแข็งแกร่งมาก คนธรรมดาจะกลายเป็นสหายผู้รู้ใจของเขาได้อย่างไร?แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กับพี่หยวนมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่พี่น้องกัน เพราะหลายครั้ง พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พี่หยวนทำในความเข้าใจของต้าหู่ อย่างน้อยสหายผู้รู้ใจก็ต้องถูกจริตกัน และไม่ว่าจะทำสิ่งใด อีกฝ่ายก็จะเข้าใจได้!และเมื่อมองทั้งเมืองหวงแล้ว มีคนน้อยมากจริง ๆ ที่จะสามารถเป็นสหายผู้รู้ใจของพี่หยวนได้!“เอาล่ะ เตรียมอาหารเย็นเถอะ คืนนี้ข้าอยากดื่มกับใครบางคน!”หวังหยวนมีความสุขมาก เก็บจดหมายไว้ แล้วเฝ้ารอเงียบ ๆยามค่ำคืน หวังหยวนอยู่คนเดียวในห้องตำรา ขณะนี้เขาได้เตรียมหม้อไฟและสุรา เฝ้ารออย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้น ก็มีคนมาเคาะประตูห้องตำรา หวังหยวนคลี่ยิ้มทันที“ประตูไม่ได้ลงกลอน เข้ามาสิ”หลังจากพูดจบ ประตูก็ส่งเสียงดังเอี๊ยด จากนั้นชายในชุดคลุมสีดำก็เดินเข้ามา!หวังหยวนมองชายคนนี้ด้วยสีหน้ายินดีมาก“บอกตามตรง มันทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ
เกาเล่อสับสนเล็กน้อย มองหวังหยวนแล้วพูดว่า“ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้หญิงต้องไม่กุมอำนาจ นี่คือหลักการที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา หวังหยวนในเมื่อเจ้าฉลาดมาก เจ้าไม่รู้หรือว่าปัญหาจะเกิดขึ้น หากผู้หญิงได้ครองอำนาจ?”หลังจากที่เกาเล่อพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็หัวเราะทันทีอันที่จริงเรื่องเช่นนี้ไม่สามารถสรุปได้!เมื่อผู้ชายและผู้หญิงครองอำนาจ ก็ยากที่จะบอกว่าใครเก่งกว่ากัน!เนื่องจากเขามาจากโลกสมัยใหม่ ย่อมรู้ดีว่าในโลกนี้ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน ทั้งยังรู้ด้วยว่าไม่เพียงแต่ชายและหญิงจะเท่าเทียมกันเท่านั้น แต่ผู้หญิงยังมีสถานะสูงกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ!ในครอบครัวธรรมดาทั่วไป ผู้หญิงมีอำนาจทางการเงิน มีคำกล่าวว่า หากอยากมีชีวิตที่ดี ต้องเชื่อฟังภรรยา!เรื่องเช่นนี้เป็นทางเลือกของผู้ชายส่วนใหญ่เองจริง ๆ โดยภรรยาจะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการเก็บเงินเดือน และการใช้จ่ายอื่น ๆต้องบอกว่าชีวิตแบบนั้นค่อนข้างดีมาก ไม่สุรุ่ยสุร่ายเกินไปแน่นอนว่านั่นสำหรับในครอบครัวเล็กจะเกิดอะไรขึ้น หากเป็นเรื่องการปกครองที่สำคัญกว่ามาก?ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะแย่กว่าผู้ชายเสมอไป ความจริงแล้วผู้หญิงจะระมัด
แต่ยังเป็น...เป็นเพราะหวังหยวน!“เจ้ายังจำวันนั้นที่เจ้าไปไหว้หลุมศพของข้าได้หรือไม่?”ทันใดนั้นเกาเล่อก็ถามขึ้นหวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไร... หรือว่า เจ้าอยู่ที่นั่นหรือ?”หวังหยวนไม่คาดคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ วันนั้นได้พบเขาจริง ๆ!เกาเล่อพยักหน้า แล้วยกยิ้ม“ใช่ ข้าแอบอยู่ข้าง ๆ ยืนฟังสิ่งที่เจ้าพูด พูดตามตรง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะสรรเสริญข้าเช่นนั้น เจ้าควรจะยินดีที่กำจัดคู่ต่อสู้ได้ แต่เจ้ากลับไม่เป็นเช่นนั้น ซ้ำยังรู้สึกสูญเสียอีก!”เกาเล่อมองหวังหยวน แล้วพูดความในใจเพราะฤทธิ์ของสุราหวังหยวนพยักหน้า “ข้าย่อมรู้สึกสูญเสีย เกาเล่อ ข้ายังยืนยันคำเดิม ข้าชนะเพราะสถานการณ์!”“กล่าวได้ว่าเป็นเพราะเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และคนที่เหมาะสม ซึ่งก็คืออากู่ฉากับอ๋องหลงซี จึงสามารถแทรกหนามแหลมเข้าไปในตัวเจ้าและอ๋องเจิ้นตงได้”“ถึงแม้ว่าข้าจะชนะ แต่ข้าก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองชนะได้อย่างสวยงามนัก”หวังหยวนพูดตามความจริง เขาชนะเพราะสถานการณ์ ด้วยความช่วยเหลือจากคนมากมาย เขาจึงสามารถกำจัดเกาเล่อได้แต่เมื่อเกาเล่อได้ยินดังนั้น เ
