แต่ยังเป็น...เป็นเพราะหวังหยวน!“เจ้ายังจำวันนั้นที่เจ้าไปไหว้หลุมศพของข้าได้หรือไม่?”ทันใดนั้นเกาเล่อก็ถามขึ้นหวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไร... หรือว่า เจ้าอยู่ที่นั่นหรือ?”หวังหยวนไม่คาดคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ วันนั้นได้พบเขาจริง ๆ!เกาเล่อพยักหน้า แล้วยกยิ้ม“ใช่ ข้าแอบอยู่ข้าง ๆ ยืนฟังสิ่งที่เจ้าพูด พูดตามตรง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะสรรเสริญข้าเช่นนั้น เจ้าควรจะยินดีที่กำจัดคู่ต่อสู้ได้ แต่เจ้ากลับไม่เป็นเช่นนั้น ซ้ำยังรู้สึกสูญเสียอีก!”เกาเล่อมองหวังหยวน แล้วพูดความในใจเพราะฤทธิ์ของสุราหวังหยวนพยักหน้า “ข้าย่อมรู้สึกสูญเสีย เกาเล่อ ข้ายังยืนยันคำเดิม ข้าชนะเพราะสถานการณ์!”“กล่าวได้ว่าเป็นเพราะเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และคนที่เหมาะสม ซึ่งก็คืออากู่ฉากับอ๋องหลงซี จึงสามารถแทรกหนามแหลมเข้าไปในตัวเจ้าและอ๋องเจิ้นตงได้”“ถึงแม้ว่าข้าจะชนะ แต่ข้าก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองชนะได้อย่างสวยงามนัก”หวังหยวนพูดตามความจริง เขาชนะเพราะสถานการณ์ ด้วยความช่วยเหลือจากคนมากมาย เขาจึงสามารถกำจัดเกาเล่อได้แต่เมื่อเกาเล่อได้ยินดังนั้น เ
เกาเล่อคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางนั้นทำให้หวังหยวนหยุดหัวเราะ“เร็วเข้า เร็วเข้า ลุกขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”หวังหยวนเกลียดการคุกเข่าเช่นนี้ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน มนุษย์ด้วยกันไม่มีความสูงต่ำ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเลยยิ่งไปกว่านั้น บางเรื่องต่างฝ่ายต่างรู้กันในใจ และมีใจเดียวกันก็เพียงพอแล้ว!หวังหยวนมีความสุขมาก เขาช่วยพยุงเกาเล่อให้ลุกขึ้น“จำไว้ว่าข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า ข้าเป็นเพื่อน เป็นสหายผู้รู้ใจของเจ้า ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นเจ้านายของเจ้า ต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าหวังหยวนเหมือนเดิม เข้าใจหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ประหลาดใจมากกว่าเดิม“มันไม่ค่อยสุภาพหรือเปล่า เหตุใดไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านหมิงถันล่ะ?”เกาเล่อยิ้ม ก่อนจะรีบพูดหวังหยวนไม่สนใจ จากนั้นพยักหน้า “เกาเล่อ เนื่องจากเจ้ากับข้าซื่อสัตย์ต่อกัน ข้าจะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”“นั่นคือเรื่องการก่อกบฏระหว่างอ๋องเจิ้นตงกับอ๋องเซ่อเป่ย เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไร?”หวังหยวนเข้าเรื่อง เขารู้จักอ๋องเจิ้นตงดีที่สุด ดังนั้นเขาย่อมต้องรู้ดีว่าคน
หวังหยวนหัวเราะดังมากขึ้น “ท่านมาถึงก็ให้ของขวัญอวยพรข้าทันที ช่างทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก ท่านพูดมาเถอะว่าจะดำเนินการอย่างไร” เกาเล่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า “สหายหวัง ท่านรู้หรือไม่ว่าใครที่มีอำนาจด้านการต่อสู้สูงสุดในเมืองหวงของข้า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวังหยวนก็ส่ายหัว “ข้าไม่รู้จริง ๆ” เกาเล่อพูดช้า ๆ ว่า “ในเมืองหลวงของเมืองหวงนี้ มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่งซึ่งเก่งกาจยิ่งนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจทางทหารมากที่สุดในเมืองหลวงของเมืองหวงของข้า!” “แน่นอนว่าคนที่ข้าต้องการจะกล่าวถึงไม่ใช่คนผู้นี้ แต่เป็นคนอื่น!” “หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อกวนไห่ ซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเซ่อเป่ย ข้าเคยได้ยินมาว่าชายคนนี้ถูกอ๋องเซ่อเป่ยพากลับมาจากข้างนอก ตัวตนของเขายังเป็นปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่ฝีมือดาบของเขานั้นโดดเด่นในเมืองหวง เรียกได้ว่าเก่งเป็นอันดับสอง!” “ส่วนอันดับที่สามนั้น ตกเป็นของอาเจี้ยนซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเจิ้นตง ครั้งที่แล้วที่พวกเจ้าส่งคนไปซุ่มโจมตี เขาเป็นคนจัดการเองเพียงลำพัง ทั้งเจ็ดคนถูกเขาฆ่าตายในทันที” “ยังมีอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือองครักษ
แผ่นดินราชงศ์หวงนี้พิเศษมาก พูดตามตรงเขาไม่เคยไปเมืองหลวงของต้าเย่มาก่อน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะคล้ายกัน พวกเขาทั้งสามออกมาเดินเล่นที่นี่ บอกว่ามาเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วหวังหยวนกำลังเดินเล่นอย่างมีจุดหมาย หลังจากที่ไปเยี่ยมชมหอนางโลมดี ๆ หลายแห่ง และได้พบกับคุณชายมากหน้าหลายตา ซ้ำยังพูดคุยกับพวกเขา เวลาจวบจนเที่ยงกว่า พวกเขาจึงกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทว่าในเวลานี้ เกาเล่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้าก็กลับมาแล้ว ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม “เกาเล่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือถังหม่าง และนี่คือต้าหู่ พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องที่ดีของข้า” หลังจากที่หวังหยวนอธิบายจบ เกาเล่อก็รีบประสานมือของเขา “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีปรมาจารย์อยู่ข้างกายสหายหวัง วันนี้ได้มีโอกาสพบเจอ ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ” เกาเล่อเป็นคนน้ำกลิ้งบนใบบอน แม้ว่าเขาจะหลักแหลมและโหดเหี้ยม แต่เขาก็จริงใจต่อผู้อื่น ต้าหู่และถังหม่างก็ไม่กล้าที่จะละเลย คนผู้นี้ยอมจำนนต่อพี่หยวน ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นสหายของพวกเขาโดยปริยาย “สหายเกาสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้ ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “ถูกต้อง สหายเกามีกลอุบายที่เก่งกาจยิ่งน
เกาเล่อพูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้ต้าหู่และถังหม่างอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า นี่ก็สมเหตุสมผล! “แต่พี่หยวนมีภรรยาสองคนแล้วนะ!” ต้าหู่กระพริบตาและอดไม่ได้ที่จะพูด เกาเล่อโบกมือทันที “บุรุษมีภรรยาหลายคนนับว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกว่านั้น สหายหวัง พวกเจ้าไม่รู้ความทะเยอทะยานของสหายหวังหรือ?” “ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้เกี่ยวกับแม่นางหวงเจียวเจียวผู้นี้ แต่ข้าก็รู้ว่านางมีความรู้ มีมารยาท และหลักแหลมยิ่งนัก เมื่องมองในระดับหนึ่งแล้ว นับว่านางเป็นภรรยาที่ดีของสหายหวังของเรา!” “พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนเสียใจไปตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็พยักหน้าอีกครั้ง! “สหายเกา สิ่งที่ท่านพูดก็สมเหตุสมผล!” “ถูกต้อง สหายเกา หากท่านไม่พูดล่ะก็ เราก็คงไม่สังเกตเห็นจริง ๆ!” ทั้งสองพูดอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาก็เข้าใจทันที “เฮ้อ พวกเจ้าสองคนคิดไม่ถึงเรื่องพวกนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรระวังให้มากกว่านี้ในภายภาคหน้า” “เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ต้าหู่ ถังหม่าง ระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคนใครเก่งวิชาดาบที่สุด? และใครเก่งการต่อสู้ที่สุด?”
