แผ่นดินราชงศ์หวงนี้พิเศษมาก พูดตามตรงเขาไม่เคยไปเมืองหลวงของต้าเย่มาก่อน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะคล้ายกัน พวกเขาทั้งสามออกมาเดินเล่นที่นี่ บอกว่ามาเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วหวังหยวนกำลังเดินเล่นอย่างมีจุดหมาย หลังจากที่ไปเยี่ยมชมหอนางโลมดี ๆ หลายแห่ง และได้พบกับคุณชายมากหน้าหลายตา ซ้ำยังพูดคุยกับพวกเขา เวลาจวบจนเที่ยงกว่า พวกเขาจึงกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทว่าในเวลานี้ เกาเล่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้าก็กลับมาแล้ว ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม “เกาเล่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือถังหม่าง และนี่คือต้าหู่ พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องที่ดีของข้า” หลังจากที่หวังหยวนอธิบายจบ เกาเล่อก็รีบประสานมือของเขา “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีปรมาจารย์อยู่ข้างกายสหายหวัง วันนี้ได้มีโอกาสพบเจอ ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ” เกาเล่อเป็นคนน้ำกลิ้งบนใบบอน แม้ว่าเขาจะหลักแหลมและโหดเหี้ยม แต่เขาก็จริงใจต่อผู้อื่น ต้าหู่และถังหม่างก็ไม่กล้าที่จะละเลย คนผู้นี้ยอมจำนนต่อพี่หยวน ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นสหายของพวกเขาโดยปริยาย “สหายเกาสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้ ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “ถูกต้อง สหายเกามีกลอุบายที่เก่งกาจยิ่งน
เกาเล่อพูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้ต้าหู่และถังหม่างอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า นี่ก็สมเหตุสมผล! “แต่พี่หยวนมีภรรยาสองคนแล้วนะ!” ต้าหู่กระพริบตาและอดไม่ได้ที่จะพูด เกาเล่อโบกมือทันที “บุรุษมีภรรยาหลายคนนับว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกว่านั้น สหายหวัง พวกเจ้าไม่รู้ความทะเยอทะยานของสหายหวังหรือ?” “ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้เกี่ยวกับแม่นางหวงเจียวเจียวผู้นี้ แต่ข้าก็รู้ว่านางมีความรู้ มีมารยาท และหลักแหลมยิ่งนัก เมื่องมองในระดับหนึ่งแล้ว นับว่านางเป็นภรรยาที่ดีของสหายหวังของเรา!” “พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนเสียใจไปตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็พยักหน้าอีกครั้ง! “สหายเกา สิ่งที่ท่านพูดก็สมเหตุสมผล!” “ถูกต้อง สหายเกา หากท่านไม่พูดล่ะก็ เราก็คงไม่สังเกตเห็นจริง ๆ!” ทั้งสองพูดอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาก็เข้าใจทันที “เฮ้อ พวกเจ้าสองคนคิดไม่ถึงเรื่องพวกนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรระวังให้มากกว่านี้ในภายภาคหน้า” “เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ต้าหู่ ถังหม่าง ระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคนใครเก่งวิชาดาบที่สุด? และใครเก่งการต่อสู้ที่สุด?”