เกาเล่อคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางนั้นทำให้หวังหยวนหยุดหัวเราะ“เร็วเข้า เร็วเข้า ลุกขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”หวังหยวนเกลียดการคุกเข่าเช่นนี้ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน มนุษย์ด้วยกันไม่มีความสูงต่ำ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเลยยิ่งไปกว่านั้น บางเรื่องต่างฝ่ายต่างรู้กันในใจ และมีใจเดียวกันก็เพียงพอแล้ว!หวังหยวนมีความสุขมาก เขาช่วยพยุงเกาเล่อให้ลุกขึ้น“จำไว้ว่าข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า ข้าเป็นเพื่อน เป็นสหายผู้รู้ใจของเจ้า ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นเจ้านายของเจ้า ต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าหวังหยวนเหมือนเดิม เข้าใจหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ประหลาดใจมากกว่าเดิม“มันไม่ค่อยสุภาพหรือเปล่า เหตุใดไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านหมิงถันล่ะ?”เกาเล่อยิ้ม ก่อนจะรีบพูดหวังหยวนไม่สนใจ จากนั้นพยักหน้า “เกาเล่อ เนื่องจากเจ้ากับข้าซื่อสัตย์ต่อกัน ข้าจะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”“นั่นคือเรื่องการก่อกบฏระหว่างอ๋องเจิ้นตงกับอ๋องเซ่อเป่ย เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไร?”หวังหยวนเข้าเรื่อง เขารู้จักอ๋องเจิ้นตงดีที่สุด ดังนั้นเขาย่อมต้องรู้ดีว่าคน
หวังหยวนหัวเราะดังมากขึ้น “ท่านมาถึงก็ให้ของขวัญอวยพรข้าทันที ช่างทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก ท่านพูดมาเถอะว่าจะดำเนินการอย่างไร” เกาเล่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า “สหายหวัง ท่านรู้หรือไม่ว่าใครที่มีอำนาจด้านการต่อสู้สูงสุดในเมืองหวงของข้า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวังหยวนก็ส่ายหัว “ข้าไม่รู้จริง ๆ” เกาเล่อพูดช้า ๆ ว่า “ในเมืองหลวงของเมืองหวงนี้ มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่งซึ่งเก่งกาจยิ่งนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจทางทหารมากที่สุดในเมืองหลวงของเมืองหวงของข้า!” “แน่นอนว่าคนที่ข้าต้องการจะกล่าวถึงไม่ใช่คนผู้นี้ แต่เป็นคนอื่น!” “หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อกวนไห่ ซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเซ่อเป่ย ข้าเคยได้ยินมาว่าชายคนนี้ถูกอ๋องเซ่อเป่ยพากลับมาจากข้างนอก ตัวตนของเขายังเป็นปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่ฝีมือดาบของเขานั้นโดดเด่นในเมืองหวง เรียกได้ว่าเก่งเป็นอันดับสอง!” “ส่วนอันดับที่สามนั้น ตกเป็นของอาเจี้ยนซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเจิ้นตง ครั้งที่แล้วที่พวกเจ้าส่งคนไปซุ่มโจมตี เขาเป็นคนจัดการเองเพียงลำพัง ทั้งเจ็ดคนถูกเขาฆ่าตายในทันที” “ยังมีอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือองครักษ
แผ่นดินราชงศ์หวงนี้พิเศษมาก พูดตามตรงเขาไม่เคยไปเมืองหลวงของต้าเย่มาก่อน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะคล้ายกัน พวกเขาทั้งสามออกมาเดินเล่นที่นี่ บอกว่ามาเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วหวังหยวนกำลังเดินเล่นอย่างมีจุดหมาย หลังจากที่ไปเยี่ยมชมหอนางโลมดี ๆ หลายแห่ง และได้พบกับคุณชายมากหน้าหลายตา ซ้ำยังพูดคุยกับพวกเขา เวลาจวบจนเที่ยงกว่า พวกเขาจึงกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทว่าในเวลานี้ เกาเล่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้าก็กลับมาแล้ว ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม “เกาเล่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือถังหม่าง และนี่คือต้าหู่ พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องที่ดีของข้า” หลังจากที่หวังหยวนอธิบายจบ เกาเล่อก็รีบประสานมือของเขา “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีปรมาจารย์อยู่ข้างกายสหายหวัง วันนี้ได้มีโอกาสพบเจอ ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ” เกาเล่อเป็นคนน้ำกลิ้งบนใบบอน แม้ว่าเขาจะหลักแหลมและโหดเหี้ยม แต่เขาก็จริงใจต่อผู้อื่น ต้าหู่และถังหม่างก็ไม่กล้าที่จะละเลย คนผู้นี้ยอมจำนนต่อพี่หยวน ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นสหายของพวกเขาโดยปริยาย “สหายเกาสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้ ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “ถูกต้อง สหายเกามีกลอุบายที่เก่งกาจยิ่งน