เกาเล่ออธิบายแผนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หวงเจียวเจียวและหวังหยวนก็กำลังเจรจาในห้องหนังสือเช่นกัน “สหายหวัง ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้ามามีเรื่องอันใดหรือ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่กระมัง?” หวงเจียวเจียวยิ้ม นางแตะริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้เจราเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องสำคัญ” หวังหยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เหตุใดไม่มีใครเฝ้าลานบ้านนี้ และมีเพียงเราสองคนเท่านั้น?” “เมื่อก่อนมักจะมีองครักษ์สองคนนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเสมอ” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าต้าหู่และถังหม่างกำลังทำอะไรอยู่ แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกาเล่อน่าจะทำตามที่แผนที่วางไว้แล้ว “พวกเขาสองคนมีเรื่องต้องทำ วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าสักหน่อย” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างไม่รีรอ ทว่าเมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สหายหวังต้องการสั่งอะไร เพียงแค่พูดมาเท่านั้น คำว่าขอความช่วยเหลือระหว่างท่านและข้าอาจดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก? ในเมื่อท่านและข้ายังมีการหมั้นห
แต่หวงเจียวเจียวมีเสน่ห์ และในขณะเดียวกันก็ขี้เล่นเล็กน้อย เดิมทีสองจุดนี้ขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหวงเจียวเจียว กล่าวได้ว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและรีบพูดว่า “คุณหนูหวง เจ้าไม่ควรทำสิ่งนี้ต่อหน้าข้าจะเป็นการดีกว่า ความอดทนของข้าไม่สูงนัก” เมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปิดปากและหัวเราะทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว เจอกันวันพรุ่งเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็เดินออกจากประตูไป ประจวบเหมาพอดี เกาเล่อทั้งสามคนเดินเข้ามา และเห็นหวงเจียวเจียวจากไปเช่นนี้ เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึง! ในทางกลับกัน เกาเล่อยิ้มเพียงเล็กน้อย หลังจากที่หวงเจียวเจียวจากไปแล้ว ต้าหู่และถังหม่างก็อุทานว่า “คุณพระ...เป็นเรื่องจริง! สหายเกา ท่านพูดไม่มีผิดเลย!” เกาเล่อพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เกาเล่อย่อมมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ!” ทว่าในเวลานี้ หวังหยวนออกมาจากห้องหนังสือและเห็นท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสามคนในพริบตา หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะพูด เกาเล่อก็ยกมือขึ้นทันที “สหายหวัง ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!” หวังหย
ทุกอย่างได้มีการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว คืนถัดมา หวังหยวนก็ปรากฏตัวที่ร้านอาหารอีผิ่นจวี! นอกจากหวังหยวนแล้ว ยังมีหวงเจียวเจียวและถังหม่าง ข้างหลังหวงเจียวเจียวมีสาวใช้ส่วนตัวติดตามมาด้วย ทั้งหมดต่างสั่งอาหารจานอร่อยมารับประทานในร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้เช่นกัน “กินข้าวก่อนแล้วค่อยลงมือหลังกินข้าว” หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และเริ่มรับประทานอาหาร ร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้สมกับเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหวงจริง ๆ และอาหารก็มีรสชาติต้นตำรับอย่างแท้จริง “ตกลง” หวงเจียวเจียวยิ้มและไม่พูดอะไร และนางก็กินอย่างมีความสุขมาก ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีคนเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง หวังหยวนยิ้มแล้วมองไปที่หวงเจียวเจียว “คนอยู่ที่นี่แล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็พยักหน้าทันทีก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะนี้ อาปู้ชาพาลูกน้องสองคนมาทานอาหารที่นี่ เขามาที่นี่ตลอดเวลาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเขาชอบอาหารที่อีผิ่นจวี แต่เป็นเพราะเขาในใจเขาสับสนมาก ท่านพ่อต้องการก่อกบฏ ทว่าเขามักจะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขารู้สึกกังวลในใ