เกาเล่ออธิบายแผนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หวงเจียวเจียวและหวังหยวนก็กำลังเจรจาในห้องหนังสือเช่นกัน “สหายหวัง ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้ามามีเรื่องอันใดหรือ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่กระมัง?” หวงเจียวเจียวยิ้ม นางแตะริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้เจราเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องสำคัญ” หวังหยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เหตุใดไม่มีใครเฝ้าลานบ้านนี้ และมีเพียงเราสองคนเท่านั้น?” “เมื่อก่อนมักจะมีองครักษ์สองคนนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเสมอ” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าต้าหู่และถังหม่างกำลังทำอะไรอยู่ แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกาเล่อน่าจะทำตามที่แผนที่วางไว้แล้ว “พวกเขาสองคนมีเรื่องต้องทำ วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าสักหน่อย” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างไม่รีรอ ทว่าเมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สหายหวังต้องการสั่งอะไร เพียงแค่พูดมาเท่านั้น คำว่าขอความช่วยเหลือระหว่างท่านและข้าอาจดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก? ในเมื่อท่านและข้ายังมีการหมั้นห
แต่หวงเจียวเจียวมีเสน่ห์ และในขณะเดียวกันก็ขี้เล่นเล็กน้อย เดิมทีสองจุดนี้ขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหวงเจียวเจียว กล่าวได้ว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและรีบพูดว่า “คุณหนูหวง เจ้าไม่ควรทำสิ่งนี้ต่อหน้าข้าจะเป็นการดีกว่า ความอดทนของข้าไม่สูงนัก” เมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปิดปากและหัวเราะทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว เจอกันวันพรุ่งเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็เดินออกจากประตูไป ประจวบเหมาพอดี เกาเล่อทั้งสามคนเดินเข้ามา และเห็นหวงเจียวเจียวจากไปเช่นนี้ เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึง! ในทางกลับกัน เกาเล่อยิ้มเพียงเล็กน้อย หลังจากที่หวงเจียวเจียวจากไปแล้ว ต้าหู่และถังหม่างก็อุทานว่า “คุณพระ...เป็นเรื่องจริง! สหายเกา ท่านพูดไม่มีผิดเลย!” เกาเล่อพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เกาเล่อย่อมมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ!” ทว่าในเวลานี้ หวังหยวนออกมาจากห้องหนังสือและเห็นท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสามคนในพริบตา หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะพูด เกาเล่อก็ยกมือขึ้นทันที “สหายหวัง ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!” หวังหย
ทุกอย่างได้มีการจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว คืนถัดมา หวังหยวนก็ปรากฏตัวที่ร้านอาหารอีผิ่นจวี! นอกจากหวังหยวนแล้ว ยังมีหวงเจียวเจียวและถังหม่าง ข้างหลังหวงเจียวเจียวมีสาวใช้ส่วนตัวติดตามมาด้วย ทั้งหมดต่างสั่งอาหารจานอร่อยมารับประทานในร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้เช่นกัน “กินข้าวก่อนแล้วค่อยลงมือหลังกินข้าว” หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และเริ่มรับประทานอาหาร ร้านอาหารอีผิ่นจวีแห่งนี้สมกับเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหวงจริง ๆ และอาหารก็มีรสชาติต้นตำรับอย่างแท้จริง “ตกลง” หวงเจียวเจียวยิ้มและไม่พูดอะไร และนางก็กินอย่างมีความสุขมาก ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีคนเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง หวังหยวนยิ้มแล้วมองไปที่หวงเจียวเจียว “คนอยู่ที่นี่แล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หวงเจียวเจียวก็พยักหน้าทันทีก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะนี้ อาปู้ชาพาลูกน้องสองคนมาทานอาหารที่นี่ เขามาที่นี่ตลอดเวลาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเขาชอบอาหารที่อีผิ่นจวี แต่เป็นเพราะเขาในใจเขาสับสนมาก ท่านพ่อต้องการก่อกบฏ ทว่าเขามักจะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขารู้สึกกังวลในใ
“ลูกพี่ลูกน้อง ลืมไปเถอะ ลืมไปเถอะ!” หวงเจียวเจียวพูดอย่างร้อนรน แต่อาปู้ชาไม่สนใจที่จะฟังเลย เขาเตะประตูห้องออกในคราเดียว ก่อนที่คนจะมาถึง เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น! “หวังหยวน! เจ้ากล้าหาญยิ่งนัก!” จากนั้นอาปู้ชาเข้ามาทันที เมื่อเห็นหวังหยวนนั่งกินข้าวอยู่ เขาจึงโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อหวังหยวนเห็นสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันที “เจ้าเป็นใคร?” อาปู้ชาตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าเป็นบุตรชายของอ๋องเจิ้นตง อาปู้ชา ผู้กำกับการของทหารองครักษ์เมืองหวง!” เมื่อหวังหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะทันทีและพูดว่า “เจ้าคือผู้กำกับการที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่นี่เอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดไทเฮาจึงปล่อยให้เจ้ารับตำแหน่ง อนิจจา... ไทเฮาทรงเมตตาเกินไป จวนอ๋องเจิ้นตงของพวกเจ้า เดิมทีไม่ควรมีอยู่เลยด้วยซ้ำ” หวังหยวนไม่ปราณีเลย ซึ่งทำให้อาปู้ชาโกรธขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะอย่างแรง “เจ้ากำลังพูดถึงบ้าอะไร! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้า!” ความโกรธระเบิดออกมาจากดวงตาของอาปู้ชา เดิมทีเขาต้องการตำหนิหวังหยวนไม่กี่คำ และให้เขาปฏิบัติต่อหวงเจียวเจียวให้ดีสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าสารเลวคนนี้จะกล้าดูถูกจวนอ๋อง
หวังหยวนเหลือบมองอาปู้ชา ชายคนนี้เพิ่งถูกลอบสังหาร แต่ยังมีใจนึกถึงตัวเองอีก อย่างไรก็ตาม หวังหยวนก็ตั้งใจเช่นกัน ไม่อย่างนั้นนั้น คงไม่มีการลอบสังหารเช่นนี้! ถังหม่างได้รับบาดเจ็บตอนที่เขาอยู่ที่นี่ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด! ไม่ว่าอ๋องเจิ้นตงจะฉลาดแค่ไหน เขาก็คงคิดไม่ถึงเรื่องนี้! “อาปู้ชา ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำดีกับนาง” หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็พาพวกเขาจากไปทันที อาปู้ชาสูดหายใจเข้าลึก แต่เมื่อเขาเห็นหน้าต่างที่พัง เขาก็ไม่อาจซ่อนความโกรธได้ “ใต้เท้าขอรับ ดึกขนาดนี้แล้วมีคนลอบสังหารท่าน ท่านคิดว่าเป็นใครกันแน่?” องครักษ์ที่อยู่รอบตัวเขาพูดอย่างร้อนรนทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากที่อาปู้ชาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกและความหนาวเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “จะเป็นใครไปได้?” “หึ! นอกจากเขาแล้ว...ข้าก็คิดเป็นคนอื่นไม่ได้แล้ว!” เมื่อพูดอย่างนั้น อาปู้ชาจึงกลับไปที่จวนอ๋องเจิ้นตงด้วยความโกรธ และเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวันนี้ให้ท่านพ่อของเขาฟัง! อ๋องเจิ้นตงตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้! “เจ้าพูดอะไรนะ? วันนี้มีปรมาจารย์นักดาบลอบสั
หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงกล่าวคำเหล่านี้ อาปู้ชาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านพ่อ แต่เราได้ตัดสินใจที่จะลงมือกับไทเฮาแล้วนี่ เหตุใดนางถึงยังต้องทำเช่นนี้?” “ระหว่างลงมือและความแค้น ย่อมแตกต่างกันอยู่จริง ๆ บางทีการที่เราลงมืออาจจะมีช่องทางที่ยังเหลืออยู่ แต่ตอนนี้ ด้วยความแค้นที่ฆ่าบุตร ถือว่าแค้นมากถึงขั้นไม่อยากอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน ความโทสะของจวนอ๋องเจิ้นตงของข้าย่อมล้นหลามอย่างแน่นอน!” “แต่... ทั้งหมดนี้ก็เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่สอง นั่นคือหลังจากที่เจ้าตาย จวนอ๋องเจิ้นตงก็จะไม่มีผู้สืบทอด!” “มรดกของราชวงศ์ของเรานั้นเกี่ยวกับผู้สืบทอด เมื่อเจ้าตาย เชื้อสายของข้าก็จะตกต่ำ ถึงแม้ว่าเราจะชนะ แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?” “ทุกคนในราชสำนักต่างคอยจับตาดูอยู่ ข้าอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีใครอยู่ข้างหลังข้า ในทางกลับกัน อ๋องเซ่อเป่ยยมีทายาทมากมาย ในอนาคต ใต้หล้าก็จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว และผู้ที่มีปณิธานอันสูงส่งจะแห่มาหาข้าไม่หยุดหย่อน” “จะไม่มีใครแปรผันไปขออาศัยราชวงศ์ที่ถึงจุดจบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อาปู้ชาก็พยักหน้ารัว ๆ! ถูกต้อง! หากตัวเองตายไป จวนอ
ตอนนี้หวังหยวนกลับพูดจาเยาะเย้ยเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไร?“ดีนัก!”“พวกเราเพิ่งจะอยู่ร่วมกันไม่ถึงครึ่งปี ท่านก็เริ่มรังเกียจข้าแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าไปตอนนี้เลยแล้วกัน!”“ถือเสียว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกัน!”หลิ่วหรูเยียนยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม พูดจบนางก็ลุกขึ้น เตรียมจะกระโดดลงจากรถม้าหวังหยวนรีบคว้าแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้ พลางเอ่ยขอโทษอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าพูดผิดไป เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาข้าเลย!”“อีกอย่าง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะมีรอยแผลเป็น แล้วจะเป็นอย่างไร? ใจของข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!”“ข้ารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ บางทีข้าอาจจะลืมเลือนความดีของเจ้าที่มีต่อข้า แต่หากรอยแผลเป็นนี้ยังคงอยู่ ย่อมทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น!”“อย่างน้อยก็ทำให้ข้าจดจำความดีของเจ้าได้ตลอดไป!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีนางรู้ดีว่าหวังหยวนไม่ใช่คนอกตัญญู ไม่เช่นนั้นในคืนนั้นนางคงไม่ยืนหยัดต่อสู้เต็มที่อยู่เคียงข้างหวังหยวน!ความทุ่มเทถือว่าได้รับผลตอบแทน!หลายวันผ่านไป หวังหยวนและพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเชิงเขา
ครึ่งเดือนผ่านไป เนื่องจากเกาเล่อได้รวบรวมช่างฝีมือมามากมาย การก่อสร้างหอไร้เทียมทานจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วยามนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคาดว่าอีกครึ่งเดือน หอไร้เทียมทานก็จะสร้างเสร็จสมบูรณ์!และในช่วงเวลานี้ อาการของหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ดีขึ้น หวังหยวนได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจตั้งแต่หลิ่วหรูเยียนล้มป่วย หวังหยวนนั้นไม่มีแก่ใจจะทำสิ่งใด ไม่ได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง ซึ่งทำให้ต้าหู่และเอ้อหู่สองพี่น้องร้อนใจยิ่งนัก!ยามนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่นช่วยเหลือ แต่ทั้งสองนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนมากกว่าแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้อง!แม้ว่ายามนี้จะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ!ขอเพียงพี่น้องได้อยู่ร่วมกัน ต่อให้ต้องสูญเสียแผ่นดินไป แล้วจะมีความหมายอะไร?เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และในช่วงครึ่งเดือนนี้ หอไร้เทียมทานสร้างเสร็จสมบูรณ์ หวังหยวนออกจากเผ่าแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเม
หากจะกล่าวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นก็เพื่อปวงประชา!ดินแดนทั้งเก้าได้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ก็เพราะเขา เขาจึงต้องการให้ความสงบสุขนี้คงอยู่สืบไป ปวงประชาจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล!“ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาอันมีความคิดเห็นเช่นไร?”หวังหยวนเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาของเขา อันจูหมิงจึงรีบโบกมือเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่เข้าร่วม? ข้าจะต้องมีที่นั่งในหอไร้เทียมทานนี้อย่างแน่นอน! ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของข้าด้วยก็แล้วกัน!”“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าท่านมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ปวงประชาต่างเคารพท่านราวกับเป็นฮ่องเต้ แม้แต่คนของอาณาจักรต้าเป่ยก็คิดเช่นนั้น!”“หอไร้เทียมทานย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลของท่าน แล้วชื่อเสียงของข้าก็จะยิ่งโด่งดัง!”“เรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด?”คิดไม่ถึงว่าอันจูหมิงจะตอบรับอย่างง่ายดาย!หวังหยวนยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอเทวดาอันที่ให้เกียรติ!”เมื่อได้หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าเข้าร่วม คาดว่าอีกไม่นานหอไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถรวบรวมผู้มีความสามารถไว้ได้มากมายแน
“รับความไว้วางใจจากผู้อื่น ต้องรักภักดีต่องานของผู้อื่น”อันจูหมิงหยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ พลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือยาเม็ดที่ข้าปรุงให้ฮูหยิน ทานวันละหนึ่งเม็ด หลังอาหารเย็น ในนี้มียาสามสิบเม็ด หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินก็จะหายดี!”หลังจากที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาเมื่อวาน ก็ให้เกาเล่อนำดอกหน้าผาชันมามอบให้อันจูหมิงเขาทำได้เพียงนำดอกหน้าผาชันกลับมา ส่วนการนำมาใช้เป็นยานั้นต้องอาศัยความสามารถของอันจูหมิงอีกทั้งอันจูหมิงก็ไม่ดื่มสุราเลย เพียงคืนเดียว ยาเม็ดนี้ก็ปรุงเสร็จ!“ยังต้องกินยาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเดินมาด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเห็นขวดยาอันสวยงามประณีตก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยเนื่องจากนางยังมีบาดแผล ทุกวันนี้จึงต้องดื่มยามากมาย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายคิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยของนางยังไม่หายดี แต่ปริมาณยากลับเพิ่มขึ้น ช่างน่าเจ็บใจนัก!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิต เจ้าต้องกินให้ดี ไม่เช่นนั้นทั้งข้า เกาเล่อ และเฉินอวิ่นจะเสียแรงเปล่า”“เกิดอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนอันจูหมิงที่อยู่ด้านข้างโบกมือ เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี